บทที่ 7 ตระกูลซูจบสิ้นแล้ว

"คุณย่าบอกว่าลุงสองเป็นคนรักษาเธอให้หายจากอาการป่วย! ตอนนี้คนทั้งเมืองเจียงเฉินรู้เรื่องนี้แล้ว!" ซูเหยียนเบิกตากว้างใส่เขาแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่ไม่สบอารมณ์ "ลุงสองแย่งความดีความชอบของคุณไปแล้ว!"

"ที่คุณไม่มีความสุขเพราะเรื่องนี้?" หลินหยางรู้สึกอึ้ง หลังจากนั้นหลุดหัวเราะ "ผมก็นึกว่าเรื่องอะไรซะอีก อันที่จริงผมไม่ได้เป็นคนฝังเข็มให้กับคุณย่า ถ้าจะพูดถึงเรื่องความดีความชอบ ลุงสองก็มีส่วนด้วยเหมือนกัน ยิ่งไปกว่านั้น ที่นั่นมีหมอเยอะขนาดนั้น คุณคิดว่าคุณย่าจะไม่รู้เหรอว่าตกลงใครเป็นคนช่วยเธอเอาไว้?"

สีหน้าของซูเหยียนแข็งทื่อ "ความหมายของคุณคือ คุณย่ารู้ว่าคุณเป็นคนช่วยเธอเอาไว้ แต่เธอก็ยังยกเครดิตให้กับลุงสอง?"

"สำหรับลุงสองนี่ถือว่าเป็นโอกาส สถานีโทรทัศน์มีการประชาสัมพันธ์อย่างทั่วถึง โรงพยาบาลก็ให้ความสำคัญกับเขา เห็นได้ชัดว่ายกเครดิตให้เขามันมีประโยชน์กว่ายกให้ผม หลังจากที่มีผลงานชิ้นนี้ อนาคตของลุงสองก็จะสดใสไม่ใช่เหรอ? คุณนายคนนั้นถือว่าเป็นคนฉลาดใช้ได้" หลินหยางส่ายหัว

ซูเหยียนเงียบขรึมลง ผ่านไปสักพักแล้วถาม "คุณช่วยคุณย่ายังไง?"

"ก็แค่กดตามตัวไม่กี่จุด"

"กด?"

"ทุยหนา(เป็นรูปแบบของการแพทย์ทางเลือกคล้ายกับชิอัตสึ ในฐานะที่เป็นสาขาหนึ่งของการแพทย์แผนจีนมักใช้ร่วมกับการฝังเข็มการรมยาการผิงไฟสมุนไพรจีนไทเก็กหรือศิลปะการต่อสู้ภายในของจีนอื่น ๆ) รู้จักหรือเปล่า? ก่อนหน้านี้ตอนที่ผมไม่มีอะไรทำเคยหยิบหนังสือที่เกี่ยวกับการนวดทุยหนามาศึกษาเองสองสามเล่ม"

"แค่นี้?" ซูเหยียนทำหน้าเหลือเชื่อ

หลินหยางยิ้มแล้วยิ้มอีกไม่ได้อธิบายอะไรมาก

ซูเหยียนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง แต่ก็ไม่ได้คิดอะไรมากอีก อย่างไรก็ตามเธอเคยเห็นช่วงที่หลินหยางว่างนั่งอ่านตำราที่ดูเก่าแก่และผุขาดจริงๆ

"ไม่ว่ายังไง เรื่องของวันนี้ก็ผ่านไปแล้ว อ๋อใช่แล้ว พ่อกับแม่ออกไปข้างนอกตั้งแต่เช้า น่าจะอีกประมาณสามวันถึงจะกลับมา"

"รู้แล้ว"

หลินหยางตอบรับอย่างไม่ใส่ใจ

ซูเหยียนมองเขาด้วยความอยากรู้อยากเห็น

ไม่รู้ทำไมเธอมากจะรู้สึกว่าวันนี้หลินหยางทำตัวแปลกๆ

ถึงเวลาอาหารเย็น หลินหยางทำอาหารง่ายๆโต๊ะหนึ่ง

มองดูผัดผักที่มีหน้าตาสวยงามบนโต๊ะ บนใบหน้าของซูเหยียนเต็มไปด้วยความตกใจ ปากของเธออ้ากว้างกลายเป็นรูปตัวโอจนแทบจะหุบไม่ลง

