ตอนที่12 สวัสดีคุณหนูเซี่ย
by หนอนหนังสือที่ถูกข้าศึกยึดไป
17:17,Oct 21,2020
ขณะที่เซี่ยม่อฮั่นกำลังหมดหวังและตั้งท่าจะจากไป ก็ได้ยินเสียงนี้ขึ้น เธอจึงรีบหันกลับมา
เธอมองเข้าไปในอาคารก็พบว่ามีคนหนึ่งยืนอยู่ด้านในและมองมาที่เธอ
คนๆนี้คือรูมเมทสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ชื่อว่าจัวฉิน
เมื่อมองเห็นจัวฉิน ใบหน้าของเซี่ยม่อฮั่นก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา เธอพูดด้วยความตกใจว่า “จัวฉิน เธอทำงานที่นี่เหรอ?”
จัวฉินกวักมือเรียกเซี่ยม่อฮั่น พูดว่า “เข้ามาเร็ว!”
เซี่ยม่อฮั่นแทบไม่เชื่อตัวเอง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนนั้นแสดงความเคารพต่อเธอด้วย
ดังนั้นเซี่ยม่อฮั่นจึงค่อนข้างตื่นเต้นที่ได้เข้ามายังอาคารของกลุ่ม ChangSheng
เมื่อเข้าไปถึงห้องโถง เซี่ยม่อฮั่นจึงได้มองเห็นป้ายพนักงานที่แขวนคอไว้ของจัวฉิน ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคล ไม่น่าแปลกใจที่เธอมีสิทธิ์ปล่อยให้ตนเข้ามา
“จัวฉิน คิดไม่ถึงเลยนะว่าเธอจะเป็นถึงผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคลของที่นี่ เก่งมากๆเลย” เซี่ยม่อฮั่นน้ำเสียงชื่นชมปนอิจฉา
จัวฉินพูดอย่างมั่นใจว่า “ก็งั้นๆนะ พูดตามตรงก็เป็นเพราะสามีฉันนั่นแหละ ฉันเลยได้มาทำงานที่นี่”
เมื่อเอ่ยถึงคำว่า สามี จัวฉินตั้งใจเน้นเสียงให้หนักขึ้น!
เมื่อตอนเรียนหนังสือ จัวฉินเองสู้เซี่ยม่อฮั่นไม่ได้ในทุกๆเรื่อง เซี่ยม่อฮั่นมีผลการเรียนที่ดี รูปร่างหน้าตาดีและมีฐานะดี เป็นดาวโรงเรียนที่มีชื่อเสียง แต่สำหรับตนเองนั้นเป็นเพียงแค่ใบไม้ที่อยู่ข้างๆดอกไม้สวยงาม ดูจากภายนอกเธอและเซี่ยม่อฮั่นอาจจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เนื่องจากทั้งสองเป็นรูมเมทกัน มักไปไหนมาไหนด้วยกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วจัวฉินไม่ชอบเซี่ยม่อฮั่นเลย เนื่องจากเซี่ยม่อฮั่นมักแย่งซีนเธอตลอดเวลา ทำให้ทุกคนมองข้ามเธอ เมื่อทั้งสองเดินด้วยกัน คนมักจะมองไปที่เซี่ยม่อฮั่น ทำให้เธอได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างรุนแรง และหมดความมั่นใจ
หลังจากเรียนจบจากมหาวิทยาลัย จัวฉินใช้ความสามารถและความขยันของเธอเอง ได้แต่งงานกับสามีที่ดีคนหนึ่ง ถึงแม้สามีเธอจะอายุมากกว่าเธอถึง 10 ปี แต่เธอไม่ใส่ใจสิ่งนี้เนื่องจากสามีของเธอมีฐานะและหน้าที่การงานที่ดี เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
แต่เซี่ยม่อฮั่นนั้นกลับกัน เธอแต่งงานกับคนบ้าคนหนึ่งเมื่อ จัวฉินรู้เรื่องนี้เข้าเธอรู้สึกสะใจอย่างยิ่งที่สามารถเอาชนะเซี่ยม่อฮั่นได้ เพียงแต่ว่าจัวฉินเองยังไม่มีโอกาสแนะนำและอวดสามีของเธอต่อเซี่ยม่อฮั่นเลย เพราะหลังจากเรียนจบไปแล้วทั้งสองก็แทบไม่ได้ติดต่อกันอีก วันนี้เป็นจังหวะพอดีจัวฉินเห็นเซี่ยม่อฮั่นถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยขับไล่ออกไปจากหน้าบริษัท โอกาสดีๆเช่นนี้ถ้าจะพลาดไปได้อย่างไร
เซี่ยม่อฮั่นเองนึกไม่ถึงว่าจัวฉินจะมีแผนการเช่นนี้ เมื่อได้ยินว่าสามีของจัวฉินมีความสามารถมาก ภายในใจเซี่ยม่อฮั่นก็รู้สึกต่ำต้อยเนื่องจากสามีของเธอนั้นไม่มีความสามารถใดๆเลย เธอจึงทำได้แต่ตอบกลับไปว่า “อิจฉาเธอจริงๆ”
เมื่อเห็นท่าทีของเซี่ยม่อฮั่นเช่นนี้ ในใจของจัวฉินก็ยิ้มระรื่น มองจากภายนอกนั้นเธอเพียงแค่แกล้งยิ้มแย้มแล้วพูดกับเซี่ยม่อฮั่นด้วยความเกรงใจว่า “เอาเถอะ นั่งลงก่อน”
พูดจบจัวฉินก็พาเซี่ยม่อฮั่นเดินมานั่งยังห้องรับแขก
“ไปชงกาแฟมาสองแก้ว” เมื่อนั่งลงจัวฉินก็พูดกับพนักงานที่หน้าเคาน์เตอร์
ในวันนี้ไม่เหมือนกับที่ผ่านมา จัวฉินในตอนนี้เธอช่างโดนเด่นสง่างามเหลือเกิน
เมื่อกาแฟถูกยกมาเสิร์ฟ จัวฉินจึงเอ่ยปากพูดกับเซี่ยม่อฮั่นว่า “ได้ยินว่าเธอแต่งงานกับสามีเป็นคนบ้า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหม?”
