บทที่ 3 รอยขีดข่วน
by หัวมันลู
12:22,Dec 19,2020
วันรุ่งขึ้นซูเจิ้งมาเรียกให้ซูเฉินไปกินอาหารเช้า
ชุดชั้นในที่เขาใช้เมื่อคืนยังคงอยู่ใต้หมอนและมันก็ยังเลอะไปด้วยสิ่งนั้น เมื่อเขาเห็นซูเจิ้งหัวใจของเขาก็เต้นเร็วขึ้นทันที ยิ่งนึกถึงเรื่องเมื่อคืนเขาก็รู้สึกผิดอย่างมาก
“ ทำไมหน้าซีเซียวแบบนั้นล่ะ เมื่อคืนไม่ได้นอนเหรอ?” ซูเจิ้งถามอย่างห่วงใย
"เปล่าครับ พี่ไปกินข้าวก่อนเถอะ ผมจะพับผ้าห่ม แปรงฟันเสร็จแล้วผมจะตามไป" ซูเฉินกล่าว
"โอเค!" ซูเจิ้งไม่ได้คิดอะไร เขาหันหลังและออกจากห้องไป
ซูเฉินถอนหายใจอย่างโล่งอก พับผ้าห่มและเอามือกดหมอนด้วยความรู้สึกผิดก่อนจะไปกินข้าว
ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าเขาจะไม่รู้สึกอะไรเวลาโกหกลูกพี่ลูกน้องของเขา แต่สุดท้ายเมื่อมานั่งที่โต๊ะอาหารเมื่อซูเฉินเห็นดวงตาของหลิวอี้อี้ หัวใจก็วูบหายไปอีกครั้ง!
"โธ่ กางเกงในพี่สะใภ้หายไปเสียได้ ไม่ต้องสงสัยว่าเธอรู้ว่าฉันจะเอามันไปทำอะไร" ซูเฉินรู้สึกกังวล
เขาขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก้มหัวลงเพื่อปอกไข่ และในขณะเดียวกันก็ใช้หางตาของเขาเพื่อแอบดูปฏิกิริยาของหลิวอี้อี้อย่างประหม่า
หลิวอี้อี้ดูปกติดี เธอยังคงเคี้ยวอาหารในปากโดยไม่สนใจซูเฉิน
"น่าอายจัง... " ซูเฉินโล่งใจ เขากลัวจริงๆว่าหลิวอี้อี้จะถามกับเขาตรงๆ
เพราะต้องรีบไปทำงาน ซูเจิ้งจึงรีบกินข้าว เขาไม่เห็นปฏิกิริยาที่แปลกไปชองซูเฉินเลย หลังจากจัดการอาหารเช้าอย่างรวดเร็ว ซูเจิ้งก็หยิบกระเป๋าเอกสารของเขาขึ้นและพูดว่า "ที่รัก ซูเฉิน กินต่อไปเถอะ , ฉันขอตัวไปทำงานก่อน! "
"ระมัดระวังตัวด้วยนะคะ" หลิวอี้อี้พูดเตือนเบาๆ
ซูเฉินรีบพูดว่า "ดูแลตัวเองด้วยนะพี่"
"เข้าใจแล้ว ฮ่าฮ่า" ซูเจิ้งยิ้มกว้างแล้วรีบผลักประตูออกไป เมื่อเร็ว ๆ นี้บริษัทได้รับคำสั่งซื้อจำนวนมากและลูกค้าก็กำลังเร่งกดดันให้งานสำเร็จ เฮ้อ!
