บทที่ 8 ฟางเส้นสุดท้าย
by ชวนฟงซื่อลี่
12:16,Dec 30,2020
ฉันไม่รู้ว่าฉันมาถึงโรงพยาบาลได้อย่างไร ตอนนี้ฉันยืนอยู่นอกห้องผ่าตัดรู้สึกหนาวสั่นไปทั้งตัว
ญาติของฉันในโลกนี้เหลือเพียงยายและพี่ชายของฉัน ยายเลี้ยงเรามาตั้งแต่เล็กจนโต ฉันยังไม่ได้ทดแทนคุณทำให้ยายได้สุขสบายเลย หากว่าเธอเจอกับอุบัติเหตุที่คาดคิดไม่ถึง....
ฉันไม่อยากจะคิดอีกต่อไป ในเวลานี้ไฟในห้องผ่าตัดหรี่ลง ฉันรีบวิ่งไปหาหมอและถามหมอ "หมอคะ ฉันเป็นญาติของคนไข้ ยายของฉันเป็นอย่างไรบ้าง?"
หมอถอดหน้ากากและมองฉัน "คุณยายของคุณได้รับการช่วยเหลือแล้ว แต่คราวนี้เธอเป็นลมและหมอได้พบว่าเธอเป็นโรคเส้นเลือดในสมองตีบ จำเป็นที่จะต้องผ่าตัด!"
ฉันตกตะลึงและรีบถามหมอ "งั้นหมอรีบช่วยวางแผนผ่าตัดยายให้หน่อย ค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดประมาณเท่าไหร่ ฉันจะพยายามรวบรวมเงิน!"
"อาการอาจรุนแรงขึ้น ฉันแนะนำให้คุณเตรียมเงินไว้สามแสนขึ้นไป อย่างไรก็ตามคุณยายของคุณอายุมากแล้ว ภายหลังอาจจะต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว"
เมื่อได้ยินคำว่า สามแสน ตัวฉันแข็งทื่อราวกับคนโง่
ฉันเรียนจบได้เพียงสามปี เงินเก็บเพียงก้อนเดียวฉันก็ได้ใช้ไปกับการซื้อห้องหอกับถันฮ่าวอวี่ไปแล้ว ตอนนี้ไม่ต้องพูดเงินถึงสามแสนเลย เพียงแค่สามหมื่นก็หาไม่ได้
"ซูยุ่น?"
จู่ๆลู่จือสิงที่อยู่ด้านข้างก็เรียกฉัน ฉันก็หันหน้าไปมองเขา ฉันพยายามเก็บอารมณ์ของตัวเองให้คงที่ "ประธานลู่มีอะไรหรือเปล่า?"
"รับไปสิ"
ฉันมองไปที่เช็คที่เขายื่นให้ฉัน ฉันรู้สึกอัดอึดใจอย่างบอกไม่ถูก ฉันมองไปยังใบหน้าที่แสนจะเย็นชาของเขา "ไม่ต้องรบกวนประธานลู่หรอก ฉันสามารถแก้ไขมันได้ด้วยตัวฉันเอง หากว่าประธานลู่ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว รบกวนประธานลู่กลับไปเถอะ"
เมื่อเขาได้ยินเช่นนั้นสีหน้าของเขาก็หม่นหมองลงในทันที "นี่คุณกำลังไล่ให้ผมไป?"
