บทที่ 10 ตามประสาคนหนุ่มสาว
by เซียวจิ่นอวี๋
11:04,Nov 27,2022
เสียงประตูที่ถูกผลักจนเกิดเสียงดังและรุนแรงพลันถูกเปิดออก
ทุกคนที่อยู่ภายในห้องส่วนตัวต่างพากันหน้านิ่วคิ้วขมวดไปในทันที
ที่นี่เป็นถึงหอคอยจี้เซียน
เป็นโรงเตี๊ยมอันดับหนึ่งในเมืองกวางหลิง!
ผู้ใดกันที่ขวัญกล้าเทียมฟ้า บุกเข้ามาโดยไม่ให้สุ้มให้เสียงเช่นนี้?
ทำตัวกำเริบเสิบสานยิ่งนัก!
เมื่อทุกคนสังเกตเห็นเช่นนั้น สายตาของทุกคู่จึงมองไปยังทิศทางเดียวกันในทันที
เมื่อเห็นลักษณะท่าทางของผู้ที่มาเยือนนั้น สีหน้าของเหวินหลิงเสวี่ยและเนี่ยถิงพลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย
คนผู้นี้มาได้อย่างไรกัน?
"ข้าได้ยินมาว่า เหวินหลิงเสวี่ยมาฉลองวันเกิดของตนเองที่นี่ แม้ว่าข้าจะมิได้รับเชิญมางานเลี้ยงด้วยตัวเอง แต่ข้าก็อยากมาร่วมงานด้วยเช่นกัน หวังว่าคงจะมิทำมห้ทุกท่านตกใจกระมัง ฮ่าฮ่าฮ่า?"
บุคคลที่มาเยือนนั้น เป็นหนุ่มหล่อที่สวมใส่อาภรณ์โบราณ ผมยาวปล่อยสยายไปมา รูปหน้าคมเข้ม หากแต่ทั่วร่างกับเต็มไปด้วยกลิ่นอายของสุรามากมาย พร้อมกับรอยยิ้มหยาบโลนที่ประดับอยู่บนใบหน้า
หวางเฉียนจุน!
บุตรทายาทสายตรงแห่งตระกูลหวาง หนึ่งในสามของตระกูลที่โด่งดังของเมืองกวางหลิง อีกทั้งบิดาของเขายังเป็นผู้นำตระกูลหวางคนปัจจุบันนามว่า หวางยวินชงอีกด้วย
ด้วยลักษณะนิสัยของหวางเฉียนจุนที่หยิ่งผยอง อุกอาจก้าวร้าวนั้น แม้เขาจะอยู่ในช่วงวัยเพียงสิบเจ็ดหนาว ทว่าวีรกรรมอันต่ำช้าของเขากลับมีมากมายนัก ทั้งยังทำเรื่องที่ชวนให้ผู้คนโมโหเป็นเดือดเป็นร้อนเอาไว้มากมายเลยทีเดียว
เนื่องด้วยตนเองมีบิดาคอยคุ้มครองอยู่ ยิ่งเขายังใช้ชีวิตอย่างสุจสบายมากเท่าใด ความยโสโอหังภายในใจของเขาจึงมีมากตาม
หลังจากที่จำบุคคลตรงหน้าว่าเป็นหวางเฉียนจุนได้นั้น เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังเกิดอาการโมโหอยู่ภายในห้องส่วนตัว ใบหน้าพลันฉายแววตื่นตระหนกตกใจกลัวขึ้นมาในทันที
เนื่องจากพวกนางเอง ก็ได้ข่าวลือไม่ดีเกี่ยวกับคนตรงหน้ามามากมายเช่นเดียวกัน
แม้แต่เหวินหลิงเสวี่ยและเนี่ยถิงเอง พวกนางยังอดมิได้ที่จะขมวดคิ้วเป็นปมด้วยท่าทีเคร่งเครียด
ในสายตาของพวกคนตระกูลใหญ่ ๆเหล่านี้ หวางเฉียนจุนนับว่าเป็นคนที่โหดเหี้ยมโฉดชั่ว ทั้งยังไร้ยางอายอีกด้วย ไม่มีผู้ใดอยากจะคบหากับคนเช่นเขามากนัก ทว่าพวกเขาเองก็ไม่อาจขับไล่ไปได้เช่นกัน
บรรยากาศภายในห้องส่วนตัวนั้น พลันตกอยู่ความกดดันและตึงเครียดไปในทันที
มีเพียงซวีอี้เท่านั้นที่ยังคงวางท่าทีเฉยเมยเอาไว้ เนื่องจากเขามิรู้จักกับหวางเฉียนจุน ทว่าเขาก็พอจะมองออกว่า เหวินหลิงเสวี่ยนเคร่งเครียดและรู้สึกวิตกกังวลมากเพียงใด
เห็นได้ชัดว่านางหวาดกลัวต่อการมาของคนผู้นี้เป็นอย่างมาก
"วันเกิดของข้า เกี่ยวข้องอันใดกับเจ้ากัน ทางที่ดีเจ้าออกไปจากที่นี่เสีย!" เหวินหลิงเสวี่ยพลันสูดลมหายใจเขาไปลึก ๆ พลางเอ่ยออกมาด้วยความเย็นชา ใบหน้าที่งดงามพลันเย็นชาราวกับน้ำแข็ง พร้อมด้วยน้ำเสียงที่เอ่ยปฏิเสธออกมาด้วยท่าทีรังเกียจอย่างไม่คิดจะปิดบัง
หากแต่ท่าทีของหวางเฉียนจุนกลับไม่ยี่หระสิ่งใด สายตาของเขาพลันกวาดตามองไปยังเหวินหลิงเสวี่ยอยู่ครู่หนึ่ง พลางหัวเราะออกมาว่า
"หึ สมกับเป็นน้องสาวของหวันหลิงจ้าว สาวงามอันดับหนึ่งของเมือง ถึงอย่างไรก็มีเพียงคนงามเท่านั้น ที่ถึงจะเป็นคู่ที่เหมาะสมกับข้า"
"เจ้า"
ใบหน้าของเหวินหลิงเสวี่ยนพลันแดงก่ำไปด้วยความโกรธเกรี้ยวไปในทันที
"พวกเจ้าลองดูเอาเองเสียเถอะ คนงามอย่างไรก็คือคนงาม แม้แต่จะโมโหเพียงใดนางก็ยังคงงดงามเช่นนั้น พวกเจ้าว่า หากข้าแต่งนางเข้าตระกูล ท่านพ่อข้าจักต้องพอใจมากแน่ ๆ ใช่หรือไม่ ?"
