ตอนที่ 11 ความรักครั้งแรก
by ปลามังกร
15:22,Oct 20,2020
เธออยู่ที่เชียงใหม่จริงด้วย ที่ผู้ชายที่ใส่เสื้อสูทข้างเธอ เป็นคนเดียวที่ขับรถออดี้A8ในวันนั้น
พวกเขาดูเหมือนจะเข้ากันได้ดี
อยู่ๆก็นึกถึงข้อความที่เขาส่งมาให้ ว่าเธอจะแต่งงานแล้ว
อาจะเป็นเพราะศักดิ์ศรีที่ไร้ค่านั้นสร้างปัญหา ขณะหลินหลัวซุ่ยเตรียมเดินมากับชายคนนั้น ผมคว้ามือกอดเอวขอไป๋เหวยไว้
ไป๋เหว่ยตกใจตัวสั่น กำลังจะโมโห
“ประธานไป๋ อย่าพึ่งขยับ ผมขอยืมเอวคุณแป๊บนึง แค่สามวินาที” ผมพูดเสียงต่ำข้างหูเธอ
หลังจากพูดเสร็จ หลินหลัวซุ่ยและชายคนนั้นก็เดินออกมา เห็นผมและไป๋เหวยอยู่หน้าประตู อึ้งไปสักพัก
เห็นได้ชัด หลินหลัวซุ่ยไม่คาดคิดว่าจะเจอเราที่เชียงใหม่ เจอผมที่BTT สายตาเขาตกใจ
แต่ไม่นาน สายตาของเธอก็มองไปมือผมที่กอดเอวไป๋เหวยไว้ ในแววตาของเธอแสดงออกถึงความงง ไม่น่าเชื่อ และรู้สึกไร้สาระด้วยซ้ำ
“หลัวซุ่ย?”
ผมก็อึ้ง และแสดงความตกใจออกมามากพอ
จากนั้นรีบเอามือออกจากเอวของไป๋เหว่ยยิ้มเขินๆ และพูดว่า “หลัวซุ่ย คุณอยู่เชียงใหม่เหมือนกันเหรอ?”
หลิวหลัวซุ่ยเก็บอาการตกใจ ไม่ตอบคำถามฉันก่อน แต่กลับยิ้มตามมารยาทให้กับไป๋เหวย พูดว่า “สวัสดีค่ะท่านประธานไป๋” จากนั้นก็หันมาผม ยิ้มจางๆและพูดว่า
“สวัสดีฟางหยาง ฉันมานี้เพื่อคุยเรื่องโครงการ ไม่คิดว่าจะเจอคุณที่นี้”
“อ๋อ บังเอิญจัง ผมก็มาคุยเรื่องโครงการ BTT” ผมยิ้มและชี้ไปที่ตึกBTTที่อยู่ตรงหน้า
ความหมายง่ายมาก เราสองคนเป็นคู่แข่งกัน คุณไปต่างประเทศคุยโครงการ ฉันก็ทำได้ ไม่ได้แย่กว่าคุณ
แน่นอน ทำไปเพื่อปลอบใจตัวเอง เพื่อความสบายใจแค่นั้น
สีหน้าของหลินหลัวซุ่นไม่แสดงอาการออกขนาดนี้ เธอน่าจะเดาได้แล้ว
ขณะนี้ ชายหนุ่มรูปหล่อที่อยู่ข้างเธอเดินสองก้าว ยิ้มอย่างมั่นใจ ยื่นมือทักทาย “สวัสดีครับ ท่านประทานไป๋”
“สวัสดีค่ะ ประธานเฉา” ไป๋เหว่ยทักทายปกติ และจับมือกับคนชายนั้น
เห็นได้ชัดว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนไม่ค่อยดี เพราะพวกเขาเป็นคู่แข่งกัน
“คนนี้เป็น....” ชายที่ชื่อเฉามองหน้าผมด้วยความสงสัย
“เขาเป็นฟางหยางผู้ช่วยของฉันค่ะ” ไป๋เหว่ยแนะนำผมก่อน
“ผู้ช่วยเหรอ” คนชื่อเฉาเหลือบมองผม “คุณรู้จักหลัวซุ่ยเหรอ?”
