บทที่ 9 อะไรคือช่องว่าง

ต้องยอมรับว่าทักษะการแสดงของเสิ่นหลางนั้นดีมากจนซูรั่วเสวี่ยเกือบจะหลงกลโดยท่าทางที่เป็นสุภาพบุรุษของผู้ชายคนนี้

จางเหวินจื้ออายและมองไปที่เสิ่นหลาง เขาไม่พอใจเสิ่นหลานเป็นอย่างมาก

เสิ่นหลางไม่แสดงออกใด ๆ พูดซุบซิบอยู่ที่มุมปาก ในใจคิดว่าขยะชิ้นนี้หรอที่ดีกว่าตัวเขาเป็นร้อยเท่า? ซูรั่วเสวี่ยปัญญาอ่อนหรือเปล่า?

ซูรั่วเสวี่ยเธอจะไม่ได้รับการอบรมและไม่ได้รับการกระตุ้นเลยหรอ? ฉันเพียงแค่ใส่รายละเอียดสูงส่งหน่อย ให้ผู้หญิงคนนี้ได้เห็นว่าช่องว่างคืออะไร!

พนักงานเสิร์ฟชาวฝรั่งเศสรูปร่างสูงและมีเสน่ห์พาทั้งสามคนเข้าไปในร้านอาหาร

ผู้คนที่เข้าและออกร้าน Louise Restaurant ไม่ว่าจะมีพฤติกรรมหรือการกระทำอย่างไร ทั้งหมดนี้ให้ความรู้สึกหรูหราและสง่างาม ยังสามารถเห็นชาวต่างชาติจำนวนมากและยังได้กลิ่นของสังคมชั้นสูงจาง ๆ

ห้องโถงกว้างขวางมากและแสงสีก็หรูหรา นุ่มนวล เป็นเหมือนสถานที่มีไว้พบปะสังสรรค์ทางสังคมระดับไฮเอนด์มากกว่าร้านอาหาร

บนเวทีที่มีแสงสปอตไลต์ส่องมารวมตัวกัน ยังมีวงดนตรีแจ๊สที่เล่นอยู่

เมื่อพวกเขามาถึงที่นั่ง เสิ่นหลางทั้งสามคนก็นั่งลงและเตรียมจะสั่งอาหาร

จางเหวินจื้อเองก็ไม่ค่อยชอบอาหารตะวันตกมากนัก แต่รู้สึกว่าการมาที่นี่สามารถแสดงตัวตนได้ดีกว่า ในแง่ของคนธรรมดามันจะดีกว่าที่จะเสแสร้ง

เพราะเขารู้สึกว่าตัวเองได้รับอิทธิพลจากสังคมชั้นสูง และการแสดงด้านดีของเขาต่อซูรั่วเสวี่ยเท่านั้นถึงจะทำให้สาวสวยคนนี้มองเขาด้วยความชื่นชม

ร้านอาหารฝรั่งเศสระดับไฮเอนด์ประเภทนี้แม้แต่ซูรั่วเสวี่ยเองก็อาจไม่รู้จักมารยาทและวัฒนธรรมในการรับประทานอาหาร

ในเวลานี้ จางเหวินจื้อเขาสามารถสอนหญิงสาวถึงวิธีการกินอย่างไรให้สง่างาม และพูดคุยเกี่ยวกับวัฒนธรรมโรแมนติกของฝรั่งเศสที่เขาเรียนรู้จาก Baidu เพื่อทำให้เสิ่นหลางที่เป็นคนบ้านนอกไม่สามารถเข้าปากได้

ด้วยเหตุนี้ จางเหวินจื้อจึงได้ตั้งใจเรียนภาษาฝรั่งเศสขั้นพื้นฐานบางประโยค

หลังจากที่นั่งลง เขาก็แสร้งทำเป็นว่ารู้ลึกและทักทายสาวเสิร์ฟชาวฝรั่งเศสเป็นภาษาฝรั่งเศส

