ตอนที่ 429 กระบวนการ

by ปลามังกร 08:01,Mar 31,2021
ผมรีบเอื้อมมือไปหยิบปืนที่วางอยู่ข้างๆโครงกระดูกขึ้นมาลำกล้องมันเกือบจะแบนแต่ดูเหมือนว่ามันยังสามารถใช้งานได้

ผมพูดออกมาด้วยความหวัง"โชคดีจริงๆถ้าหากปืนกระบอกนี้มีลูกกระสุนหลังจากนี้พวกเราคงล่าสัตว์ได้สะดวกขึ้น"

จ้าวซูเหิงพูดมาด้วยความรู้สึกหดหู่"ทำไมฉันอยู่ที่นี่มาตั้งนานกลับไม่เจออะไรเลยแต่นายมาแค่แวบเดียวก็เจอมันแล้ว"

"นายต้องฉลาดกว่านี้อีกสักนิดหนึ่งคุณถงคงไม่สั่งในนายตามฉันมาแบบนี้"

ผมพูดไปในขณะที่อารมณ์ไม่ค่อยดีผมคิดไปคิดมาจึงถอดเสื้อคลุมออกจากโครงกระดูกเป็นไปอย่างที่ผมคิดผมเจอกล่องโลหะหลายกล่องวางอยู่ตรงสะโพกของเขาดูเหมือนว่าจะเป็นกระสุน

เห็นได้เห็นของเหล่านั้นผมก็สบายใจขึ้นผมก้มหัวลงเพื่อทำการเคารพศพ"ได้โปรดอย่าโกรธเคืองเราเราขอนำสิ่งเหล่านี้ไปใช้ให้เกิดประโยชน์ขอให้ท่านไปสู่สุขคติ"

เมื่อพูดจบผมกับจ้าวซูเหิงก็ใช้ไม้ในการขุดหลุมเพื่อฝังโครงกระดูกของเขาลงไปผมพูดออกมาว่า"ไม่ว่าคนคนนี้จะเป็นใครหลังจากนี้เขาจะได้อยู่อย่างสงบแล้ว"

ผมมองไปที่ปืนในมือของผมไม่รู้ว่ามันเป็นปืนรุ่นอะไรและตำแหน่งของตัวอักษรที่สลักอยู่ข้างๆมันไม่ชัดเจนแล้ว

แต่ยังโชคดีที่ตอนที่อยู่ประเทศไทยผมเฉยไปเรียนการใช้ปืนกับตูหมิงเฉียงอยู่พักหนึ่งจึงพอใช้ปืนแบบนี้เป็นอยู่บ้าง

ปืนแบบนี้แตกต่างจากปืนไรเฟิลอัตโนมัติที่ใช้ในยุคปัจจุบันปืนชนิดนี้ยิงกระสุนแล้วต้องดึงสลักจากนั้นก็ใส่กระสุนเข้าไปใหม่เพื่อยิ่งต่อไปปืนแบบนี้ถูกใช้ในสมัยสงครามญี่ปุ่น

แต่ไม่ว่ามันจะอย่างไรตอนนี้ก็มีกระสุนและปืนพร้อมแล้วการล่าสัตว์ครั้งต่อไปผมคงสบายกว่านี้เยอะ

ผมพูดออกไปว่า"ในเมื่อด้านในนี้ก็ไม่มีอะไรแล้วจ้าวซูเหิงนายรีบไปหามันเทศของนายให้เจอพวกเราจะได้ออกไปจากที่นี่มันสักที"

จ้าวซูเหิงพยักหน้าและรบออกไปหามันเทศผมปิดฝาประกบปืนจากนั้นนำมาเหน็บไว้ที่เอวจากนั้นผมก็มองไปรอบๆว่ายังพอมีอะไรที่ใช้งานได้หรือไม่ในตอนนั้นเด็กผู้หญิงคนนั้นก็วิ่งเข้ามากอดที่ขาผมและมองมาที่ผมด้วยแววตาที่สดใส

"มีอะไรหรอ?"

ผมสงสัยว่าเด็กคนนี้ต้องการจะทำอะไรเห็นว่าเธอชี้ไปทางอีกด้านหนึ่งของถ้ำพวกเราจึงเดินเข้าไปดูที่แท้ผู้หญิงและผู้ชายคนที่เราช่วยมาที่ชายหาดก็ตื่นขึ้นมาแล้ว

คนผู้ชายมองไปรอบๆดูเหมือนว่าเขาจะรู้อะไรบางอย่างจึงมองมาที่ผมและถามออกมาว่า"พวกนาย?ที่นี่ที่ไหน?"

