บทที่ 17 เธอจะไม่ยอมให้ตัวเองต้องแปดเปื้อน!
by ลูกหมี
19:34,Mar 01,2021
เมื่อกวาดสายตามองไปที่หร่วนซือซือที่หมดสติอยู่บนเตียง หวังเหล่ยเลิกคิ้วขึ้นและยิ้มเยาะ จากนั้นก็เดินออกจากห้องไปอย่างสะใจ
คราวนี้ต่อให้หร่วนซือซือมีปีกก็ยากที่จะหนีไปได้ แต่จะโทษใครดีล่ะ ใครใช้ให้เธอทำให้พี่สาวไม่พอใจและขุ่นเคืองกันล่ะ?
หวังเหล่ยเดินผ่านทางเดินและขึ้นลิฟต์ลงไปที่ล็อบบี้ เธอเห็นชายมีพุงคนเดินอยู่ไกลๆ เขารีบร้อนเดินเข้ามาทางด้านนี้ เขาเดินเข้ามาใกล้แล้วก็เงยหน้าขึ้น ทั้งสองคนสบตากัน โดยต่างฝ่ายต่างรู้ซึ่งกันและกัน
ชายคนนั้นเดินเฉียดไหล่หวังเหล่ยไป เธอแอบดีใจ เธอได้ส่งนางเอกถึงที่หมาย และพระเอกก็มาแล้ว ต่อไปเธอก็จะไปหาพี่สาวเพื่อรับรางวัล
เธอยกมือซ้ายขึ้นอย่างอารมณ์ดี แล้วมองไปที่แหวนเงินในมือ จากนั้นก็เดินออกไปอยากเบิกบานใจ เธอไม่ได้สังเกตสองคนที่กำลังเดินมา
“ประธานอวี้ โทรหาคุณหญิงไม่ติดเลย”
ตู้เยี่ยเดินตามอวี้อี่มั่วมา และรายงานสถานการณ์ล่าสุดตามความเป็นจริง
สายตาของอวี้อี่มั่วเคร่งขรึม แต่สีหน้าของเขาไม่ได้แปรปรวน “โทรต่อไป”
เขาเป็นคนจัดการให้หร่วนซือซือได้เลื่อนตำแหน่ง และเขาก็ได้ฟังตู้เยี่ยพูดถึงคำนินทากาเลในบริษัทแล้ว หรือว่าเป็นเพราะเรื่องนี้เธอถึงไม่รับโทรศัพท์?
เมื่อคิดอย่างนี้แล้วอวี้อี่มั่วก็รู้สึกกังวลใจ และกำลังจะกำชับตู้เยี่ย แต่หันมาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินผ่านไป สายตาของเขาเหลือบไปเห็นมือซ้ายของเธอที่ยกขึ้น
นั่นเป็นแหวนที่เขาสั่งทำขึ้นมาเป็นพิเศษ เขาคุ้นเคยกับมันดี และไม่มีทางที่เข้าจะจำผิด
อวี้อี่มั่วหยุดเดินทันที เขาหันกลับไปอย่างลังเลและตะโกน “หยุด”
เมื่อหวังเหล่ยได้ยินก็หันมามองด้วยความประหลาดใจ และเมื่อเห็นใบหน้าของชายคนนั้นอย่างชัดเจนเธอก็ยิ่งประหลาดใจ “อวี้…ประธานอวี้?”
แม้ว่าเธอจะเป็นเพียงนักศึกษาฝึกงานในบริษัท แต่เธอก็รู้ข้อมูลของผู้อำนวยการบริษัท อย่างถี่ถ้วนมานานแล้ว ตั้งแต่เริ่มชอบ เธอล้วนท่องจำได้ขึ้นใจ ถึงแม้ว่าเธอยังไม่เคยเห็นอวี้อี่มั่วด้วยตาของตัวเอง แต่เธอเก็บสะสมนิตยสารภาพถ่ายของเขา
ไม่คาดคิดว่าวันนี้เธอจะได้เจอเขาที่นี่!
หวังเหล่ยไม่สามารถเก็บซ่อนความดีใจไว้ได้ เธอกลับมาด้วยความเขินอาย “ประธานอวี้…คุณ……”
เธอยังไม่ทันได้พูดอะไรก็ถูกขัดจังหวะด้วยน้ำเสียงเย็นชาของชายคนนั้น
“คุณเอาแหวนบนมือของคุณมาจากไหน?”
