บทที่ 8 แพะรับบาป

ที่หางตาของซูเหยียนมีประกายของน้ำตาปรากฏให้เห็น เธอจ้องมองหลินหยางแล้วพูด "แล้วคุณรู้หรือเปล่าว่าทำไมคุณย่าถึงไม่ให้ความสำคัญกับครอบครัวของเรา ทำไมครอบครัวของเราถึงมีสิทธิ์ในการพูดน้อยมากในตระกูลซู?"

หลินหยางเงียบไปสักพัก เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่นิ่งสงบ "เสี่ยวเหยียน คุณวางใจได้ ต่อไปผมจะไม่ให้ใครมาดูถูกและรังแกคุณอีก ไม่ว่าจะเป็นตระกูลซูหรือใครก็ตาม"

"นี่เป็นคำปลอบใจที่ตลกที่สุดเท่าที่ฉันเคยได้ยินมาแล้วมั้ง!" ซูเหยียนพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชาทั้งที่มีน้ำตานองเบ้า

สามปีแล้ว ซูเหยียนหมดหวังในตัวของหลินหยางตั้งนานแล้ว!

"ไม่ทราบว่าพวกคุณสองคนมีธุระอะไรหรือเปล่า?"

ในตอนนั้นเอง มีเสียงพูดของชายชราคนหนึ่งทำลายบรรยากาศที่น่าอึดอัดของทั้งสองคน

มองไปข้างหน้า มีชายชราผมหงอกในชุดชุดถังจวงมายืนอยู่ที่ด้านหลังประตูเหล็กของวิลล่าตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้

คนคนนี้ต้องเป็นพ่อบ้านของตระกูลชวี่แน่นอน

"สวัสดีค่ะผู้อาวุโส ฉันชื่อซูเหยียน เป็นหลานสาวของซูกุ้ย…" ซูเหยียนรีบเค้นรอยยิ้มออกมาแล้วพูดทันที

แต่อีกฝ่ายทันทีที่ได้ยินคำว่าซู สีหน้าที่ชราภาพของเขาเปลี่ยนไปทันที

"ตระกูลซูของพวกคุณยังมีหน้ามาที่นี่อีกเหรอ? คุณชายรองเคยกำชับเอาไว้ ไม่พบคนของตระกูลซูเด็ดขาด ไสหัวไป!"

พ่อบ้านพูดด้วยน้ำเสียงที่เย็นชา สะบัดแขนเสื้อแล้วจะเดินกลับเข้าไปทันที

"รบกวนรอสักครู่!" ซูเหยียนเริ่มร้อนรนแล้ว "ครั้งนี้ตระกูลซูของพวกเรามาพร้อมกับความจริงใจ ไม่ว่ายังไง ได้โปรดให้ฉันได้พบคุณชายชวี่หน่อยเถอะ!"

"คำอธิบาย? ตระกูลซูของคุณให้ได้หรือเปล่า? ถ้าหากยังไม่ไสหัวไปภายในสิบวินาที ผมจะสั่งให้คนโยนพวกคุณออกไปเอง!" พ่อบ้านคนนั้นพูดตำหนิ

ในตอนนั้นเอง

เอี๊ยด!

มีรถเก๋งสีดำคันหนึ่งจอดลงที่หน้าประตูวิลล่า

มีหญิงสาวคนหนึ่งที่แต่งตัวดูดีมีสไตล์ก้าวเท้าเดินลงมาจากรถเก๋ง ผิวพรรณดีเยี่ยม คิ้วปากจมูกคมชัด แต่งหน้าโทนสโมกกี้ ดูแล้วน่ารักมาก โดยด้านหลังของเธอยังมีบอดี้การ์ดที่สวมชุดสีดำเดินตามอีกสองคน

"คุณหนูมาแล้ว?"

พ่อบ้านรีบเปิดประตูใหญ่ทันที

"พวกเขาเป็นใคร?" หญิงสาวเหลือบมองซูเหยียนและหลินหยางแวบหนึ่ง

"คือ…" พ่อบ้านพูดแล้วหยุดชะงักลง

"พวกเขาคงจะเป็นคนของตระกูลซูสินะ?" หญิงสาวถามขึ้นอย่างกะทันหัน

"สวัสดีคุณหนู ฉันชื่อซูเหยียน เป็นตัวแทนของตระกูลซูตั้งใจมาเยี่ยมผู้เฒ่าชวี่" ซูเหยียนยิ้มแล้วพูด

"เยี่ยม? พวกคุณยังมีหน้ามาอีกเหรอ? ถ้าหากไม่ได้เป็นเพราะพวกคุณ ปู่ของฉันเขาจะกลายเป็นแบบนี้หรือเปล่า?" สีหน้าของหญิงสาวเปลี่ยนไปทันที เธอพูดด้วยสีหน้าที่โกรธเคือง "ในเมื่อพวกคุณมาแล้ว งั้นก็อย่าคิดไปไหน! พวกคุณสองคนลากตัวเธอเข้าไป! ถ้าเกิดคุณปู่เป็นอะไรไป ฉันจะให้พวกเขาคุกเข่าขอโทษต่อหน้าคุณปู่!"

