ตอนที่ 399 เรื่องราวซับซ้อน
by ปลามังกร
08:01,Mar 27,2021
คิดไปคิดมาผมก็เพิ่งจะรู้จักกับจู้เหม่ยได้แค่เดือนเดียวเองแต่ในเวลาหนึ่งเดือนนี้มีเรื่องเกิดขึ้นกับพวกเรามากมายทั้งเรื่องที่ดีและเรื่องที่ไม่ได้คาดคิดเอาไว้ก่อนแต่มิตรภาพระหว่างฉันกับเธอก็ค่อยๆลึกซึ้งขึ้นในทีละนิดมิตรภาพระหว่างฉันกับเธอก็ค่อยๆลึกซึ้งขึ้นในทีละนิดสุดท้ายมิตรภาพระหว่างพวกเราก็เกิดขึ้นโดยไม่รู้ตัว
แต่สิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกลำบากใจก็คือในวันที่เธอมาหาผมที่บ้านและไป๋เหว่ยก็กลับมาจากออสเตรเลีย
แต่ถึงอย่างไรก็ตามจู้เหม่ยก็ยังคงให้ความช่วยเหลือผมในเรื่องของตระกูลกงจนทำให้ผมรู้สึกว่าไม่สามารถตอบแทนบุญคุณเธอได้
ตอนนี้จู้เหม่ยบอกผมว่ากงเจิ้งเหวินจะต้องติดคุก15ปีนั้นน่าจะเป็นเรื่องจริงเนื่องจากครอบครัวของเธอไม่น่าจะโกหกเธอและยิ่งสถานะของพวกเขาก็ไม่น่าจะมาโกหกผม
ผมไม่สามารถพูดความรู้สึกที่มีอยู่ในใจออกไปได้เมื่อได้ยินจู้เหม่ยพูดประโยคเหล่านี้ผมก็รู้สึกละอายใจขึ้นมา
เสียงในโทรศัพท์เงียบไปสักพักจากนั้นผมพูดขึ้นมาว่า"จู้เหม่ยขอบคุณ"
จู้เหม่ยพูดออกมาอย่างจริงใจว่า"ไม่เป็นไรฉันช่วยนายก็เพื่อความยุติธรรมตอนที่รู้จักกันแรกๆนายก็เป็นคนช่วยฉันเอาไว้ถือว่าหายกันนะ"
"ผม....."
"ไม่ใช่"
ตอนที่ผมกำลังจะพูดออกไปจู้เหม่ยก็พูดออกมาตัดคำพูดของผมผมจึงถามไปว่า"อะไรไม่ใช่?"
จู้เหม่ยจึงพูดออกมาอย่างเขินอายว่า"ครั้งที่แล้วนายเป็นคนช่วยชีวิตฉันเอาไว้ครั้งนี้ฉันก็แค่ใช้หนี้นายคืนเท่านั้น......ฟางหยางชีวิตนี้ฉันไม่รู้ว่าจะใช้หนี้นายหรมหรือเปล่า"
พูดตามเหตุผลถ้าหากตอนนี้ไป๋เหว่ยไม่ได้นั่งอยู่ข้างๆผมหละก็ผมอาจจะเคลิ้มตามอารมณ์ของจู้เหม่ยไปก็ได้แต่ตอนนี้จู้เหม่ยที่ทำท่าทางเป็นไม่สนใจแต่กำลังแอบฟังอยู่สองรูหูแล้วผมจะทำอย่างนั้นได้อย่างไร
ผมกระแอมออกไป"ที่ฉันช่วยเธอไปไม่ได้เป็นเพราะหวังหาสิ่งตอบแทนแต่เป็นเพราะว่าสถานการณ์ในตอนนั้นมากกว่า"
"ฮาฮาฮาโอเคพี่ฟางหยางฉันวางสายก่อนนะ"
เมื่อจู้เหม่ยพูดจบก็วางสายลงทันทีผมตกใจและมองมาที่โทรศัพท์จู่ใจของผมก็เข้าใจขึ้นมาทันทีว่าที่จู้เหม่ยพูดออกมาแบบนั้นเพราะอาจจะรู้ว่าไป๋เหว่ยอยู่ข้างๆผม
ผมเห็นไป๋เหว่ยไม่ได้แสดงออกอะไรนั่นทำให้ผมยิ่งรู้สึกว่าใตอนที่เธอทำทาทางไม่สบายใจยิ่งทำให้เธอดึงดูดผมมาก
ไป๋เหว่ยเห็นผมไม่ได้พูดอะไรจึงถามออกมาว่า"เมื่อกี้จู้เหม่ยโทรมาคุยอะไรกับนาย?"
