บทที่ 1 คนไร้ประโยชน์ที่ยากจนและคร่ำครึ
by กู่เซียวซาน
10:17,Oct 22,2020
"เฉินหยาง เอาน้ำล้างเท้าเราไปเททิ้งให้หน่อย"
บนโซฟามีผู้หญิงสองคนที่เพิ่งแช่เท้าเสร็จนั่งอยู่ พวกเขากำลังเอนกายอย่างเกียจคร้านบนโซฟา
ผู้หญิงสองคนนี้ คนหนึ่งเป็นภรรยาของเฉินหยางและอีกคนเป็นเพื่อนสนิทของเธอ
เมื่อได้ยินคำพูดของภรรยา เฉินหยางก็ก้มตัวลงหยิบอ่างที่มีน้ำล้างเท้าไปเท เขาไม่กล้าบ่นอะไร ใครกันที่ทำให้เขาเป็นลูกเขยที่ไร้สถานะ?
แต่งงานมาสองปีแล้ว เขาอยู่บ้านโดยไม่มีสถานะ
ภรรยาและแม่ยายของเขามักจะตะคอกและด่าเขาเพราะเรื่องเล็กน้อย ถ้าเขาตอบโต้ก็จะถูกไล่ออกจากบ้าน
ในบ้านหลังนี้ สถานะของเฉินหยางก็ยังสู้สุนัขไม่ได้
หลังจากแต่งงานกับซูเหมี่ยวมาสองปี แม้แต่มือของเธอ เขาก็ไม่เคยได้แตะเลยด้วยซ้ำ! ทุกวันนี้เฉินหยางทำได้แค่นอนบนพื้น ซู่เหมี่ยวไม่เพียงแค่เกลียดเขา แต่ยังดูถูกเขา เพราะคิดว่าเขาไม่เหมือนผู้ชาย!
ซักผ้า ทำอาหาร และทำความสะอาดบ้าน นี่เป็นงานประจำของเฉินหยางในทุกๆวัน ไม่เพียงแค่นั้น อาหารสามมื้อก็ต้องเตรียมให้ตรงเวลาอีกด้วย
สองสามวันก่อน เขาผัดอาหารดันใส่เกลือเยอะไปหน่อย โดนภรรยาอบรมสั่งสอนเกือบครึ่งชัวโมงอย่างกับเป็นลูกชาย
กลางดึกในคืนวันหนึ่ง เฉินหยางไอ เสียงดังจนทำให้ซูเหมี่ยวรู้สึกตื่นขึ้น
ซูเหมี่ยว เตะเขาที่พื้นและบอกให้เขาออกจากห้องไป
ซึ่งวันนั้นเป็นวันครบรอบแต่งงานปีแรกของพวกเขา ไม่มีดินเนอร์ใต้แสงเทียน ไม่มีความเสน่หา! การเตะครั้งนั้นเหมือนเตะหัวใจของเฉินหยางอย่างสิ้นเชิง
สองปีแล้ว สองปีเต็ม ๆ เฉินหยางเคยชินกับชีวิตแบบนี้ไปแล้ว
ใครสั่งให้มาเป็นลูกเขยเขาล่ะ?
สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดคือ หลังจากที่ใช้ชีวิตร่วมกันมาตลอดระยะเวลาสองปี เขาก็ตกหลุมรักซูเหมี่ยวโดยไม่ต้องพยายาม แม้ว่าซูเหมี่ยวจะไม่เคยเห็นเขาในสายตาเลยก็ตาม และมักจะด่าเขาว่าไร้ประโยชน์!
