บทที่1 อย่ามารบกวนฉัน

ในบ้านพักตากอากาศที่สวนชานเมือง มีชายหนุ่มคนหนึ่งนั่งอยู่บนโซฟาหนังระดับไฮเอนด์และขยิบตาพูดว่า “ที่รัก ช่วงนี้ฉันไม่มีเงินใช้เลย ฉัน.....ขอเงินเพิ่มอีกหน่อยได้ไหม”

“เสิ่นหลาง ฉันหวังว่าคุณจะใส่ใจกับภาพลักษณ์ของคุณหน่อยนะ ตอนนี้คุณน่าเกรียจริงๆ" ซูรั่วเสวี่ยกัดฟันแน่น คิ้วขมวดเข้าหากัน

“ฉันเพึ่งกลับประเทศมาเอง เงินก็ไม่มีติดตัวมาสักบาท” ตอนที่เสิ่นหลางพูดประโยคนี้ เขารู้สึกไม่ค่อยมั่นใจสักเท่าไหร่ เพราะเขาไม่เคยเอ่ยปากขอเงินจากผู้หญิงมาก่อน

เสิ่นหลางไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับเรื่องเงินนัก ทันทีที่มาถึงเมืองหลวงนั้นมันลำบากจริง ๆ นะถ้าไม่มีเงิน

สาวสวยที่แสนเย็นชาตรงหน้าคือ “คู่หมั้น” ชั่วคราวของเขาและภูมิหลังของ “คู่หมั้น” คนนี้ก็ไม่ธรรมดาเลย

เธอชื่อ ซูรั่วเสวี่ย เป็นประธานบริษัทแฟชั่นชื่อดัง และเป็นสาวงามอันดับหนึ่งในโลกธุรกิจของเมืองหวาหั่ย อายุประมาณ22-23ปี สวมชุดเดรสสีฟ้าอ่อน หุ่นเธอเซ็กซี่มาก ผมสีดำนุ่มสลวยยาวถึงไหล่ บุคลิกทั้งหมดแสดงออกถึงอารมณ์ที่เย็นชาและความสง่างาม

นอกเหนือจากความสง่างามแล้ว เรื่องหน้าตานั้นไม่ต้องพูดถึงเลย หน้าตาที่สมบูรณ์แบบราวกับฟ้าประทานมาให้ จึงไม่ใช่เรื่องเกินจริงที่จะเรียกได้ว่าเธอสวยที่สุดในโลก

“ในบ้านหลังนี้ ที่เธออยู่กินก็ของฉัน ยังจะมาขอเงินจากฉันอีกหรอ?”

สาวสวยแสนเย็นชาผู้หยิ่งยโสโอหังอย่างซูรั่วเสวี่ยไม่สามารถทนความไร้ความสามารถเช่นนี้ได้

เธอไม่เข้าใจเลยว่าทำไมคุณปู่ที่ใกล้จะตายอยู่แล้วยังมาบังคับให้ตัวเองหมั้นกับผู้ชายแบบนี้ด้วย

เพราะว่าถูกชายผู้มั่งคั่งบังคับให้แต่งงาน ซูรั่วเสวี่ยจึงไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากยอมหมั้นกับเสิ่นหลางก่อนและใช้ชีวิตร่วมกันเป็นเวลา1ปี ตามกฎหมายเธอเป็นว่าที่ภรรยาของเสิ่นหลางแต่ในความเป็นจริงนี่เป็นเพียงข้อตกลงของคุณปู่กับซูรั่วเสี่วยที่ยอมอยู่กินกับชายคนนี้ในระยะเวลา1ปี

ก่อนที่จะพบกับเสิ่นหลาง ซูรั่วเสวี่ยเคยจินตนาการไว้ว่าด้วยความสามารถของเธอเอง แม้ว่าอีกฝ่ายจะเป็นก้อนโคลน เธอก็สามารถเปลี่ยนเขาให้กลายเป็นสุภาพบุรุษที่งดงามได้

แต่หลังจากที่เธอและเสิ่นหลางอยู่ด้วยกันได้3วัน ซูรั่วเสวี่ยก็ล้มเลิกความคิดโง่ ๆ ของเธอทันที