"ไม่ได้พูดอะไรก็แค่โทรมาบอกว่าบทลงโทษของกงเจิ้งเหวินในตอนนี้ได้ออกมาแล้ว"
เมื่อผมพูดแบบนี้หัวใจของผมก็ไม่มีความผันผวนแม้ว่าจู้เหม่ยจะพูดอะไรมากมายแต่เรื่องที่สำคัญก็มีแค่นี้
แต่แค่คำพูดของเธอบางคำทำให้หัวใจของคนที่ได้ฟังนั้นหวั่นไหวและหลงใหลในตัวเธอ
"แน่ใจหรอ?กี่ปี?"
ไป๋เหว่ยที่นั่งฟังมาโดยตลอดก็ถามผมออกมา
"มากกว่าตอนแรก"
ถ้าพูดออกไปผมไม่รู้ว่าเธอจะตกใจหรือเปล่ากับระยะเวลาที่ถูกลงโทษ
ไป๋เหว่ยขมวดคิ้วและถามออกมาว่า"นานกว่าเมื่อก่อน?แล้วมันนานแค่ไหนหละ?ฟางหยางนายพูดมาตรงๆฉันไม่โทษนายหรอกอย่างไรซะกงเจิ้งเหวินก็เป็นคนทำเองและมีเรื่องอะไรอีกที่นายไม่สามารถพูดอะไรระหว่างเรา"
"ประธานไป๋คุณพูดเองนะ"
น้อยครั้งที่ผมจะเรียกว่า"ประธานไป๋"และก็ไม่รู้ว่าไป๋เหว่ยกำลังคิดอะไรแต่ใบหน้าของเธอมันฟ้องว่าเธอกำลังกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เธอกำลังพูด
"15ปี"
ผมพูดออกไปตอนที่พูดก็สังเกตไป๋เหว่ยอยู่ผมเกรงว่าเธอจะตกใจจนเป็นลมไปแต่โชคดีที่เธอไม่ได้เป็นอะไร
"15ปี...."
ไม่มีท่าทีเหมือนที่ผมคิดเอาไว้ไป๋เหว่ยไม่มีท่าทางตกใจหรือกังวลแต่เหมือนว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
"เป็นอะไรไป?"
ผมถามออกไปด้วยเสียงต่ำๆ
"ไม่มี"
ไป๋เหว่ยส่ายหน้าพูดออกมาว่า"ฟางหยางถ้าหากกงเจิ้งเหวินต้องจำคุก15ปีจริงๆงั้นซอฟต์แวร์Zhiwenคงต้องปิดตัวลงจริงๆนอกจากนี้ตอนนี้เหมือนว่าตระกูลกงกำลังเจอเผชิญกับปัญหาบางอย่างอยู่รอพวกเขาจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้วพวกเขาจะต้องเล็กมาที่นายดังนั้นเมื่อถึงเวลานานจะต้องระวังตัวให้มากกว่าเดิม"
ผมจับมือไป๋เหว่ยเบาๆและนำไปกุมไว้บนโต๊ะเธอไม่ได้ขัดขืนจากนั้นผมก็ลูบมือของเธอด้วยความนุ่มนวลและพูดออกไปว่า"วางใจเธอตระกูลกงอยากจะฆ่าผมมาตั้งนานแล้วที่ประเทศไทยพวกเขาทำไม่สำเร็จและยิ่งเป็นที่ประเทศจีนยิ่งไม่มีทาง"
ผมพูดคุยกับไป๋เหว่ยอยู่สักพักไป๋เหว่ยบอกว่าเธอต้องกลับบ้านแล้วและบอกให้ผมระวังตัวให้มากๆจากนั้นพวกเราก็เดินออกมาจากร้านกาแฟด้วยกัน
ตอนแรกผมวางแผนไว้ว่าจะไปส่งไป๋เหว่ยแต่ไป๋เหว่ยปฏิเสธผมมองไปที่มือของผมยิ้มออกมาอย่างขมขื่นตอนนี้ผมเป็นได้แค่หมาเห่าเครื่องบิน
