บทที่ 11 หาเรื่องใส่ตัว

ซูรั่วเสวี่ยรู้สึกไม่ดีเและพูดอย่างเคร่งขรึมว่า "จางเหวินจื้อคุณเข้าใจเรื่องนี้ผิด แฟนของฉันเป็นคนตรงไปตรงมาเสมอ มีอะไรก็จะพูดออกมา บางทีเขาอาจแสดงออกมาค่อนข้างตรงไปหน่อยและไม่ได้คำนึงถึงความรู้สึกของคุณ คุณไม่ต้องกังวล เรื่องนี้ไม่ต้องห่วง"

เมื่อเห็นว่าซูรั่วเสวี่ยไม่มีความประทับใจในตัวเองอีกต่อไป ดูเหมือนว่าเขาจะเชื่อใจชายคนนั้นมาก ซึ่งทำให้จางเหวินจื้อหงุดหงิดอย่างมาก

หรือพูดอีกอย่างก็คือ ในสายตาของเทพธิดา ตัวเองกลายเป็นผู้ชายที่ชอบช่วยตัวเองและเอาแต่ใจมาก

สิ่งนี้ทำให้จางเหวินจื้อมองโลกในแง่ร้ายมาก เขาคงไม่สามารถจีบซูรั่วเสวี่ยด้วยวิธีปกติทั่วไปได้แล้ว

จางเหวินจื้อมองไปที่เสิ่นหลางอย่างมืดมน กัดฟันและพูดว่า "คุณชื่อเสิ่นหลางใช่ไหม ดีมาก ผมจางเหวินจื้อจะจำคุณไว้"

เสิ่นหลางไม่อยากให้ให้ความสนใจหรอก ถ้าคนงี่เง่าคนนี้ไม่มายั่วเขาก่อน ถ้ากล้าที่จะยั่วยุเสิ่นหลางก็ไม่รังเกียจที่จะโต้กลับเขาเหมือนกัน อย่างไรก็ตาม เขาก็ไม่ชอบผู้ชายคนนี้อยู่ดี

หลังจากนั้นไม่นาน พนักงานเสิร์ฟก็นำอาหารฝรั่งเศสมาเสิร์ฟที่โต๊ะ ความขัดแย้งก่อนหน้านี้ทำให้บรรยากาศของการรับประทานอาหารมื้อนี้อึมครึม

จางเหวินจื้อรู้สึกละอายใจอย่างมาก และหวังว่าเขาจะสามารถลกหนังของเสิ่นหลางออกได้! แต่ต่อหน้าซูรั่วเสวี่ยเขาไม่สามารถทำเกินขอบเขตได้

ท้ายที่สุดแล้ว เขาเป็นคนชวนซูรั่วเสวี่ยออกมาด้วยตัวเอง ไม่ว่าเขาจะไลล่ตามจีบเทพธิดาได้หรือไม่ จางเหวินจื้อก็ยังคงต้องรับประทานอาหารให้เสร็จ มิฉะนั้นจะยิ่งน่าอายมากกว่านี้

จางเหวินจื้อเป็นคนหน้าด้านมาก เขายังเทบรั่นดีให้เสิ่นหลางหนึ่งแก้ว ส่งสัญญาณให้เสิ่นหลางชนแก้วด้วยเพื่อแสดงความสามารถในการดื่มของเขา

จู่ๆเสิ่นหลางก็พูดว่า: "คุณมีภาวะไตพร่อง ไม่ควรดื่มแอลกอฮอล์นะ"

หน้าของจางเหวินจื้อซีดเซียวและพูดเย้ยหยันว่า: " คุณเสิ่น อย่าเอะอะใหญ่โตหน่า ผมไม่มีภาวะไตพร่องสักหน่อย ผมรู้สึกสุขภาพดีมากและยังออกมาสังสรรค์ข้างนอกอยู่บ่อย ๆ ผมก็ดื่มเก่งพอตัวอยู่ คุณเสิ่นเข้าใจอาการของไตพร่องขนาดนี้ อย่าบอกนะว่าคุณก็เป็นภาวะไตพร่องด้วย เลยดื่มไม่ได้ ?”