หวังเหล่ยเหลือบมองแหวนบนมือของเธออย่างตื่นตระหนก เธอหดมือซ้ายทันทีและพูดว่า “นี่ของฉัน…ฉันซื้อมา”
ขณะที่เธอพูด เธอก็เงยหน้าขึ้นมองสายตาที่เย็นชาของอวี้อี่มั่ว ไม่รู้ว่าเพราะอะไรสายตาของชายคนนั้นดูเหมือนจะมองผ่านเธออย่างทะลุปรุโปร่ง
“งั้นหรอ?” จู่ๆอวี้อี่มั่วก็ก้าวมาข้างหน้าครึ่งก้าว และเหมือนว่าแขนขาของเธอจะขยับไม่ได้ ทำให้เธอกลัวจนตัวสั่น
หวังเหล่ยถอยหลังไปครึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว เธอก้มหน้าและพูดอย่างไม่มั่นใจ “ใช่……”
อวี้อี่มั่วเห็นสายตาที่ไม่สงบสุขของหวังเหล่ย เขาเคยบอกหร่วนซือซือว่าไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ห้ามถอดแหวนออกอย่างเด็ดขาด แต่ตอนนี้แหวนอยู่บนมือของคนอื่น ซึ่งสามารถอธิบายสถานการณ์นี้ได้ว่า……เกิดเรื่องขึ้นกับเธอ!
ทันใดนั้นสีหน้าของอวี้อี่มั่วก็เยือกเย็น เขาถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หรวนซือซืออยู่ที่ไหน?”
เมื่อได้ยินชื่อนี้ สีหน้าของหวังเหล่ยก็ซีดเซียวทันที เธอก็เงยหน้าขึ้นส่ายหัวและพูดว่า “ฉัน……ฉันไม่รู้…”
เมื่ออวี้อี่มั่วได้ยินอย่างนี้ สีหน้าของเขาก็จริงจังมากขึ้น ตู้เยี่ยที่อยู่ด้านข้างก็เข้าใจและหันกลับมาทันที หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พาบอดี้การ์ดหนุ่มมาสองคน ขนาบข้างซ้ายขวาของหวังเหล่ย
หวังเหล่ยไม่เคยเจอสถานการณ์อย่างนี้ เธอตกใจกลัวอยู่ชั่วขณะ และมองไปที่อวี้อี่มั่วอย่างตื่นตระหนก เธอพูดอ่ำๆอึ้งๆว่า “ฉัน…ฉันบอก ฉันกับพี่ซือซือทานข้าวด้วยกัน เธอไม่ค่อยสบาย ฉันเลยไปส่งเธอพักผ่อนที่ห้องพัก ห้อง 1807…”
เมื่อได้ยินหมายเลขห้องพัก สีหน้าของอวี้อี่มั่วก็เคร่งขรึม เขาเดินตรงไปที่ลิฟต์อย่างไม่ลังเล
เขารู้ดีว่าชั้นที่ 18-20 ของห้องพักโรงแรมนานาชาติเจียงโจว ไม่ใช่ห้องธรรมดาทั่วไป แต่เป็นห้องเซ็กส์สวีททั้งหมด ถ้าเป็นอย่างที่หวังเหล่ยพูดจริงๆ หร่วนซือซือไม่สบายและจำเป็นพักผ่อน ทำไมถึงไม่เลือกห้องธรรมดาทั่วไป!
ความมีเงื่อนงำนี้ คนอื่นไม่เข้าใจ แต่เขาเข้าใจ?
เมื่อนึกถึงคืนนั้นที่ศาสตราจารย์หร่วนยื่นมือของหร่วนซือซือให้เขาในช่วงเวลานั้น อวี้อี่มั่วก็รู้สึกว่ามีไฟเกิดขึ้นในใจของเขาและยากที่จะระงับ
แม้ว่าเขากับหร่วนซือซือจะรู้จักกันได้ไม่นาน แต่เขาก็รู้อยู่ในใจว่าผู้หญิงคนนี้เป็นเหมือนกระดาษสีขาวบริสุทธิ์ ถ้าเธอต้องเสียหายและบาดเจ็บ แล้วเขาจะอธิบายกับศาตราสตรจารย์หร่วนยังไง!
