ตอนที่ 6 หย่ากันเถอะ
by หนอนหนังสือที่ถูกข้าศึกยึดไป
17:05,Oct 21,2020
บ่ายสามโมงครึ่ง ณ คฤหาสน์อันหรูหรา
อู๋ไป๋ซุยนั่งเงียบนิ่งอยู่บนโซฟา โดยมีหลี่ฉางเซิงยืนปฏิบัติรับใช้อยู่ข้างๆ
“ว่ามา สืบหาข้อมูลได้อะไรมาบ้าง” อู๋ไป๋ซุยถาม
หลี่ฉางเซิงตอบตามความเป็นจริง “จากผลการสืบ พบว่าเมื่อสามปีก่อน คุณเซี่ยกวงเหยานั้นป่วยหนักและนอนอยู่บนเตียงไม่ได้ลุกขึ้นมาอีก เขาไม่เคยออกจากเมืองซีหยวนแม้แต่ครั้งเดียว แต่ว่าตอนนี้ที่เมืองเยี่ยนจิง บรรดาผู้เป็นใหญ่ทั้งหลายทุกคนคิดว่าคุณได้เสียชีวิตไปแล้ว เรื่องที่คุณถูกช่วยเอาไว้เป็นเรื่องที่ทุกคนคาดไม่ถึง บ้านตระกูลเซี่ยเอง สำหรับเมืองซีหยวนแล้วนั้นก็เป็นเพียงตระกูลที่ไม่ได้มีชื่อเสียง เซี่ยกวงเหยาไม่ได้มีความสามารถถึงขนาดที่จะทำให้ทุกคนรับรู้เรื่องของคุณที่ถูกช่วยไว้ได้”
หลี่ฉางเซิงพูดออกมา คำพูดเหล่านี้เหมือนกับไม่ได้พูด อู๋ไป๋ซุยพูดด้วยความไม่พอใจว่า “อย่าบอกนะว่า วันนี้ทั้งวันคุณสืบหาอะไรไม่เจอเลย”
หลี่ฉางเซิงรีบพูดขึ้นว่า “ไม่ครับ ยังมีข้อมูลอื่นอีก จากการค้นหาพบว่าเซี่ยกวงเหยาก่อนหน้านี้ตอนที่ยังเป็นหนุ่ม เขาเคยเป็นทหารในเมืองเยี่ยนจิงมาหลายปี ผมจึงคิดว่าอาจจะเป็นคนเก่าแก่ในเมืองเยี่ยนจิงที่รู้จักกับเซี่ยกวงเหยาช่วยเหลือคุณไว้ จากนั้นได้ทำการปลอมแปลงเอกสารของคุณให้มาอยู่ในเมืองซีหยวนและจัดส่งมาที่บ้านตระกูลเซี่ย”
เซี่ยกวงเหยาเคยเป็นทหารที่เมืองเยี่ยนจิงนั้นหรือ!
เมื่อได้ยินคำพูดนี้อู๋ไป๋ซุยค่อยๆคิดและเหมือนเขาคงนึกอะไรบางอย่างออก
เขานิ่งเงียบไปชั่วครู่จากนั้นค่อยๆพูดขึ้นว่า “ถ้าหากผมเดาไม่ผิด คนที่ช่วยผมคงเป็นคนในบ้านตระกูลอู๋คนนั้นแน่ๆ”
หลี่ฉางเซิงใจเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ จากที่เขาดูแล้ว การที่จะช่วยชีวิตอู๋ไป๋ซุยจากการถูกวางยาพิษและยังสามารถปิดบังทุกคน รวมถึงพาอู๋ไป๋ซุยมาที่เมืองซีหยวนนี้ได้ คนๆนี้ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน หลี่ฉางเซิงไม่สามารถเก็บความสงสัยไว้ในใจได้จึงออกถามออกไปว่า “ใครกันครับ!”
