บทที่ 7 เรื่องของคุณผู้หญิง คุณอย่ายุ่งเลยดีกว่า

เสิ่นหลางหยิบนาฬิกาพกออกมาจากกระเป๋า ย้อนเวลากลับไป ความคิดย้อนกลับไปในตอนเย็นเมื่อสิบกว่าปีก่อน...

ท้องฟ้าเป็นสีคราม บนถนนเก่า ๆ เด็กสกปรกหมกตัวอยู่ในตรอก มีวัชพืชเหี่ยว ๆ เหลือง ๆ อยู่บนผมที่ยุ่งเหยิง และในมือถือขนมปังที่เพิ่งขโมยมา

คนเดินหลบฝนสวนไปมาอย่างเร่งรีบและไม่มีเวลาหยุดพักสำหรับคนตัวเล็กๆ

“ครืน ๆ ครืน ๆ!”

แสงฟ้าแลบในท้องฟ้าอันมืดมิด และทันใดนั้นก็มีเสียงฟ้าร้องดัง มือน้อย ๆ ของเด็กชายสะดุ้งตกใจ ทำให้ขนมปังหลุดจากมือและกลิ้งไปที่มุมถนน

เขารีบเอื้อมมือไปหยิบขนมปัง

“นี่...” เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ เดินเข้ามาด้วยเสียงที่แผ่วเบา ในดวงตากลมโตคู่นั้นมีความห่วงใยอยู่

เด็กชายจับขนมปังแน่นและมองเด็กหญิงอย่างแข็งกร้าว

เด็กหญิงหยิบกล่องขนมที่สวยงามออกมาจากกระเป๋าเป้หมีและพูดกับเด็กชายว่า "เธอกินบัตเตอร์เค้กไหม"

เธอดูเหมือนอายุราว ๆ 5-6 ขวบ มือสีชมพูเล็ก ๆ 2ข้างถือกล่องเค้กไว้และหน้าอันจ้ำม่ำก็แสดงออกถึงความอยากช่วยเหลือ

ท้องฟ้ายังคงมืดครึ้มบนถนนเก่า ๆ สาวน้อยแสนสวยคนนี้ที่ดูเหมือนนางฟ้าจากเทพนิยายกลายเป็นแสงสว่างเดียวในสายตาของเด็กชาย

เขารู้ว่าบัตเตอร์เค้กของเด็กสาวมาจากไหน มันมาจากร้านติ่มซำฝั่งตรงข้าม และถูกวางไว้ตรงหน้าต่างที่สูงและเด่นที่สุด

“อันนี้เป็นรสสตรอว์เบอร์รี อร่อยมากเลยนะ อ่ะฉันให้เธอ”

เมื่อมองไปที่ใบหน้าขาวใสของเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ทันใดนั้นเด็กชายก็สติหลุดไปชั่วขณะ และส่ายหัวทันที จากนั้นกลับพยักหน้าแบบงง ๆ ...

เขาหยิบเค้กจากมือของเด็กหญิงด้วยมือที่สั่น ๆ เด็กชายได้กลิ่นสตรอเบอร์รี่โชยออกมาจากกล่อง

ตัวเองไม่ได้กินข้าวมาทั้งวัน หิวมาก ๆ

เด็กหญิงตัวน้อยพยักหน้าอย่างมีความสุข: "ครั้งหน้ามาที่นี่อีกสิ ฉันจะให้เค้กรสสตรอว์เบอร์รีแสนอร่อยกับเธออีก!"

เด็กชายขยับริมฝีปาก ในดวงตาเขาโลกดูสงบนิ่ง รู้สึกอบอุ่นไปถึงข้างในหัวใจ

ในขณะนั้น รถสีดำคันหนึ่งค่อย ๆ จอดอยู่ข้างถนน หน้าต่างถูกเปิดออก แล้วคนขับก็ทักทายเด็กหญิงตัวน้อย

“คุณหนู ทำไมคุณหนูมาที่นี่คนเดียวอีกแล้ว ฝนจะตกแล้ว รีบขึ้นรถเถอะครับ!”