หลังจากซูเจิ้งจากไปหลิวอี้อี้และซูเฉินก็กินอาหารเช้าต่อไป แต่สักพักบรรยากาศก็น่าอึดอัน ไม่มีใครพูดและไม่มีใครรู้ว่าควรพูดอะไร
หลังจากกินอาหารเช้าอย่างน่าอึดอัดซูเฉินกำลังจะเก็บจานทำความสะอาด
"ส่งมาให้ฉัน" หลิวอี้อี้ คว้าชุดอาหารจากมือของซูเฉิน และมือเล็ก ๆ ก็เลื่อนไปที่ฝ่ามือของซูเฉินโดยไม่ได้ตั้งใจ
หัวใจของซูเฉินหวั่นไหวเล็กน้อย แต่เขาไม่กล้าพูดอะไรมาก
ในไม่ช้า หลิวอี้อี้ก็หยิบชามและตะเกียบไปที่ห้องครัว เธอเปิดก๊อกน้ำพร้อมฮัมเพลงเบา ๆ กก่อนล้างชามด้วยมือทั้งสองข้าง
อาจเป็นเพราะเธอขยับมือเคลื่อนไหวตลอดเวลา หรืออาจเป็นเพราะร่างกายของหลิวอี้อี้นั้นพลิ้วไหวเบา ๆ ตามจังหวะที่เธอฮัมเพลงเล็ก ๆ สั้น ๆ ฉากนี้ดึงดูดสายตาของซูเฉินมาก
เขาจ้องไปที่บั้นท้ายงามของหลิวอี้อี้ แม้มองจากด้านหลังก็ช่างได้สัดส่วนสวยงาม
รูปร่างของหลิวอี้อี้ดีมาก เธอสูง1.67 เมตร เอวบางคอดและขาเรียวยาว ร่างกายที่น่าดึงดูดนั้นเทียบได้กับนางแบบมืออาชีพเลยทีเดียว
เมื่อเห็นหลิวอี้อี้ฮัมเพลงพร้อมส่ายสะโพกไปมา ซูเฉินสงบใจไม่ได้อีกต่อไป
เมื่อนึกถึงฉากที่หอมหวานเมื่อคืน ซูเฉินก็เห็นเป็นภาพหลิวอี้อี้โบกมือให้เขา
“อืม” ซูเฉินกลืนน้ำลายลงคอ เขาเดินไปที่ห้องครัวโดยไม่รู้ตัว
หลิวอี้อี้ยังคงล้างจานอยู่ เธอไม่ได้สังเกตว่าซูเฉินเข้ามาหา เธอฮัมเพลงเล็กน้อยและล้างฟองที่ติดอยู่บนชามให้สะอาด
"พี่สะใภ้" ทันใดนั้นซูเฉินก็ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลัง พร้อมกับพ่นลมหายใจร้อนรดลงบนหูของเธอจนทำให้รู้สึกจั๊กจี๊
"อ๊ะ?" หลิวอี้อี้ผงะด้วยความตกใจ ชามในมือของเธอตกลงไปในอ่างทันทีและแตกเป็นสองเสี่ยง
ซูเฉินไม่สนใจมัน เดิมทีเขาเป็นชายหนุ่มที่ใจร้อน เขาได้เริ่มก้าวแรกไปแล้ว แล้วจะสนใจผลที่ตามมาทำไม? เขาใช้ประโยชน์จากความตกใจของหลิวอี้อี้โดยการกอดเธอและเริ่มจูบเธอ
เมื่อถูกกอดและจูบอย่างกระทันหัน อารามตกใจหลิวอี้อี้ผลักซูเฉินออกไปโดยสัญชาตญาณ พร้อมคว้าคอของซูเฉินอย่างแรง ความเจ็บปวดทำให้ซูเฉินรู้สึกตัวในทันที
"พี่สะใภ้ พี่ ผมขอโทษ ... " ซูเฉินไม่คาดคิดว่าหลิวอี้อี้จะต่อต้านจะรุนแรงขนาดนี้
ชั่วขณะหนึ่งเขารู้สึกผิดอย่างร้ายกาจ ญาติผู้พี่ของเขาใจดีกับเขามามาก แต่ตอนนี้เขามีความคิดที่สกปรกกับพี่สะใภ้ของตัวเอง เขาช่างไร้ยางอายอะไรเช่นนี้!
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ซูเฉินก็ตบหน้าตัวเองดังฉาดและพูดว่า "ผมขอโทษ พี่สะใภ้ ผมไม่ ... "
หลิวอี้อี้เมื่อเห็นซูเฉินตบหน้าตัวเองอย่างแรง ก่อนหน้านี้เธอกำลังตกใจก็ตกใจ เมื่อเห็นว่าซู่่เฉินยังคงขอโทษขอโพยอยู่เธอรีบคว้าข้อมือของซูเฉินแล้วพูดว่า: "เด็กโง่ นายบ้าไปแล้วเหรอ จะตบหน้าตัวเองแรงๆไปทำไม!”