อู๋ไป๋ซุยจ้องมองไปที่เขาแล้วพูดว่า “เรื่องบางเรื่อง รู้ไปก็ไม่มีผลดี”
หลี่ฉางเซิงรีบก้มหัวแล้วพูดว่า “ครับ”
แววตาของอู๋ไป๋ซุยนั้นค่อยๆมืดลง ถึงแม้คนที่ช่วยตนเองไว้เขาจะพอเดาออก แต่ทำไมเขาจึงต้องช่วยกัน อีกอย่างอู๋เทียน ลูกนอกสมรสที่ไม่มีประโยชน์คนหนึ่ง สามารถยืมมือคนอื่นมาทำเรื่องเช่นนี้ได้ อีกทั้งยังสามารถเอาชนะคุณลุงใหญ่และครอบครองบ้านตระกูลอู๋ไว้ได้ เรื่องนี้อู๋ไป๋ซุยยังคิดไม่ตก
อู๋เทียนมีวัตถุประสงค์แอบแฝง ในส่วนนี้อู๋ไป๋ซุยรู้มาตั้งนานแล้ว แต่เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดอู๋เทียนจึงมีความสามารถเช่นนี้
เขาเก็บไว้ได้ลึกมากจริงๆ
เมื่อเห็นอู๋ไป๋ซุยนิ่งเงียบไม่พูดสิ่งใดออกมา หลี่ฉางเซิงก็อดไม่ได้จึงถามไปว่า “คุณชายสามครับ มีอะไรที่ต้องให้ผมไปหาเพิ่มเติมไหม!”
อู๋ไป๋ซุยพูดว่า “ไม่ต้อง”
เพราะเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้เป็นเรื่องภายในบ้านตระกูลอู๋ หลี่ฉางเซิงถึงแม้จะเป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งของมณฑลเจียงตง แต่เขาไม่มีความสามารถเข้าถึงภายในบ้านตระกูลอู๋ได้
หลี่ฉางเซิงพยักหน้า จากนั้นเขาหยิบบัตรธนาคารสีดำจากกระเป๋าออกมา นี่คือบัตร VIPของธนาคารเจียงตง บัตรเช่นนี้มีไว้สำหรับ แสดงฐานะตัวตน ภายในบัตรอย่างน้อยมีไม่ต่ำกว่า 100 ล้าน
หลี่ฉางเซิงยื่นบัตรธนาคารไปให้อู๋ไป๋ซุยด้วยมือทั้งสองข้างแล้วพูดว่า “นี่คือบัตรธนาคารที่ให้ผมไปทำเมื่อวานเรียบร้อยแล้วครับ”
อู๋ไป๋ซุยคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด จากเล็กเขาก็ไม่เคยขาดแคลนเงินทอง เขาไม่เคยนำเงินมาคิดเล็กคิดน้อย ในสายตาของเขานั้นเงินก็เป็นเพียงแค่ตัวเลขเท่านั้น
แต่ในตอนนี้หลังจาก หายจากความจำเสื่อม อู๋ไป๋ซุยจึงได้รู้ว่าที่จริงแล้วเงินก็มีความหมาย มันสามารถเปลี่ยนแปลงได้หลายเรื่อง
อย่างเช่นเขาสามารถช่วยเซี่ยม่อฮั่นได้
อู๋ไป๋ซุยยื่นมือไปรับบัตรธนาคารมาแล้วเก็บไว้ในกระเป๋า
“นี่คือโทรศัพท์ที่ผมจัดเตรียมเอาไว้ให้ เบอร์โทรผมล็อคเอาไว้ให้แล้ว ต่อไปนี้ถ้าหากว่าคุณชายสามมีเรื่องอะไร ก็สามารถติดต่อผมได้ตลอดเวลา” หลี่ฉางเซิงยื่นบัตรธนาคารให้เขาเรียบร้อย ก็หยิบโทรศัพท์ออกมาและส่งให้อู๋ไป๋ซุย
นี่คือโทรศัพท์ที่มีเพียงไม่กี่เครื่องบนโลก ราคากว่าหลายล้านบาท แต่โทรศัพท์มือถือเครื่องนี้มองจากภายนอกแล้วก็เหมือนโทรศัพท์ธรรมดาทั่วไปที่แสนจะไม่สะดุดตา
อู๋ไป๋ซุยรับโทรศัพท์ไป เมื่อเขามองดูเวลาก็พูดอย่างรีบร้อนว่า “ผมต้องไปแล้ว”