"ประธานลู่เข้าใจผิดแล้ว โรงพยาบาลไม่ใช่บ้านของฉัน คุณอยากจะอยู่ก็อยู่เถอะ ฉันจะไปเฝ้ายายของฉัน"
พูดจบฉันก็ไม่ได้สนใจประธานลู่อีกต่อไป ฉันหมุนตัวและเดินตามเจ้าหน้าที่ออกมา
ฉันรู้ว่าฉันควรรับเช็คจากลู่จือสิง แต่ทันทีที่ฉันเห็นเช็ค ฉันก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงวันที่เขายื่นเช็คหนึ่งแสนให้กับฉัน
ด้วยความที่รักในศักดิ์ศรีฉันทำให้ไม่อาจรับไว้ได้ แม้ว่าฉันจะรู้ว่าเงินสามแสนนั่นจะเป็นจำนวนเงินที่สำคัญมากสำหรับฉัน
ก่อนที่จะเข้าไปในลิฟต์ ฉันอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองลู่จือสิง เขายังคงยืนอยู่เช่นนั้น เขามองมาที่ฉันด้วยสีหน้าที่คลุมเครือ
เมื่อสบสายตาเข้ากับดวงตาคู่นั้น ฉันก็ตื่นตระหนกและรีบละสายตา จากนั้นก็เดินเข้าไปภายในลิฟต์
ในช่วงสองวันที่ผ่านมานั้น ฉันเองก็โทรยืมเงินเพื่อนอยู่ตลอด แต่เงินที่ยืมมาได้นั้นเป็นเพียงเงินที่น้อยนิด ฉันถามเพื่อนหลายๆคน เงินที่ยืมมาได้นั้นยังไม่ถึงห้าหมื่นเลย
มีเพื่อนคนหนึ่งบอกฉันว่าพนักงานบริการที่ร้านเยสเซ่อนั้นได้เงินคืนละห้าพัน ฉันลังเลอยู่ชั่วครู่และได้ตัดสินใจลาออกจากงานและเข้าไปลองดูงานที่นั่น แต่เมื่อฉันได้มายืนอยู่ตรงหน้าร้านเยสเซ่อแล้วฉันกลับรู้สึกเสียใจ
ร้านเยสเซ่อคือคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในเมืองA มีคนมากมายที่อยู่ภายในนั้น เคยได้ยินว่ามีพนักงานบริการมากมายถูกข่มขืนและใช้ความรุนแรง แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครสามารถเอาเรื่องอะไรได้เลย
ในขณะที่ฉันหมุนตัวกลับและจะเดินออกไปนั้นก็มีโทรศัพท์จากพยาบาลโทรเข้ามาเตือนฉันว่ายายต้องได้รับการผ่าตัดโดยเร็วที่สุด ดังนั้นก็ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายโดยเร็วที่สุดเช่นกัน
ฉันไม่เคยหมดหวังขนาดนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันคิดว่าเงินเป็นสิ่งที่สำคัญ แต่ฉันไม่มีเงิน
ฉันไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร ความเจ็บปวดและความหดหู่ทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ฉันยืนอยู่ริมถนนครู่หนึ่ง และสุดท้ายก็ตัดสินใจที่จะไปโรงพยาบาลเพื่อไปหายาย
เมื่อมาถึงโรงพยาบาลฉันกลับพบว่ายายได้ห้องพักตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ หลังจากที่ได้สอบถามก็พบว่าหลี่จื้อได้เข้ามาที่นี่ และได้ย้ายยายของฉันไปยังห้องผู้ป่วยเดี่ยวแล้ว
หลี่จื้อคือผู้ช่วยของลู่จือสิง เขาเข้ามาช่วยย้ายห้องของยายฉัน นี่แสดงให้เห็นว่าเป็นจุดประสงค์ของลู่จือสิง
ลู่จือสิงคือฟางเส้นสุดท้ายของฉันแล้ว
ฉันลังเลอยู่ชั่วครู่ ท้ายที่สุดแล้วก็หยิบโทรศัพท์ออกมาและโทรหาลู่จือสิง
หลังจากกดปุ่มโทรออก การหายใจของฉันนั้นสั่นระรัว มือที่ถือโทรศัพท์ก็ชุ่มเหงื่อ แค่เพียงนึกถึงตอนที่ฉันได้ปฏิเสธเขาไปก่อนหน้านี้ ฉันเองก็ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มพูดว่าอย่างไร
"ฉันเอง ลู่จือสิง"
น้ำเสียงเย็นชาดังออกมาจากโทรศัพท์ สมองของฉันกลับว่างเปล่าไปชั่วขณะ
ญาติของฉันในโลกนี้เหลือเพียงยายและพี่ชายของฉัน ยายเลี้ยงเรามาตั้งแต่เล็กจนโต ฉันยังไม่ได้ทดแทนคุณทำให้ยายได้สุขสบายเลย หากว่าเธอเจอกับอุบัติเหตุที่คาดคิดไม่ถึง....
