ตอนที่ 3 เวลาตีสามครึ่ง

อู๋ไป๋ซุยเอ่ยขึ้นมาอีกครั้ง ปกติแล้วเขาเป็นคนพูดน้อย แต่หากได้พูดอะไรออกมาล้วนเป็นสิ่งเหนือความคาดหมาย!

ห้องโถงที่เงียบสงัด เริ่มครึกครื้นขึ้นอีกครั้ง

“เจ้าบ้านี่วันนี้เป็นอะไรไปหะ ป่วยหนักกว่าเดิมหรือไง”

“โดนชนจนสมองเบลอไปแล้ว ทำอะไรไม่เกรงกลัวใครเลย”

“นั่นนะสิ คุณย่ากำลังโมโหอยู่แท้ๆ เจ้าบ้านี่กล้าเถียงคุณย่า ไม่รู้จะเรียกว่าโง่หรืออะไรดี”

“เพิ่งออกจากโรงพยาบาลก็ป่วยซะแล้ว คนบ้าแบบนี้ขังอยู่ในโรงพยาบาลบ้าทั้งชีวิตไปน่าจะดีกว่า!“

เสียงคำพูดเสียดสีดังมาไม่ขาดสาย

เซี่ยม่อฮั่นเองก็ตกใจมากเช่นกัน เธอรู้สึกได้ว่าวันนี้อู๋ไป๋ซุยเปลี่ยนไปจากเดิม ก่อนหน้านี้เขาก็มักทำเรื่องบ้าๆแบบนี้เวลามีอาการ แต่ถ้าไม่มีอาการก็เป็นปกติ ครั้งนี้หลังสมองได้รับการกระทบกระเทือน เขาก็พูดจาไร้สาระมากขึ้น เซี่ยม่อฮั่นไม่ยอมให้เขาเป็นเช่นนี้เด็ดขาด จึงยื่นมือไปตบที่บ่าของอู๋ไป๋ซุย พูดด้วยเสียงดุว่า “ฉันบอกว่าไม่ให้พูดอะไรไม่ใช่เหรอ? นั่งลงเดี๋ยวนี้เลย!“

ทุกๆคนในที่นี้ อู๋ไป๋ซุยไม่เห็นอยู่ในสายตา เว้นแต่เซี่ยม่อฮั่นที่เขาไม่อยากฝืนคำสั่ง ในเมื่อเซี่ยม่อฮั่นไม่อยากให้เขาเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย อู๋ไป๋ซุยจึงได้นั่งลงไปอย่างเงียบๆ

ตอนนี้หญิงชราหน้าชาไปหมด เธอชี้มาที่อู๋ไป๋ซุย แล้วพูดกับเซี่ยม่อฮั่นว่า “ม่อฮั่น เธอดูสิ เจ้าคนบ้านี้ไม่รู้จักมารยาทเพียงใด เธอยังไม่ยอมหย่ากับเขา จะอยู่ไปเพื่ออะไรกัน?”

เซี่ยม่อฮั่นรู้ดีว่า ปัจจุบันอาการของอู๋ไป๋ซุยเริ่มร้ายแรงขึ้นทุกวัน ไม่แน่ว่าต่อไปจะทำอะไรร้ายแรงขึ้นมาอีก หากให้เขาอยู่ข้างกายต่อไปคงจะหาเรื่องปวดหัวมาให้ไม่น้อย

เพียงแต่......จะให้เธอตัดสินใจหย่ากับเขาเช่นนี้ เธอไม่สามารถทำใจได้จริงๆ และอีกอย่าง เธอไม่อยากแต่งงานกับวังซี่ห่าว

ครุ่นคิดชั่วครู่ เซี่ยม่อฮั่นจึงได้เอ่ยปากว่า “ฉันจะไปคิดให้ดีค่ะ!“

เมื่อเห็นเซี่ยม่อฮั่นพูดออกมาดังนั้น สีหน้าของหญิงชราก็ดูดีขึ้นมานิดหนึ่ง เธอเองเข้าใจดีว่าไม่สามารถบีบบังคับให้เซี่ยม่อฮั่นตัดสินใจเร็วเกินไป แต่หากพลาดโอกาสการแต่งงานกับตระกูลวังในครั้งนี้แล้ว คงเป็นการสูญเสียสำหรับเซี่ยม่อฮั่นมาก ดังนั้นหญิงชราจึงได้อ่อนข้อให้เธอ “ตามนั้น ฉันให้เวลาไปคิดทบทวนสามวัน”

จากนั้น หญิงชราก็มีน้ำเสียงเปลี่ยนไป แล้วพูดด้วยเสียงแข็งว่า “หลังจากสามวัน เธอต้องหย่ากับเขาและตกลงแต่งงานกับตระกูลวัง ไม่เช่นนั้นบ้านตระกูลเซี่ยคงไม่ใช่ที่ที่เธอควรจะอยู่!“

พูดจบ หญิงชราก็หันหลังเดินกลับห้องไป

“เซี่ยม่อฮั่นคิดยังไงกันนะ การแต่งงานที่ดีขนาดนี้ยังต้องขอเวลาทบทวน?”