เนื่องจากเหตุการณ์ใหญ่ๆหลายๆอย่างที่Shenghaiถูกจัดการไปหมดแล้วตอนนี้ผมค่อนข้างว่างนอกจากการประชุมของNationalถูกเลื่อนไปอย่างไม่มีกำหนดแล้วตอนนี้ผมก็ทำได้แค่บอกให้จ้าวซูเหิงที่อยู่โรงแรมมาหาผมที่โรงพักเท่านั้น
เนื่องจากผมและจ้าวซูเหิงมาที่นี่บ่อยเมื่อคนเฝ้าประตูเห็นหน้าพวกเราก็ไม่ได้พูดอะไรไม่นานก็มองเห็นฉีหยู่เหมิง
พวกเราเดินไปที่ห้องโถงไปยังสถานที่ทำงานที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้ชั่วคราวโดยฉีหยู่เหมิงฉีหยู่เหมิงกำลังมองเอกสารที่อยู่ในมืออย่างจริงจังคิ้วที่โค้งงอของเธอทำให้คนที่เห็นรู้ได้ทันทีว่าเธอกำลังมีเรื่องไม่สบายใจ
ผมพูดออกไปว่า"ฉีหยู่เหมิงเป็นอะไร?มีอะไรผิดปกติกับเรื่องของจางฟู่เฉียงอย่างนั้นหรอ?"
ก่อนที่จะคลี่คลายสิ่งเหล่านี้ทีละเรื่องมีเรื่องเนื่องจากความวุ่นวายของผมตระกูลกงและบุคคลที่สามตอนแรกผมไม่สามารถบอกความผิดปกติของแต่ละเรื่องราวได้เลยและตอนนี้มันยังมีอะไรที่ค้างคาอยู่?
จางฟู่เฉียงเป็นคนของบุคคลที่สามเขาต้องการเอาชนะผู้กำกับหลินผ่านเหตุการณ์นี้แต่สุดท้ายเขาก็แพ้ไม่เพียงแต่จะเสียทุกสิ่งทุกอย่างในตอนนี้เท่านั้นแต่ชีวิตที่เหลือหลังจากนี้ก็คงไม่มีอะไรดีแล้ว
ฉีหยู่เหมิงส่ายหน้าและพูดออกมาว่า"เรื่องของจางฟู่เฉียงถูกจัดการไปเรียบร้อยแล้วและได้ถูกส่งไปยังคณะกรรมการตรวจสอบวินัยของเมืองShenghaiแล้วฉันเชื่อว่ามันจะอยู่ที่นั่นในอีกสักระยะ"
"งั้นทำไม่คุณถึงทำท่าทางแบบนี้?"
ผมหยิบเก้าอี้มานั่งข้างฉีหยู่เหมิงถึงแม้ว่าจะมีคนเดินผ่านมากมายแต่พวกเขาก็รู้ดีถึงความสัมพันธ์ของพวกเรากับผู้กำกับหลินพวกเขาจึงไม่ได้พูโอะไรเมื่อเห็นความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งแบบนี้พวกเขาทำได้แค่ก้มหน้าและยอมรับมัน
จ้าวซูเหิงไม่ได้สนใจว่าตอนนี้เขากำลังอยู่ที่ไหนเขานอนอยู่ที่โซฟาด้านข้างเล่นโทรศัพท์อย่างไม่สนใจใคร
ฉีหยู่เหมิงพูดออกมาว่า"ฉันแค่ไม่ยังหาข้อสรุปของคดีนี้ไม่ได้เท่านั้นตอนแรกหลักฐานทั้งหมดชี้ไปทางตระกูลกงและก็ไม่มีความชัดเจนดังนั้นเมื่อก่อนฉันจึงบอกมาตลอดว่าคดีนี้ไม่สามารถทำให้ตระกูลกงล้มลงได้แต่สิ่งที่คิดไม่ถึงคือเมื่อเช้าฉันไปตรวจสอบหลักฐานอีกครั้งพบว่าข้อมูลต่างๆมีการเปลี่ยนแปลง"
"เปลี่ยนแปลง?"
