บทที่5 คุณลู่เฉินครับ ผมขอโทษ
by พิงตึกเห็นคุณลอยน้ำ
14:29,Oct 20,2020
สถานการณ์เปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว ทำให้ฟ่านหมิงและคนอื่นๆตั้งตัวไม่ทัน
“อะไรกัน! ทำไมยังไม่รีบขอโทษลู่เฉินอีก?” เสี้ยจุนเดือดเนื้อร้อนใจจนแทบจะคลั่ง
ยังไงเขาก็นึกไม่ถึงเลยว่า คนที่อยู่เบื้องหลังลู่เฉินนั้นคือลู่จง เศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองหยูโจว
เมื่อลู่เฉินเดินออกจากห้องทำงานของเขาได้ไม่นาน เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากลู่จง
ลู่จงพูดกับเขาผ่านโทรศัพท์ว่า เขานั้นทำให้คุณชายตระกูลลู่ไม่พอใจ และจะต้องชดใช้ด้วยการล้มละลายของบริษัทภายในห้าโมงวันนี้ ที่ลู่จงโทรมานั้นไม่ได้ต้องการข่มขู่ แต่เพื่อให้เขาได้เตรียมใจไว้ล่วงหน้าเท่านั้นเอง
คำพูดแบบนี้มันอาจดูเหมือนเรื่องล้อเล่นและเอาแต่ใจ
แต่มหาเศรษฐีอย่างเขามีเงินและคุณสมบัติที่จะทำอะไรตามอำเภอใจแบบนี้ได้นะสิ
แม้แต่เศรษฐีลู่ยังออกหน้าด้วยตัวเองแบบนี้แล้ว เขายังทำอะไรได้อีก?
เมื่ออยู่ต่อหน้าลู่จง เขาเป็นได้แค่มดตัวเล็กๆตัวหนึ่งเท่านั้น ลู่จงสามารถทำให้เขาล้มละลายได้ในทุกวินาทีอย่างง่ายดาย
เขาจึงได้รีบวิ่งตามออกมา
ทำไงได้ ตอนนี้ไม่มีใครช่วยเขาได้แล้วนอกจากลู่เฉิน
ฟ่านหมิงกลัวจนตัวสั่น เมื่อเห็นแววตาที่น่าเกรงขามของผู้บริหารเสี้ย เขาก็สั่นสะท้าน
“ลู่เฉิน ผมขอโทษ ผมมันมีตาหามีแววไม่ หวังว่าคุณจะให้อภัยกับความโง่เขลาของผมด้วย” ในที่สุดฟ่านหมิงก็ยอมเอ่ยปากขอโทษลู่เฉิน
เมื่อมองดูท่าทางของผู้บริหารเสี้ย ฟ่านหมิงก็เข้าใจดีว่าเขาควรเลือกเอ่ยขอโทษลู่เฉิน ถ้าเขายังไม่อยากถูกไล่ออก
ลูกค้าของเขาส่วนใหญ่เป็นผู้ที่สั่งซื้อตาแมวอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งในเมืองหยูโจวก็มีแค่บริษัทอิเล็กทรอนิกส์ตองเจียเท่านั้นที่ผลิตตาแมวอิเล็กทรอนิกส์ได้ดีที่สุด ถ้าเขาถูกไล่ออกขึ้นมาจริงๆ เขาคงต้องออกจากเมืองหยูโจว หรือไม่ก็ไปเริ่มต้นชีวิตการงานใหม่
แล้วอีกอย่างเขาอยู่ที่นี่ก็ได้รับค่าคอมมิชชั่นหลายแสนในทุกๆเดือน เขาจึงไม่อยากออกจากที่นี่
พวกพนักงานรักษาความปลอดภัยอย่างหยูไห่ก็พากันก้มหน้าก้มตาไม่กล้ามองสบตาผู้บริหารเสี้ย กลัวว่าจะถูกบังคับให้พวกเขากล่าวคำขอโทษต่อลู่เฉินด้วย
“ลู่เฉิน คุณพอใจหรือยังครับ” เสี้ยจุนหันกลับไปมองลู่เฉินและยิ้มอย่างแจ่มใส
พวกฟ่านหมิงต่างก็มองไปทางลู่เฉิน
ลู่เฉินครุ่นคิดแล้วพูดขึ้นว่า “เอาละ วันนี้พอแค่นี้ก่อนครับ”