ห้องพัก 1807
ทันใดนั้นความรู้สึกเย็นยะเยือกก็เข้ามาทำให้หร่วนซือซือได้สติขึ้นมา
เธอลืมตาขึ้นช้าๆ และยังไม่ทันได้เช็ดน้ำออกจากใบหน้า เธอก็เห็นเงาสลัวๆของชายคนหนึ่ง
“แหะๆ ในที่สุดก็ฟื้นแล้ว!” ชายคนนั้นวางแก้วในมือลง แล้วยิ้มจนเห็นฟันเหลือง เขายื่นมือไปจับมือของหร่วนซือซือ และโน้มตัวไปหาเธอ “วันนี้มาเล่นสนุกกับฉันซะดีๆ ถึงตอนนั้นก็จะดีกับเธอเอง!”
เมื่อเห็นคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างชัดเจน หร่วนซือซือก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น และยกมือขึ้นเพื่อผลักเขาออกไป “แก……อย่ามาแตะต้องตัวฉัน!ไป…ออกไป!”
ความรู้สึกร้อนนั้นยังไม่หายไป แต่ดูเหมือนมันจะยิ่งรุ่นแรงมากขึ้น เรื่องมาจนถึงตอนนี้ เธอก็รู้ว่าตัวเองตกหลุมหลางของหวังเหล่ย แต่ในเวลานี้เธอไม่มีความสามารถที่จะหลบหนีได้
ชายคนนั้นไม่ยอม เขาหัวเราะแหะๆ “น้องสาว จนถึงตอนนี้แล้ว เธอยังคิดว่าเธอจะหนีไปได้หรอ!”
ในขณะที่พูดเขาก็ถอดเสื้อผ้าออกทีละชิ้นๆ และยื่นมือออกมาจับหร่วนซือซือ
หร่วนซือซือสั่นสะท้านไปทั้งตัว ด้วยความตกใจเธอคว้าแก้วบนโต๊ะข้างเตียงมาฟาดที่หัวของชายคนนั้น
“เพล้ง” เสียงดัง ชายคนนั้นถูกตีจนเลือดไหล สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที เขายกมือขึ้นมาแตะเลือดบนหัว จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นมาตบหน้าหร่วนซือซือด้วยความโกรธ
“อีกะหรี่!มึงกล้าตีกู!กูว่ามึงคงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว!”
ในขณะที่พูด เขาก็ยกมือขึ้นจับสองมือของหร่วนซือซือไว้ และใช้อีกมือหนึ่งฉีกเสื้อผ้าของเธอออก
“แก……ปล่อยฉันนะ……”
หร่วนซือซือใบหน้าบวมซีกหนึ่ง เธอเห็นเสื้อผ้าบนร่างกายของเธอกำลังจะถูกฉีกออก เธอพยายามที่จะแยกเศษแก้วอย่างลุกลี้ลุกลน และหยิบมันขึ้นมาจ่อไว้ที่คอของตัวเอง
เธอยื่นคำขาดสุดท้ายด้วยดวงตาที่แดงก่ำ “ถ้าแกกล้าแตะต้องฉันอีก ฉัน……จะตายให้แกดู!”
“ฮึ!” ชายคนนั้นทำเสียงเย็นชาและเหยียดหยาม เขายังจับเสื้อของเธอไว้ไม่ยอมปล่อย “ฉันอยากเห็นว่าแกจะตายยังไง!”
ในใจของหร่วนซือซือเหน็บหนาว เธอคงไม่มีหวังแล้ว
เธอไม่สามารถเสียความบริสุทธิ์อย่างนี้ได้ เธอเพิ่งจะแต่งงานกับอวี้อี่มั่ว ได้แต่งงานกับผู้ชายที่เพอร์เฟคขนาดนั้น เธอจะไม่ยอมให้ตัวเองต้องแปดเปื้อน!
เธอกัดฟันแล้วใช้มือที่จับเศษแก้วกดเข้าไปที่ผิวหนังจนเลือดที่คอไหลออกมา
เมื่อชายคนนั้นเห็นก็ตกตะลึง เขาไม่คิดว่าหร่วนซือซือจะกล้าทำจริงๆ
ในตอนนี้มีเสียงดังขึ้นที่ประตู “ปัง” มีคนถีบประตูห้องให้เปิดออก!