เด็กหญิงตัวเล็ก ๆ พยักหน้าด้วยรอยยิ้ม กระโปรงของเธอปลิวไสวไปตามสายลม และเธอก็วิ่งเข้าไปในรถราวกับเมฆก้อนเล็ก ๆ

แต่ขณะที่วิ่งอยู่ เด็กหญิงทำนาฬิกาพกตก เด็กชายยื่นมือออกไปจะหยุดเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ แต่รถได้ขับออกไปแล้ว

เด็กชายก้าวไปข้างหน้าและหยิบนาฬิกาพกสีทองที่ทำจากทองคำบริสุทธิ์ พื้นหลังของหน้าปัดเป็นเพียงภาพของเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ ที่ไร้เดียงสาและน่ารัก

ไม่กี่วันหลังจากนั้น เด็กชายรอที่ตรอกถนนนั้นทุกวันโดยหวังว่าเด็กหญิงตัวน้อยจะปรากฏตัวอีกครั้ง เขาจะได้คืนนาฬิกาพกให้กับเด็กหญิงที่เป็นเจ้าของนาฬิกา

แต่หลังจากรอเป็นเวลาหนึ่งเดือน เด็กชายก็ไม่ได้เจอกับเด็กหญิงตัวเล็ก ๆ แต่บังเอิญเจอกับชายชราคนหนึ่ง

ชายชราคนนั้นคืออาจารย์ของเสิ่นหลาง

หากไม่มีเด็กหญิงคนนั้น หากไม่มีนาฬิกาพกเรือนนั้น หากเขาไม่ยืนกรานที่จะรอเป็นเวลาหนึ่งเดือน เสิ่นหลางอาจยังคงอาศัยอยู่ข้างถนน หรือเขาอาจจะอดตายไปนานแล้ว

ผู้หญิงคนนั้นคือ ซูรั่วเสวี่ย เธอเป็นคนเปลี่ยนชีวิตของเขาและเป็นผู้หญิงคนแรกที่ให้ความอบอุ่นแก่เขา

ซูรั่วเสวี่ยคงจะจำเรื่องนี้ไม่ได้ เดิมทีเสิ่นหลางต้องการเก็บเรื่องนี้ไว้ในใจ แต่บังเอิญมีโอกาศที่ทำให้เขาและซูรั่วเสวี่ยต้องเจอกันอีกครั้ง

แน่นอนว่ามีเหตุผลสำหรับการหมั้นในครั้งนี้ ปู่ของซูรั่วเสวี่ยและอาจารย์ของเสิ่นหลางที่มีความสัมพันธ์ใกล้ชิดสนิทกันพวกเขาเป็นคนจัดการสัญญาการหมั้นครั้งนี้เอง

ในขณะนี้ ซูรั่วเสวี่ยอยู่ในสถานการณ์ที่ยากลำบาก โดยถูกบังคับให้แต่งงานแบบคลุมถุงชนโดยชายผู้มั่งคั่งที่สุด การอาศัยอยู่ร่วมกับเสิ่นหลางจึงเป็นวิธีที่ปู่ของซูรั่วเสวี่ยคิดขึ้นมาเพื่อปกป้องหลานสาวของเขาจากอันตราย

เสิ่นหลางก็ไม่เคยคิดว่าเขาจะหมั้นกะทันหันแบบนี้ แต่เพราะเขาต้องการปกป้องผู้หญิงคนนี้ เขาจึงตกลงอย่างง่ายดาย

เสียงเรียกเข้าของโทรศัพท์มือถือขัดจังหวะความคิดของเขา เสิ่นหลางหยิบโทรศัพท์มือถือขึ้นมาดู มันเป็นหมายเลขที่คุ้นเคย

“ศิษย์น้อง มีเรื่องอะไรหรือเปล่า?”

