ตอนที่ 4 การเปลี่ยนเเปลงของตระกูล

เยี่ยนจิง บ้านตระกูลอู๋ ไม่เพียงแต่มีชื่อเสียงในประเทศ แต่ยังมีชื่อเสียงไปทั่วโลก ธุรกิจของพวกเขาแพร่หลายไปทั่วโลก

เพียงแค่ญาติห่างห่างของบ้านตระกูลอู๋ ก็มั่งคั่งร่ำรวยจนล้นฟ้า ดังนั้นเมื่อเขาหาข้อมูลเกี่ยวกับบ้านตระกูลอู๋จึงได้ปรากฏข่าวขึ้นมากมาย

แต่ข่าวพวกนี้ล้วนเป็นข่าวในด้านดีของบ้านตระกูลอู๋ เพื่อเอาอกเอาใจพวกเขาทั้งนั้น

อู๋ไป๋ซุยค้นหาอยู่นานจนกระทั่งเจอข่าวหนึ่งที่เขียนขึ้นเมื่อสามปีก่อน

ทายาทคนสำคัญผู้ลึกลับของตระกูลอู๋เสียชีวิตลงอย่างกะทันหัน และหลิวชิงเฉินทนความเจ็บปวดจากการสูญเสียลูกชายไปไม่ได้ จึงได้เสียชีวิตลงในเวลาต่อมา

หัวหน้าตระกูลอู๋ “อู๋ชิงตี” ประกาศว่าเขาจะก้าวลงจากตำแหน่งผู้สืบทอดตระกูล และจะอยู่เป็นเพื่อนกับภรรยาและลูกชายที่รักของเขา

อู๋เทียน บุตรนอกสมรสของอู๋ชิงตี ได้รับตำแหน่งสืบต่อตระกูล และกลายเป็นหางเสือที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของตระกูลอู่

ข่าวนี้มีตัวหนังสือไม่มากนักแต่อู๋ไป๋ซุยอ่านมันถึงครึ่งชั่วโมง ในดวงตาเขาทั้งสองก็เริ่มแดงและน้ำตาเริ่มเอ่อคลอ

ผ่านไปเวลานานเขาถึงได้ถอนหายใจแล้วพูดเบาๆว่า “อู๋เทียน เป็นแกจริงๆสินะ”

หลังจากนั้นหนึ่งชั่วโมงอู๋ไป๋ซุยปิดคอมพิวเตอร์ เดินออกจากห้องหนังสือไปยังห้องนอน

เมื่อถึงเวลาเที่ยงอู๋ไป๋ซุยพึ่งตื่น เนื่องจากเขานอนไม่หลับทั้งคืนจึงทำให้ดวงตามีสีแดง เขาลุกขึ้นใส่เสื้อผ้าแล้วเดินไปยังห้องน้ำเพื่อล้างหน้าจากนั้นเดินออกจากห้องนอนไป

เมื่อออกจากห้องมาเขามองเห็นบนโต๊ะเต็มไปด้วยกับข้าวมากมาย อู๋ไป๋ซุยไม่ได้คิดมากเขาเดินมาที่โต๊ะหยิบตะเกียบและกินข้าว

เพิ่งจะกินไปได้คำเดียว หวางกุ้ยหลานก็วิ่งออกมาจากห้องครัว เธอเอามือปัดไปที่อู๋ไป๋ซุยจนตะเกียบตกลงสู่พื้นและด่าเขาว่า “ใครใช้ให้แกกิน ไสหัวไปเดี๋ยวนี้!”

ตะคอกเสร็จหวางกุ้ยหลานก็รีบพูดขึ้นกับชายหนุ่มที่นั่งอยู่บนโซฟาในห้องรับแขกด้วยความเกรงใจว่า “วังซี่ห่าวกับข้าวเสร็จแล้วรีบมากินข้าวเถอะจ้ะ”

จากนั้นก็ปรากฏชายหนุ่มรูปงามแต่งตัวด้วยชุดสูทสะอาดสะอ้านคนหนึ่งเดินเข้ามา

ชายผู้นี้ก็คือวังซี่ห่าว คุณชายบ้านตระกูลวัง

วังซี่ห่าวไม่ได้ปฏิบัติเหมือนตนเป็นคนอื่น เขาเดินมาแล้วนั่งลงที่โต๊ะหยิบจานและตะเกียบขึ้นก็ลงมือกินข้าว ปากชมหวางกุ้ยหลานไม่หยุดว่า “คุณป้าทำอาหารอร่อยจริงๆครับ”

หวางกุ้ยหลานดีใจพูดว่า “เป็นครอบครัวเดียวกันแท้ๆ ยังเรียกคุณป้าทำไม เรียกแม่สิ!”