เมื่อเผชิญกับความดูถูกของเขา ผมไม่ได้สนใจ พูดอย่างเรียบๆว่า “ผมเป็นแฟนเก่าของหลัวซุ่น อยู่กับมา5ปี
ต่อมา.....”
“คนเป็นคนติดคุกนี้เหรอ” คนชื่อเฉาจงใจพูดเน้นคำว่าคุก
“หือ คุณรู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ” ผมแกล้งถามทำท่าแปลกใจ
คนชื่อเฉาจับมือของหลินหลัวซุ่นและยกคางขึ้น “ตอนนี้หลัวซุ่ยเป็นคู่หมั้นของผม”
“อ้อ ขอแสดงความยินดีกับคุณทั้งคู่ล่วงหน้า หลัวซุ่ยอย่าลืมเชิญผมไปงานแต่งของคุณทั้งสองนะครับ”
ผมทนความเจ็บปวดที่อธิบายไม่ได้ในใจและจงใจทำให้น้ำเสียงยาวขึ้น เกือบหลุดพูดออกมาว่าความจริงแล้วคุณก็เก็บของเก่า
“ขอบคุณค่ะ” หลินหลัวซุ่ยพยักหน้าเบา ๆ
“ประธานไป๋ งั้นไม่รบกวนแล้วนะคะ”
คนชื่อเฉาไม่สนใจผมหลังจากลากับไป๋เหว่ย เขาก็พาหลินหลัวซุ่ยไป
เมื่อขึ้นรถหลินหลัวซุ่ยเหลือบมองกลับผม ดวงตาของเขาดูซับซ้อนเล็กน้อย
ผมหยิบบุหรี่ออกมาจุดไฟจนกระทั่งพวกเขาไม่อยู่และหายใจเข้าลึก ๆ
“เรื่องเมื่อกี้ ห้ามมีครั้งหน้าอีก”
ไป๋เหว่ยที่อยู่ด้านข้างก็พูดอย่างเย็นชา
ผมรู้ว่าเธอกำลังพูดถึงการโอบเอวของเธอ
แต่ผมไม่ได้พูด ผมแค่มองไปที่ทางหลินหลัวซุ่ยกำลังจะจากไป สูบบุหรี่อย่างเงียบ ๆ
เพราะผมเจ็บใจเล็กน้อย เจ็บใจที่ตัวเองยังเสียใจเพราะหลัวซุ่ย
คบกันมาห้าปี จะว่าไม่รู้สึกก็ไม่จริง มันเป็นครั้งแรกที่ผมรักใครสักคนและรักลึกขนาดนี้
ในขณะเดียวกันผมก็เกลียดเธอด้วย
“คุณทำแบบนี้เพื่อให้หลินหลัวซุ่นดู?” ไป๋เหวยถามขึ้นมา
ผมเป่าควันออกมา พูดอย่างเรียบๆว่า
“ก็แค่กอดเฉยๆ ปากก็เคยจูบแล้ว กอดก็เคยกอดแล้ว แค่กอดแค่นี้ไม่ถือสาหรอก”
“ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องนี้” ไป๋เหว่ยขมวดคิ้ว
“แล้วคืออะไร”
“คุณยินดีที่จะกลับมาคุยเกี่ยวกับโครงการBTTเพราะหลินหลัวซุ่ยใช่ไหมคุณรู้ว่าหลินหลัวซุ่ยและ เฉาเหวินฮวยอยู่ที่เชียงใม่เหมือนกัน และกำลังแย่งโครงการBTT คุณจึงอยากชนะเขา ใช่ไหม”
ผมมองหน้าไป๋เหวยอย่างไม่คาดคิด เธอก็ไม่ได้สวยไร้สมองนี่นา เดาถูกด้วย
เป่าควันบุหรี่ออกมาอีกรอบ ผมสายหัวและพูดว่า “ท่านประธานไป๋ คุณคิดมาก ผมมาคุยโครงการนี้เพื่ออยากนอนกับคุณแค่นั้นเอง”
“หึ คุณคิดว่าฉันดูไม่เห็นหรอ” ไป่เหว่ยยิ้มเยาะ
ผมรู้สึกรำคาญเล็กน้อย “ทำไมพูดมากขนาดนี้”
เธอไม่พูดอะไรสักคำ แต่มองมาที่ผมอย่างเย็นชา
“อยากได้โครงการนี้ไหม” ผมทิ้งบุหรี่ เดินไปตรงหน้าเธอและพูดว่า “ถ้าอยาก กลับโรมแรม แก้ไขแผนงาน ต้องแก้ไขตามที่ฉันแนะนำ”
“ทำไมฉันต้องฟังคุณ?”