คราวนี้ต่อให้หร่วนซือซือมีปีกก็ยากที่จะหนีไปได้ แต่จะโทษใครดีล่ะ ใครใช้ให้เธอทำให้พี่สาวไม่พอใจและขุ่นเคืองกันล่ะ?
หวังเหล่ยเดินผ่านทางเดินและขึ้นลิฟต์ลงไปที่ล็อบบี้ เธอเห็นชายมีพุงคนเดินอยู่ไกลๆ เขารีบร้อนเดินเข้ามาทางด้านนี้ เขาเดินเข้ามาใกล้แล้วก็เงยหน้าขึ้น ทั้งสองคนสบตากัน โดยต่างฝ่ายต่างรู้ซึ่งกันและกัน
ชายคนนั้นเดินเฉียดไหล่หวังเหล่ยไป เธอแอบดีใจ เธอได้ส่งนางเอกถึงที่หมาย และพระเอกก็มาแล้ว ต่อไปเธอก็จะไปหาพี่สาวเพื่อรับรางวัล
เธอยกมือซ้ายขึ้นอย่างอารมณ์ดี แล้วมองไปที่แหวนเงินในมือ จากนั้นก็เดินออกไปอยากเบิกบานใจ เธอไม่ได้สังเกตสองคนที่กำลังเดินมา
“ประธานอวี้ โทรหาคุณหญิงไม่ติดเลย”
ตู้เยี่ยเดินตามอวี้อี่มั่วมา และรายงานสถานการณ์ล่าสุดตามความเป็นจริง
สายตาของอวี้อี่มั่วเคร่งขรึม แต่สีหน้าของเขาไม่ได้แปรปรวน “โทรต่อไป”
เขาเป็นคนจัดการให้หร่วนซือซือได้เลื่อนตำแหน่ง และเขาก็ได้ฟังตู้เยี่ยพูดถึงคำนินทากาเลในบริษัทแล้ว หรือว่าเป็นเพราะเรื่องนี้เธอถึงไม่รับโทรศัพท์?
เมื่อคิดอย่างนี้แล้วอวี้อี่มั่วก็รู้สึกกังวลใจ และกำลังจะกำชับตู้เยี่ย แต่หันมาเห็นผู้หญิงคนหนึ่งเดินผ่านไป สายตาของเขาเหลือบไปเห็นมือซ้ายของเธอที่ยกขึ้น
นั่นเป็นแหวนที่เขาสั่งทำขึ้นมาเป็นพิเศษ เขาคุ้นเคยกับมันดี และไม่มีทางที่เข้าจะจำผิด
อวี้อี่มั่วหยุดเดินทันที เขาหันกลับไปอย่างลังเลและตะโกน “หยุด”
เมื่อหวังเหล่ยได้ยินก็หันมามองด้วยความประหลาดใจ และเมื่อเห็นใบหน้าของชายคนนั้นอย่างชัดเจนเธอก็ยิ่งประหลาดใจ “อวี้…ประธานอวี้?”
แม้ว่าเธอจะเป็นเพียงนักศึกษาฝึกงานในบริษัท แต่เธอก็รู้ข้อมูลของผู้อำนวยการบริษัท อย่างถี่ถ้วนมานานแล้ว ตั้งแต่เริ่มชอบ เธอล้วนท่องจำได้ขึ้นใจ ถึงแม้ว่าเธอยังไม่เคยเห็นอวี้อี่มั่วด้วยตาของตัวเอง แต่เธอเก็บสะสมนิตยสารภาพถ่ายของเขา
ไม่คาดคิดว่าวันนี้เธอจะได้เจอเขาที่นี่!
หวังเหล่ยไม่สามารถเก็บซ่อนความดีใจไว้ได้ เธอกลับมาด้วยความเขินอาย “ประธานอวี้…คุณ……”
เธอยังไม่ทันได้พูดอะไรก็ถูกขัดจังหวะด้วยน้ำเสียงเย็นชาของชายคนนั้น
“คุณเอาแหวนบนมือของคุณมาจากไหน?”