วังซี่ห่าวพูดว่า “ผมกับม่อฮั่นยังไม่ได้แต่งงานกันเลยนะครับ”

ตลอดการสนทนาวังซี่ห่าวไม่ได้ชายตามามองอู๋ไป๋ซุยแม้แต่ครั้งเดียว ราวกับว่าเขาเป็นเพียงอากาศ

“ใกล้แล้ว ใกล้แล้ว สำหรับฉันนะลูกเขยก็คือเธอคนเดียวเท่านั้น เพียงแค่เซี่ยม่อฮั่นเลิกกับคนบ้าคนนี้ พวกเธอก็แต่งงานกันได้แล้ว” เมื่อพูดจบหวางกุ้ยหลานก็มองไปทางอู๋ไป๋ซุย

เมื่อมองเห็นอู๋ไป๋ซุยแสดงท่าทางโง่ๆเช่นนั้นเธอก็โมโหขึ้นมา และยื่นมือไปตบที่บ่าของอู๋ไป๋ซุยตะโกนด่าว่า “แกยังมานั่งซื่อบื้ออยู่ทำไม ออกไปซะเห็นแล้วรำคาญตา!”

อู๋ไป๋ซุยมองที่วังซี่ห่าวแล้วเดินไปนั่งบนโซฟาที่ห้องรับแขกโดยดี

อีกไม่นานเซี่ยม่อฮั่นก็เลิกงานกลับมาถึงบ้าน เมื่อเห็นวังซี่ห่าวเธอก็ขมวดคิ้วถามว่า “คุณมาที่บ้านฉันทำไมคะ!”

ไม่รอให้วังซี่ห่าวตอบกลับ หวางกุ้ยหลานก็รีบอธิบายขึ้นแทนว่า “แม่ให้เขามาเองแหละ” ที่จริงแล้ววังซี่ห่าวเดินทางมาด้วยตัวเองแต่หวางกุ้ยหลานต้องการปกป้องเขาเท่านั้น

เมื่อได้ยินคำตอบนี้เซี่ยม่อฮั่นก็ขมวดคิ้วไม่เข้าใจมากขึ้น เซี่ยม่อฮั่นไม่สนใจความรู้สึกของอู๋ไป๋ซุยเอาเสียเลยถึงแม้อู๋ไป๋ซุยจะเป็นคนบ้าก็จริงแต่เขาก็ถือว่าเป็นสามีของเธอ หวางกุ้ยหลานเชิญวังซี่ห่าวเข้ามากินข้าวถึงในบ้านนี่มันไม่ถูกต้องนัก

เซี่ยม่อฮั่นพูดอย่างไม่พอใจว่า “แม่คะ นี่แม่ทำอะไรอยู่?”

หวางกุ้ยหลานพูดตัดบทว่า “เอาเหอะ อย่าพูดเรื่องนี้อีกเลย มากินข้าวเร็ว” พูดจบหวางกุ้ยหลานก็ลากเก้าอี้ให้เซี่ยม่อฮั่นมานั่งข้างๆวังซี่ห่าว เธอกำลังทำทุกวิถีทางให้เซี่ยม่อฮั่นแต่งงานกับวังซี่ห่าวให้ได้

เซี่ยม่อฮั่นมองไปทางอู๋ไป๋ซุยด้วยสายตาอึดอัดใจแล้วพูดว่า “คุณคะ มากินด้วยกันสิคะ”

หวางกุ้ยหลานโกหกว่า “เจ้าคนบ้านนี้กินแล้วไม่ต้องไปสนใจเขา”

เซี่ยม่อฮั่นนั่งลงวังซี่ห่าวหยิบกล่องของขวัญออกมาเปิดออกแล้วยื่นให้เซี่ยม่อฮั่นพูดว่า “ม่อฮั่นครับ นี่เป็นของขวัญในการพบกันที่ผมมอบให้คุณ”

ภายในกล่องเป็นนาฬิกาข้อมือแบรนด์เนมราคากว่า 2 แสน

แม้ว่าเซี่ยม่อฮั่นจะไม่มีเงินซื้อ แต่เธอก็รู้ดีว่านาฬิกานี้ราคาแพงลิบลับ เธอจึงปฏิเสธอย่างไม่ต้องคิด “ของมีค่าขนาดนี้ฉันรับไว้ไม่ได้หรอกค่ะ” เธอเองก็เป็นผู้หญิง ของหรูหราอยู่ต่อหน้าเธอเช่นนี้ก็มีความรู้สึกอยากได้ แต่สิ่งนี้เป็นของที่วังซี่ห่าวให้เธอ เธอรับไว้ไม่ได้เด็ดขาด

