ตอนที่ 422 วันที่เจ็ด

by ปลามังกร 08:01,Mar 30,2021
วันที่เจ็ดที่เราอยู่บนเกาะร้างนับวันก็เป็นเวลาหนึ่งสัปดาห์แล้วเสื้อผ้าของผมกับไป๋เหว่ยยังคงสะอาดมากแต่ก็ไม่ได้เรียบร้อยเหมือนอยู่ในเมืองใหญ่อีกแล้ว

เราสามารถใช้เสื้อผ้าสำรองเพื่อเปลี่ยนและซักได้แต่เรารีดไม่ได้และผมไม่มีอุปกรณ์สำหรับโกนหนวดเคราตอนนี้ก็เลยลำบากใจนิดหน่อย

ไป๋เหว่ยชี้มาที่ผมและยิ้ม"ฟางหยางดูตัวเองสิเพิ่งไม่กี่วันอายุก็เพิ่งยี่สิบทำไมดูเหมือนคุณลุงวัยกลางคนเลยล่ะ"

ผมพูดอย่างไร้อารมณ์"คุณคิดว่าคุณดูดีมากเหรอ?"

ผมกับไป่เหว่ยกินผลไม้ป่าและคุยกันว่าวันนี้จะออกค้นหาที่ไหน

เกือบหนึ่งสัปดาห์ตามความเร็วเริ่มต้นของเราเราน่าจะสำรวจเกาะนี้ได้เกือบหมดแล้วไม่คิดว่าจะเกิดเหตุการณ์งูหลามที่เราเจอครั้งที่แล้วเราไม่มีทางเลือกนอกจากต้องชะลอตัวลงจนถึงตอนนี้เพิ่งจะผ่านป่าสนเพียงสองแห่ง

ผมคิดว่ามีภูเขาอยู่ด้านหลังป่าสนแต่ไม่คิดว่าด้านหลังป่าสนนั้นเป็นที่ราบขนาดใหญ่มีหญ้าสูงถึงหัวเข่าพอเห็นที่ราบผมก็หยุดแทบไม่เข้าใจว่าสัตว์อยู่บนที่ราบนั้น"เจ้าเหนือหัว"คืออะไร

ในที่สุดเมื่อเราเดินออกจากป่าสนไป๋เหว่ยก็รู้สึกดีใจและอยากจะเดินไปข้างหน้าแต่ผมก็รั้งเธอไว้

เพราะวิสัยทัศน์ผมผมเห็นหมูป่าตัวหนึ่งคำรามออกมาจากอีกทางแล้ววิ่งเข้ามา

ยังวิ่งไปได้ไม่เท่าไรเราก็ได้ยินเสียงกรีดร้องน่ากลัวของหมูป่าจนขนลุก

พอเราถอยกลับมองจากมุมจากต้นไม้ไปยังจุดที่หมูป่าส่งเสียงก็เหลือเพียงโครงกระดูกจำนวนหนึ่ง

และดูเหมือนว่าจะมีลมกระโชกแรงบนที่ราบเสียงกรอบแกรบจากที่ที่หมูป่าตายหายไปความผันผวนของใบหญ้าหยุดลงทั้งหมดก็กลับสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง

ไป๋เหว่ยรู้สึกกลัวตบหน้าอกแล้วถามฉันว่า"ฟางหยางนายรู้ไหมว่ามีอะไรเกิดขึ้น?"

ผมขมวดคิ้ว"เดาว่าน่าจะเป็นแมลงชนิดหนึ่งแมลงที่กินเนื้อเหมือนเหมือนพวกแมลงปีกแข็งในหนังมัมมี่กินเนื้อเป็นอาหาร"

"ฉันเคยดูหนังเรื่องนั้นแต่แมลงปีกแข็งไม่ใช่ด้วงเหรอ?"

"อย่างไรก็เป็นสิ่งมีชีวิตที่คล้ายกันคุณไม่เห็นเหรอหมูป่าที่ตัวใหญ่มากเวลาสั้นๆก็กลายเป็นกองกระดูกไม่เหลือเนื้อเลยแม้แต่นิดเดียว"

ผมพูดไปความรู้สึกหนาวสั่นก็แล่นสู่หัวใจ

ตอนที่ผมกับไป๋เหว่ยกลับไปก็เป็นเวลาเที่ยงเพราะงูครั้งที่แล้วเราระวังตัวมากขึ้นตอนออกไปล่าสัตว์แต่ก็หมายความว่าเราจะได้อาหารน้อยลงมาก

ดังนั้นชีวิตของเราจึงต้องดิ้นรนอยู่ที่นี่เราไม่กล้าทำบาร์บีคิวแบบหน้าด้านๆด้วยซ้ำเพราะกลัวว่ากลิ่นของเนื้อสัตว์จะดึงสัตว์ร้ายที่ซ่อนตัวอยู่ในป่าแห่งนี้ออกมา

ไป๋เหว่ยพูดว่า"ถ้าเรายังเป็นแบบนี้ต่อไปก็ได้แต่รอความตายเราโจมตียังดีกว่า"

"โจมตียังไง?"