หวังเหล่ยเหลือบมองแหวนบนมือของเธออย่างตื่นตระหนก เธอหดมือซ้ายทันทีและพูดว่า “นี่ของฉัน…ฉันซื้อมา”
ขณะที่เธอพูด เธอก็เงยหน้าขึ้นมองสายตาที่เย็นชาของอวี้อี่มั่ว ไม่รู้ว่าเพราะอะไรสายตาของชายคนนั้นดูเหมือนจะมองผ่านเธออย่างทะลุปรุโปร่ง
“งั้นหรอ?” จู่ๆอวี้อี่มั่วก็ก้าวมาข้างหน้าครึ่งก้าว และเหมือนว่าแขนขาของเธอจะขยับไม่ได้ ทำให้เธอกลัวจนตัวสั่น
หวังเหล่ยถอยหลังไปครึ่งก้าวโดยไม่รู้ตัว เธอก้มหน้าและพูดอย่างไม่มั่นใจ “ใช่……”
อวี้อี่มั่วเห็นสายตาที่ไม่สงบสุขของหวังเหล่ย เขาเคยบอกหร่วนซือซือว่าไม่ว่าจะยังไงก็ตาม ห้ามถอดแหวนออกอย่างเด็ดขาด แต่ตอนนี้แหวนอยู่บนมือของคนอื่น ซึ่งสามารถอธิบายสถานการณ์นี้ได้ว่า……เกิดเรื่องขึ้นกับเธอ!
ทันใดนั้นสีหน้าของอวี้อี่มั่วก็เยือกเย็น เขาถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หรวนซือซืออยู่ที่ไหน?”
เมื่อได้ยินชื่อนี้ สีหน้าของหวังเหล่ยก็ซีดเซียวทันที เธอก็เงยหน้าขึ้นส่ายหัวและพูดว่า “ฉัน……ฉันไม่รู้…”
เมื่ออวี้อี่มั่วได้ยินอย่างนี้ สีหน้าของเขาก็จริงจังมากขึ้น ตู้เยี่ยที่อยู่ด้านข้างก็เข้าใจและหันกลับมาทันที หลังจากนั้นไม่นานเขาก็พาบอดี้การ์ดหนุ่มมาสองคน ขนาบข้างซ้ายขวาของหวังเหล่ย
หวังเหล่ยไม่เคยเจอสถานการณ์อย่างนี้ เธอตกใจกลัวอยู่ชั่วขณะ และมองไปที่อวี้อี่มั่วอย่างตื่นตระหนก เธอพูดอ่ำๆอึ้งๆว่า “ฉัน…ฉันบอก ฉันกับพี่ซือซือทานข้าวด้วยกัน เธอไม่ค่อยสบาย ฉันเลยไปส่งเธอพักผ่อนที่ห้องพัก ห้อง 1807…”
เมื่อได้ยินหมายเลขห้องพัก สีหน้าของอวี้อี่มั่วก็เคร่งขรึม เขาเดินตรงไปที่ลิฟต์อย่างไม่ลังเล
เขารู้ดีว่าชั้นที่ 18-20 ของห้องพักโรงแรมนานาชาติเจียงโจว ไม่ใช่ห้องธรรมดาทั่วไป แต่เป็นห้องเซ็กส์สวีททั้งหมด ถ้าเป็นอย่างที่หวังเหล่ยพูดจริงๆ หร่วนซือซือไม่สบายและจำเป็นพักผ่อน ทำไมถึงไม่เลือกห้องธรรมดาทั่วไป!
ความมีเงื่อนงำนี้ คนอื่นไม่เข้าใจ แต่เขาเข้าใจ?
เมื่อนึกถึงคืนนั้นที่ศาสตราจารย์หร่วนยื่นมือของหร่วนซือซือให้เขาในช่วงเวลานั้น อวี้อี่มั่วก็รู้สึกว่ามีไฟเกิดขึ้นในใจของเขาและยากที่จะระงับ
แม้ว่าเขากับหร่วนซือซือจะรู้จักกันได้ไม่นาน แต่เขาก็รู้อยู่ในใจว่าผู้หญิงคนนี้เป็นเหมือนกระดาษสีขาวบริสุทธิ์ ถ้าเธอต้องเสียหายและบาดเจ็บ แล้วเขาจะอธิบายกับศาตราสตรจารย์หร่วนยังไง!