หลี่ฉางเซิงพูดขึ้นว่า “ผมไปส่งครับ”
อู๋ไป๋ซุยปฏิเสธกลับไปว่า “ไม่ต้อง”
เมื่อพูดจบเขาก็รีบเดินออกไป
อู๋ไป๋ซุยออกมาจากคฤหาสน์แล้วรีบตรงไปยังธนาคารเจียงตง
ธนาคารเจียงตงนั้นเป็นธนาคารประจำมณฑลของมณฑลเจียงตง แต่พัฒนาไปได้อย่างรวดเร็วจนปัจจุบันธนาคารเจียงตงได้มีสาขาไปทั่วประเทศ
เมื่อเข้าไปในธนาคารมีคนจำนวนมากกำลังรอทำธุรการอยู่
อู๋ไป๋ซุยไม่ได้เดินไปเข้าแถวรอ เขาเดินตรงไปยังห้อง VIP
เมื่อเดินไปถึงห้องรับแขกอู๋ไป๋ซุยก็เดินเข้าไป
“หากต้องการทำธุรกรรมกรุณาออกไปเข้าแถวข้างนอกนะคะ ในห้องนี้เข้ามาได้เฉพาะลูกค้า VIP เท่านั้น” พนักงานที่นั่งอยู่หน้าห้อง VIP พูดขึ้น เมื่อเห็นอู๋ไป๋ซุยเดินเข้ามา
อู๋ไป๋ซุยเดินมายังโต๊ะทำงาน แล้วหยิบบัตรธนาคารออกมาพูดว่า”เบิกเงิน 1 ล้าน”
บัตร VIP สีดำ Super High Class ทำให้พนักงานคนนั้นตะลึงไปชั่วขณะ
เซี่ยฉิงเรียนจบจากมหาลัยชื่อดัง เธอมีประสบการณ์ด้านการทำงานมาอย่างมากมาย ดังนั้นหลังจากเรียนจบไม่กี่ปีเธอก็สามารถเลื่อนขั้นได้อย่างรวดเร็ว
เธอเคยเจอคนมีเงินมากหน้าหลายตา แต่คนอย่างอู๋ไป๋ซุยเช่นนี้ตัวเองไม่เคยเห็น สภาพที่ดูมองไปแล้วชวนสงสาร สามารถหยิบบัตรใบนี้ออกมาจากกระเป๋าได้
บัตรเช่นนี้ในเมืองซีหยวนมีเพียงไม่กี่ใบเท่านั้น
หลังจากเซี่ยฉิงตกตะลึงอยู่ชั่วครู่ เธอก็รีบลุกขึ้นยืนแล้วยิ้มพูดกับอู๋ไป๋ซุยว่า “ได้ค่ะรอสักครู่”
เซี่ยฉิงทำงานได้อย่างรวดเร็ว ผ่านไปไม่กี่นาทีเธอก็จัดเตรียมเงินให้แก่อู๋ไป๋ซุยได้สำเร็จ จากนั้นจึงพูดกับอู๋ไป๋ซุยด้วยความเคารพว่า “คุณผู้ชายคะ ต้องขอโทษด้วยตอนนี้ธนาคารของเราไม่มีตู้เซฟนิรภัยสำหรับใส่เงินแล้ว ฉันกำลังให้คนไปจัดซื้อกรุณารอสักครู่ค่ะ”
อู๋ไป๋ซุยไม่อยากเสียเวลารอ จึงพูดว่า “ไม่ต้องไม่เป็นไรใส่ถุงอะไรมาให้ผมก็ได้”
เซี่ยฉิงพยักหน้าตอบรับว่า “ได้ค่ะ”
เพียงชั่วครู่ เซียฉิงก็นำถุงพลาสติกสีดำถือออกมา ภายในเป็นเงินจำนวนหนึ่งล้าน
เซี่ยฉิงเดินมาส่งอู๋ไป๋ซุยออกจากธนาคาร เมื่อมาถึงปากประตู เธอก็รีบหยิบนามบัตรยื่นให้อู๋ไป๋ซุย แล้วพูดว่า “คุณผู้ชายคะ นี่คือนามบัตรของดิฉัน หากต่อไปคุณผู้ชายต้องการมาทำธุรการที่นี่ สามารถโทรศัพท์หาฉันได้โดยตรง ดิฉันจะมาต้อนรับคุณเองค่ะ”
เซี่ยฉิงเป็นหญิงสาวที่รูปร่างหน้าตาสะสวย แต่อู๋ไป๋ซุยไม่ได้มองเธอแม้แต่ครั้งเดียว กระทั่งนามบัตรที่เธอให้มา ก็ไม่ได้รับไว้และเดินออกไปทันที
เซี่ยฉิงมองดูอู๋ไป๋ซุยที่เดินจากไปแล้วพูดว่า “ไม่โอ้อวด เรียบง่าย ฉันชอบ!”