เรื่องนี้ถูกแพร่ร่ำลือไปทั่ว จัวฉินนั้นรู้ดีแต่เธอยังทำเป็นแกล้งไม่รู้แล้วถามขึ้น
เซี่ยม่อฮั่นรู้สึกอับอายมากเธอกัดริมฝีปากแล้วพูดว่า “อย่าพูดถึงเรื่องนี้เลย”
จัวฉินถามต่อว่า “ฉันก็เพียงแค่อยากรู้ว่า เธอเองก็เพียบพร้อมทุกด้าน จะหาสามีที่ดีๆสักคนก็ไม่ใช่เรื่องยาก ทำไมต้องแต่งงานกับคนบ้าล่ะ?”
เซี่ยม่อฮั่นอับอายจนอยากจะมุดแผ่นดินหนี เธอไม่อยากไปเผชิญกับปัญหาที่แทงใจเช่นนี้ เพราะสิ่งนี้คือเข็มที่ทิ่มแทงใจเซี่ยม่อฮั่นตลอดมา และเนื่องจากเธอแต่งงานกับอู๋ไป๋ซุย ดังนั้นเธอไม่มีหน้าจะไปพบเพื่อนฝูงเก่าๆอีกเลย ในตอนนี้จัวฉินกลับได้ถามถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดมากและฝืนตอบไปว่า “ฉันไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้จริงๆ”
เมื่อเห็นดังนั้นจัวฉินจึงหัวเราะและพูดไปตามตรงว่า “ก็ได้ ไม่พูดถึงเรื่องสามีเธอ ถ้างั้นพูดถึงตัวเธอล่ะ วันนี้เดินทางมาที่กลุ่ม ChangShengของเรามีธุระอะไรหรือเปล่า?”
เมื่อได้ยินดังนี้เซี่ยม่อฮั่นจึงรีบเก็บความขมขื่นไว้ในใจแล้วหยิบเอกสารของบริษัทออกมาพูดกับจัวฉินว่า “นี่เป็นเอกสารของบริษัทเราฉันอยากจะแนะนำให้ทางกลุ่ม ChangShengทำความร่วมมือกับบริษัทตกแต่งของเรา” สำหรับเซี่ยม่อฮั่นแล้วจัวฉินเป็นความหวังสุดท้ายของเธอ ตำแหน่งหน้าที่การงานของจัวฉินในบริษัทนี้ไม่ธรรมดา อีกทั้งเธอเองก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เซี่ยม่อฮั่นจึงมีความหวังจริงๆว่าเธอจะช่วยตนได้
จัวฉินรับเอกสารจากมือเซี่ยม่อฮั่นไปแล้วเปิดดูคร่าวๆ จากนั้นพูดขึ้นว่า “เรื่องนี้น่าจะเป็นไปได้ยาก”
จัวฉินหยุดอยู่ชั่วครู่แล้วพูดต่อว่า “แต่ตัวฉันเองพอรู้จักกับผู้บริหารระดับสูงอยู่บ้าง จะลองไปถามให้นะ ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เสียทีเดียวหรอก”
เมื่อได้ยินดังนั้นเซี่ยม่อฮั่นรู้สึกซาบซึ้งใจมากพูดกับจัวฉินว่า “จัวฉิน เธอช่วยฉันเรื่องนี้ได้ใช่ไหม?”
จัวฉินหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาดื่มแล้วพูดอย่างเลือดเย็นว่า “ให้ฉันช่วยเธอก็ได้ ขอร้องฉันสิ”
เซี่ยม่อฮั่นได้ยินดังนั้นเธอตกตะลึงมาก เนื่องจากตอนที่เรียนด้วยกันนั้นจัวฉินดีกับตนเองในทุกเรื่องทุกอย่าง เธอจะเป็นคนคอยช่วยเหลือเสมอ และในบางครั้งเธอยังเอ่ยชื่นชมตนเอง แต่บัดนี้จัวฉินเปลี่ยนไปแล้ว เธอมีตำแหน่งหน้าที่การงานสูง เซี่ยม่อฮั่นเองต้องเงยหน้ามอง
ในใจเซี่ยม่อฮั่นตอนนี้รู้สึกแย่มาก แต่เนื่องจากสถานการณ์ค่อนข้างคับขัน เธอจำเป็นต้องทำยอดให้ได้และจำเป็นต้องให้จัวฉินช่วยเหลือ ดังนั้นการขอร้องจัวฉินเธอคงต้องตกลง เธอสงบสติอารมณ์ชั่วครู่จากนั้นหันไปทางจัวฉินพูดจากใจจริงว่า “จัวฉิน ความร่วมมือในครั้งนี้สำคัญต่อฉันมาก ขอให้เธอเห็นแก่ฐานะเพื่อนที่เรียนมาร่วมกัน ช่วยฉันหน่อยฉันขอร้องล่ะ”
เมื่อจัวฉินฟังจบ ภายในใจเธอยิ้มระรื่นและมองมาทางเซี่ยม่อฮั่น ตอนนี้เธอได้ยืนอยู่เหนือเซี่ยม่อฮั่นแล้ว รู้สึกสะใจเสียจริงๆ
จัวฉิน วันนี้เธอได้แก้แค้นทั้งหมดแล้ว!