เมื่อหวางกุ้ยหลานได้ยินก็ไม่พอใจ เธอยื่นมือไปรับของแทนเซี่ยม่อฮั่นแล้วกล่าวว่า “นี่เป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆของวังซี่ห่าว ถ้าลูกไม่เอาแม่เอาไว้เองก็ได้”

เซี่ยม่อฮั่นทำตัวไม่ถูก “แม่คะ คืนเขาไปเดี๋ยวนี้!”

หวางกุ้ยหลานปฏิเสธว่า “ลูกเขยเอาของขวัญมาให้ถึงที่บ้าน ทำไมแม่จะรับไว้ไม่ได้ล่ะ” หวางกุ้ยหลานเป็นคนขี้เหนียว ของที่ได้มาแล้วเธอจะปล่อยให้หลุดมือไปไม่ได้

ขณะที่เซี่ยม่อฮั่นเหมือนกำลังจะพูดอะไรออกมา วังซี่ห่าวก็พูดออกมาก่อนว่า “ไม่เป็นไรครับ นี่ไม่ได้แพงมาก”

เซี่ยม่อฮั่นพูดอย่างจริงจังว่า “สำหรับคุณแล้วมันอาจไม่แพง แต่สำหรับฉันมันไม่ใช่”

วังซี่ห่าวมองดูเซี่ยม่อฮั่นก็เข้าใจดีว่าเธอยังปิดกั้นเขาอยู่จึงได้รีบอธิบายว่า “ม่อฮั่นครับผมรู้ดี ว่าคุณรังเกียจที่ก่อนหน้านี้ผมไม่ทำการทำงานและดื่มเหล้าเมามายไปวันๆ จึงทำให้คุณปฏิเสธผมตลอดมา แต่ตอนนี้ผมแก้ไขปรับปรุงตัวแล้วและตลอดสามปีที่ผ่านมา ผมตั้งหน้าตั้งตาทำงานอย่างจริงจังที่บริษัท ตอนนี้ผมเองก็พยายามเป็นอย่างมาก ถ้าคุณแต่งงานกับผม ผมรับรองว่าจะทำให้คุณมีความสุขอย่างแน่นอน”

“ดูสิวังซี่ห่าวช่างเป็นคนดีเสียจริงๆ ถ้าเปรียบเทียบกับคนบ้าแถวนี้แล้วดีกว่าเป็นหมื่นเป็นแสนเท่า” หวางกุ้ยหลานพูดสนับสนุนอยู่ข้างๆ

วังซี่ห่าวเปลี่ยนแปลงตัวเองไปแล้วจริงๆเซี่ยม่อฮั่นเองก็รู้สึกได้ เขาไม่เหมือนเมื่อก่อน วังซี่ห่าวเมื่อก่อนนั้นเป็นคนชอบเล่นไปเรื่อย ไม่จริงจังกับชีวิต คำว่าผู้หญิงสำหรับเขาก็เป็นเพียงแค่ของเล่น แต่ในตอนนี้วังซี่ห่าวเปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัดเขาดูมีมารยาทและให้เกียรติทุกคนมากกว่าเดิมหลายเท่า ซึ่งการกระทำของวังซี่ห่าวเช่นนี้ก็ไม่ได้น่ารังเกียจนัก

ตอนนี้กริยาที่เซี่ยม่อฮั่นมีต่อวังซี่ห่าวไม่ได้แข็งกระด้างเหมือนเมื่อครู่ พวกเขากินข้าวและพูดเริ่มพูดคุยกัน

อู๋ไป๋ซุยที่นั่งอยู่บนโซฟา ถูกพวกเขากีดกันออกมาไว้ข้างนอก ราวกับว่าในบ้านนั้นพวกเขาสามคนเป็นครอบครัวเดียวกัน

เมื่อวานนี้อู๋ไป๋ซุยเองคิดว่าถึงแม้สุดท้ายเซี่ยม่อฮั่นตัดสินใจหย่ากับเขา เขาเองก็คงรับได้ อย่างไรเสียเขาและเซี่ยม่อฮั่นก็เป็นเพียงสามีภรรยากันในนามเท่านั้น