“ นี่ตัวเองเป็นโรคสตอกโฮล์มซินโดรมหรอ?” เฉินหยางหัวเราะตัวเอง
ในฐานะลูกชายคนโตของตระกูลเฉิน ตระกูลที่ใหญ่ที่สุดของเจียงหนาน แต่เขาต้องมาตกอยู่ในสภาพขอความเมตตาจากผู้หญิงนี่เป็นเรื่องน่าขันจริงๆ
เมื่อสองปีก่อน เฉินหยางใช้เงิน 20 ล้านซื้อหุ้น 15% ของ Jiangnan Energy Group
ตอนนั้นคนในตระกูลเฉินหลายร้อยคนกล่าวหาเฉินหยาง บางคนบอกว่าเขาเอาเงินไปลงทุนเป็นการผลาญเงินของครอบครัว การเอาเงิน 20 ล้านหยวนไปลงทุนเพื่อที่จะทำบัญชีเท็จ
และบางคนบอกว่าเขาจงใจยักยอกเงินของครอบครัว เพื่อตั้งใจจะเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง
ด้วยความยินยอมเป็นเอกฉันท์ของคนในตระกูล เฉินหยางถูกขับออกจากตระกูล ไม่เพียงแค่นั้น แม้แต่พ่อแม่ของเขาก็ถูกไล่ออกจากตระกูลด้วย และถูกลบออกจากลำดับวงศ์ตระกูล!
ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เฉินหยางได้สัมผัสกับความเย็นชาในความสัมพันธ์ บรรดาเพื่อนๆพี่น้องพยายามหาวิธีตีตัวออกห่างจากเขา
เฉินหยางที่ถูกไล่ออกจากบ้านโดยไม่มีเงินซักบาท ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องมาเป็นลูกเขยเพื่อเอาชีวิตรอด!
แม้แต่ซูเหมี่ยวภรรยาของเขาก็ไม่รู้เรื่องนี้
"เหมี่ยวเหมี่ยว สามีของเธอเชื่อฟังจริงๆ!" หลี่มี่เพื่อนสนิทของเธอกล่าว
ซูเหมี่ยวหัวเราะน้ำเสียงเย็นชา: "เชื่อฟังแล้วไงหรอ? ฉันเห็นเขาแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน คนอื่น ๆ แต่งงานกับครอบครัวที่ร่ำรวยก็จะกลายเป็นคนรวยรุ่นที่สอง รุ่นที่สาม แต่ฉันมันดวงไม่ดี แต่งงานกับคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ ดูท่าทางที่ยากจนและคร่ำครึของเขาสิ อย่างกับคนบ้านนอก พรุ่งนี้เป็นวันประชุมประจำปีของตระกูลซู ฉันล่ะไม่กล้าสู้หน้าที่จะพาเขาไป "
หลี่มี่มองไปที่เฉินหยาง หน้าตาเขาดูยากจนและคร่ำครึเหมือนที่ซูเหมี่ยวพูดจริงๆและชุดนั้นก็ดูโทรมเกินไป
หลี่มี่ไม่พูดอะไรต่อ เธอหัวเราะและเปลี่ยนเรื่อง: "เหมี่ยวเหมี่ยว ความน่าเกลียดของครอบครัวไม่ควรเปิดเผยต่อสาธารณะ อย่าพูดถึงเขาเลย ฉันได้ยินมาว่าช่วงนี้บริษัทของเธอมีปัญหาหรอ?"
