ตอนที่ 421 งูยักษ์
by ปลามังกร
08:01,Mar 30,2021
วันรุ่งขึ้นเราออกค้นหาดูตามชายหาดไม่แน่เราอาจเจอเบาะแสอะไรก็ได้เกาะเล็กนี่แปลกจริงๆสามวันแล้วที่เที่ยวบินของเราตกแต่ก็ยังไม่มีวี่แววว่าจะได้รับการช่วยเหลือแต่อย่างใด
เมื่อผมกับไป๋เหว่ยออกค้นหาไปเรื่อยๆกลับต้องประหลาดใจที่เจอเรือแจวผุพังโผล่ขึ้นมาบนแนวปะการังริมทะเลเราเดินไปดูผลจากที่เราตรวจกลับยิ้งทำให้เราประหลาดใจ
และผมก็รู้สึกแย่มากๆด้วย
ไม่มีอะไรอยู่ใกล้กับเรือแจวนี้เลยแต่เรือแจวนี้สลักด้วยชุดตัวเลขไป๋เหว่ยไม่รู้จักชุดตัวเลขนี้แต่ผมเหมือนจะเคยเรียนเลขแบบนี้มาก่อน
นี่คือหมายเลขเรือกู้ภัยของจีน
พูดอีกอย่างก็คือเรายังไม่การช่วยเหลืออะไรจนถึงตอนนี้ไม่ใช่เพราะเบื้องบนไม่ดำเนินการแต่เป็นเพราะเกิดเรื่องกับคนที่ส่งมาช่วยเรา
ผมลังเลอยู่ครู่หนึ่งและบอกไป๋เหว่ยว่าตอนนี้เราทั้งคู่อยู่บนเกาะร้างถ้าผมจะไม่บอกความจริงเรื่องนี้กับเธอหรือจะรอให้เธอคิดได้เองคงได้หมดหวังกันมากกว่านี้
หลังจากไป๋เหว่ยรู้สีหน้าของเธอก็ซีดเผือดเธอจับมือผมแล้วพูดอย่างประหม่า"งั้นเราต้องอยู่บนเกาะนี้ตลอดไปเหรอ"
ผมลูบหลังมือเนียนของเธอเบาๆและพูดเสียงทุ้ม"ไม่แน่หรอกในเมื่อตอนนี้เราเห็นซากเรือกู้ภัยได้แสดงว่าเบื้องบนอาจรู้ตำแหน่งของเราแล้วแต่พวกเขาอาจจะยังไม่มีวิธีที่ดีที่จะเข้ามา"
ถึงผมจะพูดแบบนั้นแต่เรือกู้ภัยที่มีเกียรติยังถูกทำลายไว้ที่นี่นี่เราอยู่ที่ไหนกันแน่?
หลังจากที่ไป๋เหว่ยได้ยินที่ผมพูดดวงตาของไป๋เหว่ยก็เป็นประกายเธอกอดผมแล้วพูดว่า"ฟางหยางฉันรู้ว่านายกำลังโกหกฉันเราอาจจะกลับไปไม่ได้จริงๆตอนมาฉันสังเกตเห็นป่าบนเกาะนี่แปลกมากอากาศร้อนชื้นชัดๆแต่เป็นพืชในป่าสนเขตหนาว!"