ลู่เฉินรู้ดีว่าฟ่านหมิงกล่าวขอโทษเพราะถูกบังคับ เขาต้องไม่พอใจแน่ๆ และคงไม่ได้ออกมาจากใจจริง
ถ้าอย่างนั้น ก็ค่อยๆเล่นเกมไปกับเขาแล้วกัน
“ยังไม่รีบกลับไปทำงานอีกเหรอ?” เมื่อเห็นลู่เฉินอ่อนข้อให้ เสี้ยจุนก็วางใจเพราะนี่แสดงว่าเขายังมีโอกาสอยู่
“ครับ ครับ ผมรีบไปทำงานเดี๋ยวนี้เลย!” ฟ่านหมิงก็โล่งใจเช่นกัน เขาพูดจบก็รีบจากไป
หยูไห่เองก็พาพวกพนักงานรักษาความปลอดภัยออกจากห้องโถงไปประจำจุดตนเอง
“ลู่เฉินครับ ผมขอโทษจริงๆครับที่โง่เชื่อฟังคำพูดใส่ร้ายคุณจากฟ่านหมิง และเข้าใจผิดเรื่องคุณลางานด้วย หวังว่าคุณจะให้โอกาสผมอีกสักครั้งนะครับ” หลังจากพวกฟ่านหมิงจากไป เสี้ยจุนก็ร้องขอความเมตตาจากลู่เฉิน
นี่เป็นทางออกทางเดียวของเขาแล้ว
ขณะนี้ความเป็นความตายของบริษัทขึ้นอยู่กับลู่เฉิน อย่าว่าแต่ขอความเมตตาเลย ถึงจะต้องกราบขอโทษลู่เฉิน เขาก็ต้องทำตามโดยไม่มีสิทธิ์ลังเลแม้แต่นิดเดียว
ลู่เฉินมองหน้าเสี้ยจุนอยู่นาน จนทำให้สมองของเสี้ยจุนปั่นป่วนไปหมด ลู่เฉินพูดขึ้นอย่างช้าๆว่า “ก็ได้ งั้นเราไปคุยกันที่ห้องทำงานของคุณแล้วกันนะ”
ในที่สุด เสี้ยจุนก็โล่งใจได้สักที เขารีบพาลู่เฉินเดินตรงไปห้องทำงาน
......
“ผู้จัดการฟ่านครับ ผู้บริหารเสี้ยเขาหมายความว่ายังไงกันแน่ครับ? ตอนแรกเขาเป็นคนไล่ลู่เฉินออกจากบริษัทเอง แต่ทำไมตอนนี้กลับช่วยลู่เฉินซะงั้น?”หยูไห่ถามด้วยความสงสัย
ฟ่านหมิงขมวดคิ้วโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา
เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่า มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง!
วันนี้ถูกบังคับให้ขอโทษลู่เฉิน ถึงแม้ว่าจะมีไม่กี่คนเห็นเข้า แต่ก็ทำให้เขาเสียหน้ามาก!
เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่า ลู่เฉินไปพูดอะไรกับผู้บริหารเสี้ย ทัศนคติของเขาที่มีต่อลู่เฉินถึงเปลี่ยนไปมากขนาดนี้
“จะเป็นไปได้ไหมว่า ผู้บริหารเสี้ยกับภรรยาของลู่เฉินจะมีอะไรกัน? เลยเป็นเหตุที่ผู้บริหารเสี้ยปกป้องเขา ใครๆก็รู้ดีว่าหลินอี้จุนเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในบริษัท ใครๆก็ชอบเธอกันทั้งนั้น” หยูไห่พูดด้วยดวงตาแวววาว
ฟ่านหมิงเพิ่งคิดออก “จริงซิ! ทำไมผมไม่ได้นึกถึงเรื่องนี้กันนะ!”
แม้แต่เขาที่อายุเพียงสามสิบต้นๆ ก็หลงใหลหลินอี้จุนมากขนาดนี้ ผู้บริหารเสี้ยจะหลงใหลในตัวหลินอี้จุนขนาดไหน
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ฟ่านหมิงก็รู้สึกขนลุกทันที นี่เขาไปแย่งผู้หญิงกับผู้บริหารเสี้ยเหรอเนี่ย? นี่มันคือรนหาที่ตายชัดๆ!