เมื่อพูดจบหลิวอี้อี้ก็เริ่มเป่าลมเบา ๆ
มีกลิ่นหอมออกมาและซูเฉินรู้สึกเพียงว่า เธอกำลังปลอบโยนเขา ทำให้หัวใจของเขาก็ยุ่งเหยิงอีกครั้ง พี่สะใภ้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตัวเขาเลย นี่คือจุดที่ซูเฉินเจ็บปวดมากที่สุด เขาไม่สามารถลืมได้ว่าสายตาของเธอเป็นอย่างไรเมื่อเธอล้มลงกับพื้นด้วยร่างเปลือยเปล่า และไม่สามารถลืมได้ว่าเธอส่งเสียงร้องอย่างไรเมื่อเขาจับเท้าของเธอไป ทั้งน้ำเสียงและรูปลักษณ์ยังชัดเจน
ภาพลวงตาแบบนี้ช่างบั่นทอนจิตใจ เขากำลังคิดว่าถ้าพี่สะใภ้ไม่ชอบหรือเกลียดเขาไปเลยก็คงจะดี ความคิดไม่ซื่อของเขาอาจจะถูกตัดออกไป
หลิวอี้อี้ไม่ได้คิดมากเหมือนกับซูเฉิน เด็กน้อยคนนี้อาศัยอยู่ในบ้านของเธอเป็นเวลาครึ่งภาคเรียนแล้ว ในฐานะลูกคนเดียว เธอปรารถนาที่จะมีน้องชายหรือน้องสาวอยู่เสมอ สำหรับซูเฉินเธออยากจะปฏิบัติกันเขาเหมือนน้องชาย
ส่วนเรื่องพฤติกรรมอันหยาบคายของซูเฉิน หลิวอี้อี้รู้สึกโกรธอยู่เหมือนกัน แต่ในใจลึกๆ เธอมีความสุขเล็กน้อย แม้ว่ามันจะรู้สึกขัดแย้งกันก็ตาม แต่ก็ถือเป็นเรื่องทางจิตวิทยาที่ปกติ เช่นเดียวกับผู้หญิงในชุดเซ็กซี่ พวกเขาเกลียดสถานที่ซึ่งผู้ชายจ้องมองตัวเองแบบแทะโลม ในทางกลับกันพวกหล่อนกลับต้องการให้ผู้ชายทุกคนจ้องมองตัวเองและชื่นชมความงามของพวกหล่อน
หลิวอี้อี้ เป่าอีกสองสามครั้ง เธอมองไปที่รอยข่วนบนคอของซูเฉินและหน้าแดงเล็กน้อย: “ ฉันจะทาครีมให้นาย พี่ชายของนายจะกลับมาตอนกลางคืน ถ้าเขาจะเห็นรอยที่คอของนายฉันจะอธิบายกับเขายังไง... "
เมื่อเห็นว่าหลิวอี้อี้ไม่ได้ต้องการเปิดเผยสิ่งที่เขาทำลงไป ซูเฉินก็ไม่รู้สึกประหม่าอายอีกต่อไป เขายิ้มและพูดว่า "แค่บอกว่าผมเผลอเกามันเอง"
"นี่ไม่ใช่รอบของการเกาแน่ๆ อย่าพูดมากนักเลย รีบไปเอายามาทา" หลิวอี้อี้กล่าวอย่างเป็นห่วง
เมื่อได้ยินเช่นนี้ซูเฉินก็รีบไปหาครีมในกล่องยาและหลิวอี้อี้ก็รีบล้างชามและทำความสะอาด
หลังจากพบยาหม่องแล้ว หลิวอี้อี้ก็ให้ซูเฉินนั่งบนโซฟา เธอก้มตัวทายาหม่องด้วยปลายนิ้วของเธอ โดยลูบเบา ๆ ที่รอยขีดข่วนบนคอของซูเฉิน
เหตุผลที่เธอรู้สึกต่อต้านอย่างมากเป็นเพราะสัญชาตญาณเธอล้วนๆ ที่จริงแล้วเธอไม่ได้นึกรังเกลียดซูเฉินเลย
เธอกำลังคิดว่า จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเจ้าเด็กหนุ่มคนนี้ต้องการสานต่อกับสิ่งที่เขาเริ่มไว้?
หลิวอี้อี้ ไม่กล้าคิดถึงเรื่องนี้อีกต่อไป แก้มของเธอเริ่มแดงและร้อนผ่าว ...