ผมตบไป๋เหว่ยที่หลังรู้สึกถึงความกังวลและสิ้นหวังของคนในอ้อมแขนผมก็พูดปลอบ"ไป๋เหว่ยคุณอย่าคิดมากเลยไม่ว่ายังไงเราก็ต้องรอดต้อองรอดเพื่อออกจากที่นี่"
ผมมองไปรอบๆอยากเห็นว่าจะเจออะไรอีกได้ไหม
และที่ผมรู้สึกผิดหวังที่ไม่เจออะไรเลยและเมื่อเวลาผ่านไปก็ยังมีความรู้สึกอะไรบางอย่างไม่ดีอยู่ภายในใจ
วันนี้ทั้งวันที่เราออกค้นหาหลายที่ถึงจะไม่ได้เจอสัตว์ร้ายอะไรแต่พวกแมลงตัวเล็กนี่ไม่น้อยเลยริมทะเลก็เห็นปลาได้บ้างแต่ตอนนี้มันกลับว่างเปล่าไปหมด
ผมรู้สึกไม่เข้าใจความสงสัยในใจก็มีคำตอบเพราะเมื่อมองไปรอบๆในที่สุดผมก็เจอกับความสยดสยองทะเลตรงหน้าเรามีเงาดำหนาที่คดเคี้ยวไปมาและมองมาทางเรา
ผมกลืนน้ำลายพอเห็นว่านั่นคืออะไรมันคืองูหลามยักษ์
ภายใต้ดวงอาทิตย์เกล็ดน้ำแข็งสะท้อนแสงน่ากลัวผมรู้สึกว่าหัวผมจะระเบิด
ริมทะเลดูเหมือนจะอันตรายกว่าที่ผมคิดไว้มาก!
รู้สึกใจเต้นแรงจนรู้สึกตัวสั่นเรื่องที่เจอที่ไทยและเยี่ยนจิงยังเทียบไม่ได้ถ้างูหลามตัวใหญ่ขนาดนี้เข้าไปรัดล่ะก็ตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย!
ฉันไม่พูดพร่ำทำเพลงใช้แรงอุ้มไป๋เหว่ยวิ่งขึ้นชายฝั่งไป๋เหว่ยที่จู่ๆถูกผมอุ้มก็กรีดร้องเธอก็หน้าแดงแต่ก็ไม่ได้ขัดขืน
ร่างกายของไป๋เหว่ยมีเสน่ห์สัดส่วนพอดีเหมาะสมแม้จะมีความสูงเกือบ1.75เมตรแต่ก็ไม่ได้ดูหนักอะไร
ผมกัดฟันอยู่พักหนึ่งวิ่งเหมือนบินพอเห็นว่าในที่สุดก็อยู่ไกลจากชายฝั่งแล้วหัวใจของฉันก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย
แต่ที่น่าแปลกก็คือถ้าแข่งความเร็วจริงๆคนมีสองขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของมันได้ไงยังไงงูนั่นก็ไม่ได้ตามมาบางทีมันอาจจะกินอิ่มแล้วไม่ก็อาจไม่สนใจเรา
แน่นอนว่ามีการคาดเดาที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นเพราะสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่แบบนั้นต้องมีอาณาเขตของตัวเองแน่ถ้าเข้าเขตแดนมันล่ะก็อาจโดนพวกมันแก้แค้น
พูดได้อีกอย่างคือตอนนี้เรายังไม่พ้นอันตรายเพียงออกจากปากเสือและเข้าไปในถ้ำของหมาป่าก็เท่านั้น
ไป๋เหว่ยกระแอมผมก็รีบปล่อยเธอลงสีหน้าของไป๋เหว่ยเปลี่ยนเป็นสีแดงและพูดว่า"ฟางหยางเมื่อกี้นายรีบอะไรขนาดนั้น?"
ผมลูบจมูกและพูดว่า"เมื่อกี้ที่ชายหาดโชคดีที่เราวิ่งเร็วถ้าผมมองไม่ผิดที่โผล่มาต้องเป็นงูหลามตัวใหญ่แน่"
"งูหลาม?"