หวางเฉียนจุนพลันหัวเราะออกมาอย่างได้ใจ
ด้านหลังของเขานั้น ยังมีองครักษ์ผู้ติดตามอีกมากมายที่แย้มยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัยเช่นกัน
เหล่าเด็กสาวที่นั่งอยู่ภายในห้องนั้น ใบหน้าพลันฉายแววหวาดกลัวไปในทันที พลางหันมองไปยังเนี่ยถิงโดยไม่รู้ตัว ราวกับว่าฝากฝังความหวังของพวกนางเอาไว้ที่บุตรชายสายตรงของทหารองครักษ์เรือนเจ้าเมือง
เนี่ยถิงได้แต่แอบสูดลมหายใจเข้าไปลึก ๆ เขารู้ดีว่าตนเองในยามนี้ควรที่จะลุกขึ้นยืนหยัดขึ้นมา มิเช่นนั้น ต่อไปในภายภาคหน้าเขาไม่อาจยืนเชิดหน้าชูตาขึ้นมาได้อีก
"นายน้อยหวางขอรับ ที่นี่เป็นถึงหอคอยจี้เซียน อย่างไรก็ขอให้ท่านให้ความเคารพต่อสถานที่เสียหน่อย มันใช่เรื่องที่เหมาะที่ควร หากท่านจะมาทำลายสถานที่ที่สงบ ๆ เช่นนี้" เยี่ยถิงพลันกัดฟันพูดออกมา พร้อมกับแสร้งทำเป็นท่าทีเคร่งขรึม
ใบหน้าของหวางเฉียนจุนที่กำลังแย้มยิ้มอยู่นั้น พลันมืดครึ้มไปในทันที พร้อมกับนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความวาวโรจน์ "เจ้านับว่าเป็นตัวอันใดกัน มีสิทธิ์อันใดมากล่าวสั่งสอนข้า?"
สีหน้าของเนี่ยถิงพลันดูไม่ดีขึ้นมา พร้อมกับเปลี่ยนเป็นซีดเผือดไปในทันที
เมื่อเห็นสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้านั้น ทำให้ซวีอี้เข้าใจแล้วว่า แม้แต่เนี่ยถิงเองก็ยังหวาดกลัวชายหนุ่มตรงหน้าไม่น้อย
"นายน้อยขอรับ เขาเป็นบุตรชายสายตรงของทหารองครักษ์เรือนเจ้าเมือง นายท่านใหญ่กับท่านเนี่ยเป่ยถิงเองก็มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันไม่น้อยขอรับ"
ทว่าทหารองครักษ์ผู้นั้นกลับยิ้มกรุ้มกริ่มออกมา พลางเอ่ยขึ้นมาว่า" ทว่า ในเมื่อเรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว เห็นตามที่ท่านสมควรเถิดขอรับ"
หวางเฉียนจุนพลันส่งเสียงร้องอ๋อขึ้นมาหนึ่งคำ พลางแย้มยิ้มกรุ้มกริ่มเอ่ยขึ้นมาว่า "เนี่ยถิงงั้นหรือ ข้าจะให้โอกาสกลับเจ้า ออกไปให้พ้นจากสายตาของข้าเสีย มิเช่นนั้น ข้าคงจะไม่เกรงใจที่จะทุบตีเจ้าสักฉาดหนึ่ง พร้อมกับโยนเจ้าออกไปยังถนนนอกเมืองของหอคอยจี้เซียนราวกับซากสุนัขตาย"
ถึงแม้ว่าใบหน้าของหวางเฉียนจุนจะแย้มยิ้ม ทว่าวาจากลับแข็งกระด้างและหยาบคายเป็นอย่างมาก "เมื่อถึงเวลานั้น เกรงว่าเจ้าจะได้ตกเป็นขี้ปากตัวตลกของทั่วเมืองกวางหลิง จนไม่กล้าชูคออ้าปากออกมาได้อีก!"
ทั่วร่างของเนี่ยถิงพลันแข็งค้างไปในทันที พร้อมกับสองมือที่กำหมัดแน่นเอาไว้ข้างตัวจนเส้นเลือดปูดบวมขึ้นแปรเปลี่ยนเป็นขาวซีด เพื่อสื่อความอับอายเป็นความโกรธเคืองของเขาที่ไม่อาจระบายออกไปได้
เมื่อเห็นสถานการณ์แปรเปลี่ยนมาเป็นเช่นนี้นั้น บรรดาเหล่าเด็กสาวที่นั่งอยู่นั้น สีหน้าพลันซีดเผือดพร้อมกับตื่นตระหนกกลัวขึ้นมามากเรื่อย ๆ
ภายในห้องรับรองส่วนตัวนั้น ไม่ว่าจะฐานะและภูมิหลังของครอบครัวนั้น ไม่มีผู้ใดเทียบเคียงเนี่ยถิงได้เลยสักคน เมื่อทุกคนเห็นว่าการออกหน้าของเนี่ยถิงมิได้ช่วยอันใดนั้น เช่นนี้จะไม่ทำให้พวกเธอรู้สึกร้อนรนขึ้นมาได้อย่างไรกัน ?
ในขณะเดียวกัน เหวินหลิงเสวี่ยนพลันเอ่ยถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "หวางเฉียนจุน เจ้าคิดจะทำสิ่งใดกันแน่?"
หวางเฉียนจุนพลันส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งในทันที พร้อมกับจับจ้องมายังเหวินหลิงเสวี่ยด้วยท่าทีเร่าร้อน แล้วจึงเอ่ยขึ้นมาว่า
"นับว่าเป็นคำถามที่ดี! เอาเป็นว่า อีกไม่นานข้าจะให้ท่านผู้อาวุโสที่จวนไปทำการสู่ขอเจ้าที่จวนตระกูลหวัน แล้วต่อไปนี้ พวกเราก็จักได้มาเป็นทองแผ่นเดียวกันแล้ว!"
เหล่าทหารองครักษ์ที่อยู่ข้างกันพลันส่งเสียงร้องโห่ขึ้นมาในทันที
"นายน้อยช่างตาแหลมยิ่งนัก!"
"พวกเจ้าดูไว้ แม่นางน้อยผู้นี้ต่อไปจักมาเป็นนายหญิงของพวกเรา!"
"เช่นนั้น พวกข้าต้องขอแสดงความยินดีกับนายน้อยล่วงหน้าแล้วขอรับ ฮ่าฮ่า"
เหวินหลิงเสวี่ยทั้งอับอายและโมโหไปในคราวเดียวกัน ดวงตาของนางพลันเบิกกว้าง พลางกัดฟันเอ่ยออกมาว่า "น่าขันยิ่งนัก ข้าเหวินหลิงเสวี่ยน ถึงจักต้องตายข้าก็จะไม่ยอมแต่งงานกับสวะเช่นเจ้า!"