ตัวเขาเองก็เป็นเพียงเพราะว่าความจำเสื่อมจึงได้แต่งงานกับเซี่ยม่อฮั่น แต่ตอนนี้เขาเห็นเซี่ยม่อฮั่นคุยกับวังซี่ห่าวอย่างสนิทสนมต่อหน้าเขา ภายในใจก็รู้สึกอิจฉาขึ้นมา ทำให้ไม่มีความสุขนัก

หลังจากพวกเขาทั้งสามกินข้าวเสร็จ โทรทัศน์ที่เปิดอยู่ในห้องรับแขกก็ปรากฏภาพนักข่าวเข้าสัมภาษณ์วังซี่ห่าวขึ้น

เมื่อหวางกุ้ยหลานได้ยินเสียงวังซี่ห่าวมาจากทีวีก็หันรีบหันมามอง เมื่อเห็นวังซี่ห่าวอยู่ในทีวี 33ก็แววตาเป็นประกาย เธอถามอย่างตื่นเต้นว่า “วังซี่ห่าวคนในโทรทัศน์นี้คือเธอใช่ไหม!”

ที่จริงวังซี่ห่าวได้จัดการวางแผนมาอย่างดี เขาตั้งใจเดินทางมาที่บ้านเซี่ยม่อฮั่นในวันนี้ และตั้งใจจัดการเปิดโทรทัศน์ช่องที่ทำการถ่ายทอดเขา เพื่อรอโอกาสนี้โดยตรง

เมื่อฟังคำพูดของหวางกุ้ยหลานแล้ว วังซี่ห่าวก็ค่อยๆลุกขึ้นแล้วเดินมา เขามองไปที่โทรทัศน์และพูดอย่างชัดๆว่า “อ๋อใช่ครับ เมื่อวานนี้กลุ่ม ChangShengเข้ามาสัมภาษณ์ผม”

กลุ่ม ChangSheng!

เมื่อหวางกุ้ยหลานได้ยินชื่อนี้ก็แทบจะเป็นลม เพราะนี่คือบริษัทที่มีชื่อเสียงสูงสุดของประเทศ และที่สำคัญสำนักงานใหญ่ของกลุ่ม ChangShengนั้นก็อยู่ในเมืองนี้ ประธานกรรมการของบริษัทก็คือหลี่ฉางเซิง เป็นเศรษฐีอันดับ 1 ของมณฑลเจียงตง

ดวงตาของหวางกุ้ยหลานเบิกกว้าง เธอตกใจและถามวังซี่ห่าวว่า “บริษัทของเธอกำลังทำความร่วมมือกับกลุ่ม ChangSheng!”

วังซี่ห่าวตอบอย่างถ่อมตนว่า “ใช่ครับ กลุ่ม ChangShengกำลังให้ความสำคัญกับโครงการพัฒนาเมืองซีหยวน ท่านประธานหลี่จะเดินทางมาที่ซีหยวนดูงานด้วยตัวเอง เมื่อวานนี้ผมเองยังได้กลับจับมือกับเขาอยู่เลย”

สำหรับตระกูลทั่วไปแล้วนั้น หลี่ฉางเซิงเป็นบุคคลปริศนาลึกลับที่พวกเขาไม่อาจเข้าถึง บุคคลเช่นนี้หากได้มีโอกาสเห็นเพียงสักครั้งก็คงเป็นบุญตามาก แต่วังซี่ห่าวได้จับมือกับเขา เห็นได้ชัดว่าวังซี่ห่าวนั้นมีหน้าที่ตำแหน่งการงานที่สูงพอควร

วังซี่ห่าวในตอนนี้ทำให้เซี่ยม่อฮั่นมองเขาเปลี่ยนไปจริงๆ

และขณะเดียวกันด้านในโทรทัศน์ก็ปรากฏหลี่ฉางเซิงขึ้น เมื่อเขาปรากฏตัวนักข่าวก็พากันรุมเข้าไปขอสัมภาษณ์

หวางกุ้ยหลานจ้องมองไปที่หลี่ฉางเซิงตาไม่กะพริบ แม้แต่เซี่ยม่อฮั่นเองก็เดินมาเพื่อดู การที่วังซี่ห่าวพูดยกย่องหลี่ฉางเซิงให้แก่สองแม่ลูกฟัง ก็เพื่อต้องการใช้หลี่ฉางเซิงให้เป็นประโยชน์

ในตอนนี้วังซี่ห่าวเต็มไปด้วยความภาคภูมิใจ

และไม่มีใครได้ทันสังเกตเห็น เมื่ออู๋ไป๋ซุยมองเห็นหลี่ฉางเซิงในทีวี สายตาของเขาเปลี่ยนไปในทันที