อู๋ไป๋ซุยโบกรถแท็กซี่แล้วกลับบ้าน
หลังลงจากรถอู๋ไป๋ซุยเดินถือถุงพลาสติกเข้ามาในหมู่บ้าน
“นี่มันพี่เขยบ้าของฉันนี่” ไม่ต้องสงสัยว่าเป็นใคร เซี่ยจีวิ่งออกมาขวางทางไว้
เซี่ยม่อฮั่นและเซี่ยจีวิ่งอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน แต่เธออาศัยอยู่ที่นี่เพียงเพราะว่าจะทำงานได้สะดวก อาศัยอยู่ชั่วคราว ส่วนคนอื่นอาศัยอยู่ในคฤหาสน์
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรูปร่างหรือหน้าตาเซี่ยจีวิ่งก็ถือว่าอยู่ในระดับแนวหน้า อีกทั้งเธอยังมากความสามารถ เธอเรียนวาดรูปตั้งแต่เล็กและตอนนี้ก็นับว่าเป็นจิตรกรวาดรูปสาวที่มีชื่อเสียง
ในฐานะคุณหนูบ้านตระกูลเซี่ย เซี่ยจีวิ่งมีชื่อเสียงที่ดี แต่คนที่คุ้นเคยกับเธอจะรู้ว่า เธอเป็นผู้หญิงล้างผลาญ การที่จะเป็นเพื่อนกับเธอได้ต้องมีเงินเท่านั้น คนที่ไม่มีเงินไม่มีสิทธิ์จะมาเป็นเพื่อนเธอ สำหรับคนจนๆอย่างอู๋ไป๋ซุยนี้ เป็นประเภทที่เธอเกลียดมากที่สุด ดังนั้นเมื่อเธอเจอกับอู๋ไป๋ซุยเข้าจึงอดไม่ได้ที่จะดูถูกเขา
อู๋ไป๋ซุยไม่ได้สนใจเซี่ยจีวิ่ง พูดเพียงเบาๆว่า “ถอยไป”
เซี่ยจีวิ่งไม่ได้ถอยไปตามที่เขาพูด เธอมองไปยังถุงขยะสีดำในมืออู๋ไป๋ซุยแล้วขำหัวเราะว่า “เจ้าคนบ้านี่ไปเก็บขยะมาอีกแล้ว ไม่กลัวว่ากลับบ้านจะโดนด่าหรือไง”
เมื่อพูดถึงตรงนี้เซี่ยจีวิ่งคล้ายกับคิดอะไรบางอย่างออกจึงรีบตอบไปว่า “ฉันนึกออกแล้ว แกใกล้จะถูกตระกูลเวี่ยถีบหัวออกจากบ้านแล้วสินะ ต่อจากนี้ก็คงต้องเก็บขยะเลี้ยงชีพ”
เมื่อพูดจบเซี่ยจีวิ่งก็ดื่มชานมไข่มุกในมือของเธอ แล้วยื่นแก้วส่งให้อู๋ไป๋ซุยพูดว่า “ฉันให้ ไม่ต้องขอบคุณ”
อู๋ไป๋ซุยมองไปที่เซี่ยจีวิ่งแล้วเดินจากเธอไป
เวลาห้าโมง อู๋ไป๋ซุยเดินกลับไปถึงที่หน้าบ้านกำลังจะเปิดประตูเข้าไปก็ปรากฏว่าเซี่ยม่อฮั่นยืนอยู่ตรงนั้น
ดวงตาของเธอแดงทั้งสองข้าง มองมายังอู๋ไป๋ซุยและพูดด้วยเสียงอันหนักแน่นว่า “พวกเราหย่ากันเถอะ”