ผู้ชายคนนี้ไม่ต่างอะไรกับพวกอันธพาลที่ไม่เอาไหนเลย ไม่คู่ควรกับเธอเลยสักนิด

“ที่รัก อย่าใจร้ายนักสิ เธอเป็นถึงประธานบริษัทยักใหญ่ สำหรับเธอเงินมันก็เป็นแค่ตัวเลขเท่านั้นแหละ” เสิ่นหลางพูดด้วยท่าทางหัวเราะชอบใจ

แววตาที่สวยงามของซูรั่วเสวี่ยแสดงออกถึงความเหยียดหยามและความรังเกียจและพูดอย่างเย็นชาว่า “เสิ่นหลาง ฉันจะไม่ให้เงินเธอโดยที่ไม่มีเหตุจำเป็นเด็ดขาด เธอมีมือมีเท้า ก็ไปหางานทำเองสิ คุณผู้หญิงอย่างฉันจะไปทำงานละ อย่ามากวนประสาท”

พูดจบซูรั่วเสวี่ยก็เดินออกประตูไปโดยไม่หันกลับมามองเลยสักนิด ใบหน้าที่สวยงามนั้นดูเย็นชามาก

ผู้ชายของซูรั่วเสวี่ยจะต้องเป็นคนฉลาดมีความรู้ความสามารถอีกทั้งยังต้องหน้าตาดี จะมาเป็นคนไร้ค่าไม่ได้เรื่องแบบนี้ไม่ได้นะ!

สีหน้าของเสิ่นหลางไม่ค่อยดีนัก ถูกผู้หญิงดูถูกเหยียดหยามขนาดนี้ ไม่มีผู้ชายคนไหนทนได้แน่นอน

แค่เรื่องหางานง่าย ๆ แค่นี้ คิดว่าฉันทำไม่ได้หรือไง เซินหยางบ่นเงียบ ๆ คนเดียว และค่อย ๆ ลุกขึ้นจากโซฟา

เมื่อก่อนวัน ๆ ไม่ทำอะไรสักอย่างและยังห่างหายจากชีวิตที่ปกตินานเกินไป ณ ขณะนั้นเสิ่นหลางไม่รู้จริง ๆ ว่าจะหางานอะไรทำดี

วิธีที่เร็วที่สุดที่จะได้เงินมาคือการขโมยเงินซึ่งเป็นเรื่องง่าย ๆ สำหรับเสิ่นหลาง แต่บางอย่างเขาก็ไม่ได้สนใจที่จะทำมัน

สรุปก็คือ ไม่จำเป็นต้องกังวลล่วงหน้าและปัญหาสามารถแก้ไขได้เมื่อถึงเวลา

หลังจากที่เสิ่นหลางเดินออกมาจากหมู่บ้านจัดสรร เขาก็เดินเร่ร่อนไปตามถนนอย่างไร้จุดหมาย

นี่พึ่งจะเข้าเดือนมิถุนายน แดดในเมืองหวาหั่ยก็ร้อนแทบจะไหม้เกรียมอยู่แล้ว ไอร้อนที่แผ่ขึ้นมาจากบนพื้นถนน ทำให้รู้ว่าตอนนี้อากาศร้อนมากขนาดไหน

“อากาศร้อนขนาดนี้ จะไปหางานที่ไหนได้เนี้ย?”

เสิ่นหลางเดินไปด้วยคิดไปด้วยว่าจะทำงานอะไรดี ระหว่างทาง เขาก็เห็นข้อมูลประกาศรับมัครงานมากมายแต่มักจะเป็นร้านอาหาร โรงแรม รวมถึงพวกร้านคาราโอเกะ

งานต่ำ ๆ แบบนี้ไม่ได้อยู่ในสายตาของเสิ่นหลางเลยสักนิด สิ่งที่เขาต้องการคือชีวิตที่สามารถเชิดหน้าชูตากับคนอื่นได้ ถ้าตัวเองต้อยต่ำแบบนี้จะไปทำอะไรได้?