ในขณะที่วังซี่ห่าวกำลังพูดเกี่ยวกับเรื่องราวของเขาอยู่นั้น อู๋ไป๋ซุยก็ลุกขึ้นแล้วเดินออกไปข้างนอก

“คุณ จะไปไหนคะ!” เมื่อเห็นอู๋ไป๋ซุยจะเดินไป เซี่ยม่อฮั่นจึงถามขึ้น

อู๋ไป๋ซุยตอบกลับมาว่า “ออกไปเดินเล่นสักหน่อย”

เมื่อเขากำลังจะเดินออกไปข้างนอกหวางกุ้ยหลานก็ตะโกนด้วยเสียงแหบตามหลังมาว่า “แกอย่าทำเรื่องกลับมาอีกละ”

อู๋ไป๋ซุยไม่ได้สนใจ เขาเดินตรงออกไป เมื่อออกมาจากตึกเขามุ่งหน้าเดินออกไปจากหมู่บ้าน

เพิ่งเดินออกมาจากหมู่บ้านไม่ไกลนัก ก็มีรถยนต์หรูคันหนึ่งขับตรงมาขวางทางของอู๋ไป๋ซุยเอาไว้

รถนั้นหยุดขึ้นวังซี่ห่าวก้าวลงมาจากรถ เขายืนอยู่ต่อหน้าอู๋ไป๋ซุยแล้วพูดว่า “ได้ยินว่าแกฟังภาษาคนออก ถ้าอย่างนั้นฉันขอบอกแกตรงนี้ว่า เซี่ยม่อฮั่นเป็นผู้หญิงของฉัน แกอย่าคิดว่าจะมายื้อเธอเอาไว้ได้ ไปทำการหย่ากับเธอซะ ได้ยินไหม!”

คำพูดและกิริยาของวังซี่ห่าวนั้นไม่มีความเกรงอกเกรงใจ คล้ายกับเขาคิดว่าตนเองเป็นผู้ยิ่งใหญ่ หลายปีมานี้ตัวเขาอยากได้ผู้หญิงแบบไหนก็ไม่ใช่ปัญหา แต่สำหรับเซี่ยม่อฮั่นนั้นไม่เหมือนกัน เขาจีบเธอไม่ติดเสียที ไม่สามารถเอาชนะใจของเธอได้ ทำให้เขารู้สึกรำคาญยิ่งนัก

เพื่อที่จะได้เซี่ยม่อฮั่นมาไว้ในครอบครอง เขาเองก็รุ่นคิดอย่างมาก เหตุการณ์ทุกอย่างที่เกิดขึ้น 2!3 วันนี้ล้วนอยู่ในแผนการของเขาทั้งสิ้น เขาคิดว่าเรื่องราวทุกอย่างกำลังเป็นไปตามแผนที่วางไว้ ขอเพียงเซี่ยม่อฮั่นหย่ากับอู๋ไป๋ซุย เซี่ยม่อฮั่นก็จะตกเป็นของเขาอย่างแน่นอน

“ไปให้พ้นซะ!”

อู๋ไป๋ซุยไม่ชอบวังซี่ห่าว เขาเกลียดมากๆและไม่ต้องการที่จะพูดด้วยแม้แต่ประโยคเดียว จึงได้ตอบกลับไปสั้นๆ

ตอนที่อยู่บ้านเซี่ยม่อฮั่น วังซี่ห่าวแกล้งทำเป็นสุภาพบุรุษเรียบร้อย แต่สำหรับต่อหน้าคนบ้าอย่างอู๋ไป๋ซุยแล้วนั้นเขาไม่จำเป็นที่จะต้องแกล้งปฏิบัติ เขาได้เผยตัวตนที่แท้จริงออกมา ชี้หน้าด่า11ว่า “แกต้องไปหย่าซะ ถ้าแกไม่เชื่อฟังคำสั่งของฉันละก็ ฉันจะหักขาแกทิ้งและให้แกไปเป็นขอทานข้างถนน!”

“พลั่ก!!!”

วังซี่ห่าวยังไม่ทันพูดจบ ขาของอู๋ไป๋ซุยก็ถีบออกไปอย่างแรง

เพียงแค่ขาเดียว เขาก็สามารถทำให้วังซี่ห่าวที่ดูโอ้อวดนั้นลอยไปชนเข้ากับฝากระโปรงรถ

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

395