อู๋ไป๋ซุยนั่งเงียบนิ่งอยู่บนโซฟา โดยมีหลี่ฉางเซิงยืนปฏิบัติรับใช้อยู่ข้างๆ
“ว่ามา สืบหาข้อมูลได้อะไรมาบ้าง” อู๋ไป๋ซุยถาม
หลี่ฉางเซิงตอบตามความเป็นจริง “จากผลการสืบ พบว่าเมื่อสามปีก่อน คุณเซี่ยกวงเหยานั้นป่วยหนักและนอนอยู่บนเตียงไม่ได้ลุกขึ้นมาอีก เขาไม่เคยออกจากเมืองซีหยวนแม้แต่ครั้งเดียว แต่ว่าตอนนี้ที่เมืองเยี่ยนจิง บรรดาผู้เป็นใหญ่ทั้งหลายทุกคนคิดว่าคุณได้เสียชีวิตไปแล้ว เรื่องที่คุณถูกช่วยเอาไว้เป็นเรื่องที่ทุกคนคาดไม่ถึง บ้านตระกูลเซี่ยเอง สำหรับเมืองซีหยวนแล้วนั้นก็เป็นเพียงตระกูลที่ไม่ได้มีชื่อเสียง เซี่ยกวงเหยาไม่ได้มีความสามารถถึงขนาดที่จะทำให้ทุกคนรับรู้เรื่องของคุณที่ถูกช่วยไว้ได้”
หลี่ฉางเซิงพูดออกมา คำพูดเหล่านี้เหมือนกับไม่ได้พูด อู๋ไป๋ซุยพูดด้วยความไม่พอใจว่า “อย่าบอกนะว่า วันนี้ทั้งวันคุณสืบหาอะไรไม่เจอเลย”
หลี่ฉางเซิงรีบพูดขึ้นว่า “ไม่ครับ ยังมีข้อมูลอื่นอีก จากการค้นหาพบว่าเซี่ยกวงเหยาก่อนหน้านี้ตอนที่ยังเป็นหนุ่ม เขาเคยเป็นทหารในเมืองเยี่ยนจิงมาหลายปี ผมจึงคิดว่าอาจจะเป็นคนเก่าแก่ในเมืองเยี่ยนจิงที่รู้จักกับเซี่ยกวงเหยาช่วยเหลือคุณไว้ จากนั้นได้ทำการปลอมแปลงเอกสารของคุณให้มาอยู่ในเมืองซีหยวนและจัดส่งมาที่บ้านตระกูลเซี่ย”
เซี่ยกวงเหยาเคยเป็นทหารที่เมืองเยี่ยนจิงนั้นหรือ!
เมื่อได้ยินคำพูดนี้อู๋ไป๋ซุยค่อยๆคิดและเหมือนเขาคงนึกอะไรบางอย่างออก
เขานิ่งเงียบไปชั่วครู่จากนั้นค่อยๆพูดขึ้นว่า “ถ้าหากผมเดาไม่ผิด คนที่ช่วยผมคงเป็นคนในบ้านตระกูลอู๋คนนั้นแน่ๆ”
หลี่ฉางเซิงใจเขาเต้นไม่เป็นจังหวะ จากที่เขาดูแล้ว การที่จะช่วยชีวิตอู๋ไป๋ซุยจากการถูกวางยาพิษและยังสามารถปิดบังทุกคน รวมถึงพาอู๋ไป๋ซุยมาที่เมืองซีหยวนนี้ได้ คนๆนี้ต้องไม่ธรรมดาอย่างแน่นอน หลี่ฉางเซิงไม่สามารถเก็บความสงสัยไว้ในใจได้จึงออกถามออกไปว่า “ใครกันครับ!”