หากสาวสวยแสนเย็นชาที่บ้านรู้เข้าว่าเขาได้ทำงานต่ำ ๆ แบบนี้ละก็เธออาจจะดูถูกเขาเพิ่มแน่นอน

เสิ่นหลางรู้สึกหงุดหงิดอยู่ข้างในใจ เดินไปเรื่อย ๆ จนประมาณ10กว่า ก็มาถึงใจกลางย่านเมืองธุรกิจหวาหั่ยที่คึกคักโดยไม่รู้ตัว

เสิ่นหลางบังเอิญไปเห็นที่ชั้นล่างของอาคารแห่งหนึ่งมีข้อความแปะไว้ว่า มหกรรมการหางาน เข้าจึงเดินขึ้นไปด้วยความสนใจ

“ขณะนี้ หลิงหยา อินเตอร์เนชั่นแนล แฟชั่น กรุ๊ป กำลังมองหาพนักงานที่ต้องการค่าตอบแทนสูงจำนวนมาก และมีตำแหน่งงานว่างหลายตำแหน่ง ขอต้อนรับสู่การประชุมสรรหาบุคลากรในครั้งนี้...”

ด้านบนเขียนรายละเอียดข้อมูลไว้แบบนี้

“หลิงหยา อินเตอร์เนชั่นแนล แฟชั่น กรุ๊ป งั้นก็เป็นบริษัทของสาวสวยแสนเย็นชาหนะสิ” เสิ่นหลางรู้สึกเริ่มสนใจขึ้นมาเล็กน้อย

เสิ่นหลางไม่ค่อยรู้เรื่องเกี่ยวกับเธอมากนัก แต่ข้อมูลบางอย่างเขาก็พอรู้อยู่ เช่น ซูรั่วเสวี่ยเป็นประธานของ หลิงหยา อินเตอร์เนชั่นแนล แฟชั่น กรุ๊ป

เดิมทีเสิ่นหลางมีความคิดที่จะไม่ยอมทำงานอยู่ภายใต้คำสั่งของเธอ แต่เขาคิดว่างานที่นี่เหมาะกับเขาสุด ๆ

ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม เขาต้องหางานทำให้ได้ก่อน เพราะเสิ่นหลางไม่สามารถทนอยู่กับสายตาที่ดูถูกของสาวสวยแสนเย็นชาได้อีกต่อไปแล้ว

เสิ่นหลางจัดปกคอเสื้อลายดอกไม้ของเขาเล็กน้อย แล้วก็เดินเขาไปในอาคารของบริษัท

เมื่อถึงมหกรรมงานบนชั้น2 เสิ่นหลางเห็นคนหนุ่มสาวจำนวนมากมาสมัครงานเช่นกัน พวกเขาทุกคนสวมชุดสูทและผูกเนคไท และก็ดูเตรียมพร้อมเป็นอย่างดี แต่ในทางกลับกันเสิ่นหลางกลับโดดเด่นกว่าทุกคนด้วยเสื้อเชิ้ตลายดอกของเขา

“คุณผู้ชายค่ะ คุณมาที่นี่เพื่อสมัครงานหรือเปล่าค่ะ” ผู้หญิงที่แผนกต้อนรับเดินเข้ามาถาม น้ำเสียงของเธอไพเราะมาก และรูปร่างหน้าตาของเธอก็น่ารักอีกด้วย

เสิ่นหลางพยักหน้าและยิ้ม พร้อมตอบกลับว่า “ใช่ครับ คนสวยผมรบกวนถามหน่อยว่าที่นี่มีตำแหน่งงานไหนที่มีค่าจ้างสูงที่สุด?”

หญิงสาวชะงักไปครู่หนึ่ง จากนั้นยิ้มและพูดว่า “สุดหล่อ คุณน่าสนใจจังเลย ทำไมคุณไม่ถามว่าแผนกไหนมีสาวสวยมากที่สุดแทนหล่ะ”

เสิ่นหลางเกาหัวยิก ๆ แล้วพูดว่า “สุดสวย ฉันจริงจังนะ ไม่ได้พูดเล่น ๆ”