ซูเหมี่ยวพยักหน้าและกล่าวว่า "เราลงทุนในร้านอาหารสองแห่งในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา และสูญเสียเงินไปหลายล้าน ตอนนี้เงินหมุนของบริษัทจึงมีปัญหาและต้องการเงิน 8 ล้าน หากภายในหนึ่งสัปดาห์ไม่มีนักลงทุนมาลงทุนล่ะก็ เราก็ต้องขายทรัพย์สินอื่นๆภายใต้ชื่อของบริษัท "
หลี่มี่มองไปที่ซูเหมี่ยวอย่างเป็นห่วง: "8 ล้านนี่ไม่ใช่เงินเล็กน้อย ใครจะมีเงินเยอะขนาดนั้นมาสนับสนุนเธอล่ะ"
ซูเหมี่ยวไม่ตอบ แต่หันหน้าไปจ้องเฉินหยางที่ยืนแอบฟังอยู่ข้างๆ: "เฉิงหยางใครใช้ให้คุณมาแอบฟังตรงนี้? รีบไปซักผ้าให้ฉันเดี๋ยวนี้นะ"
"และมีกระโปรงของฉันด้วย อยู่ในล็อคเกอร์ ฝากซักให้ฉันด้วยนะ" หลี่มี่พูดต่อ
หลังจากที่เฉินหยางได้ยินคำสั่ง เขาก็รีบเอาเสื้อผ้าใส่ลงในเครื่องซักผ้า
นึกขึ้นได้ว่าพรุ่งนี้มีนัดรวมตัวกันของเพื่อนสมัยมัธยมปลาย เขาก็เอาเสื้อผ้าตัวเองลงถังซักด้วย
ทันทีที่เขาใส่เสื้อผ้าลงในถังซัก โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น
เปิดดู มันเป็นข้อความ
138 ××× 8888 ลองนับดูแล้วเลขท้ายเป็นเลข8ทั้งหมด 9 ตัว
นี่ไม่ใช่หมายเลขของตระกูลเฉินหนิ?
เมื่อเฉินหยางเปิดข้อความ เขาก็ตะลึง
"นายน้อยคนโต โปรดช่วยตระกูลเฉินด้วย ตระกูลเฉินขาดเงินหมุนและเราต้องการความสนับสนุนจากคุณ!"
ขาดเงินหมุนแล้วมาให้ฉันช่วย นี่ไม่ตลกนะ?
เมื่อสองปีก่อนไล่ฉันออกมาจากตระกูล ตอนนี้ไม่มีอะไรเหลือแล้ว กระเป๋าเงินว่างเปล่า แล้วจะมาให้ฉันช่วยได้อะไรขึ้นมา?”
เฉินหยางขมวดคิ้วและโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่ข้อความ แต่เป็นคนโทรเข้ามา
เฉินหยางคิดครู่หนึ่งแล้วกดรับสาย
ไม่ทันได้พูดอะไร ก็ได้ยินเสียงพ่อบ้านลอดสายออกมาด้วยน้ำเสียงเร่งรีบ :“ นายน้อย ผมขอร้องให้คุณช่วยตระกูลด้วย หุ้นของ Jiangnan Energy ที่คุณซื้อเมื่อสองปีก่อน ตอนนี้เพิ่มขึ้นเป็นหลายเท่า ได้โปรด ... ถ้าคุณไม่ช่วยตระกูลคงจะล้มละลาย! "
"เห้ย พูดอะไรนะ"
เฉินหยางเกือบทำมือถือตก เขาวางสาย แล้วรื้อห้องเก็บของหาของชิ้นหนึ่งอยู่นาน สุดท้ายเขาก็พบบัตรธนาคารสีดำตกอยู่ที่มุมห้อง
บัตรใบนี้ถูกทิ้งไว้ในห้องเก็บข้องตั้งแต่เขาแต่งเข้ามาเป็นเขยตระกูลถัง จนถึงวันนี้ก็สองปีแล้ว
บัตรใบนี้ทำตั้งแต่ตอนที่เขายังเป็นนายน้อยตระกูลเฉิน นี่ถือเป็นสัญลักษณ์บอกตัวตนของเขา บัตรทุกใบจะมีบริการพิเศษตลอด 24 ชั่วโมง เขารีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วโทรหาฝ่ายบริการลูกค้า
"สวัสดีค่ะ คุณเฉิน คุณสามารถโทรหาผู้ช่วยส่วนตัวได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ทราบว่ามีอะไรให้บริการคะ?" ผู้หญิงเสียงหวานดังมาจากโทรศัพท์
"ช่วยผมตรวจสอบยอดเงินคงเหลือหน่อยครับ"
"ได้ค่ะ โปรดรอสักครู่" ผู้ช่วยส่วนตัวพูดช้าๆ
ผ่านไปไม่กี่วินาที เสียงในโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง: “คุณเฉินคะ ยอดเงินในบัตรของคุณมีมากเกินกว่าที่ดิฉันจะตรวจสอบได้ กรุณานำบัตรประจำตัวประชาชนของคุณมายังช่องVIPของธนาคารเพื่อตรวจสอบยอดเงินค่ะ”
อีกฝ่ายยังไม่ทันพูดจบ เฉินหยางก็กดวางสายแล้ว!