หลังจากที่ลองชิมดูเธอยิ่งรู้สึกตกใจมากเข้าไปอีก

"อร่อยมากเลย นี่…นี่คุณเป็นคนทำเหรอ?" ซูเหยียนมองหลินหยางอย่างไม่เชื่อสายตา

เมื่อก่อนอาหารที่หลินหยางทำแทบจะต้องฝืนกลืน ถ้าหากไม่ได้เป็นเพราะซูเหยียนไม่มีเวลา เธอยอมสั่งอาหารจากข้างนอกมากินดีกว่าแต่ไม่ยอมกินอาหารที่หลินหยางทำแน่นอน

แต่ตอนนี้…มันเกิดอะไรขึ้น?

ฝีมือการทำอาหารของหลินหยางทำไมถึงมีการพัฒนาขึ้นเยอะมากในเวลาอันสั้น?

ถึงขั้นสามารถเปรียบเทียบกับเชฟในโรงแรมห้าดาวเลย

"รีบกินเถอะ" หลินหยางที่กำลังกินข้าวพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่คลุมเครือ

ภายในใจของซูเหยียนเต็มไปด้วยความสงสัย แต่เธอก็ยังคงกินทีละคำโดยไม่หยุด

เมื่อก่อนเธอกินข้าวเพียงแค่หนึ่งถ้วยเล็ก แต่มื้อนี้เธอกลับกินถึงสองถ้วยจนทำให้เธอเริ่มรู้สึกกังวลเกี่ยวกับน้ำหนักตัวแล้ว

หมอนี่มีอะไรปิดบังฉันหรือเปล่า?

นี่คือสิ่งที่เกิดขึ้นภายในใจของซูเหยียน แต่เธอก็ไม่รู้ว่าควรจะถามยังไง

ในตอนนั้นเอง โทรศัพท์ของซูเหยียนดังขึ้นอย่างกะทันหัน

เธอกดรับโทรศัพท์แล้วนำมาแนบกับหูอย่างไม่ใส่ใจ แต่วินาทีต่อมาสีหน้าเธอเปลี่ยนไปทันที

"มีอะไรเหรอ?" หลินหยางที่กำลังนั่งดูโทรทัศน์อยู่ด้านข้างหันมาถาม

ซูเหยียนวางโทรศัพท์ลง สายตาดูเหม่อลอย พูดด้วยน้ำเสียงที่มึนงง "ตระกูลซู…จบสิ้นแล้ว…"

หลินหยางคิดไม่ถึงว่าซูกุ้ยจะมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วในเวลาไม่กี่ชั่วโมง

ที่แท้หลังจากที่อาการป่วยของคุณนายซูได้รับการรักษา คนของสถานีโทรทัศน์ไปสัมภาษณ์พอดี นอกจากนี้ยังได้รับการตีพิมพ์เป็นฉบับพิเศษเกี่ยวกับการแพทย์แผนจีนถูกปล่อยไปทั่วอินเทอร์เน็ต บวกกับความร่วมมือในการโฆษณาของรัฐบาล ปรากฏว่าจะว่าบังเอิญก็ไม่บังเอิญ ตระกูลชวี่แห่งเมืองหนานเฉินไปเห็นข่าวนี้พอดี และอาการของผู้เฒ่าชวี่คล้ายคลึงกับคุณนายมาก ตระกูลชวี่ก็เลยส่งผู้เฒ่าชวี่มารักษากับซูกุ้ยที่เมืองเจียงเฉินในคืนนั้นเลย

ตอนที่ซูกุ้ยรู้ข่าวเขาดีใจมาก

ตระกูลชวี่แห่งเมืองหนานเฉิน!

นั่นมันเป็นถึงตระกูลอันดับหนึ่งของเมืองหนานเฉิน!

ตระกูลซูเมื่อเทียบกับตระกูลชวี่ มันก็เหมือนแสงจันทร์กับหิ่งห้อย

นี่เป็นโอกาสที่จะได้ใกล้ชิดกับตระกูลชวี่!

และนี่ก็เป็นโอกาสที่จะทำให้ซูกุ้ยมีอนาคตที่สดใส!