อู๋ไป๋ซุยจ้องมองไปที่เขาแล้วพูดว่า “เรื่องบางเรื่อง รู้ไปก็ไม่มีผลดี”
หลี่ฉางเซิงรีบก้มหัวแล้วพูดว่า “ครับ”
แววตาของอู๋ไป๋ซุยนั้นค่อยๆมืดลง ถึงแม้คนที่ช่วยตนเองไว้เขาจะพอเดาออก แต่ทำไมเขาจึงต้องช่วยกัน อีกอย่างอู๋เทียน ลูกนอกสมรสที่ไม่มีประโยชน์คนหนึ่ง สามารถยืมมือคนอื่นมาทำเรื่องเช่นนี้ได้ อีกทั้งยังสามารถเอาชนะคุณลุงใหญ่และครอบครองบ้านตระกูลอู๋ไว้ได้ เรื่องนี้อู๋ไป๋ซุยยังคิดไม่ตก
อู๋เทียนมีวัตถุประสงค์แอบแฝง ในส่วนนี้อู๋ไป๋ซุยรู้มาตั้งนานแล้ว แต่เขาไม่เข้าใจว่าเหตุใดอู๋เทียนจึงมีความสามารถเช่นนี้
เขาเก็บไว้ได้ลึกมากจริงๆ
เมื่อเห็นอู๋ไป๋ซุยนิ่งเงียบไม่พูดสิ่งใดออกมา หลี่ฉางเซิงก็อดไม่ได้จึงถามไปว่า “คุณชายสามครับ มีอะไรที่ต้องให้ผมไปหาเพิ่มเติมไหม!”
อู๋ไป๋ซุยพูดว่า “ไม่ต้อง”
เพราะเรื่องที่จะเกิดขึ้นต่อไปนี้เป็นเรื่องภายในบ้านตระกูลอู๋ หลี่ฉางเซิงถึงแม้จะเป็นเศรษฐีอันดับหนึ่งของมณฑลเจียงตง แต่เขาไม่มีความสามารถเข้าถึงภายในบ้านตระกูลอู๋ได้
หลี่ฉางเซิงพยักหน้า จากนั้นเขาหยิบบัตรธนาคารสีดำจากกระเป๋าออกมา นี่คือบัตร VIPของธนาคารเจียงตง บัตรเช่นนี้มีไว้สำหรับ แสดงฐานะตัวตน ภายในบัตรอย่างน้อยมีไม่ต่ำกว่า 100 ล้าน
หลี่ฉางเซิงยื่นบัตรธนาคารไปให้อู๋ไป๋ซุยด้วยมือทั้งสองข้างแล้วพูดว่า “นี่คือบัตรธนาคารที่ให้ผมไปทำเมื่อวานเรียบร้อยแล้วครับ”
อู๋ไป๋ซุยคาบช้อนเงินช้อนทองมาเกิด จากเล็กเขาก็ไม่เคยขาดแคลนเงินทอง เขาไม่เคยนำเงินมาคิดเล็กคิดน้อย ในสายตาของเขานั้นเงินก็เป็นเพียงแค่ตัวเลขเท่านั้น
แต่ในตอนนี้หลังจาก หายจากความจำเสื่อม อู๋ไป๋ซุยจึงได้รู้ว่าที่จริงแล้วเงินก็มีความหมาย มันสามารถเปลี่ยนแปลงได้หลายเรื่อง
อย่างเช่นเขาสามารถช่วยเซี่ยม่อฮั่นได้
อู๋ไป๋ซุยยื่นมือไปรับบัตรธนาคารมาแล้วเก็บไว้ในกระเป๋า
“นี่คือโทรศัพท์ที่ผมจัดเตรียมเอาไว้ให้ เบอร์โทรผมล็อคเอาไว้ให้แล้ว ต่อไปนี้ถ้าหากว่าคุณชายสามมีเรื่องอะไร ก็สามารถติดต่อผมได้ตลอดเวลา” หลี่ฉางเซิงยื่นบัตรธนาคารให้เขาเรียบร้อย ก็หยิบโทรศัพท์ออกมาและส่งให้อู๋ไป๋ซุย
นี่คือโทรศัพท์ที่มีเพียงไม่กี่เครื่องบนโลก ราคากว่าหลายล้านบาท แต่โทรศัพท์มือถือเครื่องนี้มองจากภายนอกแล้วก็เหมือนโทรศัพท์ธรรมดาทั่วไปที่แสนจะไม่สะดุดตา
อู๋ไป๋ซุยรับโทรศัพท์ไป เมื่อเขามองดูเวลาก็พูดอย่างรีบร้อนว่า “ผมต้องไปแล้ว”
หลี่ฉางเซิงพูดขึ้นว่า “ผมไปส่งครับ”
