ตอนที่ 423 ลงมือ
by ปลามังกร
08:01,Mar 31,2021
ไป๋เหว่ยพูดไปด้วยมองข้างนอกไปด้วยใบหน้าของเธอลุกลี้ลุกลนและหวาดกลัวผมพยายามมองไปก็เห็นร่างเลือนลางสองคนยืนอยู่ตรงนั้น
และพอผมเข้าไปดูใกล้ๆทั้งสองคนก็ดูคุ้นเคยกันมากสีหน้าประหลาดใจวังแก๊งคนหนึ่งและอีกคนคือหยวนหรงแต่ขณะที่ข้างนอกฝนยังตกอยู่พวกเขาเปียกโชกส่วนหยวนหรงก็สามารถมองเห็นพื้นที่สีดำสองจุดบนหน้าอกของได้
ผมเตือนสติตัวเองในใจเด็กนี่น่าจะหาที่หลบฝนเลยเข้ามาแต่ดันมาเจอตอนผมไม่สบายอีกแต่ที่สำคัญคือตอนนี้ผมไม่มีแรงถึงเขาจะไม่ทำอะไรผมก็สู้เขาไม่ได้
ผมลุกขึ้นนั่งด้วยความเข้มแข็งแสร้งทำเป็นไม่พูดอะไร"วังแก๊งพวกนายยังไม่ตายเหรอ?"
เมื่อวังแก๊งเห็นผมลุกขึ้นก็ตะลึงและพูดว่า"ฟางหยางนายไม่ได้ไม่สบายเหรอ?"
"หึหึไม่สบายงั้นเหรออยากลองมั้ยล่ะ?"
พูดไปก็ยกกำปั้นขึ้นด้วยรอยยิ้มไป๋เหว่ยก็พูดด้วยความร่วมมือว่า"เมื่อกี้พวกเขาจะเข้ามาฉันบอกว่านายนอนไปแล้วแล้วก็ให้พวกเขารอไม่คิดว่าวังแก๊งจะมีน้ำโห"
ไป๋เหว่ยพูดจบผมก็ขมวดคิ้วทำท่าจะลุกขึ้นยืนยังไม่ทันจะขยับวังแก๊งก็โบกมือและพูดว่า"ไม่ไม่ไม่เราแค่อยากหาที่หลบฝนเราเห็นข้างนอกฝนตกหนักถ้าเป็นไปได้ให้เราเข้าไปได้ไหม?"
ผมลังเลก่อนพูดว่า"โอเคพวกนายเข้าไปนอนข้างในแต่แค่ครั้งเดียวพรุ่งนี้เช้าพวกนายต้องออกไป"
ถึงตอนนี้ผมจะอ่อนแอแต่อาจจะเป็นครั้งก่อนที่รอดมาได้ผมเลยดูไม่เหมือนคนป่วยวังแก๊งก็ไม่ขัดขืนเพียงก้มหน้าเห็นด้วย
ใจผมรู้สึกร้อนรนเมื่อทั้งสองคนเข้าไปผมก็ส่งมีดผลไม้ไปให้ไป๋เหว่ยข้างหลังอย่างเงียบๆไป๋เหว่ยก็เข้าใจว่าผมสื่ออะไรแล้วเก็บมีดไป
ผมบอกว่า"ไม่มีอะไรก็รีบนอนพรุ่งนี้เราต้องไปอีกด้านหนึ่งของป่า"
วังแก๊งและหยวนหรงตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแล้วนอนลงผมหันหน้าไปมองตอนนี้ทั้งคู่หันหน้าเข้าหากำแพงไม่ได้มองมาทางเรา
ผมลอบถอนหายใจในเวลาเดียวกันความเหนื่อยล้าก็เพิ่มขึ้นอีกครั้งและตัวผมก็เย็นมากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อความรู้สึกนั้นค่อยๆเข้าสู่กระดูกผมก็รู้เลยว่าความรู้สึกเย็นนั้นมันเลวร้ายที่สุดในชีวิต
วินาทีต่อมาผมกำลังจะหมดสติทันใดนั้นก็รู้สึกว่าร่างกายผมมันหนักลงก็ถูกคลุมด้วยผ้าห่มจากนั้นร่างกายที่อบอุ่นและอ่อนนุ่มก็เข้ามากอดผมไว้แน่นจากด้านหลัง
รู้สึกได้ถึงความร้อนไหลเวียนอยู่ข้างหลังผมในที่สุดความรู้สึกเย็นเยือกก็ค่อยๆจางหายไปบริเวณที่ยืดหยุ่นแน่นกับหลังของผมก็รู้สึกรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ผมแทบจะได้ยินเสียงหายใจของไป๋เหว่ยถี่ขึ้นเรื่อยๆอยู่ข้างหู
ฉันระงับความร้อนรนในใจไว้ถึงความรู้สึกเย็นยะเยือกจะค่อยๆจางหายไปแต่ผมก็ยังไม่มีแรงมากนัก
อย่างไรก็ตามเมื่อผมที่กำลังดิ้นรนอยู่ในใจก็มีการเคลื่อนไหวแปลกๆข้างหลังผมตื่นตัวขึ้นทันทีและหันไปมองเล็กน้อยเวลาต่อมาเหลือบไปเห็นคนที่ยืนอยู่ตรงมุมของกำแพงมองจากรูปร่างแล้วถ้าไม่ใช่วังแก๊งจะเป็นใคร?