ภายใต้การสนับสนุนของคุณนายซู ซูกุ้ยฝังเข็มให้กับผู้เฒ่าชวี่ตามคำแนะนำของหลินหยางเมื่อช่วงกลางวัน

เขายังจำตำแหน่งจุดฝังเข็มสุดท้ายได้ เขารู้สึกว่าตัวเองเชี่ยวชาญบทที่หนึ่งของตำราเฉียนจินฟางหลิงอย่างสมบูรณ์แล้ว

แต่แล้ว…หลังจากฝังเข็มชุดนี้ลงไป เดิมทีผู้เฒ่าชวี่ที่ยังถือว่าสุขภาพแข็งแรงกลับหมดสติไปในตอนนั้น หลังจากนั้นสองนาทีต้องส่งตัวเข้าห้องฉุกเฉิน จนกระทั่งถึงตอนนี้ยังอยู่ในช่วงของความเป็นความตาย

ตระกูลชวี่โกรธมาก

ซูกุ้ยมึนงงไปหมด

สถานการณ์เสียการควบคุมอีกครั้ง

ซูกุ้ยโดนตระกูลชวี่กักตัว หมอผู้เชี่ยวชาญแต่ละแผนกช่วยกันรักษา

หลังจากที่ผ่านการช่วยเหลือนับชั่วโมง ในที่สุดอาการป่วยของผู้เฒ่าชวี่ก็อยู่ในสภาวะคงที่ แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นก็ยังไม่พ้นขีดอันตราย และถูกส่งตัวกลับไปที่เมืองหนานเฉินในคืนนั้น ปล่อยให้แพทย์ประจำตระกูลชวี่เป็นคนดูแลต่อ

แต่เรื่องยังไม่จบเพียงเท่านี้ ความสัมพันธ์ของตระกูลชวี่และตระกูลซูเกิดปมที่ไม่สามารถแก้ได้ขึ้น!

แต่ว่า…ตระกูลซูจะเอาอะไรไปแข่งกับตระกูลชวี่?

เกรงว่าตระกูลชวี่คงจะสามารถบี้ตระกูลซูจนเละด้วยนิ้วเดียว!

คนของตระกูลซูตื่นตระหนก

ซูเหยียนถูกเรียกตัวไปคิดวิธีรับมือที่บ้านตระกูลซูในคืนนั้น

รอจนกระทั่งเธอกลับมาจากบ้านตระกูลซู ก็เป็นช่วงเวลาเที่ยงคืนไปแล้ว

"สถานการณ์เป็นยังไงบ้าง?" หลินหยางยังคงนั่งอยู่บนโซฟา เหมือนกำลังตั้งใจรอเธอ

"ไม่…ไม่มีอะไร…" สีหน้าของซูเหยียนดูไม่เป็นธรรมชาติเท่าไหร่ เธอพูดเสียงเบาแล้วรีบเดินกลับเข้าไปในห้องนอนของตัวเองโดยไม่หันไปมองหลินหยาง

หลินหยางขมวดคิ้ว

ท่าทางแบบนี้ต้องเกิดเรื่องแน่นอน

แต่ว่าในสายตาของซูเหยียน หลินหยางเป็นแค่คนไร้ค่าที่ไม่มีประโยชน์อะไรเลย พูดกับเขาก็เหมือนกับสีซอให้ควายฟัง เพราะแบบนี้เวลาที่มีปัญหา ถ้าซูเหยียนไม่ได้เป็นคนจัดการเอง เธอก็จะไปปรึกษาซูกวงและจางชิงหยู่พ่อแม่ของเธอ

ซูเหยียนไม่ยอมพูด หลินหยางก็ขี้เกียจถาม

แต่งงานกันมาสามปี หลินหยางนอนในห้องรับแขกตลอด หลังจากผ่านเที่ยงคืน หลินหยางล้มตัวลงนอนบนโซฟาทันที

ไม่รู้ผ่านไปนานแค่ไหน ที่ข้างหูของเขามีเสียงการเคลื่อนไหวดังขึ้น

หลินหยางลืมตาขึ้นโดยไม่รู้ตัว เขาพบว่าซูเหยียนกำลังจะออกจากบ้าน

เพิ่งจะเจ็ดโมง?

เวลาทำงานของซูเหยียนเป็นแปดโมงไม่ใช่เหรอ?