ซวีอี้พลันลุกขึ้นยืนอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับใช้สายตาที่เย็นเยียบจ้องมองไปด้วยความเฉยเมย
ซวีอี้เพียงลุกขึ้นยืนด้วยความเงียบงัน พร้อมกับจับจ้องมองมาด้วยสายตาที่สงบนิ่ง
หากเป็นที่เก้าหล้ามหาดินแดนนั้น ผู้ใดที่คุ้นเคยกับซวีเสวียนจิ้นเป็นอย่างดี ย่อมรู้ว่าสายตาที่ซวีเสวียนจิ้นใช้มองมาด้วยความเฉยเมยและสงบนิ่งนั้น กำลังบ่งบอกว่าความตายกำลังมาเยือนพวกมัน !
"วาจามิอาจออกมาตามตรงได้ พี่สาวของเจ้าหวันหลิงจ้าวนั้นสูงส่งเพียงใด ทว่าท้ายที่สุดแล้วก็แต่งให้กับคนไร้ประโยชน์ผู้นี้มิใช่หรือ?"
เมื่อหวางเฉียนจุนพูดมาถึงตรงนี้นั้น เขาพลันชี้นิ้วไปที่ซวีอี้ในทันที พร้อมทั้งใบหน้าที่เต็มไปด้วยความดูถูกและเหยียดหยาม "ถึงแม้ว่าข้าจะเป็นโอหังแล้วเช่นไรเล่า ข้ารู้ดีว่าการปรองดองระหว่างตระกูลนั้น หาใช่เรื่องที่คนรุ่นลูกเช่นพวกข้าและเจ้าจะตัดสินใจเช่นไรได้!"
ผ่านไปครู่หนึ่งนั้น หวางเฉียนจุนจึงแย้มยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่งจองหองว่า "เหวินหลิงเสวี่ย ข้าแนะนำเจ้าเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ให้ดี ไม่เกินหนึ่งเดือน ตระกูลหวางจักทำให้ตระกูลหวันรับปากเรื่องการแต่งเจ้าเข้าจวนให้จงได้!"
เหวินหลิงเสวี่ยพลันทำหน้าซีดเผือดไปในทันที พร้อมทั่วร่างที่สั่นสะท้านไปเล็กน้อย
คำพูดของหวางเฉียนจุนนั้น แทงใจดำนางอย่างจัง!
ในปีนั้น พี่สาวของนางพยายามขัดขวางงานมงคลในครานั้นเพียงใด ถึงแม้ว่าบิดามารดาของนางจะพยายามช่วยขัดขวางงานสมรสในครานั้นด้วยเช่นกัน ก็ยังไม่อาจขัดขวางความประสงค์ของท่านผู้อาวุโสภายในตระกูลได้ และสุดท้ายจึงต้องมาลงเอยกับพี่เขยของนางเช่นนี้
เมื่อเห็นเรื่องจริงเช่นนี้แล้ว มันจึงทำให้เหวินหลิงเสวี่ยอดที่จะรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมิได้ว่า การสู่ของของหวางเฉียนจุนนั้น ตระกูลเหวินก็จักปฏิบัติกับนาง เช่นเดียวกันกับพี่สาวของนางเช่นเดียวกัน
เมื่อคิดเช่นนี้ เหวินหลิงเสวี่ยพลันได้แต่กัดริมฝีปากของตนเองเอาไว้จนริมฝีปากแทบจะปริแตกออกมา นางต่อไปนี้ จักต้องมาแต่งให้กับสวะที่โหดเหี้ยมเช่นนี้หรือ?
หากเป็นเช่นนี้จริง ๆ นางยินยอมที่จะปลิดชีพตนเองเสียดีกว่า!
"วางใจเถอะ มันจะไม่มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน"
ทันใดนั้น ฝ่ามืออุ่นพลันวางบนไหล่ของนางในทันที เมื่อเหวินหลิงเสวี่ยเงยหน้าขึ้นไปมองนั้น ก็พลันเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและนิ่งเฉยของซวีอี้ขึ้นมา
"ท่านพี่เขย" ภายในใจของเหวินหลิงเสวี่ยราวกับพบพาที่ให้พึ่งพิงได้แล้ว พร้อมกับกระแสความอบอุ่นที่กำลังไหลเข้ามาในหัวใจของนาง ทำให้นางอดมิได้ที่จะกลั้นน้ำเสียงสะอื้นของตัวเองเอาไว้
"ในเมื่องานเลี้ยงกร่อยเช่นนี้แล้ว ข้าพาเจ้ากลับกันเห็นเช่นไร?"
ซวีอี้พลันกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
"อื้ม!"
เหวินหลิงเสวี่ยพลันพยักหน้าลงเล็กน้อย ทว่าไม่นานนัก นางก็แสดงสีหน้าเป็นกังวลออกมา"พี่เขย พวกเขา"
"วางใจเถอะ เดี๋ยวข้าจัดการเอง"
ซวีอี้พลันตบบ่าเหวินหลิงเสวี่ยเบา ๆ พบลางเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
พูดจบ สายตาของซวีอี้พลันหันไปหาเนี่ยถิงและเหล่าเด็กสาวคนอื่น ๆ ว่า "พวกเจ้าไปด้วยกันหรือไม่?"
ทั้งเนี่ยถิงและคนอื่น ๆ ต่างพากันตกตะลึงไปกับคำพูดของซวีอี้ยิ่งนัก
ซวี้อี้เป็นบ้าไปแล้วหรือ?
ไม่เห็นหรืออย่างไรว่า ทั้งหวางเฉียนจุนและเหล่าทหารองครักษ์ยืนขวางหน้าประตูอยู่เช่นนั้น?
ไม่มีผู้ใดคาดคิดเลยว่า ผู้ฝึกตนที่สูญเสียพลังยุทธ์ไปนั้น และยังเป็นตัวตลกที่เหล่าผู้คนในเมืองกวางหลิงล่ำลือกันไปทั่ว จะกล้าพูดคำนี้ออกมา?
"ฮะ เมื่อครู่เจ้าว่าเช่นไร เจ้าจะพาพวกเขาออกไปจากที่นี่งั้นหรือ?"
ในเวลานั้น หวางเฉียนจุนพลันแคะหูของตนเอง พร้อมทั้งหัวเราะออกมาอย่างเป็นบ้าเป็นหลังว่า "ซวีอี้ เจ้าคนไร้ประโยชน์เช่นเจ้า แม้พูดออกมากลับยโสโอหังกว่าข้ายิ่งนัก ผู้ใดสอนให้เจ้ากล้าดีเช่นนี้กัน?"
เหล่าทหารองครักษ์ที่ได้ยินเช่นนั้น ต่างพากันหัวเราะน้ำตาเล็ดออกมาในทันที ราวกับพวกเขากำลังฟังเรื่องตลกอยู่ก็ไม่ปาน
"ซวีอี้ เจ้าอย่านึกรนหาที่เลยดีหรือไม่!!"
เนี่ยถิงเองก็รู้สึกหัวเสียไม่น้อยเช่นกัน ใบหน้าที่เคร่งขรึมของเขา พลันพูดออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า "เรื่องนี้ ให้ข้าจัดการเองเถอะ เจ้าแค่อยู่เฉย ๆ ก็พอแล้ว! หากยังทำให้เรื่องวุ่นวายไปมากกว่านี้ อย่าหาว่าข้าไร้น้ำใจก็แล้วกัน!"