เวลานี้ มีเสียงพึมพำดังในหัวของเขา หัวใจก็เต้นแรงราวกับว่ามันจะกระโดดออกจากทรวงอกในอีกไม่กี่อึดใจ
จำนวนมาก มากเกินกว่าจะตรวจสอบได้! เหรอ? ฮาฮาฮา สองปี สองปีเต็ม! ผมถูกไล่ออกจากตระกูลเพราะการลงทุนครั้งนี้เมื่อสองปีก่อน สองปีต่อมาเงินลงทุนนี้กลับมาทำให้ผมประหลาดใจ! แต่สิ่งที่เขาอยากรู้มากตอนนี้ก็คือ ตกลงเงินในบัตรมีจำนวนเท่าไหร่!
"เหมี่ยวเหมี่ยว เธอดูสิ เฉินหยางกำลังโทรศัพท์เพื่อเช็คยอดเงินที่เหลือในธนาคาร!" หลี่มี่อดขำไม่ไหว พูดออกมา
ซูเหมี่ยวส่ายหัวและพูดด้วยรอยยิ้ม: "ฉันให้เงินเขาใช้วันละสองร้อยหยวน สองปีที่ผ่านมา เขาก็คงสะสมได้เยอะแหละ"
“เหมี่ยวเหมี่ยว เธอก็คิดซะว่าเลี้ยงสุนัขไว้ตัวหนึ่งก็แล้วกัน” หลี่มี่พูดจบ ทั้งสองก็หัวเราะออกมา
เฉินหยางวิ่งมาด้วยความตื่นเต้น “บริษัทที่ขาดเงินอยู่แปดล้าน คุณจะเอามั้ย ผมช่วยหาวิธีให้?”
"ฮ่าฮ่า ... " หลี่มี่หัวเราะจนปวดท้อง เธอมองไปที่เฉินหยางและพูดว่า "เฉินหยาง คุณรู้ไหมว่าแปดล้านเป็นเงินเท่าไร เหมียวเหมี่ยวให้เงินคุณวันละสองร้อยหยวน ถ้าคุณหาแปดล้านมาได้ ฉันจะเรียกคุณว่าพ่อ "
"จริงเหรอ?" เฉินหยางกล่าวด้วยรอยยิ้มที่เย่อหยิ่ง: "แล้วคุณจำสิ่งที่คุณพูดไว้ให้ดีนะ!"
ถึงตอนนี้ ซู่เหมี่ยวรู้สึกทนไม่ไหว ปกติดูจนน่าสงสารก็ถือว่าช่างมันแล้ว แต่นี่กล้าอวดดีมาพูดโม้ต่อหน้าเพื่อนสนิทของฉัน เธอโบกมืออย่างไม่สบอารมณ์: "คุณรีบออกไปจัดเตียงในห้อง อย่ามาขัดหูขัดตาแถวนี้"
เฉินหยางขานรับคำหนึ่งแล้วหันหลังจากไป
ในคืนนั้น เฉินหยางตื่นเต้นจนนอนไม่หลับทั้งคืน เมื่อคิดถึงข่าวดีที่จะได้รับรู้สึกเหมือนตัวเองฝันไป
ไม่ได้ พรุ่งนี้ฉันต้องไปธนาคารด้วยตัวเอง เพื่อตรวจสอบยอดเงินของฉัน!