"ครับ คุณหนู!"

"คุณหนู คุณห้ามทำอะไรส่งเดชนะ!" พ่อบ้านรีบพูดขึ้น

"ลุงหลี่ ทำไม? ฉันต้องทำตามใจพวกเขาเหรอ? ปกติคุณปู่ปฏิบัติต่อคุณไม่ดีเหรอ?" หญิงสาวถามด้วยความโกรธ

"บุญคุณของนายท่านหนักแน่นดั่งดุจขุนเขา แต่ว่าคุณหนู…"

"พาเข้าไป!" หญิงสาวพูดตะคอก เธอขี้เกียจสนใจพ่อบ้านแล้ว

บอดี้การ์ดตัวใหญ่บึกบึนทั้งสองคนเดินตรงเข้ามาทันที

ซูเหยียนตกใจกลัวจนตัวสั่นไปหมด

เธอรู้ดีว่ากันมาครั้งนี้มันไม่ได้ง่ายขนาดนั้น ไม่ว่ายังไงก็ต้องโดนคนของตระกูลซูทำให้ลำบากใจแน่นอน

แต่สิ่งที่เธอคาดไม่ถึงเธอ คนของตระกูลซูไม่คิดจะคุยกับเธอด้วยเหตุผล!

ทำยังไงดี?

ซูเหยียนร้องไห้โดยไม่มีน้ำตา

แต่ในตอนนั้นเองมีเสียงพูดสายหนึ่งดังขึ้น

"ช้าก่อน!"

หลินหยางเป็นคนพูด!

"คุณก็เป็นคนของตระกูลซูเหมือนกันใช่หรือเปล่า? พาตัวเข้าไปด้วยเลย" หญิงสาวเหลือบมองหลินหยางแวบหนึ่ง

"คุณหนูชวี่ ถ้าหากคุณแต่ต้องพวกเรา งั้นเกรงว่า…คงจะช่วยผู้เฒ่าชวี่ไม่ได้แล้วจริงๆ!"

"คุณพูดอะไรของคุณ?" หญิงสาวรู้สึกอึ้ง

"ผมช่วยผู้เฒ่าชวี่ได้" หลินหยางพูดด้วยน้ำเสียงที่จริงจัง

"หลินหยาง…คุณกำลังพูดเหลวไหลอะไร?" ซูเหยียนร้อนรนแล้ว

ตระกูลชวี่ไม่ใช่คุณย่า ถ้าหากเกิดข้อผิดพลาดอะไรขึ้นมา แม้แต่หลินหยางก็ต้องเอาตัวเองเข้าไปเสี่ยงด้วย

แต่หลินหยางไม่ได้สนใจเธอ ผมมองไปทางหญิงสาวเพื่อรอคำตอบ

หญิงสาวขมวดคิ้ว "คุณสามารถรักษาคุณปู่ให้หายได้จริงเหรอ? เมื่อคืนมีหมอผู้เชี่ยวชาญเฉพาะทางมาตั้งสิบกว่าคน แต่ไม่มีใครเข้าใจเกี่ยวกับอาการของคุณปู่เลย! คุณทำได้เหรอ?"

"ตอนนี้ผมก็ยืนอยู่หน้าประตูแล้ว ทำไมคุณไม่ปล่อยให้ผมเข้าไปลองดูล่ะ?" หลินหยางยิ้มแล้วพูดด้วยน้ำเสียงที่เรียบเฉย

หญิงสาวรู้สึกว่าที่พูดมาก็มีเหตุผลจึงพยักหน้า

แต่ในขณะที่เธอกำลังจะตอบตกลง มีเสียงหัวเราะที่เต็มไปด้วยอารมณ์ของการดูถูกดังขึ้นจากด้านข้าง

"ลอง? เหอเหอ คนไร้ค่าที่ไม่มีประโยชน์อะไรเลยสามารถช่วยผู้เฒ่าชวี่? อยากจะขำให้ฟันร่วง คุณหนูชิวซวน ถ้าหากคุณเชื่อเขา มันก็ไม่ต่างอะไรกับการทำร้ายผู้เฒ่าชวี่!"