หญิงสาวมองสังเกตไปที่เสิ่นหลางอีกครั้ง ถึงแม้ว่าเสิ่นหลางจะแต่งตัวสบาย ๆ แต่หญิงสาวตรงหน้าก็มองออกว่าเสื้อผ้าบนตัวของเขานั้นมีราคาแพง และเห็นได้ชัดว่าออร่าและท่างทางนั้นได้รับอิทธิพลมากจากสังคมชั้นสูง

หญิงสาวขยิบตาและพูดติดตลกว่า “แน่นอนว่าแผนกประชาสัมพันธ์ของเราเงินเดือนสูงที่สุด และตอนนี้แผนกของเรายังขาดผู้จัดการอยู่1ตำแหน่ง สุดหล่อคุณน่าจะลองดูนะ”

“โอเค ได้เลย ขอบใจมากนะสุดสวย” เสิ่นหลางดีใจมาก

ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์ฟังดูเหมือนจะมีอำนาจมากอยู่

ในไม่ช้า เสิ่นหลางก็ไปต่อแถวเพื่อรับแบบฟอร์มข้อมูลและกรอกข้อมูลบางส่วนของเขาเอง

ผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์จำเป็นต้องมีทักษะด้านภาษาที่ดีในการสื่อสาร และสามารถพูดภาษาอังกฤษ อิตาลี และฝรั่งเศสได้

ข้อกำหนดข้างต้นไม่ได้กล่าวถึงระดับวุฒิการศึกษา มหกรรมการหางานของหลิงหยา อินเตอร์เนชั่นแนล ให้ความสำคัญกับความสามารถมากกว่าวุฒิการศึกษา การประเมินนั้นเข้มงวดมาก แล้วนับประสาอะไรกับคนที่พูดภาษาต่างประเทศได้สามภาษา ไม่มีทางที่จะมีวุฒิการศึกษาที่ต่ำต้อยอย่างแน่นอน

เมื่อเสิ่นหลางมาถึงห้องรับสมัครผู้จัดการแผนกประชาสัมพันธ์ ตรงหน้ามีแถวยาวเหยียดอยู่หนึ่งแถว เมื่อมองไปก็เห็นคนอย่างน้อย30-40คน

มีคนรูปร่างหน้าตาดี มองดูก็เหมือนนักวิชาการระดับแนวหน้าที่พึ่งกลับมาจากการเรียนที่ต่างประเทศ มีทั้งชายวัยกลางคนที่เงียบขรึมแลดูมีประสบการณ์ แล้วก็ยังมีผู้ชายหน้าซื่อใจคดบางคนที่อยากลองเสี่ยงโชค

“ให้ตายสิ มีคนสมัครตำแหน่งผู้จัดการฝ่ายประชาสัมพันธ์เยอะมาก งั้นฉันก็มีคู่แข่งเยอะมากเลยสิ?

เสิ่นหลางยืนดูผู้สมัครที่ต่อคิวกันยาวเหยียดและบ่นพึมพำอยู่เงียบๆ

บังเอิญว่าผู้มัคร2คนที่อยู่หน้าเขากำลังซุบซิบกันอยู่ และชายร่างอ้วนคนหนึ่งก็กระซิบว่า “เฮ้ คุณเคยได้ยินไหม ว่ากันว่า แผนกประชาสัมพันธ์ของหลิงหยา อินเตอร์เนชั่นแนลแห่งนี้เต็มไปด้วยผู้หญิง และยังเป็นสาวที่สวยที่สุดในย่านเมืองธุรกิจหวาหั่ยนี้อีกด้วย”

ชายหนุ่มอีกคนที่สวมแว่นไว้ตรงหน้าผาก ผมยุ่งเหยืองเหมือนรังนกพูดอย่างจริงจังว่า “ฮิฮิ แน่นอนฉันต้องรู้อยู่แล้ว โดยเฉพาะหลินฉ่ายเอ๋อจากแผนกประชาสัมพันธ์ เธอสวยเซ็กซี่สุด ๆ เลย ถ้าฉันสมัครงานได้สำเร็จ ไม่ว่ายังไงฉันก็จะจ้างเธอทำงานอย่างแน่นอน”

เสิ่นหลางรู้สึกหมดคำจะพูด พวกที่กล้ามาสมัครงานพวกนี้ไม่ได้มีแรงจูงใจบริสุทธิ์เลยักนิด

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

61