คำพูดนี้ราวกับพลังอำนาจยิ่งนัก ใบหน้าของเหล่าเด็กสาวที่ได้ยินพลันอดมิได้ที่จะรู้สึกสั่นไหวไปตามๆ กัน พร้อมทั้งรู้สึกว่า คำพูดของเนี่ยถิงกลับเต็มไปด้วยความองอาจของชายชาตรียิ่งนัก!
หาเปรียบเทียบกันดูแล้ว การกระทำของซวีอี้เมื่อครู่ก็ดูจะไม่ประมาณตนเกินไป!
คนไร้ประโยชน์เช่นเขา กลับพ่นลมปากออกมาว่าจะพานางออกไปจากที่นี่งั้นหรือ?
ช่างน่าขัน!
"ครั้งนี้เจ้าทำให้ข้ารู้สึกประทับใจยิ่งนัก คนหนุ่มวัยเลือดร้อนก็เป็นเช่นนี้ ถ้าเช่นนั้นก็อย่าทำให้เสียพลังของเจ้าไปเปล่าประโยชน์เลย "
ซวีอี้พลันมองไปที่เนี่ยถิงพร้อมกับพยักหน้าลงเล็กน้อย
เนี่ยถิงพลันชะงักไปในทันที น้ำเสียงของคนผู้นี้ทำไม อะไรกัน
ยังไม่รอให้เขาได้สติกลับมา หวางเฉียนจุนที่ยืนขวางหน้าประตูเอาไว้นั้น พลันเผยสีหน้าไม่สบอารมณ์ออกมาในทันที พร้อมกับโบกไม้โบกมือขึ้นมาว่า
"ไป ไปจัดการคนไร้ประโยชน์นั่นให้ข้า ปลดเปลื้องผ้ามันออกมาให้หมด พร้อมทั้งจับมันไปขึงไว้ที่หน้าประตูเมือง ข้าจะทำให้ผู้คนได้เห็นความอับอายของมัน!"
"ขอรับนายน้อย!"
ทหารองครักษ์ที่อดใจไม่ไหวนั้น พลันพุ่งตัวเข้ามาหาในทันที
"เจ้าเด็กน้อย ข้ามาเล่นกับเจ้าแล้ว"
ทหารองครักษ์ที่มีรูปร่างร่างกายกำยำนั้น และใบหน้าที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อและความดุดันนั้น ทำให้เอาผู้คนรู้สึกหวาดกลัวไปในทันทีเพียงแค่ได้พบเจอ เหล่าเด็กสาวที่ได้เห็นเช่นนั้น สีหน้าของนางพลันเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและวิตกกังวลจนถึงขีดสุด
หยางเฉิง!
องครักษ์ฝีมือดีของหวางเฉียนจุน ทั้งยังมีลมปราณผู้ฝึกตนอยู่ในเขตแดนโคจรโลหิตอีกด้วย เนื้อหนังของเขาแข็งแกร่งราวกับเหล็กทองแดง พละกำลังของเขาราวกับวัวกระทิง ทั้งยังเชี่ยวชาญทักษะ "บดขยี้มือเดียว" อีกด้วย
เพียงฝ่ามือเดียวของเขา ก็สามารถทำให้เส้นเอ็นฉีกกระดูกแตกได้ แม้ว่าไม่ตายก็อาจจะพิการไปตลอดชีวิต
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เขาพลันกระแทกฝ่ามือลงมา ราวกับจะบดขยี้ให้แหลกในมือเดียว หากฟาดลงมาจริง ๆ นั้น คงได้บาดเจ็บสาหัสเป็นแน่
"พี่เขยหลบเร็วเข้า!"
น้ำเสียงร้องเตือนของเหวินหลิงเสวี่ยนั้น ใบหน้างามพลันซีดเผือดไปในทันที ด้วยระยะของนางในตอนนี้นั้น ไม่อาจเข้าไปห้ามได้แน่
"มิต้องตระหนกไป แรงลมปราณที่อยู่ในขอบเขตเช่นนี้ ไม่อาจทำสิ่งใดข้าได้หรอก"
ในน้ำเสียงที่ติดเฉยเมยนั้น นางก็พลันเห็นร่างของซวีอี้เคลื่อนไหวเข้าไปหาในทันที
เขากระโจนเข้าไปด้านหน้าโดยไว ราวกับเหยี่ยวที่พุ่งเข้าไปจับกระต่าย ด้วยเพียงมือเดียวเท่านั้น ซวีอี้พลันคว้าข้อมือจุดกดชีพจรของหยางเฉิงได้ในทันที พร้อมกับสะบัดมือออกไปเต็มแรง
เพียงแค่การสะบัดมือครั้งเดียว
ร่างสูงกำยำของหยางเฉิงนั้น พลันถูกทุ่มลงกับพื้นเต็มแรง พร้อมด้วยอวัยวะภายในที่บอบช้ำอย่างแสนสาหัสในทันที ด้วย "แรงสั่นสะเทือน" เพียงครั้งเดียว
ทั่วร่างของเขาพลันสั่นสะท้านราวกับร่างจะแหลกสลาย!
นี่คือเคล็ดลับวิธีการออกพลังที่ยอดเยี่ยม
แม้ว่าฝึกยุทธ์จนมาถึงขั้นสูงแล้วนั้น ขอเพียงแค่ถูกศัตรูโจมตี ทั้งเลือดน้ำกระดูกหรืออวัยวะภายในร่างกาย ก็สามารถแหลกเป็นผุยผงได้
ในสายตาของทุกคนนั้น ถึงแม้ว่าหยางเฉิงจะมิโดนปลิดชีพโดยตรง แต่ทว่าอวัยวะภายในของเขาจักต้องเสียหายไม่น้อยเลยทีเดียว
ภายในชั่วพริบตา ซวี้อี้พลันแตะเขาออกไปไกลในทันที
ผลัก!
ในแววตาของทุกคนที่ไม่อยากจะเชื่อในสายตาของตนเองนั้น ร่างของหยางเฉิงพลันลอยจากพื้นขึ้นไปชนกับเพดานห้องรับรองในทันที
ร่างกายของเขาพลันชักเกร็งออกมา พร้อมกับเลือดที่ค่อย ๆ ไหลออกมาจากอวัยวะทั้งเจ็ด
พร้อมทั้งทุกคนในห้องที่ตกอยู่ในอาการตกตะลึง
ทุกคนที่อยู่ภายในห้องส่วนตัวต่างพากันหน้านิ่วคิ้วขมวดไปในทันที
ที่นี่เป็นถึงหอคอยจี้เซียน
เป็นโรงเตี๊ยมอันดับหนึ่งในเมืองกวางหลิง!
