บทที่ 13 น้องสาวนายจะหย่ากับฉัน

by พี่อาอิน 10:32,Apr 30,2021
ดังนั้นเขากับฟางลู่เป่ยที่ยังโสดอยู่เหมือนจะไม่ได้มีอะไรที่แตกต่างกัน

เขาพูดด้วยเสียงอึกอักในลำคอว่า “ฟางเหอเจิงนายยังไม่รู้จักเธอดีหรอ ทั่วเมืองเหยียนจิง จะหาผู้หญิงที่มีนิสัยดีอย่างเธอได้หรอ นี่เป็นความโชคดีของนาย”

“โชคดี” สองคำนี้ออกมาจากปากของเขาถือว่าเป็นเรื่องที่ยากจริง

และดูเหมือนจะไม่เป็นความจริง

จี้ผิงโจวอ่อนล้าไปทั้งกายและใจ “ความโชคดีนี้ฉันรับไม่ไหวหรอก”

“อย่างนี้หมายความว่าอะไร”

ภายในห้องที่ครึกครื่น ที่นี่กลับซ่อนไว้ใต้เงามืด เขาหันหน้ากลับไป ด้วยสีหน้าที่จริงจัง กัดฟันพูดว่า “น้องสาวนายบอกว่าจะหย่ากับฉัน”

ผ่านไปครู่หนึ่ง

ฟางลู่เป่ยดื่มเหล้าเข้าไปยังลำคอภายในครั้งเดียว ทั้งแสบทั้งขม แก้วเหล้าที่ว่างเปล่าภายในเหลือไว้ไม่กี่หยด เขารีบเช็ดกางเกงที่ถูกเหล้าหกใส่ “หย่าหรอ”

เสียงของเขาดังมาก

ผู้คนที่อยู่รอบๆก็หันหน้ามาหมด

“นายจะพูดเสียงดังทำไม”

เมื่อถูกจี้ผิงโจวเตือนแบบนี้เขาถึงลดระดับเสียงลง แล้วนั่งลง เหมือนกับไก่ที่กลัวหมาจนเอาหัวมุดใต้ปีก “ฉันฟังไม่ผิดใช่ไหม หย่ากันหรอ นายจะหย่ากับเธอ หรือเธอจะหย่ากับนายกันแน่”

“เธออยากหย่ากับฉัน”

“ไอ้เด็กบ้านี่กินยาอะไรผิดมาหรือเปล่า”

เมื่อได้ยินฟางลู่เป่ยด่าว่าเหอเจิงเป็นเรื่องปกติในครอบครัวนี้ จี้ผิงโจวเองก็ไม่ได้โกรธอะไร “เรื่องน่าตกใจนี้ ตอนที่เธออยู่ที่บ้านตระกูลฟางไม่ได้บอกให้นายหรือ”

เหล้าคำที่ 2 ของฟางลู่เป่ยนี้รู้สึกเจ็บแรงไปหน่อยจนต้องคายออกมา “ใครบอกว่ายัยเด็กบ้าอยู่ที่บ้านตระกูลฟาง แม้แต่เงาของเธอฉันยังไม่เห็นเลย”

ตอนนี้ถึงตาจี้ผิงโจวแปลกใจแล้ว

“ไม่อยู่”

“ไม่”

เมืองเหยียนจิงใหญ่แค่นี้

นอกจากบ้านตระกูลฟางแล้วก็ไม่มีที่ที่เธอจะไปได้อีกแล้ว

จี้ผิงโจวคิดจนหัวแทบแตก ก็คิดไม่ออกว่าเธอไปไหนกันแน่

“หรือคุณฟางจะไปอยู่ที่สวนเหอเฟิงนะ”

สวนเหอเฟิง

3 ตัวอักษรที่เขาไม่ได้คุ้นเคยเลย

จี้ผิงโจวมองออกไปยังท้องฟ้านอกหน้าต่าง ทำไมคิดถึงสถานที่นี้ไม่ออกเลยนี้ เป๋ยเจี่ยนสังเกตเห็นถึงการคิดไม่ออกของเขา เลยพูดออกไปว่า “คุณลืมไปแล้วเหรอว่า สวนเหอเฟิงที่ถนนเหอผิง เป็นสิ่งที่คุณได้มอบเป็นบ้านให้เธอ ก่อนที่คุณกับคุณฟางจะแต่งงาน”