“ต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ แต่ก็ช่างมันเถอะ ในเมื่อพวกเขาสองคนมีความสัมพันธ์กันแบบนี้เขาจะคอยดูวันที่ผู้บริหารเสี้ยเบื่อผู้หญิงคนนี้ เมื่อนั้นลู่เฉินต้องถูกไล่ออกจากบริษัทแน่นอน ถึงตอนนั้นเราค่อยจัดการมัน” ฟ่านหมิงพูดขึ้น
“ไอ้ลู่เฉินนั่นก็ใจกล้าจริงๆ คิดจะประจบประแจงเจ้านายทำได้ถึงขนาดส่งภรรยาตัวเองไปนอนด้วย ใจมันทำด้วยอะไรเนี่ย” หยูไห่หัวเราะ
ฟ่านหมิงก็หัวเราะเยาะเหมือนกัน ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมหลินอี้จุนถึงไม่สนใจเขา
หลินอี้จุนนะหลินอี้จุน ผมคิดว่าคุณเป็นผู้หญิงที่แสนดีซะอีก ที่ไหนได้คุณมันก็เป็นแค่ผู้หญิงมั่วๆคนหนึ่ง!
ฟ่านหมิงยิ่งคิดยิ่งโกรธ ก่อนหน้านี้เขาแค่ไม่พอใจลู่เฉิน แต่ตอนนี้เขาโมโหหลินอี้จุนขึ้นมาอีก
เป็นผู้หญิงของผู้บริหารเสี้ยแล้วยังไง? ถ้าคุณยังอยู่ที่ฝ่ายขาย เขามีวิธีมากมายจัดการเธอ!
ฟ่านหมิงยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ ในเมื่อเสี้ยจุนไม่ย้ายหลินอี้จุนไปแผนกอื่น ก็หมายความว่าเขาไม่อยากทำให้เรื่องนี้โดดเด่นขึ้นมา เพราะกลัวว่าจะมีใครรู้ถึงความสัมพันธ์นี้ ต่อไปนี้หากเขาจะกลั่นแกล้งหลินอี้จุน คาดว่าเสี้ยจุนก็ไม่กล้าพูดอะไร
ในที่สุด ลู่เฉินก็ล้มเลิกความคิดที่จะทำให้บริษัทอิเล็กทรอนิกส์ตองเจียล้มละลาย
เมื่อไปถึงห้องทำงานของเสี้ยจุน เขาก็เสนอขึ้นมาว่าจะซื้อบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ตองเจีย
จากการขอร้องไหว้วอนของเสี้ยจุน สุดท้ายเขาแค่ซื้อหุ้นส่วน 70% ของบริษัทไว้ และกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ตองเจีย
เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างได้จบลงอย่างเรียบร้อยแล้ว ลู่เฉินก็กลับมาที่โรงพยาบาล
"แค่ไปยื่นใบลาออกต้องใช้เวลานานขนาดนี้เลยเหรอ?” หลินอี้จุนมองหน้าลู่เฉินอย่างไม่พอใจ
ถึงแม้ว่าตอนนี้ทั้งสองคนต้องการเงินมาก แต่ก็ยังต้องมีคนคอยดูแลลูกสาว
การที่พวกเขาทั้งสองลากิจบ่อยๆ อาจส่งผลต่อหน้าที่การงานได้
ดังนั้นเมื่อลู่เฉินบอกกับเธอว่าจะไปลาออกจากงาน หลินอี้จุนจึงไม่ได้ว่าอะไร
เงินเดือนของลู่เฉินแค่น้อยนิด ทำไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร
แต่การที่ลู่เฉินจากไปตั้งครึ่งวันมันทำให้เธอรู้สึกโมโห
“ผมมีธุระอื่นต้องทำ” ลู่เฉินอธิบาย
“มีธุระอะไรสำคัญกว่าการดูแลลูกฉี๋ฉี๋คะ?” หลินอี้จุนตอบกลับ
จริงๆแล้ว ลู่เฉินอยากจะบอกความจริงที่ว่าเขาได้ซื้อบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ตองเจียไว้แล้ว
แต่เมื่อเห็นหน้าหลินอี้จุนที่เต็มไปด้วยความดูถูก เขาได้แค่ยิ้มและขี้เกียจจะอธิบาย
เขาเริ่มนึกสนุกขึ้นมาว่า ถ้าหลินอี้จุนรู้เรื่องที่เขาได้เป็นผู้ถือหุ้นรายใหม่ของบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ตองเจีย เธอจะรู้สึกยังไงนะ?