ผู้ใดกันที่ขวัญกล้าเทียมฟ้า บุกเข้ามาโดยไม่ให้สุ้มให้เสียงเช่นนี้?
ทำตัวกำเริบเสิบสานยิ่งนัก!
เมื่อทุกคนสังเกตเห็นเช่นนั้น สายตาของทุกคู่จึงมองไปยังทิศทางเดียวกันในทันที
เมื่อเห็นลักษณะท่าทางของผู้ที่มาเยือนนั้น สีหน้าของเหวินหลิงเสวี่ยและเนี่ยถิงพลันเปลี่ยนไปเล็กน้อย
คนผู้นี้มาได้อย่างไรกัน?
"ข้าได้ยินมาว่า เหวินหลิงเสวี่ยมาฉลองวันเกิดของตนเองที่นี่ แม้ว่าข้าจะมิได้รับเชิญมางานเลี้ยงด้วยตัวเอง แต่ข้าก็อยากมาร่วมงานด้วยเช่นกัน หวังว่าคงจะมิทำมห้ทุกท่านตกใจกระมัง ฮ่าฮ่าฮ่า?"
บุคคลที่มาเยือนนั้น เป็นหนุ่มหล่อที่สวมใส่อาภรณ์โบราณ ผมยาวปล่อยสยายไปมา รูปหน้าคมเข้ม หากแต่ทั่วร่างกับเต็มไปด้วยกลิ่นอายของสุรามากมาย พร้อมกับรอยยิ้มหยาบโลนที่ประดับอยู่บนใบหน้า
หวางเฉียนจุน!
บุตรทายาทสายตรงแห่งตระกูลหวาง หนึ่งในสามของตระกูลที่โด่งดังของเมืองกวางหลิง อีกทั้งบิดาของเขายังเป็นผู้นำตระกูลหวางคนปัจจุบันนามว่า หวางยวินชงอีกด้วย
ด้วยลักษณะนิสัยของหวางเฉียนจุนที่หยิ่งผยอง อุกอาจก้าวร้าวนั้น แม้เขาจะอยู่ในช่วงวัยเพียงสิบเจ็ดหนาว ทว่าวีรกรรมอันต่ำช้าของเขากลับมีมากมายนัก ทั้งยังทำเรื่องที่ชวนให้ผู้คนโมโหเป็นเดือดเป็นร้อนเอาไว้มากมายเลยทีเดียว
เนื่องด้วยตนเองมีบิดาคอยคุ้มครองอยู่ ยิ่งเขายังใช้ชีวิตอย่างสุจสบายมากเท่าใด ความยโสโอหังภายในใจของเขาจึงมีมากตาม
หลังจากที่จำบุคคลตรงหน้าว่าเป็นหวางเฉียนจุนได้นั้น เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่กำลังเกิดอาการโมโหอยู่ภายในห้องส่วนตัว ใบหน้าพลันฉายแววตื่นตระหนกตกใจกลัวขึ้นมาในทันที
เนื่องจากพวกนางเอง ก็ได้ข่าวลือไม่ดีเกี่ยวกับคนตรงหน้ามามากมายเช่นเดียวกัน
แม้แต่เหวินหลิงเสวี่ยและเนี่ยถิงเอง พวกนางยังอดมิได้ที่จะขมวดคิ้วเป็นปมด้วยท่าทีเคร่งเครียด
ในสายตาของพวกคนตระกูลใหญ่ ๆเหล่านี้ หวางเฉียนจุนนับว่าเป็นคนที่โหดเหี้ยมโฉดชั่ว ทั้งยังไร้ยางอายอีกด้วย ไม่มีผู้ใดอยากจะคบหากับคนเช่นเขามากนัก ทว่าพวกเขาเองก็ไม่อาจขับไล่ไปได้เช่นกัน
บรรยากาศภายในห้องส่วนตัวนั้น พลันตกอยู่ความกดดันและตึงเครียดไปในทันที
มีเพียงซวีอี้เท่านั้นที่ยังคงวางท่าทีเฉยเมยเอาไว้ เนื่องจากเขามิรู้จักกับหวางเฉียนจุน ทว่าเขาก็พอจะมองออกว่า เหวินหลิงเสวี่ยนเคร่งเครียดและรู้สึกวิตกกังวลมากเพียงใด
เห็นได้ชัดว่านางหวาดกลัวต่อการมาของคนผู้นี้เป็นอย่างมาก
"วันเกิดของข้า เกี่ยวข้องอันใดกับเจ้ากัน ทางที่ดีเจ้าออกไปจากที่นี่เสีย!" เหวินหลิงเสวี่ยพลันสูดลมหายใจเขาไปลึก ๆ พลางเอ่ยออกมาด้วยความเย็นชา ใบหน้าที่งดงามพลันเย็นชาราวกับน้ำแข็ง พร้อมด้วยน้ำเสียงที่เอ่ยปฏิเสธออกมาด้วยท่าทีรังเกียจอย่างไม่คิดจะปิดบัง
หากแต่ท่าทีของหวางเฉียนจุนกลับไม่ยี่หระสิ่งใด สายตาของเขาพลันกวาดตามองไปยังเหวินหลิงเสวี่ยอยู่ครู่หนึ่ง พลางหัวเราะออกมาว่า
"หึ สมกับเป็นน้องสาวของหวันหลิงจ้าว สาวงามอันดับหนึ่งของเมือง ถึงอย่างไรก็มีเพียงคนงามเท่านั้น ที่ถึงจะเป็นคู่ที่เหมาะสมกับข้า"
"เจ้า"
ใบหน้าของเหวินหลิงเสวี่ยนพลันแดงก่ำไปด้วยความโกรธเกรี้ยวไปในทันที
"พวกเจ้าลองดูเอาเองเสียเถอะ คนงามอย่างไรก็คือคนงาม แม้แต่จะโมโหเพียงใดนางก็ยังคงงดงามเช่นนั้น พวกเจ้าว่า หากข้าแต่งนางเข้าตระกูล ท่านพ่อข้าจักต้องพอใจมากแน่ ๆ ใช่หรือไม่ ?"