หลังจากยิ้มอยู่ในใจสักครู่ จัวฉินสีหน้าเปลี่ยนไป เธอเอามือตบลงที่โต๊ะเสียงดังแล้วลุกขึ้นพูดกับเซี่ยม่อฮั่นเสียงดังว่า “เซี่ยม่อฮั่น ฉันเห็นแก่ความเป็นเพื่อนฉันจึงให้เธอเข้ามา คิดไม่ถึงว่าเธอจะมาดูถูกฉัน ให้ฉันช่วยติดสินบนอย่างนี้ เธอคิดว่าฉันเป็นคนอย่างไร?”
จัวฉินตะคอกขึ้นมาเหมือนเสียงฟ้าผ่า ในขณะนั้นภายในห้องโถงมีพนักงานอยู่จำนวนมาก พวกเขาหันหลังมามอง
เพียงชั่วพริบตา เซี่ยม่อฮั่นเองเกิดอาการงุนงงมาก เธอคิดไม่ถึงว่าจัวฉินจะเปลี่ยนไปได้รวดเร็วขนาดนี้ เธอจึงพูดขึ้นว่า “จัวฉิน หมายความว่ายังไงกัน?”
จัวฉินหยิบเอกสารของบริษัทอันฉีเล่อขึ้นมาแล้วพูดว่า “หมายความว่ายังไงหรือ? บริษัทตกแต่งภายในเล็กๆของเธอกล้าเข้ามาขอความร่วมมือกับบริษัทใหญ่แบบกลุ่ม ChangShengเช่นนี้ และยังจะให้ฉันช่วยติดสินบนให้ เธอกำลังคิดอะไรอยู่ ไม่รู้หรือยังไงว่ากลุ่ม ChangShengของพวกเรา มีทีมงานตกแต่งภายในอยู่ บริษัทของพวกเธอมีคุณสมบัติพอที่จะร่วมมือกับพวกเรางั้นหรือ?”
เมื่อพูดจบจัวฉินก็เขวี้ยงข้อมูลของบริษัทเซี่ยม่อฮั่นทิ้งลง
เซี่ยม่อฮั่นกัดฟันกรอดด้วยความโกรธ
พนักงานบริษัทที่ยืนอยู่ในห้อง เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็รวมกันพูดขึ้นมาว่า “พวกเธอดูสิ ผู้หญิงคนนั้นเป็นพวกที่อยากใช้ความสัมพันธ์ของคนในบริษัทเพื่อประโยชน์ส่วนตัว”
“นั่นน่ะสิ ทำไมถึงไม่รู้จักความสามารถของตัวเองบ้าง กลุ่ม ChangShengไม่ใช่ที่ที่บริษัทเล็กๆจะมาทำความร่วมมือได้หรอกนะ”
“แล้วยังจะมายัดใต้โต๊ะกับหัวหน้าแผนกอีก ไม่รู้จักอับอายบ้างหรือยังไง?”
เมื่อทุกคนรอบข้างหัวเราะเยาะใส่เช่นนี้เซี่ยม่อฮั่นจึงถอดใจ เธออับอายมากและผิดหวังมากเช่นกัน ถึงในตอนนี้แล้วต่อให้เซี่ยม่อฮั่นจะโง่สักเพียงใดเธอก็เข้าใจว่าจัวฉินเองคับแค้นใจที่ไม่สามารถเอาชนะเธอมาได้โดยตลอดเวลาที่ผ่านมา การที่เธอให้ตนเข้ามานั้นเพียงแค่ต้องการดูถูก
มิตรภาพสี่ปีที่อยู่ร่วมกันมา แท้จริงแล้วไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย
เธอมองคนผิดไปจริงๆ
เซี่ยม่อฮั่นเจ็บใจเป็นที่สุด
เธอค่อยๆเก็บเอกสารของบริษัทขึ้นมาจากพื้น ลุกขึ้นและพูดว่า “เธอไม่ช่วยฉันก็ได้ แต่กรุณาอย่าดูถูกฉันแบบนี้การที่เธอทำเช่นนี้มันเกินไปจริงๆ”
จัวฉินพูดกลับไปว่า “ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าทำไมเธอถึงได้แต่งงานกับคนบ้าอย่างอู๋ไป๋ซุย ก็เพราะตัวเธอเองมันก็บ้า ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง เธอไม่ควรมาขอร้องให้ฉันช่วยเหลือด้วยซ้ำไม่รู้หรือยังไงว่ากลุ่ม ChangShengเรามีมาตรการที่เด็ดขาด ต่อให้เป็นแค่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของเราก็มีความรู้มากกว่าเธออีกด้วยซ้ำ”
คำพูดของจัวฉินเช่นนี้ ทำให้คนรอบข้างเกิดความฮือฮาขึ้นมาว่า “สามีบ้า อู๋ไป๋ซุย หรือว่านี่คือคุณหนูตระกูลเซี่ย? ฉันก็ว่าทำไมรู้สึกคุ้นหน้าจังเลย เป็นเธอนี่เอง เธอคือเซี่ยม่อฮั่นที่แต่งงานกับคนบ้านั่นไง”
“รูปร่างหน้าตาก็สวยดีทำไมถึงคิดไม่ตกแบบนี้นะ”
“สมองเธอเองก็คงไม่ปกติสักเท่าไหร่ ไม่อย่างนั้นจะมาขอความร่วมมือกับกลุ่ม ChangShengเหรอ คิดดูซิว่าบ้าหรือเปล่า?”