ห้องพัก 1807
ทันใดนั้นความรู้สึกเย็นยะเยือกก็เข้ามาทำให้หร่วนซือซือได้สติขึ้นมา
เธอลืมตาขึ้นช้าๆ และยังไม่ทันได้เช็ดน้ำออกจากใบหน้า เธอก็เห็นเงาสลัวๆของชายคนหนึ่ง
“แหะๆ ในที่สุดก็ฟื้นแล้ว!” ชายคนนั้นวางแก้วในมือลง แล้วยิ้มจนเห็นฟันเหลือง เขายื่นมือไปจับมือของหร่วนซือซือ และโน้มตัวไปหาเธอ “วันนี้มาเล่นสนุกกับฉันซะดีๆ ถึงตอนนั้นก็จะดีกับเธอเอง!”
เมื่อเห็นคนที่อยู่ตรงหน้าอย่างชัดเจน หร่วนซือซือก็อดไม่ได้ที่จะตัวสั่น และยกมือขึ้นเพื่อผลักเขาออกไป “แก……อย่ามาแตะต้องตัวฉัน!ไป…ออกไป!”
ความรู้สึกร้อนนั้นยังไม่หายไป แต่ดูเหมือนมันจะยิ่งรุ่นแรงมากขึ้น เรื่องมาจนถึงตอนนี้ เธอก็รู้ว่าตัวเองตกหลุมหลางของหวังเหล่ย แต่ในเวลานี้เธอไม่มีความสามารถที่จะหลบหนีได้
ชายคนนั้นไม่ยอม เขาหัวเราะแหะๆ “น้องสาว จนถึงตอนนี้แล้ว เธอยังคิดว่าเธอจะหนีไปได้หรอ!”
ในขณะที่พูดเขาก็ถอดเสื้อผ้าออกทีละชิ้นๆ และยื่นมือออกมาจับหร่วนซือซือ
หร่วนซือซือสั่นสะท้านไปทั้งตัว ด้วยความตกใจเธอคว้าแก้วบนโต๊ะข้างเตียงมาฟาดที่หัวของชายคนนั้น
“เพล้ง” เสียงดัง ชายคนนั้นถูกตีจนเลือดไหล สีหน้าของเขาเปลี่ยนไปทันที เขายกมือขึ้นมาแตะเลือดบนหัว จากนั้นเขาก็ยกมือขึ้นมาตบหน้าหร่วนซือซือด้วยความโกรธ
“อีกะหรี่!มึงกล้าตีกู!กูว่ามึงคงไม่อยากมีชีวิตอยู่แล้ว!”
ในขณะที่พูด เขาก็ยกมือขึ้นจับสองมือของหร่วนซือซือไว้ และใช้อีกมือหนึ่งฉีกเสื้อผ้าของเธอออก
“แก……ปล่อยฉันนะ……”
หร่วนซือซือใบหน้าบวมซีกหนึ่ง เธอเห็นเสื้อผ้าบนร่างกายของเธอกำลังจะถูกฉีกออก เธอพยายามที่จะแยกเศษแก้วอย่างลุกลี้ลุกลน และหยิบมันขึ้นมาจ่อไว้ที่คอของตัวเอง
เธอยื่นคำขาดสุดท้ายด้วยดวงตาที่แดงก่ำ “ถ้าแกกล้าแตะต้องฉันอีก ฉัน……จะตายให้แกดู!”
“ฮึ!” ชายคนนั้นทำเสียงเย็นชาและเหยียดหยาม เขายังจับเสื้อของเธอไว้ไม่ยอมปล่อย “ฉันอยากเห็นว่าแกจะตายยังไง!”
ในใจของหร่วนซือซือเหน็บหนาว เธอคงไม่มีหวังแล้ว
เธอไม่สามารถเสียความบริสุทธิ์อย่างนี้ได้ เธอเพิ่งจะแต่งงานกับอวี้อี่มั่ว ได้แต่งงานกับผู้ชายที่เพอร์เฟคขนาดนั้น เธอจะไม่ยอมให้ตัวเองต้องแปดเปื้อน!
เธอกัดฟันแล้วใช้มือที่จับเศษแก้วกดเข้าไปที่ผิวหนังจนเลือดที่คอไหลออกมา
เมื่อชายคนนั้นเห็นก็ตกตะลึง เขาไม่คิดว่าหร่วนซือซือจะกล้าทำจริงๆ
ในตอนนี้มีเสียงดังขึ้นที่ประตู “ปัง” มีคนถีบประตูห้องให้เปิดออก!
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.webreadapp.com All rights reserved