ทุกคนหันไปมองตามทิศทาง

"พี่หม่า?" หญิงสาวอุทานออกมาด้วยความประหลาดใจ

หลังจากซูเหยียนเห็นผู้มาสีหน้าของเธอเปลี่ยนไปทันที ราวกับโดนฟ้าผ่า

หลินหยางขมวดคิ้วเล็กน้อย

เห็นเพียงชายหนุ่มรูปงามในชุดสูทที่มีการหวีผมอย่างประณีตก้าวเท้าเดินลงมาจากรถสปอร์ต เขาพยักหน้าให้กับหญิงสาวด้วยรอยยิ้ม หลังจากนั้นมองมาทางซูเหยียนด้วยสายตาที่ลึกซึ้งพร้อมกับก้าวเท้าเดินตรงเข้ามา

"ซูเหยียน ไม่ได้เจอกันนาน คุณ…ยังสบายดีหรือเปล่า?"

ผู้ชายหน้าตาดีคนนี้ไม่ใช่คนแปลกหน้าสำหรับหลินหยาง

เขาชื่อหม่าฟง

สามปีก่อน เขาและซูเหยียนเป็นคู่กิ่งทองใบหยกที่คนทั้งเมืองเจียงเฉินยอมรับ แทบจะทุกคนคิดว่าซูเหยียนต้องแต่งงานกับคุณชายใหญ่ตระกูลหม่าแห่งเจียงเฉิน

ในช่วงเวลานั้นซูเหยียนแทบจะเป็นความหวังของตระกูลซู

คนของตระกูลซูทุกคนไม่เว้นแม้กระทั่งคุณนายซูเอาอกเอาใจซูเหยียนเป็นพิเศษ

ทุกคนคิดว่าผู้หญิงคนนี้จะทำให้ตระกูลซูปีนขึ้นไปอยู่ในระดับที่สูงขึ้น

แต่ไม่มีใครเคยคิด ผู้เฒ่าซูที่กำลังป่วยหนักในตอนนั้นไม่สนใจคำคัดค้านของคนอื่น เขายกซูเหยียนให้แต่งงานกับหลินหยางในคืนนั้น

พูดให้ถูกก็คือ หลินหยางแต่งงานเข้ามาอยู่ในบ้านตระกูลซูอย่างกะทันหัน กลายเป็นลูกเขยที่แต่งเข้าบ้านของซูกวง

ตอนนั้นเรื่องนี้สามารถพูดได้ว่าสะเทือนไปทั่ว

คนของตระกูลซูมองตาค้าง

หม่าฟงเป็นบุคคลระดับไหน? คุณชายใหญ่ตระกูลหม่า ทายาทผู้สืบทอดทรัพย์สินทั้งหมด จบจากมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย มีหน้ามีตาทางสังคมและร่ำรวยมาก ยิ่งไปกว่านั้นยังถูกยกย่องให้เป็นหนึ่งในสี่คุณเจียงเฉิน

เป็นผู้ชายที่หญิงสาวจำนวนมากมายใฝ่ฝัน

ผู้เฒ่าซูยอมทิ้งไปทั้งแบบนี้?

อนาคตของตระกูลซูจึงถูกฝังลงที่นี่

ต้องบอกก่อน นี่ไม่เพียงแต่เป็นการละทิ้งร่มเงาต้นไม้ใหญ่อย่างตระกูลหม่า ยิ่งเป็นการสร้างความไม่พอใจให้กับตระกูลหม่าอีกด้วย!

มีผู้คนมากมายว่าผู้เฒ่าซูเลอะเลือนเห็นท่อนไม้เป็นเรือ แต่ถึงจะพูดยังไงก็ไม่มีประโยชน์

ซูเหยียนได้รับการยอมรับให้เป็นเทพธิดาแห่งเมืองเจียงเฉิน

แม้ว่าเมื่อคืนเธอจะไม่ได้นอนทั้งคืน ตอนเช้าก็ออกมาอย่างเร่งรีบโดยไม่ได้แต่งหน้า แต่ในใบหน้าของเธอยังคงสง่างามเหมือนเดิม แม้กระทั่งชวี่ชิวซวนที่แต่งหน้ามาอย่างประณีตก็ยังต้องชิดซ้าย