คำพูดเหล่านั้นเป็นเสมือนน้ำแข็งทิ่มแทงดวงใจเธอ และน้ำแข็งเรานั้นทุบลงมาที่หัวของเธอจนแทบจะมึนหมดสติ รู้สึกแย่มากๆและดวงตาในตอนนี้เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง น้ำตาแทบจะกลั้นไว้ไม่อยู่ แต่เธอต้องอดทนเอาไว้เพื่อไม่ให้อับอายไปมากกว่านี้เธอจะต้องรักษาศักดิ์ศรีของเธอไว้ จึงพูดด้วยเสียงสั่นคลอนกับจัวฉินว่า “ฉันอยากทำความร่วมมือกับกลุ่ม ChangSheng ฉันไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง แต่ฉันไม่ได้ต้องการติดสินบน เธอจะมากล่าวอ้างอย่างนี้ไม่ได้”
จัวฉินเพียงแค่อยากให้เซี่ยม่อฮั่นอับอายต่อหน้าสาธารณชน เธอต้องการเหยียบผู้หญิงคนนี้ให้จมดิน และให้ทุกๆคนเห็นว่าจัวฉินนั้นดีกว่าเซี่ยม่อฮั่นสักเพียงใด และตอนนี้จุดมุ่งหมายของเธอสำเร็จแล้ว เธอไม่จำเป็นต้องเสียเวลาพูดเปล่ากับเซี่ยม่อฮั่น จึงตะโกนออกไปว่า “เจ้าหน้าที่มาเอาตัวผู้หญิงบ้าคนนี้ออกไป”
และในทันใดนั้นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองคน ก็วิ่งเข้ามา
เซี่ยม่อฮั่นตกใจจนตัวสั่น เธอรู้สึกว่าเจ็บยิ่งกว่าโดนมีดแทงไปที่ดวงใจ เมื่อมองเห็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองคนวิ่งมาทางเธอ เธอก็หมดหวังมาก
แต่ในขณะที่เจ้าหน้าที่ทั้งสองกำลังจะมาลากตัวเซี่ยม่อฮั่นออกไปนั้น ก็ได้ยินเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นว่า “หยุด”
เพียงคำเดียวแต่ช่างมีอำนาจมากนัก ทุกทุกคนในที่นั้นล้วนหันไปมอง
เห็นเพียงชายวัยกลางคนท่าทางสุขุมคนหนึ่งเดินเข้ามา
เขาก็คือผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคลของบริษัท กัวหรง
เมื่อเห็นกัวหรงเดินมา ทุกๆคนก็ต่างมีต้อนรับว่า “ผู้อำนวยการกัว”
จัวฉินเมื่อเห็นดังนั้นก็รีบเดินหน้าออกไปทำความเคารพ ในแผนกทรัพยากรบุคคล กัวหรงมีหน้าที่ตำแหน่งดีสูงกว่าเธอ เขาเป็นหัวหน้าของจัวฉินและจัวฉินสามารถเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาได้ก็ไม่พ้นความช่วยเหลือของกัวหรง ดังนั้นจัวฉินจึงให้ความเคารพต่อกัวหรงมาก เมื่อเธอเดินมาอยู่ต่อหน้ากัวหรง จึงได้เอ่ยขึ้นว่า “ท่านผู้อำนวยการกัวคะ มาได้อย่างไรกัน?”
กังหรงมองดูจัวฉินแล้วพูดว่า “คุณโดนไล่ออก”
เพียงคำพูดประโยคเดียวแต่ช่างมีเนื้อหาหนักแน่นหนัก
ทุกๆคนในที่นั้นล้วนๆมองกันอย่างงงงวย
จัวฉินเหมือนโดนสายฟ้าฟาดลงมา เธอพูดตะกุกตะกักว่า “ท่านผู้อำนวยการกัวคะ นี่คุณล้อฉันเล่นใช่ไหม?”
กัวหรงพูดว่า “ใครล้อคุณเล่นกัน รีบไปเก็บของแล้วออกไปจากบริษัทนี้เถอะ”
กัวหรงตอบกลับโดยไม่เกรงใจ
จัวฉินตกใจจนพูดอะไรไม่ถูก ในตอนนี้เธอรู้สึกต่ำต้อยถูกดูถูกและดี จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เธอไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน
ส่วนคนอื่นก็เช่นเดียวกัน
กัวหรงเดินผ่านจัวฉินตรงมาที่เซี่ยม่อฮั่นและ ทำสัญลักษณ์มือแสดงว่าเชิญจากนั้นพูดออกมาว่า “สวัสดีครับ คุณหนูเซี่ย ต้องการทำความร่วมมือกับเราใช่ไหม เชิญตามผมมา”
เธอมองเข้าไปในอาคารก็พบว่ามีคนหนึ่งยืนอยู่ด้านในและมองมาที่เธอ
คนๆนี้คือรูมเมทสมัยเรียนมหาวิทยาลัย ชื่อว่าจัวฉิน
เมื่อมองเห็นจัวฉิน ใบหน้าของเซี่ยม่อฮั่นก็ปรากฏรอยยิ้มขึ้นมา เธอพูดด้วยความตกใจว่า “จัวฉิน เธอทำงานที่นี่เหรอ?”
