บทที่ 19 เข้าไปแล้วนอนลง
by พี่อาอิน
10:33,Apr 30,2021
ลังเลอยู่สักครู่
เฉียวเอ๋อจึงค่อยๆยื่นโทรศัพท์ให้กับเป๋ยเจี่ยน
เสียงผู้หญิงที่เชื่องช้าถูกเปลี่ยนไป เพียงชั่ววูบ เหอเจิงรู้สึกตะลึง เธอค่อยๆเดินลงจากรถ ข้างหูเป็นเสียงของเป๋ยเจี่ยนที่ พยายามอธิบายทีละคำและแฝงด้วยน้ำเสียงการร้องขอ “อาการของคุณหนูสามกำลังกำเริบ คุณรีบกลับมาได้ไหม คุณเองก็รู้ว่าโรคของเธอรุนแรงถ้ากระทบต่อสมองทุกอย่างก็จบ”
เวลานั้นเป็นเวลาบ่ายๆ
แสงสีทองเหลืองอร่ามทอดลงมาบนถนน โขดหินที่ร้อนผ่าว ลมที่เต็มไปด้วยสิ่งสกปรกได้ปิดทางเดินหายใจ เหอเจิงรู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออก เมื่อเธอได้ยินคำพูดเหล่านี้ เหอเจิงรู้สึกว่าตัวเองน่าสงสารกว่าจี้เหยียนเซียงเสียอีก
เธอหยุดเป็นเวลานาน เธอไตร่ตรองแล้วถามด้วยเสียงอ่อนล้าว่า “จี้ผิงโจวเป็นคนให้ฉันกลับไปถ่ายเลือดให้พี่สาวเขาหรอ”
คำพูดของเธอชัดเจน
เป๋ยเจี่ยนกวาดสายตาไปมองเฉียวเอ๋อที่กำลังกินขนมหวานอยู่ ตอบด้วยความลังเล “น่าจะ น่าจะนะ”
ทันทีที่เหยียบลงบนพื้นดินของเมืองเหยียนจิง เหมือนกับว่าเข้าไปอยู่ในเปลือกตาของจี้ผิงโจวทันที จะหนีไปไหนก็ไม่ได้ เหอเจิงอุ้มความหวังอันริบหรี่ถามอีกครั้ง “ถ้าครั้งนี้กลับไป ฉันจะต้องตาย เขาจะให้ฉันกลับไปไหม”
“คุณหนูฟาง คุณอย่าล้อเล่นสิ เหตุการณ์มันคับขันจริงๆ ถ้าไม่อย่างนั้นก็คงจะไม่เป็นผมหรอกที่โทรหาคุณ”
จากที่ดูมาแล้ว
คงจะไม่มีวิธีอื่นแล้วล่ะ
จนถึงเวลาพลบค่ำ
แสงสีทองยามเย็นได้หายไป ท่ามกลางแสงที่มืดมัว ตึกใต้ยังคงสว่างไสว ประตูใหญ่ปิดไว้ คนที่อยู่ข้างในออกมาไม่ได้ และคนที่อยู่ข้างนอกก็เข้าไปไม่ได้ เงียบจนน่ากลัว เวลาประมาณ 6:00 น เป๋ยเจี่ยนพาเหอเจิงมาถึงหน้าประตู
เธอเข้าใจสถานการณ์ข้างในดี ยืนอยู่ตรงนี้ที่มีลมเย็นๆพัดผ่านจนแผ่นหลังเย็นไปหมด
เมื่อประตูเปิดออก
คนที่ออกมาต้อนรับเธอล้วนแล้วเป็นคนที่ถือมีดผ่าตัดและสวมชุดผ่าตัดไว้
มองตามบันไดขึ้นไปข้างบน จะเห็นห้องผ่าตัดเล็กๆ รออยู่ประมาณ 2-3 นาทีประตูถึงเปิดออกมาจากข้างใน แสงไฟที่แสบตา กระทบเข้ามายังใบหน้าอันขาวใสของเหอเจิง
ครั้งนี้คนที่ออกมาเป็นจี้ผิงโจว
เขาแต่งตัวเหมือนคนส่วนใหญ่ มีเพียงสายตาคู่นั้นที่ใสสะอาดเหมือนน้ำบริสุทธิ์ บรรจุด้วยแสงที่มีความอ่อนโยนและเมตตาตลอดทั้งปี ทั้งดำและชุ่มช่ำ สวยงามเหลือเกิน สบตาครั้งเดียวก็รู้ว่าเป็นเขา