เพราะเหตุนี้ หลังจากที่ซูเหยียนแต่งงาน หม่าฟงก็ยังไม่เคยเลิกที่จะตามจีบซูเหยียน

อย่างไรก็ตาม ในเมืองเจียงเฉินไม่มีผู้หญิงระดับนี้คนที่สองอีกแล้ว

หม่าฟงใช้วิธีการบางอย่างจนสืบรู้เรื่องภายในของตระกูลซู ซูเหยียนไม่ได้รักหลินหยาง และเนื่องจากเธอไม่เข้าใจการแต่งงานอย่างกะทันหันนี้ถึงขั้นเสนอขอแยกห้องอยู่กับหลินหยาง สิ่งที่น่าตกใจมากกว่านั้นก็คือหลินหยางก็ตอบตกลง

สามปีเต็ม ผู้ชายคนนี้เอาแต่เฝ้ามองภรรยาที่สวยงามโดยไม่เคยแตะต้องไม่แต่ปลายนิ้ว

เรื่องนี้สำหรับหม่าฟงถือว่าเป็นข่าวดีมาก

เพียงแต่ซูเหยียนเธอเป็นผู้หญิงที่แตกต่างจากคนอื่น ถึงแม้เธอจะไม่ได้รักหลินหยาง และถึงขั้นเคยคิดเรื่องหย่า แต่ก่อนที่จะหย่าร้าง เธอไม่เคยอยู่กับผู้ชายคนอื่นตามลำพัง

แม้แต่หม่าฟงที่ไล่ตามจีบเธออย่างบ้าคลั่งและเปิดเผย แต่เธอก็ไม่เคยหวั่นไหวเลยสักนิด

เธอเป็นผู้หญิงที่มีหลักการ

แม้ผู้ชายของเธอจะไร้ความสามารถ แต่เธอก็ไม่มีวันหักหลังเขา

และก็เพราะเหตุนี้ หลินหยางจึงเลือกที่จะอยู่ต่อ

ยิ่งไปกว่านั้น…เขายินดีที่จะทำเพื่อซูเหยียน

ส่วนเรื่องของการหย่าร้าง ถ้าหากซูเหยียนยืนกรานแบบนั้นจริง เขาก็ไม่คัดค้าน

"คุณชายหม่า สวัสดี" ซูเหยียนยิ้มด้วยท่าทางที่ไม่เป็นธรรมชาติ

"จะเรียกให้มันห่างเหินกันมากขนาดนั้นทำไม? คุณก็เรียกผมว่าพี่หม่าได้เหมือนกัน…เสี่ยวเหยียน ช่วงนี้ผมไปต่างประเทศมา พวกเราไม่ได้เจอกันมาสักพักหนึ่งแล้ว ผมได้ยินมาว่าเมื่อวานศูนย์การค้าเมืองเจียงเฉินมีร้านอาหารมิชลินเปิดใหม่ รสชาติไม่เลว คืนนี้พวกเราลองไปชิมกันเถอะ!" หม่าฟงพูดด้วยน้ำเสียงสุภาพ

ในแววตาของเขาเต็มไปด้วยความอ่อนโยนที่ไร้ขีดจำกัด

"ขออภัยคุณชายหม่า คืนนี้ฉันไม่ว่าง" ซูเหยียนพูดด้วยความลำบากใจ

แต่คุณชายหม่าไม่ยอมแพ้

"คืนนี้ไม่ได้ งั้นก็พรุ่งนี้?"

"พรุ่งนี้ก็มีธุระ"

"วันมะรืน? วันมะรืนไม่ได้ก็วันถัดไป? เสี่ยวเหยียน ผมไม่เชื่อหรอกว่าคุณจะไม่ว่างสักคืน" คุณชายหม่าเริ่มไล่ต้อน

ซูเหยียนเริ่มหายใจเร็วขึ้น ทำอะไรไม่ถูกเล็กหน่อย

ท่าทางของคุณชายหม่าเหมือนกำลังจะเดินเข้ามาจับมือของซูเหยียน

ที่เขากลับมาจากเมืองนอกครั้งนี้ ก็เพื่อที่จะพิชิตผู้หญิงที่ทำให้เขาใช้เวลารอนานถึงสามปี!

เขาทนไม่ไหวอีกแล้ว

เขาไม่อยากรออีกแล้ว

แต่ในตอนที่คุณชายหม่ายื่นมือออกไป มีมือข้างหนึ่งยื่นออกมาจากด้านข้างจับข้อมือของเขาเอาไว้

หลินหยาง!

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

3917