จัวฉินกวักมือเรียกเซี่ยม่อฮั่น พูดว่า “เข้ามาเร็ว!”
เซี่ยม่อฮั่นแทบไม่เชื่อตัวเอง เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยสองคนนั้นแสดงความเคารพต่อเธอด้วย
ดังนั้นเซี่ยม่อฮั่นจึงค่อนข้างตื่นเต้นที่ได้เข้ามายังอาคารของกลุ่ม ChangSheng
เมื่อเข้าไปถึงห้องโถง เซี่ยม่อฮั่นจึงได้มองเห็นป้ายพนักงานที่แขวนคอไว้ของจัวฉิน ผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคล ไม่น่าแปลกใจที่เธอมีสิทธิ์ปล่อยให้ตนเข้ามา
“จัวฉิน คิดไม่ถึงเลยนะว่าเธอจะเป็นถึงผู้จัดการฝ่ายทรัพยากรบุคคลของที่นี่ เก่งมากๆเลย” เซี่ยม่อฮั่นน้ำเสียงชื่นชมปนอิจฉา
จัวฉินพูดอย่างมั่นใจว่า “ก็งั้นๆนะ พูดตามตรงก็เป็นเพราะสามีฉันนั่นแหละ ฉันเลยได้มาทำงานที่นี่”
เมื่อเอ่ยถึงคำว่า สามี จัวฉินตั้งใจเน้นเสียงให้หนักขึ้น!
เมื่อตอนเรียนหนังสือ จัวฉินเองสู้เซี่ยม่อฮั่นไม่ได้ในทุกๆเรื่อง เซี่ยม่อฮั่นมีผลการเรียนที่ดี รูปร่างหน้าตาดีและมีฐานะดี เป็นดาวโรงเรียนที่มีชื่อเสียง แต่สำหรับตนเองนั้นเป็นเพียงแค่ใบไม้ที่อยู่ข้างๆดอกไม้สวยงาม ดูจากภายนอกเธอและเซี่ยม่อฮั่นอาจจะมีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เนื่องจากทั้งสองเป็นรูมเมทกัน มักไปไหนมาไหนด้วยกัน แต่ในความเป็นจริงแล้วจัวฉินไม่ชอบเซี่ยม่อฮั่นเลย เนื่องจากเซี่ยม่อฮั่นมักแย่งซีนเธอตลอดเวลา ทำให้ทุกคนมองข้ามเธอ เมื่อทั้งสองเดินด้วยกัน คนมักจะมองไปที่เซี่ยม่อฮั่น ทำให้เธอได้รับการกระทบกระเทือนทางจิตใจอย่างรุนแรง และหมดความมั่นใจ
หลังจากเรียนจบจากมหาวิทยาลัย จัวฉินใช้ความสามารถและความขยันของเธอเอง ได้แต่งงานกับสามีที่ดีคนหนึ่ง ถึงแม้สามีเธอจะอายุมากกว่าเธอถึง 10 ปี แต่เธอไม่ใส่ใจสิ่งนี้เนื่องจากสามีของเธอมีฐานะและหน้าที่การงานที่ดี เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
แต่เซี่ยม่อฮั่นนั้นกลับกัน เธอแต่งงานกับคนบ้าคนหนึ่งเมื่อ จัวฉินรู้เรื่องนี้เข้าเธอรู้สึกสะใจอย่างยิ่งที่สามารถเอาชนะเซี่ยม่อฮั่นได้ เพียงแต่ว่าจัวฉินเองยังไม่มีโอกาสแนะนำและอวดสามีของเธอต่อเซี่ยม่อฮั่นเลย เพราะหลังจากเรียนจบไปแล้วทั้งสองก็แทบไม่ได้ติดต่อกันอีก วันนี้เป็นจังหวะพอดีจัวฉินเห็นเซี่ยม่อฮั่นถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยขับไล่ออกไปจากหน้าบริษัท โอกาสดีๆเช่นนี้ถ้าจะพลาดไปได้อย่างไร
เซี่ยม่อฮั่นเองนึกไม่ถึงว่าจัวฉินจะมีแผนการเช่นนี้ เมื่อได้ยินว่าสามีของจัวฉินมีความสามารถมาก ภายในใจเซี่ยม่อฮั่นก็รู้สึกต่ำต้อยเนื่องจากสามีของเธอนั้นไม่มีความสามารถใดๆเลย เธอจึงทำได้แต่ตอบกลับไปว่า “อิจฉาเธอจริงๆ”
เมื่อเห็นท่าทีของเซี่ยม่อฮั่นเช่นนี้ ในใจของจัวฉินก็ยิ้มระรื่น มองจากภายนอกนั้นเธอเพียงแค่แกล้งยิ้มแย้มแล้วพูดกับเซี่ยม่อฮั่นด้วยความเกรงใจว่า “เอาเถอะ นั่งลงก่อน”
พูดจบจัวฉินก็พาเซี่ยม่อฮั่นเดินมานั่งยังห้องรับแขก
“ไปชงกาแฟมาสองแก้ว” เมื่อนั่งลงจัวฉินก็พูดกับพนักงานที่หน้าเคาน์เตอร์
ในวันนี้ไม่เหมือนกับที่ผ่านมา จัวฉินในตอนนี้เธอช่างโดนเด่นสง่างามเหลือเกิน
เมื่อกาแฟถูกยกมาเสิร์ฟ จัวฉินจึงเอ่ยปากพูดกับเซี่ยม่อฮั่นว่า “ได้ยินว่าเธอแต่งงานกับสามีเป็นคนบ้า เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องจริงใช่ไหม?”