ผมขมวดคิ้วอย่างสังหรณ์ใจ
"ใช่"
จู้เหม่ยยังคงมองไปที่เอกสารที่อยู่ในมือของเธอ"หลักฐานพวกนี้ชี้ไปที่คนคนหนึ่งเธอคือคุณหญิงของตระกูลกง"
แต่สิ่งที่ทำให้เธอรู้สึกลำบากใจก็คือในวันที่เธอมาหาผมที่บ้านและไป๋เหว่ยก็กลับมาจากออสเตรเลีย
แต่ถึงอย่างไรก็ตามจู้เหม่ยก็ยังคงให้ความช่วยเหลือผมในเรื่องของตระกูลกงจนทำให้ผมรู้สึกว่าไม่สามารถตอบแทนบุญคุณเธอได้
ตอนนี้จู้เหม่ยบอกผมว่ากงเจิ้งเหวินจะต้องติดคุก15ปีนั้นน่าจะเป็นเรื่องจริงเนื่องจากครอบครัวของเธอไม่น่าจะโกหกเธอและยิ่งสถานะของพวกเขาก็ไม่น่าจะมาโกหกผม
ผมไม่สามารถพูดความรู้สึกที่มีอยู่ในใจออกไปได้เมื่อได้ยินจู้เหม่ยพูดประโยคเหล่านี้ผมก็รู้สึกละอายใจขึ้นมา
เสียงในโทรศัพท์เงียบไปสักพักจากนั้นผมพูดขึ้นมาว่า"จู้เหม่ยขอบคุณ"
จู้เหม่ยพูดออกมาอย่างจริงใจว่า"ไม่เป็นไรฉันช่วยนายก็เพื่อความยุติธรรมตอนที่รู้จักกันแรกๆนายก็เป็นคนช่วยฉันเอาไว้ถือว่าหายกันนะ"
"ผม....."
"ไม่ใช่"
ตอนที่ผมกำลังจะพูดออกไปจู้เหม่ยก็พูดออกมาตัดคำพูดของผมผมจึงถามไปว่า"อะไรไม่ใช่?"
จู้เหม่ยจึงพูดออกมาอย่างเขินอายว่า"ครั้งที่แล้วนายเป็นคนช่วยชีวิตฉันเอาไว้ครั้งนี้ฉันก็แค่ใช้หนี้นายคืนเท่านั้น......ฟางหยางชีวิตนี้ฉันไม่รู้ว่าจะใช้หนี้นายหรมหรือเปล่า"
พูดตามเหตุผลถ้าหากตอนนี้ไป๋เหว่ยไม่ได้นั่งอยู่ข้างๆผมหละก็ผมอาจจะเคลิ้มตามอารมณ์ของจู้เหม่ยไปก็ได้แต่ตอนนี้จู้เหม่ยที่ทำท่าทางเป็นไม่สนใจแต่กำลังแอบฟังอยู่สองรูหูแล้วผมจะทำอย่างนั้นได้อย่างไร
ผมกระแอมออกไป"ที่ฉันช่วยเธอไปไม่ได้เป็นเพราะหวังหาสิ่งตอบแทนแต่เป็นเพราะว่าสถานการณ์ในตอนนั้นมากกว่า"
"ฮาฮาฮาโอเคพี่ฟางหยางฉันวางสายก่อนนะ"
เมื่อจู้เหม่ยพูดจบก็วางสายลงทันทีผมตกใจและมองมาที่โทรศัพท์จู่ใจของผมก็เข้าใจขึ้นมาทันทีว่าที่จู้เหม่ยพูดออกมาแบบนั้นเพราะอาจจะรู้ว่าไป๋เหว่ยอยู่ข้างๆผม
ผมเห็นไป๋เหว่ยไม่ได้แสดงออกอะไรนั่นทำให้ผมยิ่งรู้สึกว่าใตอนที่เธอทำทาทางไม่สบายใจยิ่งทำให้เธอดึงดูดผมมาก
ไป๋เหว่ยเห็นผมไม่ได้พูดอะไรจึงถามออกมาว่า"เมื่อกี้จู้เหม่ยโทรมาคุยอะไรกับนาย?"