ขณะนั้นวังแก๊งกำลังโค้งตัวเพื่อหยิบอะไรบางอย่างและผมก็ตะโกนว่า"ไอ้ระยำ!แกจะทำอะไร?"
หยวนหรงตื่นขึ้นไป่เหว่ยก็มองไปทางของวังแก๊ง
วังแก๊งก็ตกใจเจาอาจจะคิดว่าผมป่วยหนักจริงๆจู่ๆก็หยิบก้อนหินขึ้นมาจากพื้นเดินช้าๆมาทางผมแล้วพูดอย่างมาดร้ายว่า"ฟางหยางแกจะหลอกฉันงั้นเหรอจะบอกให้แกจะใจดีให้เราเข้ามาได้ยังไงที่แท้แกก็ไม่ไหวแล้วแล้วจะเอาความอบอุ่นจากคนสวยไปอีก!"
ผมถอนหายใจที่แท้ก็เปิดเผยซะทีแต่พวกเขาก็ยังไม่ได้สังเกต
วังแก๊งเยาะเย้ย"วันนี้ฉันจะฆ่าแกแล้วจะจัดการยัยนั่นให้แกรู้ถึงความโกรธของวังแก๊ง"
ผมก็หัวเสียไม่รู้สถานการณ์กระตุ้นความต้องการที่จะอยู่รอดของผมผมไม่รู้เอาแรงมาจากไหนกระโดดขึ้นจากพื้นและชกเข้าที่หน้าอกของเขา
วังแก๊งตอบสนองไม่ทันก็ถูกผมต่อยจนล้มลงกับพื้น
และผมก็อัดเขาอีกครั้งและในที่สุดวังแก๊งที่ถูกผมอัดนอนกุมหัวอยู่บนพื้นพร้อมกับขอความเมตตา
ไป๋เหว่ยมองมาผมด้วยความประหลาดใจ"ฟางหยางนายหายดีแล้วเหรอ?"
ผมก็ละงักไปนิดหน่อยมองไปที่มือตัวเอง"อาจเป็นเพราะเมื่อกี้เหงื่อออกเลยดีขึ้นล่ะมั้ง?"
ในตอนนั้นที่ผมรู้สึกจริงๆไม่ใช่แค่ความอ่อนแอที่หายไปแต่ยังรู้สึกถึงสมรรถภาพทางกายผมดูเหมือนจะดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนด้วย
ถ้าบอกว่าเมื่อก่อนวิ่งได้500เมตรตอนนี้ผมสามารถวิ่ง800เมตรได้
ไป๋เหว่ยคว้าแขนผมอย่างประหลาดใจ"ดูเหมือนว่านายจะหายจากอาการป่วยแล้วจริงๆก็ต้องขอบคุณวังแก๊ง"
ผมมองไป๋เหว่ยที่แท้เธอก็สวมเสื้อผ้าแต่ถึงอย่างนั้นความรู้สึกดีใจในตอนนั้นก็ยังทำให้ผมไม่สามารถปลดปล่อยตัวเองได้
เพราะท่าทางในตอนนี้สายตาของผมจับจ้องไปที่เธอนานไป๋เหว่ยก็รู้สึกอายเล็กน้อยผมพูดว่า"ครั้งนี้ต้องขอบคุณคุณถึงจะถูกเกี่ยวอะไรกับไอ้ระยำนั่น?"