“ไม่มีอะไรก็โทรมาไม่ได้เลยเหรอ? พี่หลาง คิดถึงฉันไหม” เสียงเหมือนระฆังดังขึ้นจากปลายสายอีกด้าน

เสิ่นหลางถอนหายใจพูด: "ศิษย์น้อง ฉันเหงามาก ๆ คิดถึงเธอเหลือเกิน"

“ปากดีจริง ๆ พี่ยังจะเหงาอีกหรอ พี่มีคู่หมั้นสาวสวยราวกับนางฟ้าแล้วไม่ใช่หรือไง ดึก ๆ ก็ให้เธอช่วยทำให้พี่อบอุ่นหัวใจหน่อยสิ”

เมื่อได้ยินเสียงขี้เล่นผ่านทางโทรศัพท์ เสิ่นหลางก็รู้สึกตลกเล็กน้อยแต่ก็พูดไม่ออกด้วยเช่นกัน

ถึงแม้ว่าเขาและซูรั่วเสวี่ยทำสัญญาว่าจะแต่งงานกัน แต่เขาไม่เคยแม้แต่จะจับมือกันแล้วนับประสาอะไรกับการนอนด้วยกันล่ะ

ความสัมพันธ์ระหว่างทั้งสองไม่เพียงแต่ไม่เหมือนคู่หมั้นสามีภรรยากันแล้ว ยังเลวร้ายยิ่งกว่าเพื่อนกันด้วยซ้ำไป

“ว่าแต่พี่หลาง พี่ไม่มีเงินใช้ไม่ใช่หรอ? ให้ฉันโอนให้พี่สักสองสามล้านมั้ย?”

“ไม่ต้องหรอก พี่หลางของแกน่ะเป็นลูกผู้ชาย มันน่าอายเกินไปที่ขอเงินจากผู้หญิงตัวเล็ก ๆ”

“ใครเป็นผู้หญิงตัวเล็ก ๆ กัน!”

“โอเค ก็ได้ ๆ โยวเอ๋อร์ของเราโตเป็นสาวสวยล่ะ”

หลังจากหยอกล้อกับศิษย์น้องอีกไม่กี่คำเสิ่นหลางก็วางสายโทรศัพท์

อารมณ์ก็ดีขึ้นนิดหน่อย จริง ๆ แล้วเสิ่นหลางอยากจัดการกับความสัมพันธ์ของเขาและซูรั่วเสวี่ยให้ดีกว่านี้ แต่ก็ไม่เป็นไปตามที่ต้องการ

ตอนเย็นยังไม่ได้กินอะไรสักอย่างเลยทำให้เสิ่นหลางหิวนิดหน่อย ทันทีที่เขาเดินออกจากห้องนอนก็ได้ยินเสียงหัวเราะดังมาจากห้องโถง

เสียงหัวเราะนั้นเป็นของซูรั่วเสวี่ยเอง น่าฟังมาก เสิ่นหลางแปลกใจนิดหน่อย เธอที่แสนเย็นชาขนาดนั้นกลับมีรอยยิ้มอยู่บนหน้า

ต้องบอกว่าซูรั่วเสวี่ยน่ารักจริง ๆ เวลาที่เธอยิ้ม แต่เธอกลับไม่เคยแสดงออกแบบนั้นกับตัวเองเลย

การได้ยินของเสิ่นหลางแตกต่างจากคนทั่วไป ถึงจะอยู่ไกลมากแต่เขาสามารถบอกได้ว่ามีชายคนหนึ่งอยู่ที่ปลายสายของโทรศัพท์ซูรั่วเสวี่ย

“พี่เหวินจื้ออย่าหัวเราะเยาะฉันสิ เราไม่ได้ติดต่อกันตั้งหลายปี พี่เป็นอย่างไรบ้าง" ซูรั่วเสวี่ยถามทางโทรศัพท์

ฟังเสียงของซูรั่วเสวี่ยยังคงมีร่องรอยของความห่วงใยอยู่ ความโกรธที่อยู่ในใจเสิ่นหลางก็พลุ่งพล่านทันที