ฉันไม่อยากจะคิดอีกต่อไป ในเวลานี้ไฟในห้องผ่าตัดหรี่ลง ฉันรีบวิ่งไปหาหมอและถามหมอ "หมอคะ ฉันเป็นญาติของคนไข้ ยายของฉันเป็นอย่างไรบ้าง?"
หมอถอดหน้ากากและมองฉัน "คุณยายของคุณได้รับการช่วยเหลือแล้ว แต่คราวนี้เธอเป็นลมและหมอได้พบว่าเธอเป็นโรคเส้นเลือดในสมองตีบ จำเป็นที่จะต้องผ่าตัด!"
ฉันตกตะลึงและรีบถามหมอ "งั้นหมอรีบช่วยวางแผนผ่าตัดยายให้หน่อย ค่าใช้จ่ายในการผ่าตัดประมาณเท่าไหร่ ฉันจะพยายามรวบรวมเงิน!"
"อาการอาจรุนแรงขึ้น ฉันแนะนำให้คุณเตรียมเงินไว้สามแสนขึ้นไป อย่างไรก็ตามคุณยายของคุณอายุมากแล้ว ภายหลังอาจจะต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว"
เมื่อได้ยินคำว่า สามแสน ตัวฉันแข็งทื่อราวกับคนโง่
ฉันเรียนจบได้เพียงสามปี เงินเก็บเพียงก้อนเดียวฉันก็ได้ใช้ไปกับการซื้อห้องหอกับถันฮ่าวอวี่ไปแล้ว ตอนนี้ไม่ต้องพูดเงินถึงสามแสนเลย เพียงแค่สามหมื่นก็หาไม่ได้
"ซูยุ่น?"
จู่ๆลู่จือสิงที่อยู่ด้านข้างก็เรียกฉัน ฉันก็หันหน้าไปมองเขา ฉันพยายามเก็บอารมณ์ของตัวเองให้คงที่ "ประธานลู่มีอะไรหรือเปล่า?"
"รับไปสิ"
ฉันมองไปที่เช็คที่เขายื่นให้ฉัน ฉันรู้สึกอัดอึดใจอย่างบอกไม่ถูก ฉันมองไปยังใบหน้าที่แสนจะเย็นชาของเขา "ไม่ต้องรบกวนประธานลู่หรอก ฉันสามารถแก้ไขมันได้ด้วยตัวฉันเอง หากว่าประธานลู่ไม่มีเรื่องอะไรแล้ว รบกวนประธานลู่กลับไปเถอะ"
เมื่อเขาได้ยินเช่นนั้นสีหน้าของเขาก็หม่นหมองลงในทันที "นี่คุณกำลังไล่ให้ผมไป?"