บนโซฟามีผู้หญิงสองคนที่เพิ่งแช่เท้าเสร็จนั่งอยู่ พวกเขากำลังเอนกายอย่างเกียจคร้านบนโซฟา
ผู้หญิงสองคนนี้ คนหนึ่งเป็นภรรยาของเฉินหยางและอีกคนเป็นเพื่อนสนิทของเธอ
เมื่อได้ยินคำพูดของภรรยา เฉินหยางก็ก้มตัวลงหยิบอ่างที่มีน้ำล้างเท้าไปเท เขาไม่กล้าบ่นอะไร ใครกันที่ทำให้เขาเป็นลูกเขยที่ไร้สถานะ?
แต่งงานมาสองปีแล้ว เขาอยู่บ้านโดยไม่มีสถานะ
ภรรยาและแม่ยายของเขามักจะตะคอกและด่าเขาเพราะเรื่องเล็กน้อย ถ้าเขาตอบโต้ก็จะถูกไล่ออกจากบ้าน
ในบ้านหลังนี้ สถานะของเฉินหยางก็ยังสู้สุนัขไม่ได้
หลังจากแต่งงานกับซูเหมี่ยวมาสองปี แม้แต่มือของเธอ เขาก็ไม่เคยได้แตะเลยด้วยซ้ำ! ทุกวันนี้เฉินหยางทำได้แค่นอนบนพื้น ซู่เหมี่ยวไม่เพียงแค่เกลียดเขา แต่ยังดูถูกเขา เพราะคิดว่าเขาไม่เหมือนผู้ชาย!
ซักผ้า ทำอาหาร และทำความสะอาดบ้าน นี่เป็นงานประจำของเฉินหยางในทุกๆวัน ไม่เพียงแค่นั้น อาหารสามมื้อก็ต้องเตรียมให้ตรงเวลาอีกด้วย
สองสามวันก่อน เขาผัดอาหารดันใส่เกลือเยอะไปหน่อย โดนภรรยาอบรมสั่งสอนเกือบครึ่งชัวโมงอย่างกับเป็นลูกชาย
กลางดึกในคืนวันหนึ่ง เฉินหยางไอ เสียงดังจนทำให้ซูเหมี่ยวรู้สึกตื่นขึ้น
ซูเหมี่ยว เตะเขาที่พื้นและบอกให้เขาออกจากห้องไป
ซึ่งวันนั้นเป็นวันครบรอบแต่งงานปีแรกของพวกเขา ไม่มีดินเนอร์ใต้แสงเทียน ไม่มีความเสน่หา! การเตะครั้งนั้นเหมือนเตะหัวใจของเฉินหยางอย่างสิ้นเชิง
สองปีแล้ว สองปีเต็ม ๆ เฉินหยางเคยชินกับชีวิตแบบนี้ไปแล้ว
ใครสั่งให้มาเป็นลูกเขยเขาล่ะ?
สิ่งที่เจ็บปวดที่สุดคือ หลังจากที่ใช้ชีวิตร่วมกันมาตลอดระยะเวลาสองปี เขาก็ตกหลุมรักซูเหมี่ยวโดยไม่ต้องพยายาม แม้ว่าซูเหมี่ยวจะไม่เคยเห็นเขาในสายตาเลยก็ตาม และมักจะด่าเขาว่าไร้ประโยชน์!