อู๋ไป๋ซุยปฏิเสธกลับไปว่า “ไม่ต้อง”
เมื่อพูดจบเขาก็รีบเดินออกไป
อู๋ไป๋ซุยออกมาจากคฤหาสน์แล้วรีบตรงไปยังธนาคารเจียงตง
ธนาคารเจียงตงนั้นเป็นธนาคารประจำมณฑลของมณฑลเจียงตง แต่พัฒนาไปได้อย่างรวดเร็วจนปัจจุบันธนาคารเจียงตงได้มีสาขาไปทั่วประเทศ
เมื่อเข้าไปในธนาคารมีคนจำนวนมากกำลังรอทำธุรการอยู่
อู๋ไป๋ซุยไม่ได้เดินไปเข้าแถวรอ เขาเดินตรงไปยังห้อง VIP
เมื่อเดินไปถึงห้องรับแขกอู๋ไป๋ซุยก็เดินเข้าไป
“หากต้องการทำธุรกรรมกรุณาออกไปเข้าแถวข้างนอกนะคะ ในห้องนี้เข้ามาได้เฉพาะลูกค้า VIP เท่านั้น” พนักงานที่นั่งอยู่หน้าห้อง VIP พูดขึ้น เมื่อเห็นอู๋ไป๋ซุยเดินเข้ามา
อู๋ไป๋ซุยเดินมายังโต๊ะทำงาน แล้วหยิบบัตรธนาคารออกมาพูดว่า”เบิกเงิน 1 ล้าน”
บัตร VIP สีดำ Super High Class ทำให้พนักงานคนนั้นตะลึงไปชั่วขณะ
เซี่ยฉิงเรียนจบจากมหาลัยชื่อดัง เธอมีประสบการณ์ด้านการทำงานมาอย่างมากมาย ดังนั้นหลังจากเรียนจบไม่กี่ปีเธอก็สามารถเลื่อนขั้นได้อย่างรวดเร็ว
เธอเคยเจอคนมีเงินมากหน้าหลายตา แต่คนอย่างอู๋ไป๋ซุยเช่นนี้ตัวเองไม่เคยเห็น สภาพที่ดูมองไปแล้วชวนสงสาร สามารถหยิบบัตรใบนี้ออกมาจากกระเป๋าได้
บัตรเช่นนี้ในเมืองซีหยวนมีเพียงไม่กี่ใบเท่านั้น
หลังจากเซี่ยฉิงตกตะลึงอยู่ชั่วครู่ เธอก็รีบลุกขึ้นยืนแล้วยิ้มพูดกับอู๋ไป๋ซุยว่า “ได้ค่ะรอสักครู่”
เซี่ยฉิงทำงานได้อย่างรวดเร็ว ผ่านไปไม่กี่นาทีเธอก็จัดเตรียมเงินให้แก่อู๋ไป๋ซุยได้สำเร็จ จากนั้นจึงพูดกับอู๋ไป๋ซุยด้วยความเคารพว่า “คุณผู้ชายคะ ต้องขอโทษด้วยตอนนี้ธนาคารของเราไม่มีตู้เซฟนิรภัยสำหรับใส่เงินแล้ว ฉันกำลังให้คนไปจัดซื้อกรุณารอสักครู่ค่ะ”
อู๋ไป๋ซุยไม่อยากเสียเวลารอ จึงพูดว่า “ไม่ต้องไม่เป็นไรใส่ถุงอะไรมาให้ผมก็ได้”
เซี่ยฉิงพยักหน้าตอบรับว่า “ได้ค่ะ”
เพียงชั่วครู่ เซียฉิงก็นำถุงพลาสติกสีดำถือออกมา ภายในเป็นเงินจำนวนหนึ่งล้าน
เซี่ยฉิงเดินมาส่งอู๋ไป๋ซุยออกจากธนาคาร เมื่อมาถึงปากประตู เธอก็รีบหยิบนามบัตรยื่นให้อู๋ไป๋ซุย แล้วพูดว่า “คุณผู้ชายคะ นี่คือนามบัตรของดิฉัน หากต่อไปคุณผู้ชายต้องการมาทำธุรการที่นี่ สามารถโทรศัพท์หาฉันได้โดยตรง ดิฉันจะมาต้อนรับคุณเองค่ะ”
เซี่ยฉิงเป็นหญิงสาวที่รูปร่างหน้าตาสะสวย แต่อู๋ไป๋ซุยไม่ได้มองเธอแม้แต่ครั้งเดียว กระทั่งนามบัตรที่เธอให้มา ก็ไม่ได้รับไว้และเดินออกไปทันที
เซี่ยฉิงมองดูอู๋ไป๋ซุยที่เดินจากไปแล้วพูดว่า “ไม่โอ้อวด เรียบง่าย ฉันชอบ!”