ฉันละสายตาและมองไปที่วังแก๊งที่ถูกอัดเหมือนหมาตายอยู่บนพื้นวังแก๊งพูดอย่างอ่อนแรง"ใช่ใช่ฉันมันระยำฉันมันอ่อนไม่น่ายั่วโมโหนายฟางหยาง"
ระหว่างนั้นหยวนหรงเฝ้าดูจากด้านข้างไม่ส่งเสียงและไม่ได้พูดอะไรเลยจนกระทั่งตอนี้"ฟาง...ฟางหยางนายปล่อยเขาไปเถอะเขาไม่ได้ตั้งใจ"
"เดิมทีพวกเราทุกคนอยู่บนเกาะร้างและไม่ควรทำแบบนี้กับพวกนายแต่ไม่คิดว่าเราจะเป็นคนดีแต่พวกนายก็ไม่เชื่อฉันไม่ได้เป็นคนแบบนั้นแล้วก็ไม่ได้คิดจะช่วยพวกนาย"
ผมหัวเราะเยาะ"ถ้าวันนี้ยังไม่หายจากอาการป่วยเรื่องคงไม่ง่ายขนาดนั้นครั้งก็ถือว่าแล้วไปปล่อยเราไปเถอะพรุ่งนี้เช้าตื่นขึ้นมาก็รีบไสหัวไปซะ"
พูดจบเรานอนลงอีกครั้งคราวนี้วังแก๊งก็ซื่อสัตย์หดตัวเข้ามุมกำแพงไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง
อย่างไรก็ตามไป๋เหว่ยก็ไม่เหมือนเมื่อกี้ที่เริ่มเข้ามาให้ความอบอุ่นกับผมตรงกันข้ามเธอดึงผ้าห่มไปคลุมตัวเองผมยิ้มแล้วจับมือบนมือเธอเบาๆเพื่อช่วยให้เธออุ่นขึ้นไป๋เหว่ยก็ไม่ได้ขัดขืนแต่มันทำให้ผมรู้สึกจักจี้เล็กน้อย
และพอผมเข้าไปดูใกล้ๆทั้งสองคนก็ดูคุ้นเคยกันมากสีหน้าประหลาดใจวังแก๊งคนหนึ่งและอีกคนคือหยวนหรงแต่ขณะที่ข้างนอกฝนยังตกอยู่พวกเขาเปียกโชกส่วนหยวนหรงก็สามารถมองเห็นพื้นที่สีดำสองจุดบนหน้าอกของได้
ผมเตือนสติตัวเองในใจเด็กนี่น่าจะหาที่หลบฝนเลยเข้ามาแต่ดันมาเจอตอนผมไม่สบายอีกแต่ที่สำคัญคือตอนนี้ผมไม่มีแรงถึงเขาจะไม่ทำอะไรผมก็สู้เขาไม่ได้
ผมลุกขึ้นนั่งด้วยความเข้มแข็งแสร้งทำเป็นไม่พูดอะไร"วังแก๊งพวกนายยังไม่ตายเหรอ?"
เมื่อวังแก๊งเห็นผมลุกขึ้นก็ตะลึงและพูดว่า"ฟางหยางนายไม่ได้ไม่สบายเหรอ?"
"หึหึไม่สบายงั้นเหรออยากลองมั้ยล่ะ?"
พูดไปก็ยกกำปั้นขึ้นด้วยรอยยิ้มไป๋เหว่ยก็พูดด้วยความร่วมมือว่า"เมื่อกี้พวกเขาจะเข้ามาฉันบอกว่านายนอนไปแล้วแล้วก็ให้พวกเขารอไม่คิดว่าวังแก๊งจะมีน้ำโห"
ไป๋เหว่ยพูดจบผมก็ขมวดคิ้วทำท่าจะลุกขึ้นยืนยังไม่ทันจะขยับวังแก๊งก็โบกมือและพูดว่า"ไม่ไม่ไม่เราแค่อยากหาที่หลบฝนเราเห็นข้างนอกฝนตกหนักถ้าเป็นไปได้ให้เราเข้าไปได้ไหม?"