“ นี่ตัวเองเป็นโรคสตอกโฮล์มซินโดรมหรอ?” เฉินหยางหัวเราะตัวเอง
ในฐานะลูกชายคนโตของตระกูลเฉิน ตระกูลที่ใหญ่ที่สุดของเจียงหนาน แต่เขาต้องมาตกอยู่ในสภาพขอความเมตตาจากผู้หญิงนี่เป็นเรื่องน่าขันจริงๆ
เมื่อสองปีก่อน เฉินหยางใช้เงิน 20 ล้านซื้อหุ้น 15% ของ Jiangnan Energy Group
ตอนนั้นคนในตระกูลเฉินหลายร้อยคนกล่าวหาเฉินหยาง บางคนบอกว่าเขาเอาเงินไปลงทุนเป็นการผลาญเงินของครอบครัว การเอาเงิน 20 ล้านหยวนไปลงทุนเพื่อที่จะทำบัญชีเท็จ
และบางคนบอกว่าเขาจงใจยักยอกเงินของครอบครัว เพื่อตั้งใจจะเอาเงินเข้ากระเป๋าตัวเอง
ด้วยความยินยอมเป็นเอกฉันท์ของคนในตระกูล เฉินหยางถูกขับออกจากตระกูล ไม่เพียงแค่นั้น แม้แต่พ่อแม่ของเขาก็ถูกไล่ออกจากตระกูลด้วย และถูกลบออกจากลำดับวงศ์ตระกูล!
ในช่วงสองปีที่ผ่านมา เฉินหยางได้สัมผัสกับความเย็นชาในความสัมพันธ์ บรรดาเพื่อนๆพี่น้องพยายามหาวิธีตีตัวออกห่างจากเขา
เฉินหยางที่ถูกไล่ออกจากบ้านโดยไม่มีเงินซักบาท ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องมาเป็นลูกเขยเพื่อเอาชีวิตรอด!
แม้แต่ซูเหมี่ยวภรรยาของเขาก็ไม่รู้เรื่องนี้
"เหมี่ยวเหมี่ยว สามีของเธอเชื่อฟังจริงๆ!" หลี่มี่เพื่อนสนิทของเธอกล่าว
ซูเหมี่ยวหัวเราะน้ำเสียงเย็นชา: "เชื่อฟังแล้วไงหรอ? ฉันเห็นเขาแล้วรู้สึกสะอิดสะเอียน คนอื่น ๆ แต่งงานกับครอบครัวที่ร่ำรวยก็จะกลายเป็นคนรวยรุ่นที่สอง รุ่นที่สาม แต่ฉันมันดวงไม่ดี แต่งงานกับคนไร้ประโยชน์เช่นนี้ ดูท่าทางที่ยากจนและคร่ำครึของเขาสิ อย่างกับคนบ้านนอก พรุ่งนี้เป็นวันประชุมประจำปีของตระกูลซู ฉันล่ะไม่กล้าสู้หน้าที่จะพาเขาไป "
หลี่มี่มองไปที่เฉินหยาง หน้าตาเขาดูยากจนและคร่ำครึเหมือนที่ซูเหมี่ยวพูดจริงๆและชุดนั้นก็ดูโทรมเกินไป
หลี่มี่ไม่พูดอะไรต่อ เธอหัวเราะและเปลี่ยนเรื่อง: "เหมี่ยวเหมี่ยว ความน่าเกลียดของครอบครัวไม่ควรเปิดเผยต่อสาธารณะ อย่าพูดถึงเขาเลย ฉันได้ยินมาว่าช่วงนี้บริษัทของเธอมีปัญหาหรอ?"