“นั่นนะสิ คนหนึ่งเป็นบ้า อีกคนหนึ่งเป็นทายาทเศรษฐี เอามาเทียบกันได้ยังไง ไม่รู้เธอคิดอะไรอยู่?”

“ก็แค่ทำเป็นวางท่าแหละน่า พอถึงเวลาก็คงเลือกหย่าแน่นอน ตอนนี้ทำเป็นคนดีให้คนอื่นเห็นไปอย่างนั้นแหละ ให้ชาวบ้านเค้าคิดว่าเป็นคนจิตใจดีมีเมตตา”

หลังจากสิ้นเสียงต่างๆนานา งานเลี้ยงตระกูลก็ได้สิ้นสุดลง

สุดท้าย ทุกคนแยกย้ายกันกลับบ้าน

เซี่ยม่อฮั่นขับรถพาอู๋ไป๋ซุยและหวางกุ้ยหลานไปยังทางกลับบ้าน

ระหว่างทาง หวางกุ้ยหลานที่นั่งข้างคนขับ เธอโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ จ้องมองเซี่ยม่อฮั่นแล้วพูดว่า “นี่ เป็นบ้าอะไรกัน ทำไมไม่ยอมหย่า? กับแค่คนบ้าคนหนึ่งเก็บไว้มีประโยชน์อะไรกัน?”

เซี่ยม่อฮั่นอึดอัดใจจนไม่อยากพูดอะไรออกไป และไม่ต้องการอธิบาย เธอพูดออกไปตรงๆว่า “แม่คะ หนูขับรถอยู่ ไม่อยากพูด แม่ให้หนูอยู่เงียบๆสักเดี๋ยวได้ไหมคะ?”

หวางกุ้ยหลานเก็บอารมณ์โกรธไว้ แล้วเงียบลง

หลังจากนั้นครึ่งชั่วโมง ทั้งสามก็กลับถึงบ้าน

เมื่อถึงบ้าน หวางกุ้ยหลานก็อดไม่ได้ที่พูดขึ้นว่า “เสี่ยวม่อ ลูกต้องคิดให้ดีๆนะ จะทำอะไรสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้ ลูกควรตอบรับคำของคุณย่า ลูกลองคิดดูว่านับจากที่อู๋ไป๋ซุยเข้ามาในบ้านของเรา ก็ไม่มีอะไรดีขึ้นเลย ถ้าถูกคุณย่าไล่ออกจากตระกูลเซี่ยอีกละก็ พวกเราจะทำอย่างไรต่อไป?”

เซี่ยม่อฮั่นไม่พูดสิ่งใดออกมา เธอจิตตกมากในตอนนี้


เมื่อเห็นเซี่ยม่อฮั่นไม่พูดอะไรออกมา หวางกุ้ยหลานก็พูดต่อว่า “ ลูกต้องเข้าใจนะว่าสามีที่ดีสำคัญขนาดไหน เซี่ยฉู่เสวี่ยเองก็เพราะว่าโชคดีมีสามีดี ชีวิตของเธอและครอบครัวตระกูลเซี่ยก็ดีตามไปด้วย ตอนนี้พ่อแม่ของเธอมีคฤหาสน์อยู่ แล้วลูกลองมองดูบ้านเราสิ ซอมซ่อจะตายไป แต่ละวันยังต้องคอยดูแลคนบ้า ตอนนี้แม่เองไม่ต่างอะไรกับพี่เลี้ยงเลย พ่อของลูกจากไปเร็ว แม่มีความหวังเดียวก็คือลูกนะ จะทำอะไรก็ต้องคิดถึงความรู้สึกแม่บ้าง?”

พูดไปพูดมา น้ำตาของหวางกุ้ยหลานก็เอ่อล้นดวงตา

เธอน้อยใจมากจริงๆ เมื่อก่อนหน้านี้สมัยที่นายท่านยังอยู่ ชีวิตเธอมีแต่ความสุขสบาย เนื่องจากเซี่ยม่อฮั่นได้รับความรักจากคุณปู่มาก พวกเธอสองคนแม่ลูกอาศัยอยู่ในคฤหาสน์หลังใหญ่ที่สุดในบ้านตระกูลเซี่ย หวางกุ้ยหลานแสนมีความสุข

แต่ใครจะไปรู้ว่าหลังจากนั้นทุกอย่างกลับเปลี่ยนแปลงไป เมื่อคุณท่านให้เซี่ยม่อฮั่นแต่งงานกับคนบ้าคนหนึ่งอย่างกะทันหัน และจากไปโดยไม่เวลาไม่นานต่อมา