หวางเฉียนจุนพลันหัวเราะออกมาอย่างได้ใจ
ด้านหลังของเขานั้น ยังมีองครักษ์ผู้ติดตามอีกมากมายที่แย้มยิ้มออกมาอย่างมีเลศนัยเช่นกัน
เหล่าเด็กสาวที่นั่งอยู่ภายในห้องนั้น ใบหน้าพลันฉายแววหวาดกลัวไปในทันที พลางหันมองไปยังเนี่ยถิงโดยไม่รู้ตัว ราวกับว่าฝากฝังความหวังของพวกนางเอาไว้ที่บุตรชายสายตรงของทหารองครักษ์เรือนเจ้าเมือง
เนี่ยถิงได้แต่แอบสูดลมหายใจเข้าไปลึก ๆ เขารู้ดีว่าตนเองในยามนี้ควรที่จะลุกขึ้นยืนหยัดขึ้นมา มิเช่นนั้น ต่อไปในภายภาคหน้าเขาไม่อาจยืนเชิดหน้าชูตาขึ้นมาได้อีก
"นายน้อยหวางขอรับ ที่นี่เป็นถึงหอคอยจี้เซียน อย่างไรก็ขอให้ท่านให้ความเคารพต่อสถานที่เสียหน่อย มันใช่เรื่องที่เหมาะที่ควร หากท่านจะมาทำลายสถานที่ที่สงบ ๆ เช่นนี้" เยี่ยถิงพลันกัดฟันพูดออกมา พร้อมกับแสร้งทำเป็นท่าทีเคร่งขรึม
ใบหน้าของหวางเฉียนจุนที่กำลังแย้มยิ้มอยู่นั้น พลันมืดครึ้มไปในทันที พร้อมกับนัยน์ตาที่เต็มไปด้วยความวาวโรจน์ "เจ้านับว่าเป็นตัวอันใดกัน มีสิทธิ์อันใดมากล่าวสั่งสอนข้า?"
สีหน้าของเนี่ยถิงพลันดูไม่ดีขึ้นมา พร้อมกับเปลี่ยนเป็นซีดเผือดไปในทันที
เมื่อเห็นสถานการณ์ที่อยู่ตรงหน้านั้น ทำให้ซวีอี้เข้าใจแล้วว่า แม้แต่เนี่ยถิงเองก็ยังหวาดกลัวชายหนุ่มตรงหน้าไม่น้อย
"นายน้อยขอรับ เขาเป็นบุตรชายสายตรงของทหารองครักษ์เรือนเจ้าเมือง นายท่านใหญ่กับท่านเนี่ยเป่ยถิงเองก็มีความสัมพันธ์อันดีต่อกันไม่น้อยขอรับ"
ทว่าทหารองครักษ์ผู้นั้นกลับยิ้มกรุ้มกริ่มออกมา พลางเอ่ยขึ้นมาว่า" ทว่า ในเมื่อเรื่องเป็นเช่นนี้แล้ว เห็นตามที่ท่านสมควรเถิดขอรับ"
หวางเฉียนจุนพลันส่งเสียงร้องอ๋อขึ้นมาหนึ่งคำ พลางแย้มยิ้มกรุ้มกริ่มเอ่ยขึ้นมาว่า "เนี่ยถิงงั้นหรือ ข้าจะให้โอกาสกลับเจ้า ออกไปให้พ้นจากสายตาของข้าเสีย มิเช่นนั้น ข้าคงจะไม่เกรงใจที่จะทุบตีเจ้าสักฉาดหนึ่ง พร้อมกับโยนเจ้าออกไปยังถนนนอกเมืองของหอคอยจี้เซียนราวกับซากสุนัขตาย"
ถึงแม้ว่าใบหน้าของหวางเฉียนจุนจะแย้มยิ้ม ทว่าวาจากลับแข็งกระด้างและหยาบคายเป็นอย่างมาก "เมื่อถึงเวลานั้น เกรงว่าเจ้าจะได้ตกเป็นขี้ปากตัวตลกของทั่วเมืองกวางหลิง จนไม่กล้าชูคออ้าปากออกมาได้อีก!"
ทั่วร่างของเนี่ยถิงพลันแข็งค้างไปในทันที พร้อมกับสองมือที่กำหมัดแน่นเอาไว้ข้างตัวจนเส้นเลือดปูดบวมขึ้นแปรเปลี่ยนเป็นขาวซีด เพื่อสื่อความอับอายเป็นความโกรธเคืองของเขาที่ไม่อาจระบายออกไปได้
เมื่อเห็นสถานการณ์แปรเปลี่ยนมาเป็นเช่นนี้นั้น บรรดาเหล่าเด็กสาวที่นั่งอยู่นั้น สีหน้าพลันซีดเผือดพร้อมกับตื่นตระหนกกลัวขึ้นมามากเรื่อย ๆ
ภายในห้องรับรองส่วนตัวนั้น ไม่ว่าจะฐานะและภูมิหลังของครอบครัวนั้น ไม่มีผู้ใดเทียบเคียงเนี่ยถิงได้เลยสักคน เมื่อทุกคนเห็นว่าการออกหน้าของเนี่ยถิงมิได้ช่วยอันใดนั้น เช่นนี้จะไม่ทำให้พวกเธอรู้สึกร้อนรนขึ้นมาได้อย่างไรกัน ?
ในขณะเดียวกัน เหวินหลิงเสวี่ยนพลันเอ่ยถามขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า "หวางเฉียนจุน เจ้าคิดจะทำสิ่งใดกันแน่?"
หวางเฉียนจุนพลันส่งเสียงหัวเราะออกมาอย่างบ้าคลั่งในทันที พร้อมกับจับจ้องมายังเหวินหลิงเสวี่ยด้วยท่าทีเร่าร้อน แล้วจึงเอ่ยขึ้นมาว่า
"นับว่าเป็นคำถามที่ดี! เอาเป็นว่า อีกไม่นานข้าจะให้ท่านผู้อาวุโสที่จวนไปทำการสู่ขอเจ้าที่จวนตระกูลหวัน แล้วต่อไปนี้ พวกเราก็จักได้มาเป็นทองแผ่นเดียวกันแล้ว!"
เหล่าทหารองครักษ์ที่อยู่ข้างกันพลันส่งเสียงร้องโห่ขึ้นมาในทันที
"นายน้อยช่างตาแหลมยิ่งนัก!"
"พวกเจ้าดูไว้ แม่นางน้อยผู้นี้ต่อไปจักมาเป็นนายหญิงของพวกเรา!"
"เช่นนั้น พวกข้าต้องขอแสดงความยินดีกับนายน้อยล่วงหน้าแล้วขอรับ ฮ่าฮ่า"
เหวินหลิงเสวี่ยทั้งอับอายและโมโหไปในคราวเดียวกัน ดวงตาของนางพลันเบิกกว้าง พลางกัดฟันเอ่ยออกมาว่า "น่าขันยิ่งนัก ข้าเหวินหลิงเสวี่ยน ถึงจักต้องตายข้าก็จะไม่ยอมแต่งงานกับสวะเช่นเจ้า!"
ซวีอี้พลันลุกขึ้นยืนอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับใช้สายตาที่เย็นเยียบจ้องมองไปด้วยความเฉยเมย
ซวีอี้เพียงลุกขึ้นยืนด้วยความเงียบงัน พร้อมกับจับจ้องมองมาด้วยสายตาที่สงบนิ่ง
หากเป็นที่เก้าหล้ามหาดินแดนนั้น ผู้ใดที่คุ้นเคยกับซวีเสวียนจิ้นเป็นอย่างดี ย่อมรู้ว่าสายตาที่ซวีเสวียนจิ้นใช้มองมาด้วยความเฉยเมยและสงบนิ่งนั้น กำลังบ่งบอกว่าความตายกำลังมาเยือนพวกมัน !