แม้ว่าความสัมพันธ์ของเขากับซูรั่วเสวี่ยจะไม่ค่อยดีนัก แต่โดยสัญชาตญาณเขาก็มองว่าเธอเป็นผู้หญิงของเขา เสิ่นหลางไม่สามารถทนเห็นความจริงที่ว่าผู้หญิงของเขาเรียกผู้ชายคนอื่นว่า "พี่ชาย" และพูดคุยหัวเราะคิกคักกัน

เมื่อซูรั่วเสวี่ยวางสาย เธอเหลือบมองเสิ่นหลางที่กำลังเดินมาและพูดอย่างใจเย็นว่า "คืนนี้ฉันจะออกไปเจอเพื่อนเก่าฉัน"

เสิ่นหลางถามด้วยท่าทางที่เฉยเมย: “เขาเป็นอะไรกับเธอ?”

“เธอจะยุ่งอะไรนักหนา? ซูรั่วเสวี่ยขมวดคิ้ว

“ฉันเป็นว่าที่สามีของคุณ ถามคำถามแค่นี้คงไม่มากไปหรอกมั้ง?” เสิ่นหลางขึ้นเสียงถาม


ซูรั่วเสวี่ยขมวดคิ้วและพูดว่า "เขาเป็นเพื่อนร่วมชั้นของฉันชื่อ จางเหวินจื้อ โอเคยัง คุณถามเสร็จหรือยัง?"

“ไม่แปลกใจเลยที่คุณจะเรียกคนอื่นว่าพี่เหวินจื้อ คืนนี้คุณคงจะไม่ไปเดทกับพี่เหวินจื้อของคุณใช่ไหม” เสิ่นหลางเย้ยหยัน

ซูรั่วเสวี่ยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นเธอก็เบ้ปาก: "นี่ คุณรู้จักหึงหวงฉันด้วยหรอ ฉันรู้สึกปลื้มใจจริง ๆ ฉันจะบอกอะไรให้นะเสิ่นหลาง เรื่องของคุณผู้หญิงคุณคุณอย่ายุ่งดีกว่า พี่เหวินจื้อดีกว่าผู้ชายอย่างคุณเยอะ อย่างน้อยก็ร้อยเท่า! "

จางเหวินจื้อคนนั้นเป็นเพื่อนร่วมชั้นในมหาวิทยาลัยของซูรั่วเสวี่ย เขาเคยชวนเธอไปออกเดทหลายครั้งแต่ก็ไม่มีเวลา ดังนั้นครั้งนี้เขาจึงไม่สามารถเลี่ยงได้
ซูรั่วเสวี่ยจึงต้องไปทานอาหารเย็นด้วย

ไม่คาดคิดว่าเสิ่นหลางจะมีปฏิกิริยามากขนาดนี้ ซูรั่วเสวี่ยที่เห็นว่าเสิ่นหลางอารมณ์เสียมานานแล้วจึงใช้โอกาสนี้จงใจทำให้เขาโกรธ

เสิ่นหลางขยับมุมปาก และทันใดนั้นเขาก็กดไหล่ที่มีกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของซูรั่วเสวี่ยลง แสงในดวงตาก็ลุกวาว

“เสิ่นหลาง คุณ ... คุณจะทำอะไร ปล่อยฉันนะ!" เมื่อเห็นสายตาที่เสิ่นหลางจ้องมองมา ซูรั่วเสวี่ยก็รู้สึกกระวนกระวายใจ

“ดีกว่าเป็นร้อยเท่า? คุณผู้หญิง ฉันอยากจะเห็นจริง ๆ ว่าผู้ชายที่เธอบอกว่าดีกว่าฉันร้อยเท่ามันเป็นยังไง ถ้าหากไม่มีล่ะก็ มาลองดูกันว่าคืนนี้ผัวคนนี้จะสั่งสอนเธอยังไง” เสิ่นหลางพูดอย่างเย็นชา

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

61