ผมลังเลก่อนพูดว่า"โอเคพวกนายเข้าไปนอนข้างในแต่แค่ครั้งเดียวพรุ่งนี้เช้าพวกนายต้องออกไป"
ถึงตอนนี้ผมจะอ่อนแอแต่อาจจะเป็นครั้งก่อนที่รอดมาได้ผมเลยดูไม่เหมือนคนป่วยวังแก๊งก็ไม่ขัดขืนเพียงก้มหน้าเห็นด้วย
ใจผมรู้สึกร้อนรนเมื่อทั้งสองคนเข้าไปผมก็ส่งมีดผลไม้ไปให้ไป๋เหว่ยข้างหลังอย่างเงียบๆไป๋เหว่ยก็เข้าใจว่าผมสื่ออะไรแล้วเก็บมีดไป
ผมบอกว่า"ไม่มีอะไรก็รีบนอนพรุ่งนี้เราต้องไปอีกด้านหนึ่งของป่า"
วังแก๊งและหยวนหรงตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาแล้วนอนลงผมหันหน้าไปมองตอนนี้ทั้งคู่หันหน้าเข้าหากำแพงไม่ได้มองมาทางเรา
ผมลอบถอนหายใจในเวลาเดียวกันความเหนื่อยล้าก็เพิ่มขึ้นอีกครั้งและตัวผมก็เย็นมากขึ้นเรื่อยๆ
เมื่อความรู้สึกนั้นค่อยๆเข้าสู่กระดูกผมก็รู้เลยว่าความรู้สึกเย็นนั้นมันเลวร้ายที่สุดในชีวิต
วินาทีต่อมาผมกำลังจะหมดสติทันใดนั้นก็รู้สึกว่าร่างกายผมมันหนักลงก็ถูกคลุมด้วยผ้าห่มจากนั้นร่างกายที่อบอุ่นและอ่อนนุ่มก็เข้ามากอดผมไว้แน่นจากด้านหลัง
รู้สึกได้ถึงความร้อนไหลเวียนอยู่ข้างหลังผมในที่สุดความรู้สึกเย็นเยือกก็ค่อยๆจางหายไปบริเวณที่ยืดหยุ่นแน่นกับหลังของผมก็รู้สึกรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ
ผมแทบจะได้ยินเสียงหายใจของไป๋เหว่ยถี่ขึ้นเรื่อยๆอยู่ข้างหู
ฉันระงับความร้อนรนในใจไว้ถึงความรู้สึกเย็นยะเยือกจะค่อยๆจางหายไปแต่ผมก็ยังไม่มีแรงมากนัก
อย่างไรก็ตามเมื่อผมที่กำลังดิ้นรนอยู่ในใจก็มีการเคลื่อนไหวแปลกๆข้างหลังผมตื่นตัวขึ้นทันทีและหันไปมองเล็กน้อยเวลาต่อมาเหลือบไปเห็นคนที่ยืนอยู่ตรงมุมของกำแพงมองจากรูปร่างแล้วถ้าไม่ใช่วังแก๊งจะเป็นใคร?
ขณะนั้นวังแก๊งกำลังโค้งตัวเพื่อหยิบอะไรบางอย่างและผมก็ตะโกนว่า"ไอ้ระยำ!แกจะทำอะไร?"
หยวนหรงตื่นขึ้นไป่เหว่ยก็มองไปทางของวังแก๊ง
วังแก๊งก็ตกใจเจาอาจจะคิดว่าผมป่วยหนักจริงๆจู่ๆก็หยิบก้อนหินขึ้นมาจากพื้นเดินช้าๆมาทางผมแล้วพูดอย่างมาดร้ายว่า"ฟางหยางแกจะหลอกฉันงั้นเหรอจะบอกให้แกจะใจดีให้เราเข้ามาได้ยังไงที่แท้แกก็ไม่ไหวแล้วแล้วจะเอาความอบอุ่นจากคนสวยไปอีก!"