ถุงมือของจี้ผิงโจวเต็มไปด้วยเลือด และบนตัวก็ด้วย เห็นสายตาของเหอเจิงที่เย็นชา และน้ำเสียงที่เข้มแข็ง เขาหันหน้าไปบอกเธอ “เข้าไปนอนเลย”
เหอเจิงไม่ได้ส่งเสียงอะไร เดินผ่านสายตาของเขา เย็นชาเหลือเกิน
เตียงนั้นเหมือนกับว่าจะคุ้นเคยมากกว่าเตียงในห้องนอนของตัวเองซะอีก
เพิ่งจะนอนลง ความหนาวเย็นก็ค่อยๆเข้าสู่กระดูก เพิ่มทีละระดับ เหมือนกับจะแช่แข็งเธอ ข้อมือถูกคนค่อยๆยกขึ้น เธอตัวสั่นนิดๆ จี้ผิงโจวเองก็ไม่ได้สังเกต ไม่มีความอ่อนนุ่ม เขาแทงเข็มเข้าไปบนผิวหนังของเหอเจิงอย่างทารุณ
เพียงช่วงเวลานึง
ใบหน้าของเหอเจิงแสดงถึงความตกใจ มือเองก็มีปฏิกิริยาทีหนึ่ง
การกระทำหยุดชะงัด จี้ผิงโจวอุดรอยแผลไว้ สบตาลง ในใจเหมือนกับว่าถูกแทงไปทีหนึ่ง ถามด้วยความเห็นใจ “เจ็บหรอ”
จะไม่เจ็บได้ยังไง
ความรู้สึกที่ขมขื่นระเบิดออกมาพร้อมกับความเจ็บที่ถูกแทง เหอเจิงหลับตาลง พร้อมกับกลั้นน้ำตาไว้ “ไม่เจ็บ อยู่ต่อหน้าคุณชายจี้ ฉันจะต้องไม่เจ็บ”
ฟังออกถึงความไม่เต็มใจและความน้อยใจของเธอ แต่การถ่ายเลือดหยุดไม่ได้ เหอเจิงยังสาวอยู่ เพิ่งจะ 20ต้นๆ ถ่ายเลือดไม่เท่าไหร่ คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง
เมื่อคิดถึงตรงนี้ จี้ผิงโจวแทงเข็มเข้าไปลึกกว่าเดิมนิดหน่อย “อดทนหน่อยนะ แป๊ปเดียว”
เมื่อทนกับความเจ็บปวด
เหอเจิงลืมตาที่พร้อมกับน้ำตามองเธอ ภายใต้แสงอันเจิดจ้าที่ส่องลงมาจากหน้าของเขา การหายใจค่อยๆแผ่วเบาลง สายตาที่ไม่วอกแวก อารมณ์ที่แน่วแน่และตั้งใจจริง แต่เป็นความตั้งใจจริงที่กำลังจะฆ่าชีวิตของเธอไป
เวลา 20:00 น กลางคืนทุกที่กำลังจะเปลี่ยนจากอากาศร้อนเป็นอากาศเย็น
ลมที่หนาวจนกัดกินแทงกระดูกดำ
แต่อากาศกกลับรู้สึกอบอ้าว
โดยเฉพาะภายในตึกใต้ กลิ่นไอของเลือดเต็มไปทั่วทุกมุม เวลาที่วุ่นวายผ่านไปแล้ว คนที่เหลือช่วยกันทำความสะอาดห้อง หลังจากที่จี้ผิงโจวเปลี่ยนชุดแล้วก็รีบขึ้นไปดู สายตามองเข้าไปยังห้องผ่าตัดที่เต็มไปด้วยความมืด ไม่เห็นแม้แต่เงาคน เขายื่นมือไปจับหมอที่เดินผ่านคนหนึ่ง “เหอเจิงล่ะ”
หมอส่ายหัวแล้วพูด “ไปตั้งนานแล้ว”
“ตอนฉันทำการถ่ายเลือดเสร็จเธอยังไม่ตื่นไม่ใช่หรอ”
“ตอนที่คุณไปเปลี่ยนชุด เธอก็เพิ่งไป”
เวลาสั้นขนาดนั้น
เธอตั้งใจที่จะไม่พบหน้าหรอ
จี้ผิงโจวคิดไม่ตก คำพูดยิ่งหนักแน่นขึ้น “เธอเสียเลือดไปมากขนาดนั้น ไปคนเดียวได้ไง”