ยิ่งไปกว่านั้นสีหน้าของเธอดูหมองคล้ำ ท่าทางเหมือนไม่ได้นอนมาทั้งคืน

ยัยผู้หญิงคนนี้กำลังจะไปไหน?

หลินหยางพึมพำในใจ หลังจากนั้นรีบลุกขึ้นมาแต่งตัวแล้วตามออกไปทันที

หลังออกจากบ้านซูเหยียนขึ้นรถแท็กซี่ออกจากเมืองเจียงเฉิน หลินหยางก็เรียกรถแท็กซี่คันหนึ่งตามหลัง

"นี่เป็นเส้นทางไปเมืองหนานเฉิน?"

หลินหยางคาดเดา

ซูเหยียนลงรถตรงหน้าหมู่บ้านจัดสรรแห่งหนึ่ง

เธอหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดูแวบหนึ่ง เธอเดินตามที่อยู่มาจนถึงวิลล่าสุดหรูที่อยู่ใจกลางหมู่บ้านจัดสรรแห่งนี้

สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ซูเหยียนยกแขนที่สั่นเทาขึ้นต้องการจะกดกริ่ง แต่สุดท้ายกลับไม่กล้า…

จนกระทั่งในตอนนั้นเอง ที่ด้านข้างมีมือข้างหนึ่งยื่นออกมาช่วยกดกริ่งแทนเธอ

ติ๊งต่อง!

ซูเหยียนรู้สึกอึ้ง เธอพบว่าหลินหยางมายืนอยู่ที่ด้านข้างของเธอตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

"คุณมาได้ยังไง?"

"ใครอยู่ข้างใน?" หลินหยางมองวิลล่าที่อยู่ตรงหน้าแล้วถาม

"ลุงสอง" ซูเหยียนเม้มริมฝีปากแล้วพูดเสียงเบา "หลังจากเกิดเรื่อง ลุงสองถูกพาตัวมาที่นี่ ตระกูลชวี่ไม่ยอมให้เขาไปไหน คุณนายต้องการให้ฉันเป็นตัวแทนของตระกูลซูมาขอโทษตระกูลชวี่ และในขณะเดียวกันก็เจรจาหาทางออกพาลุงสองกลับบ้าน พยายามจัดการเรื่องนี้อย่างสันติ"

"ดังนั้นเป้าหมายในการประชุมเมื่อคืนของตระกูลซู ก็คือให้คุณมาเป็นแพะรับบาป?" หลินหยางถาม

ซูเหยียนไม่ได้พูดอะไร

เธอรู้ทุกอย่าง คุณนายซูแค่ต้องการใช้เธอเป็นตัวทดสอบทัศนคติของตระกูลชวี่

เธอไม่มีทางเลือกอื่นอีกแล้ว เพราะนี่เป็นคำขอของคุณนายซู

มองจากสถานการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน อาการของผู้เฒ่าชวี่ต้องแย่มากอย่างแน่นอน ไม่อย่างนั้นคงจะไม่กักตัวซูกุ้ย ในเวลานี้ยังมีคนของตระกูลซูคนไหนกล้าโผล่หน้ามาให้ตระกูลชวี่เห็นอีก? แม้แต่ซูกังและหลิวเยี้ยนลูกเมียของซูกุ้ยก็ไม่กล้ามา สามารถจินตนาการได้เลยว่าพวกเขากลัวตระกูลชวี่มากแค่ไหน

ไม่มีใครยอมมา สุดท้ายคุณนายซูจึงทำได้แต่สั่งให้ซูเหยียนมา

อย่างไรก็ตามคนที่คุณนายซูไม่สนใจมากที่สุดก็คือซูเหยียน บวกกับซูกวงเป็นคนที่อ่อนแอที่สุดมาโดยตลอดในตระกูล การโยนความรับผิดชอบทั้งหมดไปให้ซูเหยียน ขอเพียงแค่คุณนายซูเห็นด้วย ซูเหยียนก็จะไม่สามารถหนีพ้นความผิด

"คนของตระกูลซูโหดร้ายชะมัด! ตกลงพวกเขาเคยเห็นคุณเป็นคนในครอบครัวหรือเปล่า?" หลินหยางพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา ท่าทางของเขาดูไม่สบอารมณ์มาก

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

3917