“คุณดูแลฉี๋ฉี๋ให้ดีนะ ถ้าฉี๋ฉี๋เป็นอะไรขึ้นมาฉันไม่ปล่อยคุณแน่” หลินอี้จุนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา เมื่อพูดจบก็คว้ากระเป๋าแล้วไปทำงาน
ลู่เฉินไม่ได้สนใจหลินอี้จุน เขาคุกเข่าลงและมองไปยังใบหน้าผอมซีดของลูกสาวตัวน้อย ลูกสาวเขาที่หลับอยู่ตอนนี้ไม่รู้เป็นเพราะฝันร้ายหรือเพราะว่าอาการเจ็บป่วย ใบหน้าของเธอแฝงไปด้วยความไม่สบายใจ
ลู่เฉินสงสารลูกสาวอย่างจับใจ เขาก้มลงจูบหน้าผากเธออย่างเบาๆ เพราะกลัวว่าจะทำให้เธอตื่น
เมื่อเห็นสีหน้าของลูกสาวค่อยๆดีขึ้น ลู่เฉินก็รีบโทรหาลู่จงและเร่งให้เขารีบไปหาไขกระดูก จากนั้นจึงจัดการเปลี่ยนห้องผู้ป่วยของลูกสาวเป็นห้องวีไอพี
ลู่เฉินกำชับให้พยาบาลที่มาใหม่ดูแลฉี๋ฉี๋ให้ดี แล้วจึงออกไปหาอะไรรองท้อง ตั้งแต่เช้าจนกระทั่งปาไปบ่ายโมงแล้วเขายังไม่ได้กินข้าวเลย
เมื่อเขาก้าวออกจากโรงพยาบาล ก็ได้เจอหน้าแม่ยายและน้องสาวภรรยาของเขา
“อะไรกัน! ทำไมยังไม่รีบขอโทษลู่เฉินอีก?” เสี้ยจุนเดือดเนื้อร้อนใจจนแทบจะคลั่ง
ยังไงเขาก็นึกไม่ถึงเลยว่า คนที่อยู่เบื้องหลังลู่เฉินนั้นคือลู่จง เศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในเมืองหยูโจว
เมื่อลู่เฉินเดินออกจากห้องทำงานของเขาได้ไม่นาน เขาก็ได้รับโทรศัพท์จากลู่จง
ลู่จงพูดกับเขาผ่านโทรศัพท์ว่า เขานั้นทำให้คุณชายตระกูลลู่ไม่พอใจ และจะต้องชดใช้ด้วยการล้มละลายของบริษัทภายในห้าโมงวันนี้ ที่ลู่จงโทรมานั้นไม่ได้ต้องการข่มขู่ แต่เพื่อให้เขาได้เตรียมใจไว้ล่วงหน้าเท่านั้นเอง
คำพูดแบบนี้มันอาจดูเหมือนเรื่องล้อเล่นและเอาแต่ใจ
แต่มหาเศรษฐีอย่างเขามีเงินและคุณสมบัติที่จะทำอะไรตามอำเภอใจแบบนี้ได้นะสิ
แม้แต่เศรษฐีลู่ยังออกหน้าด้วยตัวเองแบบนี้แล้ว เขายังทำอะไรได้อีก?