“เธอ เธอถ่ายเลือดแล้วก็ไปเองคนเดียวตลอดนี่”
เฉียวเอ๋อจึงค่อยๆยื่นโทรศัพท์ให้กับเป๋ยเจี่ยน
เสียงผู้หญิงที่เชื่องช้าถูกเปลี่ยนไป เพียงชั่ววูบ เหอเจิงรู้สึกตะลึง เธอค่อยๆเดินลงจากรถ ข้างหูเป็นเสียงของเป๋ยเจี่ยนที่ พยายามอธิบายทีละคำและแฝงด้วยน้ำเสียงการร้องขอ “อาการของคุณหนูสามกำลังกำเริบ คุณรีบกลับมาได้ไหม คุณเองก็รู้ว่าโรคของเธอรุนแรงถ้ากระทบต่อสมองทุกอย่างก็จบ”
เวลานั้นเป็นเวลาบ่ายๆ
แสงสีทองเหลืองอร่ามทอดลงมาบนถนน โขดหินที่ร้อนผ่าว ลมที่เต็มไปด้วยสิ่งสกปรกได้ปิดทางเดินหายใจ เหอเจิงรู้สึกเหมือนจะหายใจไม่ออก เมื่อเธอได้ยินคำพูดเหล่านี้ เหอเจิงรู้สึกว่าตัวเองน่าสงสารกว่าจี้เหยียนเซียงเสียอีก
เธอหยุดเป็นเวลานาน เธอไตร่ตรองแล้วถามด้วยเสียงอ่อนล้าว่า “จี้ผิงโจวเป็นคนให้ฉันกลับไปถ่ายเลือดให้พี่สาวเขาหรอ”
คำพูดของเธอชัดเจน
เป๋ยเจี่ยนกวาดสายตาไปมองเฉียวเอ๋อที่กำลังกินขนมหวานอยู่ ตอบด้วยความลังเล “น่าจะ น่าจะนะ”
ทันทีที่เหยียบลงบนพื้นดินของเมืองเหยียนจิง เหมือนกับว่าเข้าไปอยู่ในเปลือกตาของจี้ผิงโจวทันที จะหนีไปไหนก็ไม่ได้ เหอเจิงอุ้มความหวังอันริบหรี่ถามอีกครั้ง “ถ้าครั้งนี้กลับไป ฉันจะต้องตาย เขาจะให้ฉันกลับไปไหม”
“คุณหนูฟาง คุณอย่าล้อเล่นสิ เหตุการณ์มันคับขันจริงๆ ถ้าไม่อย่างนั้นก็คงจะไม่เป็นผมหรอกที่โทรหาคุณ”
จากที่ดูมาแล้ว
คงจะไม่มีวิธีอื่นแล้วล่ะ
จนถึงเวลาพลบค่ำ
แสงสีทองยามเย็นได้หายไป ท่ามกลางแสงที่มืดมัว ตึกใต้ยังคงสว่างไสว ประตูใหญ่ปิดไว้ คนที่อยู่ข้างในออกมาไม่ได้ และคนที่อยู่ข้างนอกก็เข้าไปไม่ได้ เงียบจนน่ากลัว เวลาประมาณ 6:00 น เป๋ยเจี่ยนพาเหอเจิงมาถึงหน้าประตู
เธอเข้าใจสถานการณ์ข้างในดี ยืนอยู่ตรงนี้ที่มีลมเย็นๆพัดผ่านจนแผ่นหลังเย็นไปหมด
เมื่อประตูเปิดออก
คนที่ออกมาต้อนรับเธอล้วนแล้วเป็นคนที่ถือมีดผ่าตัดและสวมชุดผ่าตัดไว้
มองตามบันไดขึ้นไปข้างบน จะเห็นห้องผ่าตัดเล็กๆ รออยู่ประมาณ 2-3 นาทีประตูถึงเปิดออกมาจากข้างใน แสงไฟที่แสบตา กระทบเข้ามายังใบหน้าอันขาวใสของเหอเจิง
ครั้งนี้คนที่ออกมาเป็นจี้ผิงโจว
เขาแต่งตัวเหมือนคนส่วนใหญ่ มีเพียงสายตาคู่นั้นที่ใสสะอาดเหมือนน้ำบริสุทธิ์ บรรจุด้วยแสงที่มีความอ่อนโยนและเมตตาตลอดทั้งปี ทั้งดำและชุ่มช่ำ สวยงามเหลือเกิน สบตาครั้งเดียวก็รู้ว่าเป็นเขา
ถุงมือของจี้ผิงโจวเต็มไปด้วยเลือด และบนตัวก็ด้วย เห็นสายตาของเหอเจิงที่เย็นชา และน้ำเสียงที่เข้มแข็ง เขาหันหน้าไปบอกเธอ “เข้าไปนอนเลย”