หลังจากนั้นเซี่ยม่อฮั่นก็ถูกคนในบ้านตระกูลเซี่ยรังเกียจ

พวกเธอสองคนแม่ลูกถูกขับออกมาอยู่ในบ้านเล็กๆหลังหนึ่ง ชีวิตของหวางกุ้ยหลานก็เปลี่ยนไปราวฟ้ากับดิน

สามปีมาแล้วที่เธอทนอยู่กับชีวิตเช่นนี้ ในครั้งนี้มีโอกาสมาให้แก้ตัว เธอจะต้องทำให้ลูกสาวตัดสินใจหย่ากับคนบ้าอย่างอู๋ไป๋ซุยให้ได้ การที่จะเข้าไปในบ้านตระกูลวังไม่ใช่เรื่องง่าย เธอจะละทิ้งโอกาสนี้ไปได้อย่างไร

เมื่อฟังหวางกุ้ยหลานพูดจบ ในใจของเซี่ยม่อฮั่นก็ยิ่งอึดอัด เธอพูดว่า “หนูจะลองคิดดูอีกทีนะคะ” พูดจบก็เดินตรงเข้าไปในห้องนอนแล้วปิดประตูลง

เมื่อเซี่ยม่อฮั่นเดินจากไปหวางกุ้ยหลานก็หันกลับมาตะโกนใส่อู๋ไป๋ซุยว่า “บ้านเราเลี้ยงแกมาตั้งสามปีแล้วถือว่าบุญเหลือหลาย ตอนนี้ลูกสาวฉันจะแต่งงานใหม่กับทายาทเศรษฐี ฉันหวังโรคแกจะไม่กำเริบขึ้นมาอีก และยอมเซ็นใบหย่ากับลูกสาวฉันแต่โดยดี”

เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ในกลางวันที่เกิดขึ้น อู๋ไป๋ซุยกระทำการเช่นนั้นทำให้หวางกุ้ยหลานโมโหเป็นที่สุด

อู๋ไป๋ซุยไม่ได้สนใจหวางกุ้ยหลาน แต่หวางกุ้ยหลานก็ยังพูดไม่หยุด จนกระทั่งเวลาผ่านไปครึ่งชั่วโมงเธอไม่ได้หยุดปากแม้แต่นาทีเดียว

สุดท้ายอู๋ไป๋ซุยไม่สามารถทนฟังได้อีกต่อไป เขาลุกขึ้นแล้วเดินออกไปจากห้องรับแขกกลับเข้าห้องนอน

ตอนที่เขาเข้ามานั้นเซี่ยม่อฮั่นนอนอยู่บนเตียง เมื่อเห็นเซี่ยม่อฮั่นเธอจึงพูดขึ้นว่า “คุณพึ่งกลับมาจากโรงพยาบาล รีบไปอาบน้ำซะ ชุดนอนฉันเอาไว้ให้ในห้องน้ำแล้ว”

เซี่ยม่อฮั่นเป็นคนรักความสะอาด เธอมักจะให้อู๋ไป๋ซุยร่างกายสะอาดสะอ้านอยู่เสมอ

อู๋ไป๋ซุยตอบรับแล้วเดินไปทางห้องน้ำ

หลังจากอาบน้ำเสร็จอู๋ไป๋ซุยเดินมาหยิบผ้านวมปูลงที่พื้นอย่างคุ้นเคยแล้วนอน

แม้ทั้งสองคนจะเป็นสามีภรรยากัน แต่เป็นเพียงในนามเท่านั้น สามปีมานี้อู๋ไป๋ซุยได้แต่นอนบนพื้น

อันที่จริงเซี่ยม่อฮั่นเองก็ไม่ได้ยินดีกับอู๋ไป๋ซุยเท่าไหร่นัก เพราะตอนที่อู๋ไป๋ซุยเกิดอาการขึ้นมานั้น เขามักจะทำเรื่องแปลกๆที่คนอื่นคาดไม่ถึง เธอไม่เพียงแต่คอยจัดการเรื่องที่อู๋ไป๋ซุยก่อไว้ แต่เธอเองก็ยังถูกพวกเขาหัวเราะเยาะอีกด้วยชี วิตอย่างนี้เธอเองก็ลำบากเช่นกัน

ในตอนแรกเซี่ยม่อฮั่นยังมีความหวังอยู่บ้างกับเรื่องของอู๋ไป๋ซุย ถึงอย่างไรเสียเขาก็เป็นคนที่คุณปู่เลือกให้เอง เซี่ยม่อฮั่นคิดว่าคงต้องมีเหตุผลบางอย่าง แต่ในความเป็นจริงแล้วเขาก็เป็นแค่เพียงคนบ้าธรรมดาคนหนึ่ง ที่มักจะทำเรื่องแปลกๆตอนเกิดอาการ เขาไม่เคยทำเรื่องปกติเลยแม้แต่ครั้งเดียว