เมื่ออยู่ต่อหน้าลู่จง เขาเป็นได้แค่มดตัวเล็กๆตัวหนึ่งเท่านั้น ลู่จงสามารถทำให้เขาล้มละลายได้ในทุกวินาทีอย่างง่ายดาย
เขาจึงได้รีบวิ่งตามออกมา
ทำไงได้ ตอนนี้ไม่มีใครช่วยเขาได้แล้วนอกจากลู่เฉิน
ฟ่านหมิงกลัวจนตัวสั่น เมื่อเห็นแววตาที่น่าเกรงขามของผู้บริหารเสี้ย เขาก็สั่นสะท้าน
“ลู่เฉิน ผมขอโทษ ผมมันมีตาหามีแววไม่ หวังว่าคุณจะให้อภัยกับความโง่เขลาของผมด้วย” ในที่สุดฟ่านหมิงก็ยอมเอ่ยปากขอโทษลู่เฉิน
เมื่อมองดูท่าทางของผู้บริหารเสี้ย ฟ่านหมิงก็เข้าใจดีว่าเขาควรเลือกเอ่ยขอโทษลู่เฉิน ถ้าเขายังไม่อยากถูกไล่ออก
ลูกค้าของเขาส่วนใหญ่เป็นผู้ที่สั่งซื้อตาแมวอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งในเมืองหยูโจวก็มีแค่บริษัทอิเล็กทรอนิกส์ตองเจียเท่านั้นที่ผลิตตาแมวอิเล็กทรอนิกส์ได้ดีที่สุด ถ้าเขาถูกไล่ออกขึ้นมาจริงๆ เขาคงต้องออกจากเมืองหยูโจว หรือไม่ก็ไปเริ่มต้นชีวิตการงานใหม่
แล้วอีกอย่างเขาอยู่ที่นี่ก็ได้รับค่าคอมมิชชั่นหลายแสนในทุกๆเดือน เขาจึงไม่อยากออกจากที่นี่
พวกพนักงานรักษาความปลอดภัยอย่างหยูไห่ก็พากันก้มหน้าก้มตาไม่กล้ามองสบตาผู้บริหารเสี้ย กลัวว่าจะถูกบังคับให้พวกเขากล่าวคำขอโทษต่อลู่เฉินด้วย
“ลู่เฉิน คุณพอใจหรือยังครับ” เสี้ยจุนหันกลับไปมองลู่เฉินและยิ้มอย่างแจ่มใส
พวกฟ่านหมิงต่างก็มองไปทางลู่เฉิน
ลู่เฉินครุ่นคิดแล้วพูดขึ้นว่า “เอาละ วันนี้พอแค่นี้ก่อนครับ”
ลู่เฉินรู้ดีว่าฟ่านหมิงกล่าวขอโทษเพราะถูกบังคับ เขาต้องไม่พอใจแน่ๆ และคงไม่ได้ออกมาจากใจจริง
ถ้าอย่างนั้น ก็ค่อยๆเล่นเกมไปกับเขาแล้วกัน
“ยังไม่รีบกลับไปทำงานอีกเหรอ?” เมื่อเห็นลู่เฉินอ่อนข้อให้ เสี้ยจุนก็วางใจเพราะนี่แสดงว่าเขายังมีโอกาสอยู่
“ครับ ครับ ผมรีบไปทำงานเดี๋ยวนี้เลย!” ฟ่านหมิงก็โล่งใจเช่นกัน เขาพูดจบก็รีบจากไป
หยูไห่เองก็พาพวกพนักงานรักษาความปลอดภัยออกจากห้องโถงไปประจำจุดตนเอง
“ลู่เฉินครับ ผมขอโทษจริงๆครับที่โง่เชื่อฟังคำพูดใส่ร้ายคุณจากฟ่านหมิง และเข้าใจผิดเรื่องคุณลางานด้วย หวังว่าคุณจะให้โอกาสผมอีกสักครั้งนะครับ” หลังจากพวกฟ่านหมิงจากไป เสี้ยจุนก็ร้องขอความเมตตาจากลู่เฉิน
นี่เป็นทางออกทางเดียวของเขาแล้ว
ขณะนี้ความเป็นความตายของบริษัทขึ้นอยู่กับลู่เฉิน อย่าว่าแต่ขอความเมตตาเลย ถึงจะต้องกราบขอโทษลู่เฉิน เขาก็ต้องทำตามโดยไม่มีสิทธิ์ลังเลแม้แต่นิดเดียว
ลู่เฉินมองหน้าเสี้ยจุนอยู่นาน จนทำให้สมองของเสี้ยจุนปั่นป่วนไปหมด ลู่เฉินพูดขึ้นอย่างช้าๆว่า “ก็ได้ งั้นเราไปคุยกันที่ห้องทำงานของคุณแล้วกันนะ”
ในที่สุด เสี้ยจุนก็โล่งใจได้สักที เขารีบพาลู่เฉินเดินตรงไปห้องทำงาน
......