พนักงานเสิร์ฟชาวฝรั่งเศสตอบด้วยรอยยิ้มและก้าวมาข้างหน้า

“จางเหวินจื้อ ฉันไม่เคยคิดเลยว่าคุณจะพูดภาษาฝรั่งเศสได้” ซูรั่วเสวี่ยพูดด้วยรอยยิ้ม

“ก็พอดูได้ จริง ๆ แล้วเป็นแค่ความสามารถเท่านั้น ไม่ได้ดีมาก” จางเหวินจื้อรู้สึกภูมิใจเล็กน้อย เขาเพิ่งจะอวดภาษาฝรั่งเศสของตัวเองเพราะหวังว่าซูรั่วเสวี่ยจะชมเชยเขา

“ถ่อมตัวหน่า ฉันคิดว่าคุณพูดภาษาฝรั่งเศสได้ดีมาก” ซูรั่วเสวี่ยพูดชมเชย

ในฐานะประธานบริษัทแฟชั่นเธอมักจะมีส่วนร่วมในกิจกรรมต่างประเทศเป็นครั้งคราว ซูรั่วเสวี่ยยังพอรู้ภาษาฝรั่งเศสอยู่บ้าง

สำเนียงการพูดของจางเหวินจื้อก็ไม่ได้ดีอะไร แต่ท้ายที่สุดแล้วเขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นเก่าของตัวเอง จึงต้องชมเพื่อเป็นมารยาท

“ดีหรอ? ทำไมฉันรู้สึกเฉย ๆ พูดไม่ค่อยคล่อง ระดับก็แย่พอสมควร" จู่ ๆ เสิ่นหลางพูดขึ้น

เมื่อได้ยินคำพูดของเสิ่นหลาง จางเหวินจื้อก็อารมณ์เสีย หน้าของเขาหงอยทันที และพูดอย่างเหยียดหยามว่า "จากน้ำเสียงของคุณเสิ่นแล้ว ดูเหมือนว่าจะเชี่ยวชาญภาษาฝรั่งเศสมากทีเดียว?"

เสิ่นหลางพยักหน้า: "อืม อย่างน้อยก็ประสบความสำเร็จมากกว่าคุณ"

จางเหวินจื้อไม่พอใจนิดหน่อย เขารู้สึกว่าเสิ่นหลางกำลังอวดรู้

เดิมทีจางเหวินจื้อต้องการใช้โอกาสนี้เหน็บแนมเสิ่นหลาง แต่เขาไม่ค่อยรู้ภาษาฝรั่งเศสมากนัก ดังนั้นหัวข้อนี้จึงรู้สึกไม่น่าจะรู้ลึกพอ ดังนั้นจางเหวินจื้อจึงเปลี่ยนหัวข้ออย่างรวดเร็ว

"มาร้านอาหารฝรั่งเศสทั้งที ถ้าไม่ดื่มบรั่นดีมันดูไม่ถูกต้องนะ รั่วเสวี่ยคุณรู้หรือไม่ว่าเครื่องดื่มที่โปรดของชาวฝรั่งเศสคือบรั่นดี บรั่นดีนี้เป็นสุรากลั่นชนิดพิเศษที่ทำจากผลไม้หลายชนิด มันถูกหมักและกลั่น จากนั้นเก็บไว้ในถังไม้โอ๊ก แล้วจึงกลั่นอย่างประณีตอีกครั้ง กลิ่นหอมของผลไม้นั้นเข้มข้นเป็นพิเศษถือว่าเป็นสุราชั้นดี"

จางเหวินจื้อเริ่มอวดความรู้ที่เขาพบใน Baidu

ซูรั่วเสวี่ยไม่ค่อยสนใจในวัฒนธรรการดื่มสุรามากนัก เธอจึงได้แต่แสดงท่าทีเห็นด้วยและยิ้ม

ซูรั่วเสวี่ยอาจทนได้ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่าเสิ่นหลางจะทนได้ เขาพูดกับจางเหวินจื้ออย่างกระวนกระวายใจว่า "เอาล่ะ อย่าพูดพร่ำทำเพลงเลย เริ่มสั่งอาหารกันเถอะ"