ชุดชั้นในที่เขาใช้เมื่อคืนยังคงอยู่ใต้หมอนและมันก็ยังเลอะไปด้วยสิ่งนั้น เมื่อเขาเห็นซูเจิ้งหัวใจของเขาก็เต้นเร็วขึ้นทันที ยิ่งนึกถึงเรื่องเมื่อคืนเขาก็รู้สึกผิดอย่างมาก
“ ทำไมหน้าซีเซียวแบบนั้นล่ะ เมื่อคืนไม่ได้นอนเหรอ?” ซูเจิ้งถามอย่างห่วงใย
"เปล่าครับ พี่ไปกินข้าวก่อนเถอะ ผมจะพับผ้าห่ม แปรงฟันเสร็จแล้วผมจะตามไป" ซูเฉินกล่าว
"โอเค!" ซูเจิ้งไม่ได้คิดอะไร เขาหันหลังและออกจากห้องไป
ซูเฉินถอนหายใจอย่างโล่งอก พับผ้าห่มและเอามือกดหมอนด้วยความรู้สึกผิดก่อนจะไปกินข้าว
ก่อนหน้านี้เขาคิดว่าเขาจะไม่รู้สึกอะไรเวลาโกหกลูกพี่ลูกน้องของเขา แต่สุดท้ายเมื่อมานั่งที่โต๊ะอาหารเมื่อซูเฉินเห็นดวงตาของหลิวอี้อี้ หัวใจก็วูบหายไปอีกครั้ง!
"โธ่ กางเกงในพี่สะใภ้หายไปเสียได้ ไม่ต้องสงสัยว่าเธอรู้ว่าฉันจะเอามันไปทำอะไร" ซูเฉินรู้สึกกังวล
เขาขมวดคิ้วโดยไม่รู้ตัว จากนั้นก้มหัวลงเพื่อปอกไข่ และในขณะเดียวกันก็ใช้หางตาของเขาเพื่อแอบดูปฏิกิริยาของหลิวอี้อี้อย่างประหม่า
หลิวอี้อี้ดูปกติดี เธอยังคงเคี้ยวอาหารในปากโดยไม่สนใจซูเฉิน
"น่าอายจัง... " ซูเฉินโล่งใจ เขากลัวจริงๆว่าหลิวอี้อี้จะถามกับเขาตรงๆ
เพราะต้องรีบไปทำงาน ซูเจิ้งจึงรีบกินข้าว เขาไม่เห็นปฏิกิริยาที่แปลกไปชองซูเฉินเลย หลังจากจัดการอาหารเช้าอย่างรวดเร็ว ซูเจิ้งก็หยิบกระเป๋าเอกสารของเขาขึ้นและพูดว่า "ที่รัก ซูเฉิน กินต่อไปเถอะ , ฉันขอตัวไปทำงานก่อน! "
"ระมัดระวังตัวด้วยนะคะ" หลิวอี้อี้พูดเตือนเบาๆ
ซูเฉินรีบพูดว่า "ดูแลตัวเองด้วยนะพี่"
"เข้าใจแล้ว ฮ่าฮ่า" ซูเจิ้งยิ้มกว้างแล้วรีบผลักประตูออกไป เมื่อเร็ว ๆ นี้บริษัทได้รับคำสั่งซื้อจำนวนมากและลูกค้าก็กำลังเร่งกดดันให้งานสำเร็จ เฮ้อ!