"วาจามิอาจออกมาตามตรงได้ พี่สาวของเจ้าหวันหลิงจ้าวนั้นสูงส่งเพียงใด ทว่าท้ายที่สุดแล้วก็แต่งให้กับคนไร้ประโยชน์ผู้นี้มิใช่หรือ?"
เมื่อหวางเฉียนจุนพูดมาถึงตรงนี้นั้น เขาพลันชี้นิ้วไปที่ซวีอี้ในทันที พร้อมทั้งใบหน้าที่เต็มไปด้วยความดูถูกและเหยียดหยาม "ถึงแม้ว่าข้าจะเป็นโอหังแล้วเช่นไรเล่า ข้ารู้ดีว่าการปรองดองระหว่างตระกูลนั้น หาใช่เรื่องที่คนรุ่นลูกเช่นพวกข้าและเจ้าจะตัดสินใจเช่นไรได้!"
ผ่านไปครู่หนึ่งนั้น หวางเฉียนจุนจึงแย้มยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง พร้อมกับเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเย่อหยิ่งจองหองว่า "เหวินหลิงเสวี่ย ข้าแนะนำเจ้าเตรียมตัวเตรียมใจเอาไว้ให้ดี ไม่เกินหนึ่งเดือน ตระกูลหวางจักทำให้ตระกูลหวันรับปากเรื่องการแต่งเจ้าเข้าจวนให้จงได้!"
เหวินหลิงเสวี่ยพลันทำหน้าซีดเผือดไปในทันที พร้อมทั่วร่างที่สั่นสะท้านไปเล็กน้อย
คำพูดของหวางเฉียนจุนนั้น แทงใจดำนางอย่างจัง!
ในปีนั้น พี่สาวของนางพยายามขัดขวางงานมงคลในครานั้นเพียงใด ถึงแม้ว่าบิดามารดาของนางจะพยายามช่วยขัดขวางงานสมรสในครานั้นด้วยเช่นกัน ก็ยังไม่อาจขัดขวางความประสงค์ของท่านผู้อาวุโสภายในตระกูลได้ และสุดท้ายจึงต้องมาลงเอยกับพี่เขยของนางเช่นนี้
เมื่อเห็นเรื่องจริงเช่นนี้แล้ว มันจึงทำให้เหวินหลิงเสวี่ยอดที่จะรู้สึกเป็นกังวลขึ้นมิได้ว่า การสู่ของของหวางเฉียนจุนนั้น ตระกูลเหวินก็จักปฏิบัติกับนาง เช่นเดียวกันกับพี่สาวของนางเช่นเดียวกัน
เมื่อคิดเช่นนี้ เหวินหลิงเสวี่ยพลันได้แต่กัดริมฝีปากของตนเองเอาไว้จนริมฝีปากแทบจะปริแตกออกมา นางต่อไปนี้ จักต้องมาแต่งให้กับสวะที่โหดเหี้ยมเช่นนี้หรือ?
หากเป็นเช่นนี้จริง ๆ นางยินยอมที่จะปลิดชีพตนเองเสียดีกว่า!
"วางใจเถอะ มันจะไม่มีเรื่องเช่นนี้เกิดขึ้นอย่างแน่นอน"
ทันใดนั้น ฝ่ามืออุ่นพลันวางบนไหล่ของนางในทันที เมื่อเหวินหลิงเสวี่ยเงยหน้าขึ้นไปมองนั้น ก็พลันเห็นใบหน้าที่เต็มไปด้วยความอบอุ่นและนิ่งเฉยของซวีอี้ขึ้นมา
"ท่านพี่เขย" ภายในใจของเหวินหลิงเสวี่ยราวกับพบพาที่ให้พึ่งพิงได้แล้ว พร้อมกับกระแสความอบอุ่นที่กำลังไหลเข้ามาในหัวใจของนาง ทำให้นางอดมิได้ที่จะกลั้นน้ำเสียงสะอื้นของตัวเองเอาไว้
"ในเมื่องานเลี้ยงกร่อยเช่นนี้แล้ว ข้าพาเจ้ากลับกันเห็นเช่นไร?"
ซวีอี้พลันกล่าวออกมาด้วยน้ำเสียงแผ่วเบา
"อื้ม!"
เหวินหลิงเสวี่ยพลันพยักหน้าลงเล็กน้อย ทว่าไม่นานนัก นางก็แสดงสีหน้าเป็นกังวลออกมา"พี่เขย พวกเขา"
"วางใจเถอะ เดี๋ยวข้าจัดการเอง"
ซวีอี้พลันตบบ่าเหวินหลิงเสวี่ยเบา ๆ พบลางเอ่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน
พูดจบ สายตาของซวีอี้พลันหันไปหาเนี่ยถิงและเหล่าเด็กสาวคนอื่น ๆ ว่า "พวกเจ้าไปด้วยกันหรือไม่?"
ทั้งเนี่ยถิงและคนอื่น ๆ ต่างพากันตกตะลึงไปกับคำพูดของซวีอี้ยิ่งนัก
ซวี้อี้เป็นบ้าไปแล้วหรือ?
ไม่เห็นหรืออย่างไรว่า ทั้งหวางเฉียนจุนและเหล่าทหารองครักษ์ยืนขวางหน้าประตูอยู่เช่นนั้น?
ไม่มีผู้ใดคาดคิดเลยว่า ผู้ฝึกตนที่สูญเสียพลังยุทธ์ไปนั้น และยังเป็นตัวตลกที่เหล่าผู้คนในเมืองกวางหลิงล่ำลือกันไปทั่ว จะกล้าพูดคำนี้ออกมา?
"ฮะ เมื่อครู่เจ้าว่าเช่นไร เจ้าจะพาพวกเขาออกไปจากที่นี่งั้นหรือ?"
ในเวลานั้น หวางเฉียนจุนพลันแคะหูของตนเอง พร้อมทั้งหัวเราะออกมาอย่างเป็นบ้าเป็นหลังว่า "ซวีอี้ เจ้าคนไร้ประโยชน์เช่นเจ้า แม้พูดออกมากลับยโสโอหังกว่าข้ายิ่งนัก ผู้ใดสอนให้เจ้ากล้าดีเช่นนี้กัน?"
เหล่าทหารองครักษ์ที่ได้ยินเช่นนั้น ต่างพากันหัวเราะน้ำตาเล็ดออกมาในทันที ราวกับพวกเขากำลังฟังเรื่องตลกอยู่ก็ไม่ปาน
"ซวีอี้ เจ้าอย่านึกรนหาที่เลยดีหรือไม่!!"