และคนผู้หญิงก็ก้มลงไปมองที่ตัวเองด้วยความตกใจจากนั้นก็ถามขึ้นมาว่า"พวกเรายังไม่ตาย?ดีจริงๆ!"

ผู้หญิงคนนั้นดีใจมากจากนั้นเธอมองไปทางซ้ายและขวาพูดออกมาว่า"ที่นี่ที่ไหน?พวกคุณเป็นคนช่วยพวกชีวิตพวกเราไว้ใช่ไหม?"

จ้าวซูเหิงไม่ได้ตอบเพราะเขากำลังขุดหลุมดังนั้นไป๋เหว่ยและผมจึงเป็นคนอธิบายเรื่องนี้ให้พวกเขาฟัง

หลังจากที่ผมแนะนำตัวเองออกไปหลังจากนั้นพวกผมก็ได้รู้ชื่อและความสัมพันธ์ของพวกเขาผู้ชายชื่อหูเจี้ยนมองดูแล้วเป็นคนซื่อสัตย์และมีความเข้มแข็งคนผู้หญิงชื่อหานเหม่ยฉีเขาเป็นเพื่อนร่วมงานของหูเจี้ยนและเธอก็น่าตาน่ารักมาก

เมื่อทั้งสองคนฟังเรื่องราวทั้งหมดเป็นอย่างที่คิดสีหน้าของพวกเขามืดมนหานเหม่ยฉีพูดออกมาอย่างขมขื่นว่า"พวกเราก็มาเที่ยวบินเดียวกับพวกคุณพวกเราวางแผนที่จะไปประเทศไทยเพื่อเจรจาเรื่องธุรกิจนึกไม่ถึงว่าจะต้องมาพบกับสถานการณ์แบบนี้ถ้ารู้แบบนี้ต่อให้ตายพวกเราก็คงไม่มีทางมา"

หูเจี้ยนขมวดคิ้วและพูดออกมาว่า"เนื่องจากพวกนายช่วยชีวิตผมเอาไว้งั้นหลังจากนี้พวกเราก็คงจะต้องตามพวกคุณต่อไปคนอย่างผมไม่ค่อยมีประโยชน์อะไรนอกจากเรื่องพละกำลังจึงมาทำงานเป็นรปภ.ให้กับบริษัทของหานเหม่ยฉียิ่งไปกว่านั้นไม่ว่าจะพูดอย่างไรพวกคุณได้ช่วยชีวิตผมไว้แล้วยังไงผมก็ต้องตอบแทน"

ผมตอบไปว่า"ไม่ต้องขนาดนั้นก็ได้ถ้าหากคุณทั้งสองคนมีความคิดหรือแผนการอื่นก็สามารถไปได้เลยแต่ถ้าหากพวกคูณต้องการที่จะตามพวกเรามารออีกเดี๋ยวพวกเราจะไปอีกที่หนึ่งซึ่งอยู่ไม่ไกลจากที่นี่"

สำหรับผมแล้วผมไม่เชื่อในสิ่งที่สองคนนั้นพูดโดยเฉพาะผู้หญิงที่ชื่อหานเหม่ยฉีคนนั้นว่าตนเองเป็นพนักงานต้องรับของบริษัทแต่ในตอนที่เธอพูดจบไป๋เหว่ยเองก้รู้สึกว่ามันไม่ได้เป็นแบบนั้นจึงกระซิบบอกผมว่าของที่ผู้หญิงคนนี้สวมอยู่มีแต่ของแบรนด์ดังๆที่มีเพียงไม่กี่ชิ้นบนโลกระวังตัวไว้หน่อยอย่าให้เธอมาหลอกพวกเราได้

เดิมทีเมื่อมองไปที่รูปลักษณ์ที่ซื่อสัตย์ของสองคนนี้ผมวางแผนจะพาพวกเขากลับมาอยู่ด้วยมันเป็นการกระทำที่ดีและยังสามารถเพิ่มความสามารถในการอยู่รอดของพวกเรา

แต่หลังจากที่ได้ยินไป๋เหว่ยพูดออกมาแบบนี้ผมเองก็ไม่มีอะไรต้องไปเชื่อเธอสองคนนี้กำลังสร้างคำถามในใจของผม

"เจอแล้ว!ในที่สุดก็เจอ!"