ผมกินมะพร้าวและดื่มน้ำมะพร้าวอีกหน่อยต้องบอกว่าเมื่อก่อนตอนผมจนการดื่มน้ำมะพร้าวเป็นเรื่องสนุกแต่ตอนนี้ผมดื่มมันทุกวันจนเอียน

"อีกสักพักไม่ก็คืนพรุ่งนี้เราจะหาที่ที่สูงและทิวทัศน์กว้างจะจุดไฟเพื่อส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือ"

หลังจากที่ไป๋เหว่ยพูดจบผมก็พยักหน้า"ไม่เลวงั้นเดี๋ยวลองดูจะหนึ่งอาทิตย์แล้วยังไม่มีคนมาช่วยอีกเราต้องอดตายแน่"

นอกจากนี้ยังมีจ้าวซูเหิงไม่รู้ว่าเขาลอยมาเกาะนี้เหมือนเราหรือเปล่าถ้าใช้ก็ดีแต่ถ้าไม่สถานการณ์ก็ยิ่งแย่ลง

หลังจากกินผลมะพร้าวแล้วก็รู้สึกว่าร่างกายผมมันทนไม่ไหวผมมองไป๋เหว่ยตอนนี้เธอก็หน้าซีดเหมือนกันหัวใจผมเต้นก่อนพูดว่า"ผมจะไปดูตามชายหาดไม่แน่อาจเจออะไร"

"พาฉันไปด้วยสิ"

ไป๋เหว่ยพูด

ผมพูดว่า"แน่นอนถึงคุณไม่พูดก็จะพาไปด้วยตอนนี้เราพึ่งพากันและกันถ้าคุณไม่อยู่ข้างผมผมก็รู้สึกไม่ปลอดภัย"

ถึงจะพูดแบบนั้นแต่ผมเข้าใจที่เธอจะสื่อจากครั้งก่อนที่เราเห็นงูหลามตัวนั้นเราแทบจะไม่ได้ไปที่ชายหาดจนในที่สุดเราก็ไม่สามารถทนได้อีกต่อไปเราจับสัตว์ในป่าไม่ได้ก็ต้องไปพึ่งดวงที่ชายหาด

และไป๋เหว่ยก็มีหน้าที่มอบความกล้าให้กับผม

โชคดีที่ครั้งนี้ไม่เห็นเงาของงูหลามที่ชายหาดหลังจากรอสักพักก็ยังคงสงบไม่มีอะไรผมก็รีบกระโดดลงทะเลมีปลาตัวใหญ่สองตัวว่ายอยู่ข้างผมพอดี

ผมไม่ลังเลที่จะตีมันด้วยหินแน่นอนว่าตีครั้งเดียวแล้วรีบยกปลาตัวใหญ่ขนาด3.5กก.สองตัวขึ้นฝั่ง

ไป๋เหว่ยดูประหลาดใจผมก็ไม่สนใจเรื่องอื่นขูดเกล็ดปลาและล้างมันออกที่ชายหาดเรื่องบังเอิญที่ผมเจอมีดผลไม้บนตัวคนตายครั้งก่อนไม่งั้นคงไม่มีเครื่องมือมาฆ่าปลา

หลายครั้งที่ผ่านมาที่กินปลาและสัตว์ก็ใช้หินที่แหลมคมแทนใบมีด

หลังจากล้างปลาแล้วเราก็ไม่กล้าอยู่ที่ชายหาดอีกต่อไปถึงตอนนี้จะไม่เกิดอะไรขึ้นแต่มีแต่ผีที่รู้ว่างูนั่นอยู่ที่ไหนและมันทำให้ผมตกใจ

งูหลามขนาดนั้นต้องมีกำลังมากกว่าที่เคยเห็นในทีวีแน่

กลับมาที่ภูเขาเราก็ย่างปลาย่างอย่างมีความสุขเพราะคราวนี้เราจับปลาได้สองตัวแต่กินแค่ตัวเดียวไม่ต้องพูดถึงผลไม้ป่าที่กินมาก่อน

หลังจากทานอาหารเสร็จผมก็ใช้มีดหั่นผลไม้ขูดเนื้อปลาที่เหลือออกให้หมดและใช้ด้ายที่ดึงออกจากเสื้อผ้าที่ขาดแล้วให้เป็นเชือกซึ่งไม่มาก

แขวนทีละชิ้นเหมือนคนสมัยก่อนที่แขวนตามผนัง

เนื่องจากไปกลับไม่นานท้องฟ้าก็มืดลงเราก็จะไม่ออกไปข้างนอกอีกเราย้ายกองไฟไปที่ส่วนลึกของภูเขาและเราก็เริ่มเตรียมตัวนอน

ที่แปลกคือเมื่อก่อนเกาะนี้อบอุ่นมากแต่คืนนี้กลับหนาวมากผมลืมตาขึ้นมองดูรู้สึกว่าฝนกำลังตกอยู่ข้างนอกและความหนาวเย็นกำลังคืนคลานมาหาเราพร้อมกับลมหายใจของฝน

ในขณะที่ห่มผ้าห่มบนร่างของไป๋เว่ยก็หาก้อนหินก้อนเล็กๆวางไว้ที่รอบนอกของภูเขาเพื่อที่จะได้กั้นอากาศเย็น

แต่สุดท้ายก็ไม่สำเร็จและผมก็น่าจะเป็นหวัดแล้ว

"ฟางหยางตื่นเร็ว"

เวลาไม่นานก็รู้สึกว่าร่างกายผมถูกเขย่าอย่างรุนแรงทันทีที่ผมลืมตาก็รู้สึกสายตาพร่ามัวเนื้อตัวหนาวเย็นผิดปกติจนอดไม่ได้ที่จะหดตัว

ไป๋เหว่ยรู้สึกกังวลตะโกนอยู่ข้างๆผมแต่ผมกลับได้ยินไม่ชัด

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

482