หลังจากซูเจิ้งจากไปหลิวอี้อี้และซูเฉินก็กินอาหารเช้าต่อไป แต่สักพักบรรยากาศก็น่าอึดอัน ไม่มีใครพูดและไม่มีใครรู้ว่าควรพูดอะไร
หลังจากกินอาหารเช้าอย่างน่าอึดอัดซูเฉินกำลังจะเก็บจานทำความสะอาด
"ส่งมาให้ฉัน" หลิวอี้อี้ คว้าชุดอาหารจากมือของซูเฉิน และมือเล็ก ๆ ก็เลื่อนไปที่ฝ่ามือของซูเฉินโดยไม่ได้ตั้งใจ
หัวใจของซูเฉินหวั่นไหวเล็กน้อย แต่เขาไม่กล้าพูดอะไรมาก
ในไม่ช้า หลิวอี้อี้ก็หยิบชามและตะเกียบไปที่ห้องครัว เธอเปิดก๊อกน้ำพร้อมฮัมเพลงเบา ๆ กก่อนล้างชามด้วยมือทั้งสองข้าง
อาจเป็นเพราะเธอขยับมือเคลื่อนไหวตลอดเวลา หรืออาจเป็นเพราะร่างกายของหลิวอี้อี้นั้นพลิ้วไหวเบา ๆ ตามจังหวะที่เธอฮัมเพลงเล็ก ๆ สั้น ๆ ฉากนี้ดึงดูดสายตาของซูเฉินมาก
เขาจ้องไปที่บั้นท้ายงามของหลิวอี้อี้ แม้มองจากด้านหลังก็ช่างได้สัดส่วนสวยงาม
รูปร่างของหลิวอี้อี้ดีมาก เธอสูง1.67 เมตร เอวบางคอดและขาเรียวยาว ร่างกายที่น่าดึงดูดนั้นเทียบได้กับนางแบบมืออาชีพเลยทีเดียว
เมื่อเห็นหลิวอี้อี้ฮัมเพลงพร้อมส่ายสะโพกไปมา ซูเฉินสงบใจไม่ได้อีกต่อไป
เมื่อนึกถึงฉากที่หอมหวานเมื่อคืน ซูเฉินก็เห็นเป็นภาพหลิวอี้อี้โบกมือให้เขา
“อืม” ซูเฉินกลืนน้ำลายลงคอ เขาเดินไปที่ห้องครัวโดยไม่รู้ตัว
หลิวอี้อี้ยังคงล้างจานอยู่ เธอไม่ได้สังเกตว่าซูเฉินเข้ามาหา เธอฮัมเพลงเล็กน้อยและล้างฟองที่ติดอยู่บนชามให้สะอาด
"พี่สะใภ้" ทันใดนั้นซูเฉินก็ปรากฏตัวขึ้นที่ด้านหลัง พร้อมกับพ่นลมหายใจร้อนรดลงบนหูของเธอจนทำให้รู้สึกจั๊กจี๊
"อ๊ะ?" หลิวอี้อี้ผงะด้วยความตกใจ ชามในมือของเธอตกลงไปในอ่างทันทีและแตกเป็นสองเสี่ยง
ซูเฉินไม่สนใจมัน เดิมทีเขาเป็นชายหนุ่มที่ใจร้อน เขาได้เริ่มก้าวแรกไปแล้ว แล้วจะสนใจผลที่ตามมาทำไม? เขาใช้ประโยชน์จากความตกใจของหลิวอี้อี้โดยการกอดเธอและเริ่มจูบเธอ
เมื่อถูกกอดและจูบอย่างกระทันหัน อารามตกใจหลิวอี้อี้ผลักซูเฉินออกไปโดยสัญชาตญาณ พร้อมคว้าคอของซูเฉินอย่างแรง ความเจ็บปวดทำให้ซูเฉินรู้สึกตัวในทันที
"พี่สะใภ้ พี่ ผมขอโทษ ... " ซูเฉินไม่คาดคิดว่าหลิวอี้อี้จะต่อต้านจะรุนแรงขนาดนี้
ชั่วขณะหนึ่งเขารู้สึกผิดอย่างร้ายกาจ ญาติผู้พี่ของเขาใจดีกับเขามามาก แต่ตอนนี้เขามีความคิดที่สกปรกกับพี่สะใภ้ของตัวเอง เขาช่างไร้ยางอายอะไรเช่นนี้!
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ซูเฉินก็ตบหน้าตัวเองดังฉาดและพูดว่า "ผมขอโทษ พี่สะใภ้ ผมไม่ ... "
หลิวอี้อี้เมื่อเห็นซูเฉินตบหน้าตัวเองอย่างแรง ก่อนหน้านี้เธอกำลังตกใจก็ตกใจ เมื่อเห็นว่าซู่่เฉินยังคงขอโทษขอโพยอยู่เธอรีบคว้าข้อมือของซูเฉินแล้วพูดว่า: "เด็กโง่ นายบ้าไปแล้วเหรอ จะตบหน้าตัวเองแรงๆไปทำไม!”