ใบหน้าของจางเหวินจื้อหงอยลงทันทีและพูดด้วยความโกรธว่า "คุณเสิ่น นี่เป็นสถานที่ของคนชั้นสูง โปรดรักษามารยาทและอย่าสบถด้วย"

ซูรั่วเสวี่ยไม่ค่อยพอใจกับคำพูดของเสิ่นหลางเท่าไหร่นักและเธอก็รู้สึกขายหน้ามาก

แต่เซินหลางคือแฟนที่เธออ้างไว้ ซูรั่วเสวี่ยจึงยังอยากปกป้องเขาอยู่ เธอพูดเบา ๆ ว่า: "จางเหวินจื้อ ไม่ต้องกังวลไป เซินหลางแค่รอไม่ไหวน่ะ รีบสั่งอาหารกันเถอะ"

“โอเค"

จางเหวินจื้อ ไม่ได้รบกวนมากเกินไปแต่เพียงแค่มองเสิ่นหลางอย่างเย็นชาราวกับกำลังดูคนบ้านนอกคอกนาอยู่และพูดด้วยน้ำเสียงหยิ่งยโส: "คุณเสิ่นโปรดรักษามารยาทในการทานอาหารด้วย"

เสิ่นหลางเห็นว่าจางเหวินจื้ออารมณ์เสียมากและไม่อยากสนใจเขา

จางเหวินจื้อรู้สึกว่าเขามีสถานะสูงส่ง และเขาไม่สนใจที่จะสื่อสารกับเสิ่นหลางดังนั้นเขาจึงเริ่มสั่งอาหารทันที

เสิ่นหลางไม่คิดว่ามันตลกเลยสักนิด ก่อนหน้านี้ผู้ชายคนนี้ใช้ภาษาฝรั่งเศสเพื่ออวดรู้ แต่เมื่อสั่งอาหารเขาก็เปลี่ยนไปใช้ภาษาจีนกลาง

จางเหวินจื้อมองไปที่ซูรั่วเสวี่ยและถามว่า “ซูรั่วเสวี่ย เธออยากกินอะไรหรอ?"

“อะไรก็ได้เลย” ซูรั่วเสวี่ยยิ้มเบา ๆ

เพื่อแสดงความเป็นสุภาพบุรุษจางเหวินจื้อยังคงถามเสิ่นหลางอย่างใจเย็นว่า: "คุณเสิ่น คุณอยากกินอะไร"

จางเหวินจื้อมองเสิ่นหลางอย่างเหยียดหยาม เป็นคนไม่มีมารยาท แค่หล่อกว่าตัวเองนิดหน่อย แต่โดยพื้นฐานแล้วเป็นคนบ้านนอกอย่างแน่นอน อย่าว่าแต่วเคยทานอาหารฝรั่งเศสชั้นยอดรึเปล่าเลย บางทีอาจไม่รู้ด้วยซ้ำว่าต้องสั่งอย่างไร

เสิ่นหลางมองไปที่สาวเสิร์ฟชาวฝรั่งเศสและพูดเป็นภาษาฝรั่งเศสอย่างคล่องแคล่วว่า: "น้องพนักงานคนสวยครับ ผมขอสั่งหอยเชลล์เซนต์ฌาคส์หนึ่งจาน Sole Meunière (ปลาตาเดียวทอดสไตล์ฝรั่งเศส)และชีส Camembert ย่าง"

นัยน์ตาของสาวเสิร์ฟชาวฝรั่งเศสเป็นประกาย เมื่อได้ยินเสิ่นหลางพูดภาษาฝรั่งเศสได้คล่องแคล่ว เธออดไม่ได้ที่จะพูดอย่างตื่นเต้น: "คุณคะ คุณพูดภาษาฝรั่งเศสได้คล่องขนาดนี้ ในประเทศนี้ฉันยังไม่เคยเจอมาก่อนเลย"

หน้าที่ของซูรั่วเสวี่ยก็งงทันที ผู้ชายคนนี้พูดภาษาฝรั่งเศสได้จริงหรือ? แล้วยังพูดได้คล่องขนาดนี้อีก?