“ผู้จัดการฟ่านครับ ผู้บริหารเสี้ยเขาหมายความว่ายังไงกันแน่ครับ? ตอนแรกเขาเป็นคนไล่ลู่เฉินออกจากบริษัทเอง แต่ทำไมตอนนี้กลับช่วยลู่เฉินซะงั้น?”หยูไห่ถามด้วยความสงสัย
ฟ่านหมิงขมวดคิ้วโดยไม่ได้พูดอะไรออกมา
เขาก็ไม่รู้เหมือนกันว่า มันเป็นแบบนี้ได้ยังไง!
วันนี้ถูกบังคับให้ขอโทษลู่เฉิน ถึงแม้ว่าจะมีไม่กี่คนเห็นเข้า แต่ก็ทำให้เขาเสียหน้ามาก!
เขาก็อยากรู้เหมือนกันว่า ลู่เฉินไปพูดอะไรกับผู้บริหารเสี้ย ทัศนคติของเขาที่มีต่อลู่เฉินถึงเปลี่ยนไปมากขนาดนี้
“จะเป็นไปได้ไหมว่า ผู้บริหารเสี้ยกับภรรยาของลู่เฉินจะมีอะไรกัน? เลยเป็นเหตุที่ผู้บริหารเสี้ยปกป้องเขา ใครๆก็รู้ดีว่าหลินอี้จุนเป็นผู้หญิงที่สวยที่สุดในบริษัท ใครๆก็ชอบเธอกันทั้งนั้น” หยูไห่พูดด้วยดวงตาแวววาว
ฟ่านหมิงเพิ่งคิดออก “จริงซิ! ทำไมผมไม่ได้นึกถึงเรื่องนี้กันนะ!”
แม้แต่เขาที่อายุเพียงสามสิบต้นๆ ก็หลงใหลหลินอี้จุนมากขนาดนี้ ผู้บริหารเสี้ยจะหลงใหลในตัวหลินอี้จุนขนาดไหน
เมื่อนึกถึงเรื่องนี้ ฟ่านหมิงก็รู้สึกขนลุกทันที นี่เขาไปแย่งผู้หญิงกับผู้บริหารเสี้ยเหรอเนี่ย? นี่มันคือรนหาที่ตายชัดๆ!
“ต้องเป็นแบบนี้แน่ๆ แต่ก็ช่างมันเถอะ ในเมื่อพวกเขาสองคนมีความสัมพันธ์กันแบบนี้เขาจะคอยดูวันที่ผู้บริหารเสี้ยเบื่อผู้หญิงคนนี้ เมื่อนั้นลู่เฉินต้องถูกไล่ออกจากบริษัทแน่นอน ถึงตอนนั้นเราค่อยจัดการมัน” ฟ่านหมิงพูดขึ้น
“ไอ้ลู่เฉินนั่นก็ใจกล้าจริงๆ คิดจะประจบประแจงเจ้านายทำได้ถึงขนาดส่งภรรยาตัวเองไปนอนด้วย ใจมันทำด้วยอะไรเนี่ย” หยูไห่หัวเราะ
ฟ่านหมิงก็หัวเราะเยาะเหมือนกัน ตอนนี้เขาเข้าใจแล้วว่าทำไมหลินอี้จุนถึงไม่สนใจเขา
หลินอี้จุนนะหลินอี้จุน ผมคิดว่าคุณเป็นผู้หญิงที่แสนดีซะอีก ที่ไหนได้คุณมันก็เป็นแค่ผู้หญิงมั่วๆคนหนึ่ง!
ฟ่านหมิงยิ่งคิดยิ่งโกรธ ก่อนหน้านี้เขาแค่ไม่พอใจลู่เฉิน แต่ตอนนี้เขาโมโหหลินอี้จุนขึ้นมาอีก
เป็นผู้หญิงของผู้บริหารเสี้ยแล้วยังไง? ถ้าคุณยังอยู่ที่ฝ่ายขาย เขามีวิธีมากมายจัดการเธอ!