เมื่อพูดจบหลิวอี้อี้ก็เริ่มเป่าลมเบา ๆ
มีกลิ่นหอมออกมาและซูเฉินรู้สึกเพียงว่า เธอกำลังปลอบโยนเขา ทำให้หัวใจของเขาก็ยุ่งเหยิงอีกครั้ง พี่สะใภ้ไม่ได้เกี่ยวอะไรกับตัวเขาเลย นี่คือจุดที่ซูเฉินเจ็บปวดมากที่สุด เขาไม่สามารถลืมได้ว่าสายตาของเธอเป็นอย่างไรเมื่อเธอล้มลงกับพื้นด้วยร่างเปลือยเปล่า และไม่สามารถลืมได้ว่าเธอส่งเสียงร้องอย่างไรเมื่อเขาจับเท้าของเธอไป ทั้งน้ำเสียงและรูปลักษณ์ยังชัดเจน
ภาพลวงตาแบบนี้ช่างบั่นทอนจิตใจ เขากำลังคิดว่าถ้าพี่สะใภ้ไม่ชอบหรือเกลียดเขาไปเลยก็คงจะดี ความคิดไม่ซื่อของเขาอาจจะถูกตัดออกไป
หลิวอี้อี้ไม่ได้คิดมากเหมือนกับซูเฉิน เด็กน้อยคนนี้อาศัยอยู่ในบ้านของเธอเป็นเวลาครึ่งภาคเรียนแล้ว ในฐานะลูกคนเดียว เธอปรารถนาที่จะมีน้องชายหรือน้องสาวอยู่เสมอ สำหรับซูเฉินเธออยากจะปฏิบัติกันเขาเหมือนน้องชาย
ส่วนเรื่องพฤติกรรมอันหยาบคายของซูเฉิน หลิวอี้อี้รู้สึกโกรธอยู่เหมือนกัน แต่ในใจลึกๆ เธอมีความสุขเล็กน้อย แม้ว่ามันจะรู้สึกขัดแย้งกันก็ตาม แต่ก็ถือเป็นเรื่องทางจิตวิทยาที่ปกติ เช่นเดียวกับผู้หญิงในชุดเซ็กซี่ พวกเขาเกลียดสถานที่ซึ่งผู้ชายจ้องมองตัวเองแบบแทะโลม ในทางกลับกันพวกหล่อนกลับต้องการให้ผู้ชายทุกคนจ้องมองตัวเองและชื่นชมความงามของพวกหล่อน
หลิวอี้อี้ เป่าอีกสองสามครั้ง เธอมองไปที่รอยข่วนบนคอของซูเฉินและหน้าแดงเล็กน้อย: “ ฉันจะทาครีมให้นาย พี่ชายของนายจะกลับมาตอนกลางคืน ถ้าเขาจะเห็นรอยที่คอของนายฉันจะอธิบายกับเขายังไง... "
เมื่อเห็นว่าหลิวอี้อี้ไม่ได้ต้องการเปิดเผยสิ่งที่เขาทำลงไป ซูเฉินก็ไม่รู้สึกประหม่าอายอีกต่อไป เขายิ้มและพูดว่า "แค่บอกว่าผมเผลอเกามันเอง"
"นี่ไม่ใช่รอบของการเกาแน่ๆ อย่าพูดมากนักเลย รีบไปเอายามาทา" หลิวอี้อี้กล่าวอย่างเป็นห่วง
เมื่อได้ยินเช่นนี้ซูเฉินก็รีบไปหาครีมในกล่องยาและหลิวอี้อี้ก็รีบล้างชามและทำความสะอาด
หลังจากพบยาหม่องแล้ว หลิวอี้อี้ก็ให้ซูเฉินนั่งบนโซฟา เธอก้มตัวทายาหม่องด้วยปลายนิ้วของเธอ โดยลูบเบา ๆ ที่รอยขีดข่วนบนคอของซูเฉิน
เหตุผลที่เธอรู้สึกต่อต้านอย่างมากเป็นเพราะสัญชาตญาณเธอล้วนๆ ที่จริงแล้วเธอไม่ได้นึกรังเกลียดซูเฉินเลย
เธอกำลังคิดว่า จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเจ้าเด็กหนุ่มคนนี้ต้องการสานต่อกับสิ่งที่เขาเริ่มไว้?
หลิวอี้อี้ ไม่กล้าคิดถึงเรื่องนี้อีกต่อไป แก้มของเธอเริ่มแดงและร้อนผ่าว ...
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.webreadapp.com All rights reserved