ผมกางมือ “คุณมีความสุขก็พอ”
ไป๋เหว่ยไม่พูดอะไรอีก ยังคงมองผมอย่างเย็นชา
ผมเริ่มหมดความอดทน กำลังจะเดินไป ไป๋เหวยพูดกับผมคำหนึ่ง “กลับโรมแรมค่อยว่ากัน”
กลับมาที่โรงแรมไป๋เหว่ยเช่าห้องประชุมเล็กอีกครั้งแต่ไม่โทรหาคนอื่นๆ เธอเรียกผมไปที่ห้องประชุมคนเดียว
“ฟางหยาง ขอถามหน่อย คุณจะชนะโครงการนี้ใด้อย่างไร” ไป๋เหว่ยถามหน้านิ่ง ทันทีที่เดินเข้าประตู
ผมยิ้มอย่างอธิบายว่า “ผมไม่เคยบอกว่าผมมั่นใจ คุณมาหาผมขอให้ผมกลับมาช่วยคุณ
คุณควรถามตัวเองมากกว่า”
ไป๋เหว่ยยังคงหน้านิ่ง “ซาติซงบอกเรื่องที่คุณกับเขาคุณกันให้ฉันแล้ว เธอบอกว่าคสามคิดของคุณไม่เหมือนใคร บอกว่าตัวคุณมีเสน่ห์บางอย่างที่คนอื่นไม่มี ซื่อตรงให้คนเชื่อมั่นได้และเขายังบอกว่า มีแค่คุณที่สามารถพูดโน้มน้าวให้ผู้บริหารเชื่อได้ ”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ไป๋เหว่ยก็ส่ายหัวอย่างผิดหวัง
“แต่ฉันไม่เห็นคุณมีมีเสน่ห์อะไรในตัวฉันเห็นก็คือคนดื้อรั้นหยาบคายเป็นคนที่อกหักแล้วยอมแพ้อะไรง่ายๆ ท้อถอยเท่านั้นเอง”
ผมรู้สึกรำคาญเล็กน้อย “คุณบ้าหรือเปล่า เรียกฉันกลับมาเพื่อประชดฉันเหรอ”
เผชิญหน้ากับคำด่าของผม ไป๋เหว่ยขมวดคิ้วพูดอย่างเย็นชา “ฉันพูดความจริง”
“ความจริงบ้าอะไร คิดเอาเองมากกว่า”
เธอไม่พูดอะไรอีกเลยเพียงแค่มองผมอย่างเย็นชา
“บ้าอะไรเนี่ย” ผมไม่รำคาญที่จะคุยกับเธออีกและเดินไปหน้าประตู
“ถ้าคุณปล่อยไว้แบบนี้ จะทำให้ฉันจะดูถูกคุณมากขึ้นเท่านั้น” ไป๋เหว่ยพูดอย่างกะทันหัน
“คุณปั่นปวนฉัน?”