ฟ่านหมิงยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ ในเมื่อเสี้ยจุนไม่ย้ายหลินอี้จุนไปแผนกอื่น ก็หมายความว่าเขาไม่อยากทำให้เรื่องนี้โดดเด่นขึ้นมา เพราะกลัวว่าจะมีใครรู้ถึงความสัมพันธ์นี้ ต่อไปนี้หากเขาจะกลั่นแกล้งหลินอี้จุน คาดว่าเสี้ยจุนก็ไม่กล้าพูดอะไร
ในที่สุด ลู่เฉินก็ล้มเลิกความคิดที่จะทำให้บริษัทอิเล็กทรอนิกส์ตองเจียล้มละลาย
เมื่อไปถึงห้องทำงานของเสี้ยจุน เขาก็เสนอขึ้นมาว่าจะซื้อบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ตองเจีย
จากการขอร้องไหว้วอนของเสี้ยจุน สุดท้ายเขาแค่ซื้อหุ้นส่วน 70% ของบริษัทไว้ และกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ตองเจีย
เมื่อทุกสิ่งทุกอย่างได้จบลงอย่างเรียบร้อยแล้ว ลู่เฉินก็กลับมาที่โรงพยาบาล
"แค่ไปยื่นใบลาออกต้องใช้เวลานานขนาดนี้เลยเหรอ?” หลินอี้จุนมองหน้าลู่เฉินอย่างไม่พอใจ
ถึงแม้ว่าตอนนี้ทั้งสองคนต้องการเงินมาก แต่ก็ยังต้องมีคนคอยดูแลลูกสาว
การที่พวกเขาทั้งสองลากิจบ่อยๆ อาจส่งผลต่อหน้าที่การงานได้
ดังนั้นเมื่อลู่เฉินบอกกับเธอว่าจะไปลาออกจากงาน หลินอี้จุนจึงไม่ได้ว่าอะไร
เงินเดือนของลู่เฉินแค่น้อยนิด ทำไปก็ไม่มีประโยชน์อะไร
แต่การที่ลู่เฉินจากไปตั้งครึ่งวันมันทำให้เธอรู้สึกโมโห
“ผมมีธุระอื่นต้องทำ” ลู่เฉินอธิบาย
“มีธุระอะไรสำคัญกว่าการดูแลลูกฉี๋ฉี๋คะ?” หลินอี้จุนตอบกลับ
จริงๆแล้ว ลู่เฉินอยากจะบอกความจริงที่ว่าเขาได้ซื้อบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ตองเจียไว้แล้ว
แต่เมื่อเห็นหน้าหลินอี้จุนที่เต็มไปด้วยความดูถูก เขาได้แค่ยิ้มและขี้เกียจจะอธิบาย
เขาเริ่มนึกสนุกขึ้นมาว่า ถ้าหลินอี้จุนรู้เรื่องที่เขาได้เป็นผู้ถือหุ้นรายใหม่ของบริษัทอิเล็กทรอนิกส์ตองเจีย เธอจะรู้สึกยังไงนะ?
“คุณดูแลฉี๋ฉี๋ให้ดีนะ ถ้าฉี๋ฉี๋เป็นอะไรขึ้นมาฉันไม่ปล่อยคุณแน่” หลินอี้จุนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชา เมื่อพูดจบก็คว้ากระเป๋าแล้วไปทำงาน
ลู่เฉินไม่ได้สนใจหลินอี้จุน เขาคุกเข่าลงและมองไปยังใบหน้าผอมซีดของลูกสาวตัวน้อย ลูกสาวเขาที่หลับอยู่ตอนนี้ไม่รู้เป็นเพราะฝันร้ายหรือเพราะว่าอาการเจ็บป่วย ใบหน้าของเธอแฝงไปด้วยความไม่สบายใจ
ลู่เฉินสงสารลูกสาวอย่างจับใจ เขาก้มลงจูบหน้าผากเธออย่างเบาๆ เพราะกลัวว่าจะทำให้เธอตื่น
เมื่อเห็นสีหน้าของลูกสาวค่อยๆดีขึ้น ลู่เฉินก็รีบโทรหาลู่จงและเร่งให้เขารีบไปหาไขกระดูก จากนั้นจึงจัดการเปลี่ยนห้องผู้ป่วยของลูกสาวเป็นห้องวีไอพี
ลู่เฉินกำชับให้พยาบาลที่มาใหม่ดูแลฉี๋ฉี๋ให้ดี แล้วจึงออกไปหาอะไรรองท้อง ตั้งแต่เช้าจนกระทั่งปาไปบ่ายโมงแล้วเขายังไม่ได้กินข้าวเลย
เมื่อเขาก้าวออกจากโรงพยาบาล ก็ได้เจอหน้าแม่ยายและน้องสาวภรรยาของเขา
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.webreadapp.com All rights reserved