"ประธานลู่เข้าใจผิดแล้ว โรงพยาบาลไม่ใช่บ้านของฉัน คุณอยากจะอยู่ก็อยู่เถอะ ฉันจะไปเฝ้ายายของฉัน"
พูดจบฉันก็ไม่ได้สนใจประธานลู่อีกต่อไป ฉันหมุนตัวและเดินตามเจ้าหน้าที่ออกมา
ฉันรู้ว่าฉันควรรับเช็คจากลู่จือสิง แต่ทันทีที่ฉันเห็นเช็ค ฉันก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงวันที่เขายื่นเช็คหนึ่งแสนให้กับฉัน
ด้วยความที่รักในศักดิ์ศรีฉันทำให้ไม่อาจรับไว้ได้ แม้ว่าฉันจะรู้ว่าเงินสามแสนนั่นจะเป็นจำนวนเงินที่สำคัญมากสำหรับฉัน
ก่อนที่จะเข้าไปในลิฟต์ ฉันอดไม่ได้ที่จะหันกลับไปมองลู่จือสิง เขายังคงยืนอยู่เช่นนั้น เขามองมาที่ฉันด้วยสีหน้าที่คลุมเครือ
เมื่อสบสายตาเข้ากับดวงตาคู่นั้น ฉันก็ตื่นตระหนกและรีบละสายตา จากนั้นก็เดินเข้าไปภายในลิฟต์
ในช่วงสองวันที่ผ่านมานั้น ฉันเองก็โทรยืมเงินเพื่อนอยู่ตลอด แต่เงินที่ยืมมาได้นั้นเป็นเพียงเงินที่น้อยนิด ฉันถามเพื่อนหลายๆคน เงินที่ยืมมาได้นั้นยังไม่ถึงห้าหมื่นเลย
มีเพื่อนคนหนึ่งบอกฉันว่าพนักงานบริการที่ร้านเยสเซ่อนั้นได้เงินคืนละห้าพัน ฉันลังเลอยู่ชั่วครู่และได้ตัดสินใจลาออกจากงานและเข้าไปลองดูงานที่นั่น แต่เมื่อฉันได้มายืนอยู่ตรงหน้าร้านเยสเซ่อแล้วฉันกลับรู้สึกเสียใจ
ร้านเยสเซ่อคือคาสิโนที่ใหญ่ที่สุดในเมืองA มีคนมากมายที่อยู่ภายในนั้น เคยได้ยินว่ามีพนักงานบริการมากมายถูกข่มขืนและใช้ความรุนแรง แต่สุดท้ายก็ไม่มีใครสามารถเอาเรื่องอะไรได้เลย
ในขณะที่ฉันหมุนตัวกลับและจะเดินออกไปนั้นก็มีโทรศัพท์จากพยาบาลโทรเข้ามาเตือนฉันว่ายายต้องได้รับการผ่าตัดโดยเร็วที่สุด ดังนั้นก็ต้องจ่ายค่าใช้จ่ายโดยเร็วที่สุดเช่นกัน
ฉันไม่เคยหมดหวังขนาดนี้ นี่เป็นครั้งแรกที่ฉันคิดว่าเงินเป็นสิ่งที่สำคัญ แต่ฉันไม่มีเงิน
ฉันไม่รู้ว่าควรทำอย่างไร ความเจ็บปวดและความหดหู่ทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
ฉันยืนอยู่ริมถนนครู่หนึ่ง และสุดท้ายก็ตัดสินใจที่จะไปโรงพยาบาลเพื่อไปหายาย
เมื่อมาถึงโรงพยาบาลฉันกลับพบว่ายายได้ห้องพักตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ หลังจากที่ได้สอบถามก็พบว่าหลี่จื้อได้เข้ามาที่นี่ และได้ย้ายยายของฉันไปยังห้องผู้ป่วยเดี่ยวแล้ว
หลี่จื้อคือผู้ช่วยของลู่จือสิง เขาเข้ามาช่วยย้ายห้องของยายฉัน นี่แสดงให้เห็นว่าเป็นจุดประสงค์ของลู่จือสิง
ลู่จือสิงคือฟางเส้นสุดท้ายของฉันแล้ว
ฉันลังเลอยู่ชั่วครู่ ท้ายที่สุดแล้วก็หยิบโทรศัพท์ออกมาและโทรหาลู่จือสิง
หลังจากกดปุ่มโทรออก การหายใจของฉันนั้นสั่นระรัว มือที่ถือโทรศัพท์ก็ชุ่มเหงื่อ แค่เพียงนึกถึงตอนที่ฉันได้ปฏิเสธเขาไปก่อนหน้านี้ ฉันเองก็ไม่รู้ว่าควรจะเริ่มพูดว่าอย่างไร
"ฉันเอง ลู่จือสิง"
น้ำเสียงเย็นชาดังออกมาจากโทรศัพท์ สมองของฉันกลับว่างเปล่าไปชั่วขณะ
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.webreadapp.com All rights reserved