"ไม่ได้พูดอะไรก็แค่โทรมาบอกว่าบทลงโทษของกงเจิ้งเหวินในตอนนี้ได้ออกมาแล้ว"
เมื่อผมพูดแบบนี้หัวใจของผมก็ไม่มีความผันผวนแม้ว่าจู้เหม่ยจะพูดอะไรมากมายแต่เรื่องที่สำคัญก็มีแค่นี้
แต่แค่คำพูดของเธอบางคำทำให้หัวใจของคนที่ได้ฟังนั้นหวั่นไหวและหลงใหลในตัวเธอ
"แน่ใจหรอ?กี่ปี?"
ไป๋เหว่ยที่นั่งฟังมาโดยตลอดก็ถามผมออกมา
"มากกว่าตอนแรก"
ถ้าพูดออกไปผมไม่รู้ว่าเธอจะตกใจหรือเปล่ากับระยะเวลาที่ถูกลงโทษ
ไป๋เหว่ยขมวดคิ้วและถามออกมาว่า"นานกว่าเมื่อก่อน?แล้วมันนานแค่ไหนหละ?ฟางหยางนายพูดมาตรงๆฉันไม่โทษนายหรอกอย่างไรซะกงเจิ้งเหวินก็เป็นคนทำเองและมีเรื่องอะไรอีกที่นายไม่สามารถพูดอะไรระหว่างเรา"
"ประธานไป๋คุณพูดเองนะ"
น้อยครั้งที่ผมจะเรียกว่า"ประธานไป๋"และก็ไม่รู้ว่าไป๋เหว่ยกำลังคิดอะไรแต่ใบหน้าของเธอมันฟ้องว่าเธอกำลังกังวลเกี่ยวกับสิ่งที่เธอกำลังพูด
"15ปี"
ผมพูดออกไปตอนที่พูดก็สังเกตไป๋เหว่ยอยู่ผมเกรงว่าเธอจะตกใจจนเป็นลมไปแต่โชคดีที่เธอไม่ได้เป็นอะไร
"15ปี...."
ไม่มีท่าทีเหมือนที่ผมคิดเอาไว้ไป๋เหว่ยไม่มีท่าทางตกใจหรือกังวลแต่เหมือนว่าเธอกำลังคิดอะไรอยู่
"เป็นอะไรไป?"
ผมถามออกไปด้วยเสียงต่ำๆ
"ไม่มี"
ไป๋เหว่ยส่ายหน้าพูดออกมาว่า"ฟางหยางถ้าหากกงเจิ้งเหวินต้องจำคุก15ปีจริงๆงั้นซอฟต์แวร์Zhiwenคงต้องปิดตัวลงจริงๆนอกจากนี้ตอนนี้เหมือนว่าตระกูลกงกำลังเจอเผชิญกับปัญหาบางอย่างอยู่รอพวกเขาจัดการเสร็จเรียบร้อยแล้วพวกเขาจะต้องเล็กมาที่นายดังนั้นเมื่อถึงเวลานานจะต้องระวังตัวให้มากกว่าเดิม"
ผมจับมือไป๋เหว่ยเบาๆและนำไปกุมไว้บนโต๊ะเธอไม่ได้ขัดขืนจากนั้นผมก็ลูบมือของเธอด้วยความนุ่มนวลและพูดออกไปว่า"วางใจเธอตระกูลกงอยากจะฆ่าผมมาตั้งนานแล้วที่ประเทศไทยพวกเขาทำไม่สำเร็จและยิ่งเป็นที่ประเทศจีนยิ่งไม่มีทาง"
ผมพูดคุยกับไป๋เหว่ยอยู่สักพักไป๋เหว่ยบอกว่าเธอต้องกลับบ้านแล้วและบอกให้ผมระวังตัวให้มากๆจากนั้นพวกเราก็เดินออกมาจากร้านกาแฟด้วยกัน
ตอนแรกผมวางแผนไว้ว่าจะไปส่งไป๋เหว่ยแต่ไป๋เหว่ยปฏิเสธผมมองไปที่มือของผมยิ้มออกมาอย่างขมขื่นตอนนี้ผมเป็นได้แค่หมาเห่าเครื่องบิน
เนื่องจากเหตุการณ์ใหญ่ๆหลายๆอย่างที่Shenghaiถูกจัดการไปหมดแล้วตอนนี้ผมค่อนข้างว่างนอกจากการประชุมของNationalถูกเลื่อนไปอย่างไม่มีกำหนดแล้วตอนนี้ผมก็ทำได้แค่บอกให้จ้าวซูเหิงที่อยู่โรงแรมมาหาผมที่โรงพักเท่านั้น
เนื่องจากผมและจ้าวซูเหิงมาที่นี่บ่อยเมื่อคนเฝ้าประตูเห็นหน้าพวกเราก็ไม่ได้พูดอะไรไม่นานก็มองเห็นฉีหยู่เหมิง
พวกเราเดินไปที่ห้องโถงไปยังสถานที่ทำงานที่ถูกจัดเตรียมไว้ให้ชั่วคราวโดยฉีหยู่เหมิงฉีหยู่เหมิงกำลังมองเอกสารที่อยู่ในมืออย่างจริงจังคิ้วที่โค้งงอของเธอทำให้คนที่เห็นรู้ได้ทันทีว่าเธอกำลังมีเรื่องไม่สบายใจ
ผมพูดออกไปว่า"ฉีหยู่เหมิงเป็นอะไร?มีอะไรผิดปกติกับเรื่องของจางฟู่เฉียงอย่างนั้นหรอ?"