ซูเหมี่ยวพยักหน้าและกล่าวว่า "เราลงทุนในร้านอาหารสองแห่งในช่วงสองเดือนที่ผ่านมา และสูญเสียเงินไปหลายล้าน ตอนนี้เงินหมุนของบริษัทจึงมีปัญหาและต้องการเงิน 8 ล้าน หากภายในหนึ่งสัปดาห์ไม่มีนักลงทุนมาลงทุนล่ะก็ เราก็ต้องขายทรัพย์สินอื่นๆภายใต้ชื่อของบริษัท "
หลี่มี่มองไปที่ซูเหมี่ยวอย่างเป็นห่วง: "8 ล้านนี่ไม่ใช่เงินเล็กน้อย ใครจะมีเงินเยอะขนาดนั้นมาสนับสนุนเธอล่ะ"
ซูเหมี่ยวไม่ตอบ แต่หันหน้าไปจ้องเฉินหยางที่ยืนแอบฟังอยู่ข้างๆ: "เฉิงหยางใครใช้ให้คุณมาแอบฟังตรงนี้? รีบไปซักผ้าให้ฉันเดี๋ยวนี้นะ"
"และมีกระโปรงของฉันด้วย อยู่ในล็อคเกอร์ ฝากซักให้ฉันด้วยนะ" หลี่มี่พูดต่อ
หลังจากที่เฉินหยางได้ยินคำสั่ง เขาก็รีบเอาเสื้อผ้าใส่ลงในเครื่องซักผ้า
นึกขึ้นได้ว่าพรุ่งนี้มีนัดรวมตัวกันของเพื่อนสมัยมัธยมปลาย เขาก็เอาเสื้อผ้าตัวเองลงถังซักด้วย
ทันทีที่เขาใส่เสื้อผ้าลงในถังซัก โทรศัพท์ของเขาก็ดังขึ้น
เปิดดู มันเป็นข้อความ
138 ××× 8888 ลองนับดูแล้วเลขท้ายเป็นเลข8ทั้งหมด 9 ตัว
นี่ไม่ใช่หมายเลขของตระกูลเฉินหนิ?
เมื่อเฉินหยางเปิดข้อความ เขาก็ตะลึง
"นายน้อยคนโต โปรดช่วยตระกูลเฉินด้วย ตระกูลเฉินขาดเงินหมุนและเราต้องการความสนับสนุนจากคุณ!"
ขาดเงินหมุนแล้วมาให้ฉันช่วย นี่ไม่ตลกนะ?
เมื่อสองปีก่อนไล่ฉันออกมาจากตระกูล ตอนนี้ไม่มีอะไรเหลือแล้ว กระเป๋าเงินว่างเปล่า แล้วจะมาให้ฉันช่วยได้อะไรขึ้นมา?”
เฉินหยางขมวดคิ้วและโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ไม่ใช่ข้อความ แต่เป็นคนโทรเข้ามา
เฉินหยางคิดครู่หนึ่งแล้วกดรับสาย
ไม่ทันได้พูดอะไร ก็ได้ยินเสียงพ่อบ้านลอดสายออกมาด้วยน้ำเสียงเร่งรีบ :“ นายน้อย ผมขอร้องให้คุณช่วยตระกูลด้วย หุ้นของ Jiangnan Energy ที่คุณซื้อเมื่อสองปีก่อน ตอนนี้เพิ่มขึ้นเป็นหลายเท่า ได้โปรด ... ถ้าคุณไม่ช่วยตระกูลคงจะล้มละลาย! "
"เห้ย พูดอะไรนะ"
เฉินหยางเกือบทำมือถือตก เขาวางสาย แล้วรื้อห้องเก็บของหาของชิ้นหนึ่งอยู่นาน สุดท้ายเขาก็พบบัตรธนาคารสีดำตกอยู่ที่มุมห้อง
บัตรใบนี้ถูกทิ้งไว้ในห้องเก็บข้องตั้งแต่เขาแต่งเข้ามาเป็นเขยตระกูลถัง จนถึงวันนี้ก็สองปีแล้ว
บัตรใบนี้ทำตั้งแต่ตอนที่เขายังเป็นนายน้อยตระกูลเฉิน นี่ถือเป็นสัญลักษณ์บอกตัวตนของเขา บัตรทุกใบจะมีบริการพิเศษตลอด 24 ชั่วโมง เขารีบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา แล้วโทรหาฝ่ายบริการลูกค้า
"สวัสดีค่ะ คุณเฉิน คุณสามารถโทรหาผู้ช่วยส่วนตัวได้ตลอด 24 ชั่วโมง ไม่ทราบว่ามีอะไรให้บริการคะ?" ผู้หญิงเสียงหวานดังมาจากโทรศัพท์
"ช่วยผมตรวจสอบยอดเงินคงเหลือหน่อยครับ"
"ได้ค่ะ โปรดรอสักครู่" ผู้ช่วยส่วนตัวพูดช้าๆ
ผ่านไปไม่กี่วินาที เสียงในโทรศัพท์ก็ดังขึ้นอีกครั้ง: “คุณเฉินคะ ยอดเงินในบัตรของคุณมีมากเกินกว่าที่ดิฉันจะตรวจสอบได้ กรุณานำบัตรประจำตัวประชาชนของคุณมายังช่องVIPของธนาคารเพื่อตรวจสอบยอดเงินค่ะ”
อีกฝ่ายยังไม่ทันพูดจบ เฉินหยางก็กดวางสายแล้ว!