ไป๋เหว่ยอุทาน"งูหลามจะมาอยู่ที่นี่ได้ไงเป็นป่าสนทั้งหมดชัดๆสภาพภูมิอากาศเขตหนาวไม่เหมาะที่งูหลามจะอยู่รอดได้"
ผมพยักหน้า"นี่ผมก็สงสัยแต่ตอนนี้ยังมีอีกปัญหาหนึ่ง"
ผมสูดหายใจเข้าลึกๆสีหน้าจริงจังขึ้นบอกไป๋เหว่ยถึงสิ่งที่ผมคาดเดาไปเมื่อกี้
หลังจากที่ไป๋เหว่ยได้ยินสีหน้าจากแดงก่ำก็เปลี่ยนเป็นซีดเซียว"ถ้าเป็นอย่างนั้นที่ที่เราอยู่อันตรายพอๆกับตรงที่งูอยู่น่ะสิ"
"ใช่แล้ว"
ฉันคิดหนัก"พูดให้ชัดเมื่อเทียบกับงูหลามตัวนั้นตอนนี้เราต้องคิดให้ออกว่าสัตว์ร้ายนั่นคืออะไร"
บทเรียนที่ได้จากงูหลามนั่นผมกับไป๋เหว่ยยิ่งระวังในการเดินทางกลับโชคดีที่สองสามวันนี้ที่เราทำบาร์บีคิวยังกินไม่หมดยังเหลืออีกไม่น้อยจะเก็บไว้สำรองปันส่วนไว้บนภูเขาที่เราอาศัยอยู่ชั่วคราว
ดังนั้นสองวันที่เราลงมาก็ไม่ต้องล่าสัตว์แล้วก็ไม่อดตายด้วยที่สำคัญก็คือเรายังมีน้ำจืดเหลืออยู่สองถังซึ่งเพียงพอให้เราใช้เป็นเวลานาน
แต่ที่ทำให้ผมสงสัยก็คือในสองวันไม่ว่าเราจะออกค้นหายังไงก็ไม่เจอร่องรอยที่บ่งบอกว่ามีสัตว์กินเนื้อขนาดใหญ่อยู่ในตำแหน่งปัจจุบันของเราและในสองวันแม้แต่เงาของวังแก๊งกับหยวนหรงเลย
ต้องรู้ว่าในวันที่เราจัดการวังแก๊งถึงจะวุ่นวายแต่เขารู้ว่าเราอยู่ใกล้ๆถึงจะไม่พอใจแต่พวกเขาก็เหมือนกันดีกว่าปล่อยให้พวกเขาไปเอาตัวรอกที่ป่าแปลกๆ
ในเมื่อเราไม่เจอพวกเขาก็น่าจะมีแค่สองเหตุผลคือพวกเขาตายไปแล้วหรืออาจจะออกจากป่าไปแล้ว
ผมกับไป๋เหว่ยมองหน้ากันสื่อถึงกันพวกเขาสองคนน่าจะตายไปแล้ว
เมื่อผมกับไป๋เหว่ยออกค้นหาไปเรื่อยๆกลับต้องประหลาดใจที่เจอเรือแจวผุพังโผล่ขึ้นมาบนแนวปะการังริมทะเลเราเดินไปดูผลจากที่เราตรวจกลับยิ้งทำให้เราประหลาดใจ
และผมก็รู้สึกแย่มากๆด้วย
ไม่มีอะไรอยู่ใกล้กับเรือแจวนี้เลยแต่เรือแจวนี้สลักด้วยชุดตัวเลขไป๋เหว่ยไม่รู้จักชุดตัวเลขนี้แต่ผมเหมือนจะเคยเรียนเลขแบบนี้มาก่อน
นี่คือหมายเลขเรือกู้ภัยของจีน
พูดอีกอย่างก็คือเรายังไม่การช่วยเหลืออะไรจนถึงตอนนี้ไม่ใช่เพราะเบื้องบนไม่ดำเนินการแต่เป็นเพราะเกิดเรื่องกับคนที่ส่งมาช่วยเรา
ผมลังเลอยู่ครู่หนึ่งและบอกไป๋เหว่ยว่าตอนนี้เราทั้งคู่อยู่บนเกาะร้างถ้าผมจะไม่บอกความจริงเรื่องนี้กับเธอหรือจะรอให้เธอคิดได้เองคงได้หมดหวังกันมากกว่านี้
หลังจากไป๋เหว่ยรู้สีหน้าของเธอก็ซีดเผือดเธอจับมือผมแล้วพูดอย่างประหม่า"งั้นเราต้องอยู่บนเกาะนี้ตลอดไปเหรอ"
ผมลูบหลังมือเนียนของเธอเบาๆและพูดเสียงทุ้ม"ไม่แน่หรอกในเมื่อตอนนี้เราเห็นซากเรือกู้ภัยได้แสดงว่าเบื้องบนอาจรู้ตำแหน่งของเราแล้วแต่พวกเขาอาจจะยังไม่มีวิธีที่ดีที่จะเข้ามา"
ถึงผมจะพูดแบบนั้นแต่เรือกู้ภัยที่มีเกียรติยังถูกทำลายไว้ที่นี่นี่เราอยู่ที่ไหนกันแน่?