เรื่องนี้ถูกแพร่ร่ำลือไปทั่ว จัวฉินนั้นรู้ดีแต่เธอยังทำเป็นแกล้งไม่รู้แล้วถามขึ้น
เซี่ยม่อฮั่นรู้สึกอับอายมากเธอกัดริมฝีปากแล้วพูดว่า “อย่าพูดถึงเรื่องนี้เลย”
จัวฉินถามต่อว่า “ฉันก็เพียงแค่อยากรู้ว่า เธอเองก็เพียบพร้อมทุกด้าน จะหาสามีที่ดีๆสักคนก็ไม่ใช่เรื่องยาก ทำไมต้องแต่งงานกับคนบ้าล่ะ?”
เซี่ยม่อฮั่นอับอายจนอยากจะมุดแผ่นดินหนี เธอไม่อยากไปเผชิญกับปัญหาที่แทงใจเช่นนี้ เพราะสิ่งนี้คือเข็มที่ทิ่มแทงใจเซี่ยม่อฮั่นตลอดมา และเนื่องจากเธอแต่งงานกับอู๋ไป๋ซุย ดังนั้นเธอไม่มีหน้าจะไปพบเพื่อนฝูงเก่าๆอีกเลย ในตอนนี้จัวฉินกลับได้ถามถึงเรื่องนี้ขึ้นมา ทำให้เธอรู้สึกอึดอัดมากและฝืนตอบไปว่า “ฉันไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้จริงๆ”
เมื่อเห็นดังนั้นจัวฉินจึงหัวเราะและพูดไปตามตรงว่า “ก็ได้ ไม่พูดถึงเรื่องสามีเธอ ถ้างั้นพูดถึงตัวเธอล่ะ วันนี้เดินทางมาที่กลุ่ม ChangShengของเรามีธุระอะไรหรือเปล่า?”
เมื่อได้ยินดังนี้เซี่ยม่อฮั่นจึงรีบเก็บความขมขื่นไว้ในใจแล้วหยิบเอกสารของบริษัทออกมาพูดกับจัวฉินว่า “นี่เป็นเอกสารของบริษัทเราฉันอยากจะแนะนำให้ทางกลุ่ม ChangShengทำความร่วมมือกับบริษัทตกแต่งของเรา” สำหรับเซี่ยม่อฮั่นแล้วจัวฉินเป็นความหวังสุดท้ายของเธอ ตำแหน่งหน้าที่การงานของจัวฉินในบริษัทนี้ไม่ธรรมดา อีกทั้งเธอเองก็มีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกัน เซี่ยม่อฮั่นจึงมีความหวังจริงๆว่าเธอจะช่วยตนได้
จัวฉินรับเอกสารจากมือเซี่ยม่อฮั่นไปแล้วเปิดดูคร่าวๆ จากนั้นพูดขึ้นว่า “เรื่องนี้น่าจะเป็นไปได้ยาก”
จัวฉินหยุดอยู่ชั่วครู่แล้วพูดต่อว่า “แต่ตัวฉันเองพอรู้จักกับผู้บริหารระดับสูงอยู่บ้าง จะลองไปถามให้นะ ก็ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้เสียทีเดียวหรอก”
เมื่อได้ยินดังนั้นเซี่ยม่อฮั่นรู้สึกซาบซึ้งใจมากพูดกับจัวฉินว่า “จัวฉิน เธอช่วยฉันเรื่องนี้ได้ใช่ไหม?”
จัวฉินหยิบแก้วกาแฟขึ้นมาดื่มแล้วพูดอย่างเลือดเย็นว่า “ให้ฉันช่วยเธอก็ได้ ขอร้องฉันสิ”
เซี่ยม่อฮั่นได้ยินดังนั้นเธอตกตะลึงมาก เนื่องจากตอนที่เรียนด้วยกันนั้นจัวฉินดีกับตนเองในทุกเรื่องทุกอย่าง เธอจะเป็นคนคอยช่วยเหลือเสมอ และในบางครั้งเธอยังเอ่ยชื่นชมตนเอง แต่บัดนี้จัวฉินเปลี่ยนไปแล้ว เธอมีตำแหน่งหน้าที่การงานสูง เซี่ยม่อฮั่นเองต้องเงยหน้ามอง
ในใจเซี่ยม่อฮั่นตอนนี้รู้สึกแย่มาก แต่เนื่องจากสถานการณ์ค่อนข้างคับขัน เธอจำเป็นต้องทำยอดให้ได้และจำเป็นต้องให้จัวฉินช่วยเหลือ ดังนั้นการขอร้องจัวฉินเธอคงต้องตกลง เธอสงบสติอารมณ์ชั่วครู่จากนั้นหันไปทางจัวฉินพูดจากใจจริงว่า “จัวฉิน ความร่วมมือในครั้งนี้สำคัญต่อฉันมาก ขอให้เธอเห็นแก่ฐานะเพื่อนที่เรียนมาร่วมกัน ช่วยฉันหน่อยฉันขอร้องล่ะ”
เมื่อจัวฉินฟังจบ ภายในใจเธอยิ้มระรื่นและมองมาทางเซี่ยม่อฮั่น ตอนนี้เธอได้ยืนอยู่เหนือเซี่ยม่อฮั่นแล้ว รู้สึกสะใจเสียจริงๆ
จัวฉิน วันนี้เธอได้แก้แค้นทั้งหมดแล้ว!