ผมยิ้มเยาะและเดินกลับไปช้าๆตรงหน้าเธอ มองใบหน้าที่เพอร์เฟคของเธออย่าละเอียด
พวกเขาดูเหมือนจะเข้ากันได้ดี
อยู่ๆก็นึกถึงข้อความที่เขาส่งมาให้ ว่าเธอจะแต่งงานแล้ว
อาจะเป็นเพราะศักดิ์ศรีที่ไร้ค่านั้นสร้างปัญหา ขณะหลินหลัวซุ่ยเตรียมเดินมากับชายคนนั้น ผมคว้ามือกอดเอวขอไป๋เหวยไว้
ไป๋เหว่ยตกใจตัวสั่น กำลังจะโมโห
“ประธานไป๋ อย่าพึ่งขยับ ผมขอยืมเอวคุณแป๊บนึง แค่สามวินาที” ผมพูดเสียงต่ำข้างหูเธอ
หลังจากพูดเสร็จ หลินหลัวซุ่ยและชายคนนั้นก็เดินออกมา เห็นผมและไป๋เหวยอยู่หน้าประตู อึ้งไปสักพัก
เห็นได้ชัด หลินหลัวซุ่ยไม่คาดคิดว่าจะเจอเราที่เชียงใหม่ เจอผมที่BTT สายตาเขาตกใจ
แต่ไม่นาน สายตาของเธอก็มองไปมือผมที่กอดเอวไป๋เหวยไว้ ในแววตาของเธอแสดงออกถึงความงง ไม่น่าเชื่อ และรู้สึกไร้สาระด้วยซ้ำ
“หลัวซุ่ย?”
ผมก็อึ้ง และแสดงความตกใจออกมามากพอ
จากนั้นรีบเอามือออกจากเอวของไป๋เหว่ยยิ้มเขินๆ และพูดว่า “หลัวซุ่ย คุณอยู่เชียงใหม่เหมือนกันเหรอ?”
หลิวหลัวซุ่ยเก็บอาการตกใจ ไม่ตอบคำถามฉันก่อน แต่กลับยิ้มตามมารยาทให้กับไป๋เหวย พูดว่า “สวัสดีค่ะท่านประธานไป๋” จากนั้นก็หันมาผม ยิ้มจางๆและพูดว่า
“สวัสดีฟางหยาง ฉันมานี้เพื่อคุยเรื่องโครงการ ไม่คิดว่าจะเจอคุณที่นี้”
“อ๋อ บังเอิญจัง ผมก็มาคุยเรื่องโครงการ BTT” ผมยิ้มและชี้ไปที่ตึกBTTที่อยู่ตรงหน้า
ความหมายง่ายมาก เราสองคนเป็นคู่แข่งกัน คุณไปต่างประเทศคุยโครงการ ฉันก็ทำได้ ไม่ได้แย่กว่าคุณ
แน่นอน ทำไปเพื่อปลอบใจตัวเอง เพื่อความสบายใจแค่นั้น
สีหน้าของหลินหลัวซุ่นไม่แสดงอาการออกขนาดนี้ เธอน่าจะเดาได้แล้ว
ขณะนี้ ชายหนุ่มรูปหล่อที่อยู่ข้างเธอเดินสองก้าว ยิ้มอย่างมั่นใจ ยื่นมือทักทาย “สวัสดีครับ ท่านประทานไป๋”
“สวัสดีค่ะ ประธานเฉา” ไป๋เหว่ยทักทายปกติ และจับมือกับคนชายนั้น
เห็นได้ชัดว่าความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองคนไม่ค่อยดี เพราะพวกเขาเป็นคู่แข่งกัน
“คนนี้เป็น....” ชายที่ชื่อเฉามองหน้าผมด้วยความสงสัย
“เขาเป็นฟางหยางผู้ช่วยของฉันค่ะ” ไป๋เหว่ยแนะนำผมก่อน
“ผู้ช่วยเหรอ” คนชื่อเฉาเหลือบมองผม “คุณรู้จักหลัวซุ่ยเหรอ?”