ผมถอนหายใจที่แท้ก็เปิดเผยซะทีแต่พวกเขาก็ยังไม่ได้สังเกต
วังแก๊งเยาะเย้ย"วันนี้ฉันจะฆ่าแกแล้วจะจัดการยัยนั่นให้แกรู้ถึงความโกรธของวังแก๊ง"
ผมก็หัวเสียไม่รู้สถานการณ์กระตุ้นความต้องการที่จะอยู่รอดของผมผมไม่รู้เอาแรงมาจากไหนกระโดดขึ้นจากพื้นและชกเข้าที่หน้าอกของเขา
วังแก๊งตอบสนองไม่ทันก็ถูกผมต่อยจนล้มลงกับพื้น
และผมก็อัดเขาอีกครั้งและในที่สุดวังแก๊งที่ถูกผมอัดนอนกุมหัวอยู่บนพื้นพร้อมกับขอความเมตตา
ไป๋เหว่ยมองมาผมด้วยความประหลาดใจ"ฟางหยางนายหายดีแล้วเหรอ?"
ผมก็ละงักไปนิดหน่อยมองไปที่มือตัวเอง"อาจเป็นเพราะเมื่อกี้เหงื่อออกเลยดีขึ้นล่ะมั้ง?"
ในตอนนั้นที่ผมรู้สึกจริงๆไม่ใช่แค่ความอ่อนแอที่หายไปแต่ยังรู้สึกถึงสมรรถภาพทางกายผมดูเหมือนจะดีขึ้นกว่าเมื่อก่อนด้วย
ถ้าบอกว่าเมื่อก่อนวิ่งได้500เมตรตอนนี้ผมสามารถวิ่ง800เมตรได้
ไป๋เหว่ยคว้าแขนผมอย่างประหลาดใจ"ดูเหมือนว่านายจะหายจากอาการป่วยแล้วจริงๆก็ต้องขอบคุณวังแก๊ง"
ผมมองไป๋เหว่ยที่แท้เธอก็สวมเสื้อผ้าแต่ถึงอย่างนั้นความรู้สึกดีใจในตอนนั้นก็ยังทำให้ผมไม่สามารถปลดปล่อยตัวเองได้
เพราะท่าทางในตอนนี้สายตาของผมจับจ้องไปที่เธอนานไป๋เหว่ยก็รู้สึกอายเล็กน้อยผมพูดว่า"ครั้งนี้ต้องขอบคุณคุณถึงจะถูกเกี่ยวอะไรกับไอ้ระยำนั่น?"
ฉันละสายตาและมองไปที่วังแก๊งที่ถูกอัดเหมือนหมาตายอยู่บนพื้นวังแก๊งพูดอย่างอ่อนแรง"ใช่ใช่ฉันมันระยำฉันมันอ่อนไม่น่ายั่วโมโหนายฟางหยาง"
ระหว่างนั้นหยวนหรงเฝ้าดูจากด้านข้างไม่ส่งเสียงและไม่ได้พูดอะไรเลยจนกระทั่งตอนี้"ฟาง...ฟางหยางนายปล่อยเขาไปเถอะเขาไม่ได้ตั้งใจ"
"เดิมทีพวกเราทุกคนอยู่บนเกาะร้างและไม่ควรทำแบบนี้กับพวกนายแต่ไม่คิดว่าเราจะเป็นคนดีแต่พวกนายก็ไม่เชื่อฉันไม่ได้เป็นคนแบบนั้นแล้วก็ไม่ได้คิดจะช่วยพวกนาย"
ผมหัวเราะเยาะ"ถ้าวันนี้ยังไม่หายจากอาการป่วยเรื่องคงไม่ง่ายขนาดนั้นครั้งก็ถือว่าแล้วไปปล่อยเราไปเถอะพรุ่งนี้เช้าตื่นขึ้นมาก็รีบไสหัวไปซะ"
พูดจบเรานอนลงอีกครั้งคราวนี้วังแก๊งก็ซื่อสัตย์หดตัวเข้ามุมกำแพงไม่กล้าแม้แต่จะหายใจแรง
อย่างไรก็ตามไป๋เหว่ยก็ไม่เหมือนเมื่อกี้ที่เริ่มเข้ามาให้ความอบอุ่นกับผมตรงกันข้ามเธอดึงผ้าห่มไปคลุมตัวเองผมยิ้มแล้วจับมือบนมือเธอเบาๆเพื่อช่วยให้เธออุ่นขึ้นไป๋เหว่ยก็ไม่ได้ขัดขืนแต่มันทำให้ผมรู้สึกจักจี้เล็กน้อย
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.webreadapp.com All rights reserved