หลังจากที่ไป๋เหว่ยได้ยินที่ผมพูดดวงตาของไป๋เหว่ยก็เป็นประกายเธอกอดผมแล้วพูดว่า"ฟางหยางฉันรู้ว่านายกำลังโกหกฉันเราอาจจะกลับไปไม่ได้จริงๆตอนมาฉันสังเกตเห็นป่าบนเกาะนี่แปลกมากอากาศร้อนชื้นชัดๆแต่เป็นพืชในป่าสนเขตหนาว!"
ผมตบไป๋เหว่ยที่หลังรู้สึกถึงความกังวลและสิ้นหวังของคนในอ้อมแขนผมก็พูดปลอบ"ไป๋เหว่ยคุณอย่าคิดมากเลยไม่ว่ายังไงเราก็ต้องรอดต้อองรอดเพื่อออกจากที่นี่"
ผมมองไปรอบๆอยากเห็นว่าจะเจออะไรอีกได้ไหม
และที่ผมรู้สึกผิดหวังที่ไม่เจออะไรเลยและเมื่อเวลาผ่านไปก็ยังมีความรู้สึกอะไรบางอย่างไม่ดีอยู่ภายในใจ
วันนี้ทั้งวันที่เราออกค้นหาหลายที่ถึงจะไม่ได้เจอสัตว์ร้ายอะไรแต่พวกแมลงตัวเล็กนี่ไม่น้อยเลยริมทะเลก็เห็นปลาได้บ้างแต่ตอนนี้มันกลับว่างเปล่าไปหมด
ผมรู้สึกไม่เข้าใจความสงสัยในใจก็มีคำตอบเพราะเมื่อมองไปรอบๆในที่สุดผมก็เจอกับความสยดสยองทะเลตรงหน้าเรามีเงาดำหนาที่คดเคี้ยวไปมาและมองมาทางเรา
ผมกลืนน้ำลายพอเห็นว่านั่นคืออะไรมันคืองูหลามยักษ์
ภายใต้ดวงอาทิตย์เกล็ดน้ำแข็งสะท้อนแสงน่ากลัวผมรู้สึกว่าหัวผมจะระเบิด
ริมทะเลดูเหมือนจะอันตรายกว่าที่ผมคิดไว้มาก!
รู้สึกใจเต้นแรงจนรู้สึกตัวสั่นเรื่องที่เจอที่ไทยและเยี่ยนจิงยังเทียบไม่ได้ถ้างูหลามตัวใหญ่ขนาดนี้เข้าไปรัดล่ะก็ตายอย่างไม่ต้องสงสัยเลย!
ฉันไม่พูดพร่ำทำเพลงใช้แรงอุ้มไป๋เหว่ยวิ่งขึ้นชายฝั่งไป๋เหว่ยที่จู่ๆถูกผมอุ้มก็กรีดร้องเธอก็หน้าแดงแต่ก็ไม่ได้ขัดขืน
ร่างกายของไป๋เหว่ยมีเสน่ห์สัดส่วนพอดีเหมาะสมแม้จะมีความสูงเกือบ1.75เมตรแต่ก็ไม่ได้ดูหนักอะไร
ผมกัดฟันอยู่พักหนึ่งวิ่งเหมือนบินพอเห็นว่าในที่สุดก็อยู่ไกลจากชายฝั่งแล้วหัวใจของฉันก็ผ่อนคลายลงเล็กน้อย
แต่ที่น่าแปลกก็คือถ้าแข่งความเร็วจริงๆคนมีสองขาจะเป็นคู่ต่อสู้ของมันได้ไงยังไงงูนั่นก็ไม่ได้ตามมาบางทีมันอาจจะกินอิ่มแล้วไม่ก็อาจไม่สนใจเรา
แน่นอนว่ามีการคาดเดาที่น่ากลัวยิ่งกว่านั้นเพราะสิ่งมีชีวิตขนาดใหญ่แบบนั้นต้องมีอาณาเขตของตัวเองแน่ถ้าเข้าเขตแดนมันล่ะก็อาจโดนพวกมันแก้แค้น
พูดได้อีกอย่างคือตอนนี้เรายังไม่พ้นอันตรายเพียงออกจากปากเสือและเข้าไปในถ้ำของหมาป่าก็เท่านั้น
ไป๋เหว่ยกระแอมผมก็รีบปล่อยเธอลงสีหน้าของไป๋เหว่ยเปลี่ยนเป็นสีแดงและพูดว่า"ฟางหยางเมื่อกี้นายรีบอะไรขนาดนั้น?"