เหอเจิงไม่ได้ส่งเสียงอะไร เดินผ่านสายตาของเขา เย็นชาเหลือเกิน
เตียงนั้นเหมือนกับว่าจะคุ้นเคยมากกว่าเตียงในห้องนอนของตัวเองซะอีก
เพิ่งจะนอนลง ความหนาวเย็นก็ค่อยๆเข้าสู่กระดูก เพิ่มทีละระดับ เหมือนกับจะแช่แข็งเธอ ข้อมือถูกคนค่อยๆยกขึ้น เธอตัวสั่นนิดๆ จี้ผิงโจวเองก็ไม่ได้สังเกต ไม่มีความอ่อนนุ่ม เขาแทงเข็มเข้าไปบนผิวหนังของเหอเจิงอย่างทารุณ
เพียงช่วงเวลานึง
ใบหน้าของเหอเจิงแสดงถึงความตกใจ มือเองก็มีปฏิกิริยาทีหนึ่ง
การกระทำหยุดชะงัด จี้ผิงโจวอุดรอยแผลไว้ สบตาลง ในใจเหมือนกับว่าถูกแทงไปทีหนึ่ง ถามด้วยความเห็นใจ “เจ็บหรอ”
จะไม่เจ็บได้ยังไง
ความรู้สึกที่ขมขื่นระเบิดออกมาพร้อมกับความเจ็บที่ถูกแทง เหอเจิงหลับตาลง พร้อมกับกลั้นน้ำตาไว้ “ไม่เจ็บ อยู่ต่อหน้าคุณชายจี้ ฉันจะต้องไม่เจ็บ”
ฟังออกถึงความไม่เต็มใจและความน้อยใจของเธอ แต่การถ่ายเลือดหยุดไม่ได้ เหอเจิงยังสาวอยู่ เพิ่งจะ 20ต้นๆ ถ่ายเลือดไม่เท่าไหร่ คงไม่เป็นไรหรอกมั้ง
เมื่อคิดถึงตรงนี้ จี้ผิงโจวแทงเข็มเข้าไปลึกกว่าเดิมนิดหน่อย “อดทนหน่อยนะ แป๊ปเดียว”
เมื่อทนกับความเจ็บปวด
เหอเจิงลืมตาที่พร้อมกับน้ำตามองเธอ ภายใต้แสงอันเจิดจ้าที่ส่องลงมาจากหน้าของเขา การหายใจค่อยๆแผ่วเบาลง สายตาที่ไม่วอกแวก อารมณ์ที่แน่วแน่และตั้งใจจริง แต่เป็นความตั้งใจจริงที่กำลังจะฆ่าชีวิตของเธอไป
เวลา 20:00 น กลางคืนทุกที่กำลังจะเปลี่ยนจากอากาศร้อนเป็นอากาศเย็น
ลมที่หนาวจนกัดกินแทงกระดูกดำ
แต่อากาศกกลับรู้สึกอบอ้าว
โดยเฉพาะภายในตึกใต้ กลิ่นไอของเลือดเต็มไปทั่วทุกมุม เวลาที่วุ่นวายผ่านไปแล้ว คนที่เหลือช่วยกันทำความสะอาดห้อง หลังจากที่จี้ผิงโจวเปลี่ยนชุดแล้วก็รีบขึ้นไปดู สายตามองเข้าไปยังห้องผ่าตัดที่เต็มไปด้วยความมืด ไม่เห็นแม้แต่เงาคน เขายื่นมือไปจับหมอที่เดินผ่านคนหนึ่ง “เหอเจิงล่ะ”
หมอส่ายหัวแล้วพูด “ไปตั้งนานแล้ว”
“ตอนฉันทำการถ่ายเลือดเสร็จเธอยังไม่ตื่นไม่ใช่หรอ”
“ตอนที่คุณไปเปลี่ยนชุด เธอก็เพิ่งไป”
เวลาสั้นขนาดนั้น
เธอตั้งใจที่จะไม่พบหน้าหรอ
จี้ผิงโจวคิดไม่ตก คำพูดยิ่งหนักแน่นขึ้น “เธอเสียเลือดไปมากขนาดนั้น ไปคนเดียวได้ไง”
“เธอ เธอถ่ายเลือดแล้วก็ไปเองคนเดียวตลอดนี่”
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.webreadapp.com All rights reserved