เนี่ยถิงเองก็รู้สึกหัวเสียไม่น้อยเช่นกัน ใบหน้าที่เคร่งขรึมของเขา พลันพูดออกมาอย่างชัดถ้อยชัดคำว่า "เรื่องนี้ ให้ข้าจัดการเองเถอะ เจ้าแค่อยู่เฉย ๆ ก็พอแล้ว! หากยังทำให้เรื่องวุ่นวายไปมากกว่านี้ อย่าหาว่าข้าไร้น้ำใจก็แล้วกัน!"
คำพูดนี้ราวกับพลังอำนาจยิ่งนัก ใบหน้าของเหล่าเด็กสาวที่ได้ยินพลันอดมิได้ที่จะรู้สึกสั่นไหวไปตามๆ กัน พร้อมทั้งรู้สึกว่า คำพูดของเนี่ยถิงกลับเต็มไปด้วยความองอาจของชายชาตรียิ่งนัก!
หาเปรียบเทียบกันดูแล้ว การกระทำของซวีอี้เมื่อครู่ก็ดูจะไม่ประมาณตนเกินไป!
คนไร้ประโยชน์เช่นเขา กลับพ่นลมปากออกมาว่าจะพานางออกไปจากที่นี่งั้นหรือ?
ช่างน่าขัน!
"ครั้งนี้เจ้าทำให้ข้ารู้สึกประทับใจยิ่งนัก คนหนุ่มวัยเลือดร้อนก็เป็นเช่นนี้ ถ้าเช่นนั้นก็อย่าทำให้เสียพลังของเจ้าไปเปล่าประโยชน์เลย "
ซวีอี้พลันมองไปที่เนี่ยถิงพร้อมกับพยักหน้าลงเล็กน้อย
เนี่ยถิงพลันชะงักไปในทันที น้ำเสียงของคนผู้นี้ทำไม อะไรกัน
ยังไม่รอให้เขาได้สติกลับมา หวางเฉียนจุนที่ยืนขวางหน้าประตูเอาไว้นั้น พลันเผยสีหน้าไม่สบอารมณ์ออกมาในทันที พร้อมกับโบกไม้โบกมือขึ้นมาว่า
"ไป ไปจัดการคนไร้ประโยชน์นั่นให้ข้า ปลดเปลื้องผ้ามันออกมาให้หมด พร้อมทั้งจับมันไปขึงไว้ที่หน้าประตูเมือง ข้าจะทำให้ผู้คนได้เห็นความอับอายของมัน!"
"ขอรับนายน้อย!"
ทหารองครักษ์ที่อดใจไม่ไหวนั้น พลันพุ่งตัวเข้ามาหาในทันที
"เจ้าเด็กน้อย ข้ามาเล่นกับเจ้าแล้ว"
ทหารองครักษ์ที่มีรูปร่างร่างกายกำยำนั้น และใบหน้าที่เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อและความดุดันนั้น ทำให้เอาผู้คนรู้สึกหวาดกลัวไปในทันทีเพียงแค่ได้พบเจอ เหล่าเด็กสาวที่ได้เห็นเช่นนั้น สีหน้าของนางพลันเต็มไปด้วยความตื่นตระหนกและวิตกกังวลจนถึงขีดสุด
หยางเฉิง!
องครักษ์ฝีมือดีของหวางเฉียนจุน ทั้งยังมีลมปราณผู้ฝึกตนอยู่ในเขตแดนโคจรโลหิตอีกด้วย เนื้อหนังของเขาแข็งแกร่งราวกับเหล็กทองแดง พละกำลังของเขาราวกับวัวกระทิง ทั้งยังเชี่ยวชาญทักษะ "บดขยี้มือเดียว" อีกด้วย
เพียงฝ่ามือเดียวของเขา ก็สามารถทำให้เส้นเอ็นฉีกกระดูกแตกได้ แม้ว่าไม่ตายก็อาจจะพิการไปตลอดชีวิต
เมื่อพูดถึงตรงนี้ เขาพลันกระแทกฝ่ามือลงมา ราวกับจะบดขยี้ให้แหลกในมือเดียว หากฟาดลงมาจริง ๆ นั้น คงได้บาดเจ็บสาหัสเป็นแน่
"พี่เขยหลบเร็วเข้า!"
น้ำเสียงร้องเตือนของเหวินหลิงเสวี่ยนั้น ใบหน้างามพลันซีดเผือดไปในทันที ด้วยระยะของนางในตอนนี้นั้น ไม่อาจเข้าไปห้ามได้แน่
"มิต้องตระหนกไป แรงลมปราณที่อยู่ในขอบเขตเช่นนี้ ไม่อาจทำสิ่งใดข้าได้หรอก"
ในน้ำเสียงที่ติดเฉยเมยนั้น นางก็พลันเห็นร่างของซวีอี้เคลื่อนไหวเข้าไปหาในทันที
เขากระโจนเข้าไปด้านหน้าโดยไว ราวกับเหยี่ยวที่พุ่งเข้าไปจับกระต่าย ด้วยเพียงมือเดียวเท่านั้น ซวีอี้พลันคว้าข้อมือจุดกดชีพจรของหยางเฉิงได้ในทันที พร้อมกับสะบัดมือออกไปเต็มแรง
เพียงแค่การสะบัดมือครั้งเดียว
ร่างสูงกำยำของหยางเฉิงนั้น พลันถูกทุ่มลงกับพื้นเต็มแรง พร้อมด้วยอวัยวะภายในที่บอบช้ำอย่างแสนสาหัสในทันที ด้วย "แรงสั่นสะเทือน" เพียงครั้งเดียว
ทั่วร่างของเขาพลันสั่นสะท้านราวกับร่างจะแหลกสลาย!
นี่คือเคล็ดลับวิธีการออกพลังที่ยอดเยี่ยม
แม้ว่าฝึกยุทธ์จนมาถึงขั้นสูงแล้วนั้น ขอเพียงแค่ถูกศัตรูโจมตี ทั้งเลือดน้ำกระดูกหรืออวัยวะภายในร่างกาย ก็สามารถแหลกเป็นผุยผงได้
ในสายตาของทุกคนนั้น ถึงแม้ว่าหยางเฉิงจะมิโดนปลิดชีพโดยตรง แต่ทว่าอวัยวะภายในของเขาจักต้องเสียหายไม่น้อยเลยทีเดียว
ภายในชั่วพริบตา ซวี้อี้พลันแตะเขาออกไปไกลในทันที
ผลัก!
ในแววตาของทุกคนที่ไม่อยากจะเชื่อในสายตาของตนเองนั้น ร่างของหยางเฉิงพลันลอยจากพื้นขึ้นไปชนกับเพดานห้องรับรองในทันที
ร่างกายของเขาพลันชักเกร็งออกมา พร้อมกับเลือดที่ค่อย ๆ ไหลออกมาจากอวัยวะทั้งเจ็ด
พร้อมทั้งทุกคนในห้องที่ตกอยู่ในอาการตกตะลึง
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.webreadapp.com All rights reserved