"หลังจากใช้ชีวิตในฝรั่งเศสมาหลายเดือน ก็ไม่มีอะไรหลงเหลือไว้เลย แต่ฉันกลับจำภาษาท้องถิ่นได้"

เสิ่นหลางใช้วาทศิลป์สื่อสารกับพนักงานเสิร์ฟชาวฝรั่งเศส

พนักงานเสิร์ฟก็มีความสุขเช่นกัน นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้พบกับสุภาพบุรุษและเป็นคนจีนที่มีอารมณ์อ่อนไหวเช่นนี้ และเธอพูดคุยกับเซินหลางเป็นภาษาฝรั่งเศสอย่างกระตือรือร้น

“เชี่ย!”

จางเหวินจื้อมองไปที่เสิ่นหลางและพนักงานเสิร์ฟชาวฝรั่งเศสอย่างตกตะลึงและแสดงท่าทางไม่เชื่อ

ให้ตายเถอะ ไอ้บ้านนอกนี่พูดภาษาฝรั่งเศสได้จริง ๆ เหรอ?

เขาสงสัยว่าเสิ่นหลางกำลังพูดเรื่องไร้สาระ แต่เมื่อมองไปที่ท่าทางอันตื่นเต้นของพนักงานเสิร์ฟชาวฝรั่งเศส ดูเหมือนเสิ่นหลางจะไม่ได้พูดเรื่องไร้สาระ เหมือนกับว่ากำลังพูดอย่างคล่องแคล่วอีกด้วย

หน้าสวย ๆ ของซูรั่วเสวี่ยนั้นดูซึม และเธอไม่เคยคิดเลยว่าผู้ชายคนนี้ที่มักจะดูเลอะเทอะสกปรก แท้ที่จริงแล้วจะมีพรสวรรค์จริง ๆ

ภาษาฝรั่งเศสที่คล่องแคล่วเช่นนี้ไม่ใช่สิ่งที่คนธรรมดาจะเชี่ยวชาญได้

ในขณะนี้ ความประทับใจของเธอที่มีต่อเสิ่นหลางเปลี่ยนไปเล็กน้อย ชวนให้คิดทบทวนถึงการที่ปู่พยายามทุกวิถีทางเพื่อให้หมั้นหมายกับผู้ชายคนนี้และใช้ชีวิตร่วมกัน มีเหตุผลบางอย่างจริง ๆ หรือ?

ก่อนหน้านี้ที่จางเหวินจื้อบอกว่าเขาเข้าใจภาษาฝรั่งเศส แต่ตอนนี้เขารู้สึกอายที่จะบอกว่าเขาไม่เข้าใจ ดังนั้นเขาจึงได้แต่มองไปที่เสิ่นหลางและหญิงสาวชาวฝรั่งเศสด้วยรอยยิ้มแห้ง ๆ โดยแสร้งทำเป็นว่าเขาสามารถเข้าใจภาษาฝรั่งเศสได้เช่นกัน

พนักงานเสิร์ฟไม่กล้ารบกวนเวลาของเสิ่นหลางและคนอื่น ๆ เธอพูดคุยอย่างกระตือรือร้นกับเสิ่นหลางเพียงชั่วขณะหนึ่ง แล้วเตรียมสั่งเมนูด้วยหน้าที่แดงระเรื่อ

คำพูดและพฤติกรรมของเสิ่นหลางทำให้เธอประทับใจมาก

จางเหวินจื้อเห็นว่าเสิ่นหลางสั่งอาหารไปแล้ว และยังสั่งอาหารที่แพงที่สุดอีก เขาจึงอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขุ่นเคืองใจ

เพื่อแสดงความใหญ่โตหรูหราของตัวเอง จางเหวินจื้อยังสั่งบรั่นดีชั้นนำมาอีกสองสามขวดซึ่งสำหรับเขาเงินแค่นี้ขนหน้าแข้งไม่ร่วงหรอก.

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

61