เวลานี้ มีเสียงพึมพำดังในหัวของเขา หัวใจก็เต้นแรงราวกับว่ามันจะกระโดดออกจากทรวงอกในอีกไม่กี่อึดใจ
จำนวนมาก มากเกินกว่าจะตรวจสอบได้! เหรอ? ฮาฮาฮา สองปี สองปีเต็ม! ผมถูกไล่ออกจากตระกูลเพราะการลงทุนครั้งนี้เมื่อสองปีก่อน สองปีต่อมาเงินลงทุนนี้กลับมาทำให้ผมประหลาดใจ! แต่สิ่งที่เขาอยากรู้มากตอนนี้ก็คือ ตกลงเงินในบัตรมีจำนวนเท่าไหร่!
"เหมี่ยวเหมี่ยว เธอดูสิ เฉินหยางกำลังโทรศัพท์เพื่อเช็คยอดเงินที่เหลือในธนาคาร!" หลี่มี่อดขำไม่ไหว พูดออกมา
ซูเหมี่ยวส่ายหัวและพูดด้วยรอยยิ้ม: "ฉันให้เงินเขาใช้วันละสองร้อยหยวน สองปีที่ผ่านมา เขาก็คงสะสมได้เยอะแหละ"
“เหมี่ยวเหมี่ยว เธอก็คิดซะว่าเลี้ยงสุนัขไว้ตัวหนึ่งก็แล้วกัน” หลี่มี่พูดจบ ทั้งสองก็หัวเราะออกมา
เฉินหยางวิ่งมาด้วยความตื่นเต้น “บริษัทที่ขาดเงินอยู่แปดล้าน คุณจะเอามั้ย ผมช่วยหาวิธีให้?”
"ฮ่าฮ่า ... " หลี่มี่หัวเราะจนปวดท้อง เธอมองไปที่เฉินหยางและพูดว่า "เฉินหยาง คุณรู้ไหมว่าแปดล้านเป็นเงินเท่าไร เหมียวเหมี่ยวให้เงินคุณวันละสองร้อยหยวน ถ้าคุณหาแปดล้านมาได้ ฉันจะเรียกคุณว่าพ่อ "
"จริงเหรอ?" เฉินหยางกล่าวด้วยรอยยิ้มที่เย่อหยิ่ง: "แล้วคุณจำสิ่งที่คุณพูดไว้ให้ดีนะ!"
ถึงตอนนี้ ซู่เหมี่ยวรู้สึกทนไม่ไหว ปกติดูจนน่าสงสารก็ถือว่าช่างมันแล้ว แต่นี่กล้าอวดดีมาพูดโม้ต่อหน้าเพื่อนสนิทของฉัน เธอโบกมืออย่างไม่สบอารมณ์: "คุณรีบออกไปจัดเตียงในห้อง อย่ามาขัดหูขัดตาแถวนี้"
เฉินหยางขานรับคำหนึ่งแล้วหันหลังจากไป
ในคืนนั้น เฉินหยางตื่นเต้นจนนอนไม่หลับทั้งคืน เมื่อคิดถึงข่าวดีที่จะได้รับรู้สึกเหมือนตัวเองฝันไป
ไม่ได้ พรุ่งนี้ฉันต้องไปธนาคารด้วยตัวเอง เพื่อตรวจสอบยอดเงินของฉัน!
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.webreadapp.com All rights reserved