หลังจากยิ้มอยู่ในใจสักครู่ จัวฉินสีหน้าเปลี่ยนไป เธอเอามือตบลงที่โต๊ะเสียงดังแล้วลุกขึ้นพูดกับเซี่ยม่อฮั่นเสียงดังว่า “เซี่ยม่อฮั่น ฉันเห็นแก่ความเป็นเพื่อนฉันจึงให้เธอเข้ามา คิดไม่ถึงว่าเธอจะมาดูถูกฉัน ให้ฉันช่วยติดสินบนอย่างนี้ เธอคิดว่าฉันเป็นคนอย่างไร?”
จัวฉินตะคอกขึ้นมาเหมือนเสียงฟ้าผ่า ในขณะนั้นภายในห้องโถงมีพนักงานอยู่จำนวนมาก พวกเขาหันหลังมามอง
เพียงชั่วพริบตา เซี่ยม่อฮั่นเองเกิดอาการงุนงงมาก เธอคิดไม่ถึงว่าจัวฉินจะเปลี่ยนไปได้รวดเร็วขนาดนี้ เธอจึงพูดขึ้นว่า “จัวฉิน หมายความว่ายังไงกัน?”
จัวฉินหยิบเอกสารของบริษัทอันฉีเล่อขึ้นมาแล้วพูดว่า “หมายความว่ายังไงหรือ? บริษัทตกแต่งภายในเล็กๆของเธอกล้าเข้ามาขอความร่วมมือกับบริษัทใหญ่แบบกลุ่ม ChangShengเช่นนี้ และยังจะให้ฉันช่วยติดสินบนให้ เธอกำลังคิดอะไรอยู่ ไม่รู้หรือยังไงว่ากลุ่ม ChangShengของพวกเรา มีทีมงานตกแต่งภายในอยู่ บริษัทของพวกเธอมีคุณสมบัติพอที่จะร่วมมือกับพวกเรางั้นหรือ?”
เมื่อพูดจบจัวฉินก็เขวี้ยงข้อมูลของบริษัทเซี่ยม่อฮั่นทิ้งลง
เซี่ยม่อฮั่นกัดฟันกรอดด้วยความโกรธ
พนักงานบริษัทที่ยืนอยู่ในห้อง เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็รวมกันพูดขึ้นมาว่า “พวกเธอดูสิ ผู้หญิงคนนั้นเป็นพวกที่อยากใช้ความสัมพันธ์ของคนในบริษัทเพื่อประโยชน์ส่วนตัว”
“นั่นน่ะสิ ทำไมถึงไม่รู้จักความสามารถของตัวเองบ้าง กลุ่ม ChangShengไม่ใช่ที่ที่บริษัทเล็กๆจะมาทำความร่วมมือได้หรอกนะ”
“แล้วยังจะมายัดใต้โต๊ะกับหัวหน้าแผนกอีก ไม่รู้จักอับอายบ้างหรือยังไง?”
เมื่อทุกคนรอบข้างหัวเราะเยาะใส่เช่นนี้เซี่ยม่อฮั่นจึงถอดใจ เธออับอายมากและผิดหวังมากเช่นกัน ถึงในตอนนี้แล้วต่อให้เซี่ยม่อฮั่นจะโง่สักเพียงใดเธอก็เข้าใจว่าจัวฉินเองคับแค้นใจที่ไม่สามารถเอาชนะเธอมาได้โดยตลอดเวลาที่ผ่านมา การที่เธอให้ตนเข้ามานั้นเพียงแค่ต้องการดูถูก
มิตรภาพสี่ปีที่อยู่ร่วมกันมา แท้จริงแล้วไม่มีอะไรเหลืออยู่เลย
เธอมองคนผิดไปจริงๆ
เซี่ยม่อฮั่นเจ็บใจเป็นที่สุด
เธอค่อยๆเก็บเอกสารของบริษัทขึ้นมาจากพื้น ลุกขึ้นและพูดว่า “เธอไม่ช่วยฉันก็ได้ แต่กรุณาอย่าดูถูกฉันแบบนี้การที่เธอทำเช่นนี้มันเกินไปจริงๆ”
จัวฉินพูดกลับไปว่า “ตอนนี้ฉันรู้แล้วว่าทำไมเธอถึงได้แต่งงานกับคนบ้าอย่างอู๋ไป๋ซุย ก็เพราะตัวเธอเองมันก็บ้า ไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง เธอไม่ควรมาขอร้องให้ฉันช่วยเหลือด้วยซ้ำไม่รู้หรือยังไงว่ากลุ่ม ChangShengเรามีมาตรการที่เด็ดขาด ต่อให้เป็นแค่เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของเราก็มีความรู้มากกว่าเธออีกด้วยซ้ำ”
คำพูดของจัวฉินเช่นนี้ ทำให้คนรอบข้างเกิดความฮือฮาขึ้นมาว่า “สามีบ้า อู๋ไป๋ซุย หรือว่านี่คือคุณหนูตระกูลเซี่ย? ฉันก็ว่าทำไมรู้สึกคุ้นหน้าจังเลย เป็นเธอนี่เอง เธอคือเซี่ยม่อฮั่นที่แต่งงานกับคนบ้านั่นไง”
“รูปร่างหน้าตาก็สวยดีทำไมถึงคิดไม่ตกแบบนี้นะ”
“สมองเธอเองก็คงไม่ปกติสักเท่าไหร่ ไม่อย่างนั้นจะมาขอความร่วมมือกับกลุ่ม ChangShengเหรอ คิดดูซิว่าบ้าหรือเปล่า?”