อู๋ไป๋ซุยโบกรถแท็กซี่แล้วกลับบ้าน
หลังลงจากรถอู๋ไป๋ซุยเดินถือถุงพลาสติกเข้ามาในหมู่บ้าน
“นี่มันพี่เขยบ้าของฉันนี่” ไม่ต้องสงสัยว่าเป็นใคร เซี่ยจีวิ่งออกมาขวางทางไว้
เซี่ยม่อฮั่นและเซี่ยจีวิ่งอาศัยอยู่ในหมู่บ้านเดียวกัน แต่เธออาศัยอยู่ที่นี่เพียงเพราะว่าจะทำงานได้สะดวก อาศัยอยู่ชั่วคราว ส่วนคนอื่นอาศัยอยู่ในคฤหาสน์
ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของรูปร่างหรือหน้าตาเซี่ยจีวิ่งก็ถือว่าอยู่ในระดับแนวหน้า อีกทั้งเธอยังมากความสามารถ เธอเรียนวาดรูปตั้งแต่เล็กและตอนนี้ก็นับว่าเป็นจิตรกรวาดรูปสาวที่มีชื่อเสียง
ในฐานะคุณหนูบ้านตระกูลเซี่ย เซี่ยจีวิ่งมีชื่อเสียงที่ดี แต่คนที่คุ้นเคยกับเธอจะรู้ว่า เธอเป็นผู้หญิงล้างผลาญ การที่จะเป็นเพื่อนกับเธอได้ต้องมีเงินเท่านั้น คนที่ไม่มีเงินไม่มีสิทธิ์จะมาเป็นเพื่อนเธอ สำหรับคนจนๆอย่างอู๋ไป๋ซุยนี้ เป็นประเภทที่เธอเกลียดมากที่สุด ดังนั้นเมื่อเธอเจอกับอู๋ไป๋ซุยเข้าจึงอดไม่ได้ที่จะดูถูกเขา
อู๋ไป๋ซุยไม่ได้สนใจเซี่ยจีวิ่ง พูดเพียงเบาๆว่า “ถอยไป”
เซี่ยจีวิ่งไม่ได้ถอยไปตามที่เขาพูด เธอมองไปยังถุงขยะสีดำในมืออู๋ไป๋ซุยแล้วขำหัวเราะว่า “เจ้าคนบ้านี่ไปเก็บขยะมาอีกแล้ว ไม่กลัวว่ากลับบ้านจะโดนด่าหรือไง”
เมื่อพูดถึงตรงนี้เซี่ยจีวิ่งคล้ายกับคิดอะไรบางอย่างออกจึงรีบตอบไปว่า “ฉันนึกออกแล้ว แกใกล้จะถูกตระกูลเวี่ยถีบหัวออกจากบ้านแล้วสินะ ต่อจากนี้ก็คงต้องเก็บขยะเลี้ยงชีพ”
เมื่อพูดจบเซี่ยจีวิ่งก็ดื่มชานมไข่มุกในมือของเธอ แล้วยื่นแก้วส่งให้อู๋ไป๋ซุยพูดว่า “ฉันให้ ไม่ต้องขอบคุณ”
อู๋ไป๋ซุยมองไปที่เซี่ยจีวิ่งแล้วเดินจากเธอไป
เวลาห้าโมง อู๋ไป๋ซุยเดินกลับไปถึงที่หน้าบ้านกำลังจะเปิดประตูเข้าไปก็ปรากฏว่าเซี่ยม่อฮั่นยืนอยู่ตรงนั้น
ดวงตาของเธอแดงทั้งสองข้าง มองมายังอู๋ไป๋ซุยและพูดด้วยเสียงอันหนักแน่นว่า “พวกเราหย่ากันเถอะ”
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.webreadapp.com All rights reserved