ความจำของจี้ผิงโจวก็ไม่ดีด้วย

“ไปสวนเหอเฟิงกัน”

ถนนเหอผิงที่เงียบสงัด มองไปไม่เห็นปลายทาง

เมื่อถึงเวลากลางคืนแสงไฟที่ริบหรี่กับดวงดาวอันน้อยนิด บนทางเดินมีเพียงแค่ฟางเหอเจิงคนเดียว กลางฤดูใบไม้ร่วงที่หนาวเหน็บ กับค่ำคืนที่หนาวเข้ากระดูกดำ บนตัวของเธอมีเพียงเสื้อไหมพรมตัวนึงที่ทั้งเก่าและไร้ยี่ห้อ

เมื่อมองจากไกลๆ เป็นอะไรที่โดดเดี่ยวมาก

ข้างหลังเธอมีหมาตัวเล็กๆตัวนึง ดูแล้วน่าจะเป็นหมาจรจัด กำลังสะบัดหางอย่างน่าสงสารเพื่อขออะไรจากฟางเหอเจิงกิน เธอก็ไม่รู้จะทำไง จึงหยิบของที่เธอซื้อไว้จากกระเป๋าแล้วส่งให้หมาตัวน้อย

คุยกับหมาเหมือนกับว่ากำลังพูดกับตัวเอง “กินเถิด กินมื้อนี้แล้วยังไม่รู้เลยว่ามื้อต่อไปจะอยู่ที่ไหน”

หมาตัวน้อยเข้ามาด้วยหน้าหงอย และกินไส้กรอกบนมือของฟางเหอเจิงอย่างเอร็ดอร่อย เธอก้มลงพูดออกมาด้วยความเห็นใจ “น่าสงสารจริงๆ”

ใต้ร่มเงาต้นไม้ปรากฏเงาใหญ่หนึ่งเงา เงาเล็กอีกหนึ่งเงา

จากนั้นไม่นาน

ด้านหลังของฟางเหอเจิงก็มีเงาร่างผู้ชายเพิ่มขึ้นมาอีกเงาหนึ่ง

ปลายของเงาทอดมาอยู่บนหัวเธอ แต่เธอก็ไม่ได้สังเกตเห็น ยังคงลูบหัวของหมาตัวน้อยอย่างใจเย็น “กินื่าืางดูอร่อย คงติดใจละสิ อันนี้ราคาไม่ได้ถูกๆนะ”

เพิ่งพูดจบ

หมาตัวน้อยก็คายไส้กรอกที่เพิ่งจะกินไปได้ครึ่งนึงออกมา เนื้อที่ถูกเคี้ยวแล้วเหมือนเนื้อสีชมพูกองนึง ฟางเหอเจิงเองก็ตกใจ รู้สึกโมโหเล็กน้อย “ไอ้หมานี่ ไม่รู้จักของดีซะแล้ว ไส้กรอกที่ดีอย่างนี้ฉันยังไม่ยอมกินเลย”

เป็นอะไรที่น่าโมโหมาก

เธอกัดลิ้นกัดฟันและชี้ไปยังหัวของหมาตัวน้อย “ดูนายได้ใจอย่างนี้ ชู่ ชู่ ชู่ ยิ่งดูยิ่งเหมือนกับจี้ผิงโจว”

เมื่อได้ยินชื่อของตัวเองแบบนี้ ใบหน้าของจี้ผิงโจวรู้สึกจะไม่ได้ดีเท่าไหร่ แต่เขาก็อดทนไว้ คำพูดแรกที่พูดออกมายังคงมีความอ่อนหวาน“เหอเจิง”

เสียงอันอ่อนหวานกลมกลืนกับสายลมยามค่ำ

เหอเจิงคิดว่าหูแว่วไปเอง เธอมองไปทางน้องหมาด้วยความแปลกใจ มองไปซ้ายทีขวาที แล้วหันไปหาน้องหมาถามด้วยความแปลกใจว่า “นายกำลังพูดกับฉันหรอ”

หน้าของจี้ผิงโจวหน้าดำคล้ำขึ้นมาทันที เสียงพูดเปลี่ยนไปเป็นเสียงอันเย็นชา “ฟางเหอเจิง นี่เธอเป็นโรคเอ๋อหรือไง”

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

1