ผมลูบจมูกและพูดว่า"เมื่อกี้ที่ชายหาดโชคดีที่เราวิ่งเร็วถ้าผมมองไม่ผิดที่โผล่มาต้องเป็นงูหลามตัวใหญ่แน่"
"งูหลาม?"
ไป๋เหว่ยอุทาน"งูหลามจะมาอยู่ที่นี่ได้ไงเป็นป่าสนทั้งหมดชัดๆสภาพภูมิอากาศเขตหนาวไม่เหมาะที่งูหลามจะอยู่รอดได้"
ผมพยักหน้า"นี่ผมก็สงสัยแต่ตอนนี้ยังมีอีกปัญหาหนึ่ง"
ผมสูดหายใจเข้าลึกๆสีหน้าจริงจังขึ้นบอกไป๋เหว่ยถึงสิ่งที่ผมคาดเดาไปเมื่อกี้
หลังจากที่ไป๋เหว่ยได้ยินสีหน้าจากแดงก่ำก็เปลี่ยนเป็นซีดเซียว"ถ้าเป็นอย่างนั้นที่ที่เราอยู่อันตรายพอๆกับตรงที่งูอยู่น่ะสิ"
"ใช่แล้ว"
ฉันคิดหนัก"พูดให้ชัดเมื่อเทียบกับงูหลามตัวนั้นตอนนี้เราต้องคิดให้ออกว่าสัตว์ร้ายนั่นคืออะไร"
บทเรียนที่ได้จากงูหลามนั่นผมกับไป๋เหว่ยยิ่งระวังในการเดินทางกลับโชคดีที่สองสามวันนี้ที่เราทำบาร์บีคิวยังกินไม่หมดยังเหลืออีกไม่น้อยจะเก็บไว้สำรองปันส่วนไว้บนภูเขาที่เราอาศัยอยู่ชั่วคราว
ดังนั้นสองวันที่เราลงมาก็ไม่ต้องล่าสัตว์แล้วก็ไม่อดตายด้วยที่สำคัญก็คือเรายังมีน้ำจืดเหลืออยู่สองถังซึ่งเพียงพอให้เราใช้เป็นเวลานาน
แต่ที่ทำให้ผมสงสัยก็คือในสองวันไม่ว่าเราจะออกค้นหายังไงก็ไม่เจอร่องรอยที่บ่งบอกว่ามีสัตว์กินเนื้อขนาดใหญ่อยู่ในตำแหน่งปัจจุบันของเราและในสองวันแม้แต่เงาของวังแก๊งกับหยวนหรงเลย
ต้องรู้ว่าในวันที่เราจัดการวังแก๊งถึงจะวุ่นวายแต่เขารู้ว่าเราอยู่ใกล้ๆถึงจะไม่พอใจแต่พวกเขาก็เหมือนกันดีกว่าปล่อยให้พวกเขาไปเอาตัวรอกที่ป่าแปลกๆ
ในเมื่อเราไม่เจอพวกเขาก็น่าจะมีแค่สองเหตุผลคือพวกเขาตายไปแล้วหรืออาจจะออกจากป่าไปแล้ว
ผมกับไป๋เหว่ยมองหน้ากันสื่อถึงกันพวกเขาสองคนน่าจะตายไปแล้ว
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.webreadapp.com All rights reserved