เมื่อเผชิญกับความดูถูกของเขา ผมไม่ได้สนใจ พูดอย่างเรียบๆว่า “ผมเป็นแฟนเก่าของหลัวซุ่น อยู่กับมา5ปี
ต่อมา.....”
“คนเป็นคนติดคุกนี้เหรอ” คนชื่อเฉาจงใจพูดเน้นคำว่าคุก
“หือ คุณรู้เรื่องนี้ด้วยเหรอ” ผมแกล้งถามทำท่าแปลกใจ
คนชื่อเฉาจับมือของหลินหลัวซุ่นและยกคางขึ้น “ตอนนี้หลัวซุ่ยเป็นคู่หมั้นของผม”
“อ้อ ขอแสดงความยินดีกับคุณทั้งคู่ล่วงหน้า หลัวซุ่ยอย่าลืมเชิญผมไปงานแต่งของคุณทั้งสองนะครับ”
ผมทนความเจ็บปวดที่อธิบายไม่ได้ในใจและจงใจทำให้น้ำเสียงยาวขึ้น เกือบหลุดพูดออกมาว่าความจริงแล้วคุณก็เก็บของเก่า
“ขอบคุณค่ะ” หลินหลัวซุ่ยพยักหน้าเบา ๆ
“ประธานไป๋ งั้นไม่รบกวนแล้วนะคะ”
คนชื่อเฉาไม่สนใจผมหลังจากลากับไป๋เหว่ย เขาก็พาหลินหลัวซุ่ยไป
เมื่อขึ้นรถหลินหลัวซุ่ยเหลือบมองกลับผม ดวงตาของเขาดูซับซ้อนเล็กน้อย
ผมหยิบบุหรี่ออกมาจุดไฟจนกระทั่งพวกเขาไม่อยู่และหายใจเข้าลึก ๆ
“เรื่องเมื่อกี้ ห้ามมีครั้งหน้าอีก”
ไป๋เหว่ยที่อยู่ด้านข้างก็พูดอย่างเย็นชา
ผมรู้ว่าเธอกำลังพูดถึงการโอบเอวของเธอ
แต่ผมไม่ได้พูด ผมแค่มองไปที่ทางหลินหลัวซุ่ยกำลังจะจากไป สูบบุหรี่อย่างเงียบ ๆ
เพราะผมเจ็บใจเล็กน้อย เจ็บใจที่ตัวเองยังเสียใจเพราะหลัวซุ่ย
คบกันมาห้าปี จะว่าไม่รู้สึกก็ไม่จริง มันเป็นครั้งแรกที่ผมรักใครสักคนและรักลึกขนาดนี้
ในขณะเดียวกันผมก็เกลียดเธอด้วย
“คุณทำแบบนี้เพื่อให้หลินหลัวซุ่นดู?” ไป๋เหวยถามขึ้นมา
ผมเป่าควันออกมา พูดอย่างเรียบๆว่า
“ก็แค่กอดเฉยๆ ปากก็เคยจูบแล้ว กอดก็เคยกอดแล้ว แค่กอดแค่นี้ไม่ถือสาหรอก”
“ฉันไม่ได้หมายถึงเรื่องนี้” ไป๋เหว่ยขมวดคิ้ว
“แล้วคืออะไร”
“คุณยินดีที่จะกลับมาคุยเกี่ยวกับโครงการBTTเพราะหลินหลัวซุ่ยใช่ไหมคุณรู้ว่าหลินหลัวซุ่ยและ เฉาเหวินฮวยอยู่ที่เชียงใม่เหมือนกัน และกำลังแย่งโครงการBTT คุณจึงอยากชนะเขา ใช่ไหม”
ผมมองหน้าไป๋เหวยอย่างไม่คาดคิด เธอก็ไม่ได้สวยไร้สมองนี่นา เดาถูกด้วย
เป่าควันบุหรี่ออกมาอีกรอบ ผมสายหัวและพูดว่า “ท่านประธานไป๋ คุณคิดมาก ผมมาคุยโครงการนี้เพื่ออยากนอนกับคุณแค่นั้นเอง”
“หึ คุณคิดว่าฉันดูไม่เห็นหรอ” ไป่เหว่ยยิ้มเยาะ
ผมรู้สึกรำคาญเล็กน้อย “ทำไมพูดมากขนาดนี้”
เธอไม่พูดอะไรสักคำ แต่มองมาที่ผมอย่างเย็นชา
“อยากได้โครงการนี้ไหม” ผมทิ้งบุหรี่ เดินไปตรงหน้าเธอและพูดว่า “ถ้าอยาก กลับโรมแรม แก้ไขแผนงาน ต้องแก้ไขตามที่ฉันแนะนำ”
“ทำไมฉันต้องฟังคุณ?”