จ้าวซูเหิงตะโกนดีใจออกมาจากนั้นก็ขุดดินลงไปทีละนิดทีละนิดจะสุดท้ายก็ไปเจอกับมันเทศขนาดไม่ใหญ่มากที่เหลืออยู่

ผมถอนหายใจออกมาอย่างโล่งอก"ดูจากสถานการณ์แล้วพวกเราคงไม่ต้องมากังวลเรื่องอาหารแค่สามารถหาพื้นที่ที่เหมาะสมในการเพาะปลูกพวกเราก็จะมีมันเทศในกินกันมากมาย"

จ้าวซูเหิงหยิบมันเทศชูขึ้นมาเหมือนกับว่ากำลังรอคำชื่นชมจากผมไป๋เหว่ยพูดออกไปว่า"ตอนนี้ก็หาเจอแล้วงั้นพวกเราก็รีบกลับไปได้แล้วตอนนี้พวกเราก็เสียเวลามามากแล้วกลับไปทานอะไรกันสักหน่อยฟ้าก็คงจะมืดแล้ว"

ใบหน้าของจ้าวซูเหิงแข็งกระด้างขึ้นมาทันที

ผมให้สองคนนั้นเลือกว่าจะเอาอย่างไงสุดท้ายพวกเขาก็เลือกที่จะตามพวกเรามาผมก็คิดไว้ตั้งแต่แรกแล้วถ้าพวกเขาเลือกที่จะตามมาและคิดจะทำอะไรไม่ดีกับพวกเราก็อย่ามาหาว่าผมใจร้าย

หลังจากเก็บของเรียบร้อยแล้วระหว่างทางที่เดินกลับมายังถ้ำพวกเราก็เดินกันไปคุยกันไปจนสุดท้ายผมก็เข้าใจว่าทำไมพวกเขาถึงได้เป็นลมอยู่ที่ชายหาด

ทั้งสองคนก็รับรู้ได้ถึงการเปลี่ยนแปลงไปของอุณหภูมิที่ไม่ปกติหูเจี้ยนรู้ว่าจะอยู่บนเกาะแห่งนี้ได้ไม่นานดังนั้นเขาจึงปรึกษากับหานเหม่ยฉีเพื่อที่จะสร้างแพในการเดินทางออกไปจากเกาะนี้ถ้าออกไปได้อย่างน้อยพวกเขาก็ไม่ต้องมาอยู่กับการเปลี่ยนแปลงของอุณหภูมิที่แปรปรวนบนเกาะแห่งนี้

แต่คิดไม่ถึงว่าในตอนที่แพนั้นลงไปสัมผัสกับน้ำทะเลคลื่นที่ดูปกติก็เปลี่ยนไปมีลมพัดคลื่นลูกใหญ่เข้ามาชนกับแพของพวกเขาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นติดต่อกันอย่างต่อเนื่องจนแพของพวกเขารับน้ำหนักไว้ไม่ไหวและพังลงไปจากนั้นทั้งสองคนก็ถูกพัดกลับมาที่ชายหาดเหมือนเดิม

ผมกับไป๋เหว่ยแอบสงสัยอยู่ในใจว่าทำไมตอนที่พวกเขาออกทะเลไปถึงไม่เจอกับงูหลามยักษ์?หรือว่างูหลามยักษ์ตัวนั้นจะเป็นต้นเหตุของคลื่นที่เกิดขึ้น?

หลังจากที่พวกเรานึกถึงจุดนี้ความกลัวก็เข้ามาปลกคลุมในใจผมถ้าหากงูหลามยักษ์ตัวนั้นมีพละกำลังมากมายขนาดนี้ขนาดของมันจริงก็คงใหญ่กว่าที่เราเคยเห็น

เมื่อมาถึงถ้ำที่ผมกับไป๋เหว่ยอาศัยอยู่กองไฟด้านในก็ติดอยู่อ่อนๆผมถอนหายใจออกมาดวงตาของไป๋เหว่ยเป็นประกายและพูดออกมาว่า"พวกนายสองคนช่างเป็นคนที่สุดยอดจริงๆเมื่อเห็นที่อยู่ของพวกนายตอนนี้แล้วและกลับมามองที่ตัวเองที่อยู่ของฉันยังกับรูหนู!"

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

482