คำพูดเหล่านั้นเป็นเสมือนน้ำแข็งทิ่มแทงดวงใจเธอ และน้ำแข็งเรานั้นทุบลงมาที่หัวของเธอจนแทบจะมึนหมดสติ รู้สึกแย่มากๆและดวงตาในตอนนี้เริ่มเปลี่ยนเป็นสีแดง น้ำตาแทบจะกลั้นไว้ไม่อยู่ แต่เธอต้องอดทนเอาไว้เพื่อไม่ให้อับอายไปมากกว่านี้เธอจะต้องรักษาศักดิ์ศรีของเธอไว้ จึงพูดด้วยเสียงสั่นคลอนกับจัวฉินว่า “ฉันอยากทำความร่วมมือกับกลุ่ม ChangSheng ฉันไม่รู้จักที่ต่ำที่สูง แต่ฉันไม่ได้ต้องการติดสินบน เธอจะมากล่าวอ้างอย่างนี้ไม่ได้”
จัวฉินเพียงแค่อยากให้เซี่ยม่อฮั่นอับอายต่อหน้าสาธารณชน เธอต้องการเหยียบผู้หญิงคนนี้ให้จมดิน และให้ทุกๆคนเห็นว่าจัวฉินนั้นดีกว่าเซี่ยม่อฮั่นสักเพียงใด และตอนนี้จุดมุ่งหมายของเธอสำเร็จแล้ว เธอไม่จำเป็นต้องเสียเวลาพูดเปล่ากับเซี่ยม่อฮั่น จึงตะโกนออกไปว่า “เจ้าหน้าที่มาเอาตัวผู้หญิงบ้าคนนี้ออกไป”
และในทันใดนั้นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองคน ก็วิ่งเข้ามา
เซี่ยม่อฮั่นตกใจจนตัวสั่น เธอรู้สึกว่าเจ็บยิ่งกว่าโดนมีดแทงไปที่ดวงใจ เมื่อมองเห็นเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยทั้งสองคนวิ่งมาทางเธอ เธอก็หมดหวังมาก
แต่ในขณะที่เจ้าหน้าที่ทั้งสองกำลังจะมาลากตัวเซี่ยม่อฮั่นออกไปนั้น ก็ได้ยินเสียงเสียงหนึ่งดังขึ้นว่า “หยุด”
เพียงคำเดียวแต่ช่างมีอำนาจมากนัก ทุกทุกคนในที่นั้นล้วนหันไปมอง
เห็นเพียงชายวัยกลางคนท่าทางสุขุมคนหนึ่งเดินเข้ามา
เขาก็คือผู้อำนวยการฝ่ายทรัพยากรบุคคลของบริษัท กัวหรง
เมื่อเห็นกัวหรงเดินมา ทุกๆคนก็ต่างมีต้อนรับว่า “ผู้อำนวยการกัว”
จัวฉินเมื่อเห็นดังนั้นก็รีบเดินหน้าออกไปทำความเคารพ ในแผนกทรัพยากรบุคคล กัวหรงมีหน้าที่ตำแหน่งดีสูงกว่าเธอ เขาเป็นหัวหน้าของจัวฉินและจัวฉินสามารถเลื่อนตำแหน่งขึ้นมาได้ก็ไม่พ้นความช่วยเหลือของกัวหรง ดังนั้นจัวฉินจึงให้ความเคารพต่อกัวหรงมาก เมื่อเธอเดินมาอยู่ต่อหน้ากัวหรง จึงได้เอ่ยขึ้นว่า “ท่านผู้อำนวยการกัวคะ มาได้อย่างไรกัน?”
กังหรงมองดูจัวฉินแล้วพูดว่า “คุณโดนไล่ออก”
เพียงคำพูดประโยคเดียวแต่ช่างมีเนื้อหาหนักแน่นหนัก
ทุกๆคนในที่นั้นล้วนๆมองกันอย่างงงงวย
จัวฉินเหมือนโดนสายฟ้าฟาดลงมา เธอพูดตะกุกตะกักว่า “ท่านผู้อำนวยการกัวคะ นี่คุณล้อฉันเล่นใช่ไหม?”
กัวหรงพูดว่า “ใครล้อคุณเล่นกัน รีบไปเก็บของแล้วออกไปจากบริษัทนี้เถอะ”
กัวหรงตอบกลับโดยไม่เกรงใจ
จัวฉินตกใจจนพูดอะไรไม่ถูก ในตอนนี้เธอรู้สึกต่ำต้อยถูกดูถูกและดี จิตใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เธอไม่เชื่อในสิ่งที่ตัวเองได้ยิน
ส่วนคนอื่นก็เช่นเดียวกัน
กัวหรงเดินผ่านจัวฉินตรงมาที่เซี่ยม่อฮั่นและ ทำสัญลักษณ์มือแสดงว่าเชิญจากนั้นพูดออกมาว่า “สวัสดีครับ คุณหนูเซี่ย ต้องการทำความร่วมมือกับเราใช่ไหม เชิญตามผมมา”
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.webreadapp.com All rights reserved