เซี่ยม่อฮั่นเองก็ถูกเขาก็ทำจนแทบจะบ้า ในตอนนี้เธอมีโอกาสแล้ว เธอสามารถหย่ากับเขาได้ แต่ไม่รู้เพราะอะไรเธอไม่สามารถตัดสินใจได้ลง เธอไม่เข้าใจจริงๆว่าการที่จะทิ้งคนบ้าอย่างนี้ไปทำได้ยากเช่นนี้เชียวหรือ?

เซี่ยม่อฮั่นพูดเบาๆว่า “อู๋ไป๋ซุยถ้าคุณไปจากฉันแล้วคุณจะอยู่คนเดียวได้ไหม?”

เธอรอฟังคำตอบอยู่หลายวินาทีแต่ไม่มีเสียงตอบกลับมา

เมื่อเซี่ยม่อฮั่นก้มลงไปดูก็พบว่าอู๋ไป๋ซุยหลับไปตั้งนานแล้ว

เซี่ยม่อฮั่นยิ้มอย่างอิจฉา “เห้อ คนบ้าก็คือคนบ้า กินแล้วนอน นอนแล้วกิน ไม่ต้องคิดอะไรเลย”

แต่งงานกันมาสามปีแล้ว เซี่ยม่อฮั่นเองไม่เคยมองดูอู๋ไป๋ซุยอย่างจริงจังเสียที ตอนนี้เธอได้จ้องมองเขา ทันใดนั้นเธอจึงได้พบว่าคนบ้าคนนี้ หน้าตาดีเหมือนกัน

“เฮ้อ ถ้าเธอไม่ได้เป็นบ้าก็คงจะดีสินะ” เซี่ยม่อฮั่นถอนหายใจ

หากว่าอู๋ไป๋ซุยไม่ได้เป็นบ้า เซี่ยม่อฮั่นเองก็คงจะยอมรับเขาได้อยู่ ถ้าเทียบกับลูกชายบ้านตระกูลวังที่ชอบใช้อำนาจและเงินทองนั้นเซี่ยม่อฮั่นยอมอยู่กับหอู๋ไป๋ซุยยังเสียดีกว่า อย่างไรเสียอู๋ไป๋ซุยก็ไม่เคยนอกใจหรือทำให้เธอผิดหวัง และยังฟังคำพูดของเธอทุกคำ เสียดายตรงที่ว่าอู๋ไป๋ซุยมักจะเกิดอาการกำเริบขึ้นมา ทำให้เธอรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัย

ไม่เพียงแต่เซี่ยม่อฮั่น แต่ทั้งบ้านตระกูลเซี่ยก็ถูกคนอื่นหัวเราะเยาะ เนื่องจากอู๋ไป๋ซุย ทำให้คนในตระกูลบังคับเธอหย่ากับเขา เซี่ยม่อฮั่นเองเข้าใจดีแต่จะให้เธอไปแต่งงานกับวังซี่ห่าว เธอก็รับไม่ได้เช่นกัน

แต่คำสั่งของคุณย่า อีกทั้งความสุขในอนาคตของคุณแม่ เธอเองจะต้องคิดให้มาก

เซี่ยม่อฮั่นนอนครุ่นคิดอยู่บนเตียง เธอกลิ้งไปกลิ้งมานอนไม่หลับ จนกระทั่งกลางดึกเธอถึงค่อยๆหลับตาลง

กลางดึกเวลาตีสามครึ่ง เมื่อแน่ใจว่าเซี่ยม่อฮั่น หลับสนิทแล้วอู๋ไป๋ซุยจึงได้ลุกขึ้นมา

เขาหยิบผ้าห่มมาห่มให้กับเธอและเดินออกไปจากห้องนอนมาที่ห้องหนังสือ

บนโต๊ะในห้องหนังสือมีคอมพิวเตอร์เครื่องหนึ่งตั้งไว้ นี่เป็นห้องทำงานและคอมพิวเตอร์ที่เซี่ยม่อฮั่นใช้

คอมพิวเตอร์ของเซี่ยม่อฮั่นนั้นตั้งรหัสไว้ แต่ก็ไม่ยากเกินความสามารถของอู๋ไป๋ซุย เขาเป็นผู้มีความสามารถในทุกๆเรื่อง รวมทั้งเรื่องคอมพิวเตอร์ เมื่อเขาปลดล็อกเข้าไปได้ก็ login เข้าไปในไปตู้baidu

เขาค่อยๆบรรจงพิมพ์คำลงไป

เยี่ยนจิง บ้านตระกูลอู๋



Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

395