ผมกางมือ “คุณมีความสุขก็พอ”
ไป๋เหว่ยไม่พูดอะไรอีก ยังคงมองผมอย่างเย็นชา
ผมเริ่มหมดความอดทน กำลังจะเดินไป ไป๋เหวยพูดกับผมคำหนึ่ง “กลับโรมแรมค่อยว่ากัน”
กลับมาที่โรงแรมไป๋เหว่ยเช่าห้องประชุมเล็กอีกครั้งแต่ไม่โทรหาคนอื่นๆ เธอเรียกผมไปที่ห้องประชุมคนเดียว
“ฟางหยาง ขอถามหน่อย คุณจะชนะโครงการนี้ใด้อย่างไร” ไป๋เหว่ยถามหน้านิ่ง ทันทีที่เดินเข้าประตู
ผมยิ้มอย่างอธิบายว่า “ผมไม่เคยบอกว่าผมมั่นใจ คุณมาหาผมขอให้ผมกลับมาช่วยคุณ
คุณควรถามตัวเองมากกว่า”
ไป๋เหว่ยยังคงหน้านิ่ง “ซาติซงบอกเรื่องที่คุณกับเขาคุณกันให้ฉันแล้ว เธอบอกว่าคสามคิดของคุณไม่เหมือนใคร บอกว่าตัวคุณมีเสน่ห์บางอย่างที่คนอื่นไม่มี ซื่อตรงให้คนเชื่อมั่นได้และเขายังบอกว่า มีแค่คุณที่สามารถพูดโน้มน้าวให้ผู้บริหารเชื่อได้ ”
เมื่อพูดถึงเรื่องนี้ ไป๋เหว่ยก็ส่ายหัวอย่างผิดหวัง
“แต่ฉันไม่เห็นคุณมีมีเสน่ห์อะไรในตัวฉันเห็นก็คือคนดื้อรั้นหยาบคายเป็นคนที่อกหักแล้วยอมแพ้อะไรง่ายๆ ท้อถอยเท่านั้นเอง”
ผมรู้สึกรำคาญเล็กน้อย “คุณบ้าหรือเปล่า เรียกฉันกลับมาเพื่อประชดฉันเหรอ”
เผชิญหน้ากับคำด่าของผม ไป๋เหว่ยขมวดคิ้วพูดอย่างเย็นชา “ฉันพูดความจริง”
“ความจริงบ้าอะไร คิดเอาเองมากกว่า”
เธอไม่พูดอะไรอีกเลยเพียงแค่มองผมอย่างเย็นชา
“บ้าอะไรเนี่ย” ผมไม่รำคาญที่จะคุยกับเธออีกและเดินไปหน้าประตู
“ถ้าคุณปล่อยไว้แบบนี้ จะทำให้ฉันจะดูถูกคุณมากขึ้นเท่านั้น” ไป๋เหว่ยพูดอย่างกะทันหัน
“คุณปั่นปวนฉัน?”
ผมยิ้มเยาะและเดินกลับไปช้าๆตรงหน้าเธอ มองใบหน้าที่เพอร์เฟคของเธออย่าละเอียด
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.webreadapp.com All rights reserved