ก่อนที่จะคลี่คลายสิ่งเหล่านี้ทีละเรื่องมีเรื่องเนื่องจากความวุ่นวายของผมตระกูลกงและบุคคลที่สามตอนแรกผมไม่สามารถบอกความผิดปกติของแต่ละเรื่องราวได้เลยและตอนนี้มันยังมีอะไรที่ค้างคาอยู่?
จางฟู่เฉียงเป็นคนของบุคคลที่สามเขาต้องการเอาชนะผู้กำกับหลินผ่านเหตุการณ์นี้แต่สุดท้ายเขาก็แพ้ไม่เพียงแต่จะเสียทุกสิ่งทุกอย่างในตอนนี้เท่านั้นแต่ชีวิตที่เหลือหลังจากนี้ก็คงไม่มีอะไรดีแล้ว
ฉีหยู่เหมิงส่ายหน้าและพูดออกมาว่า"เรื่องของจางฟู่เฉียงถูกจัดการไปเรียบร้อยแล้วและได้ถูกส่งไปยังคณะกรรมการตรวจสอบวินัยของเมืองShenghaiแล้วฉันเชื่อว่ามันจะอยู่ที่นั่นในอีกสักระยะ"
"งั้นทำไม่คุณถึงทำท่าทางแบบนี้?"
ผมหยิบเก้าอี้มานั่งข้างฉีหยู่เหมิงถึงแม้ว่าจะมีคนเดินผ่านมากมายแต่พวกเขาก็รู้ดีถึงความสัมพันธ์ของพวกเรากับผู้กำกับหลินพวกเขาจึงไม่ได้พูโอะไรเมื่อเห็นความสัมพันธ์ที่ลึกซึ้งแบบนี้พวกเขาทำได้แค่ก้มหน้าและยอมรับมัน
จ้าวซูเหิงไม่ได้สนใจว่าตอนนี้เขากำลังอยู่ที่ไหนเขานอนอยู่ที่โซฟาด้านข้างเล่นโทรศัพท์อย่างไม่สนใจใคร
ฉีหยู่เหมิงพูดออกมาว่า"ฉันแค่ไม่ยังหาข้อสรุปของคดีนี้ไม่ได้เท่านั้นตอนแรกหลักฐานทั้งหมดชี้ไปทางตระกูลกงและก็ไม่มีความชัดเจนดังนั้นเมื่อก่อนฉันจึงบอกมาตลอดว่าคดีนี้ไม่สามารถทำให้ตระกูลกงล้มลงได้แต่สิ่งที่คิดไม่ถึงคือเมื่อเช้าฉันไปตรวจสอบหลักฐานอีกครั้งพบว่าข้อมูลต่างๆมีการเปลี่ยนแปลง"
"เปลี่ยนแปลง?"
ผมขมวดคิ้วอย่างสังหรณ์ใจ
"ใช่"
จู้เหม่ยยังคงมองไปที่เอกสารที่อยู่ในมือของเธอ"หลักฐานพวกนี้ชี้ไปที่คนคนหนึ่งเธอคือคุณหญิงของตระกูลกง"
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.webreadapp.com All rights reserved