จางเหวินจื้อเป็นคนติดเหล้า ยากที่จะเมาด้วยเหล้าธรรมดา แม้แต่บรั่นดีคุณภาพสูงนี้ก็ไม่เป็นปัญหา

ถ้าไอ้เด็กคนนี้ได้กลืนเข้าไปละก็ เขาจะทำให้เสิ่นหลางเมาจนหัวทิ่มจนต้องให้คนแบกกลับเลย

เล่ห์เหลี่ยมเล็ก ๆ น้อย ๆ ของจางเหวินจื้อพวกนี้ เสิ่นหลางจะดูไม่ออกได้อย่างไร

วันนี้ซูรั่วเสวี่ยสบประมาทตัวเองมาก แน่นอนว่าเสิ่นหลางอยากจะแสดงออกมา พวกผู้หญิงไม่เกลียดผู้ชายคนนี้กันเลยเหรอ? เสิ่นหลางตั้งใจจะเล่นงานจางเหวินจื้อจนรู้สึกอับอายไม่กล้าเจอหน้าใครเลย

“คุณจาง ในเมื่อคุณพูดอย่างนั้น มาลองดื่มด้วยกันไหม” เสิ่นหลางยิ้มเบา ๆ และยกแก้วขึ้นมา

"ตกลง! คุณเสิ่น คุณพูดเองนะ! ผมดื่มก่อนละกัน!" จางเหวินจื้อปรบมือ เขาตั้งตารอสิ่งนี้จริง ๆ

ทันทีที่พูดจบ จางเหวินจื้อก็ยกแก้วขึ้นดื่ม

เสิ่นหลางก็หยิบแก้วไวน์แดงขึ้นมาแล้วดื่มลงไป

เมื่อเห็นว่าเสิ่นหลางนั้นหยิ่งยโสหลงตัวเองมากจนกล้าที่จะดวลเหล้ากับปรมาจารย์เช่นตัวเอง ก็แอบสะใจอยู่เงียบ ๆ ทันใดนั้นเขาก็เริ่มกระตือรือร้นและเริ่มดื่มอวยพรกับเสิ่นหลางครั้งแล้วครั้งเล่าราวกับว่าพวกเขาเป็นเพื่อนเก่าที่ไม่ได้เจอกันหลายปี

เสิ่นหลางหัวเราะเยาะอย่างเงียบ ๆ และสั่งบรั่นดีที่มีความเข้มขนของแอลกอฮอล์แรงสูงมาหลายขวดเพื่อดื่มกับจางเหวินจื้อต่อเรื่อย ๆ

ไม่ต้องพูดถึงบรั่นดีหรอก ถึงจะเทแอลกอฮอล์เข้าปากโดยตรงก็ตามแต่ ด้วยร่างกายของเสิ่นหลางแล้วจะดื่มมากแค่ไหนก็ไม่เมาหรอก

เมื่อเห็นว่าเสิ่นหลางดื่มเหล้ามากขนาดนี้ ซูรั่วเสวี่ยก็กังวลเกี่ยวกับร่างกายของชายพวกนี้และอยากจะลุกขึ้นเพื่อเกลี้ยกล่อมเขา แต่จางเหวินจื้อที่เมามาก ผลักเขาออกไปด้วยมือข้างเดียว แล้วตะโกนว่า: "พวกเรา... ยังดื่มได้อีก! มา... อีกแก้ว!"

“ไม่เป็นไรเสวี่ยน้อย คุณกินก่อนได้เลย” เสิ่นหลางพูดด้วยรอยยิ้ม

ซูรั่วเสวี่ยทำอะไรไม่ได้ ได้เพียงแต่ทานอาหารฝรั่งเศสอย่างเงียบ ๆ และปล่อยให้เสิ่นหลางสำแดงความสามารถอย่างอิสระ

หลังจากดื่มบรั่นดีหมดไป6ถึง7ขวด จางเหวินจื้อก็เมาได้ที่แล้ว แต่เขายังคงมีสติอยู่ แต่เมื่อเห็นว่าเสิ่นหลางไม่ได้ทรุดลง เขาทั้งตกใจและวิตกกังวล และรู้สึกว่าเขาต้องโหดเหี้ยมมากกว่านี้

จางเหวินจื้อเร่งเครื่องในการดื่ม เสิ่นหลางจึงเร่งเครื่องตาม

ในไม่ช้าบนโต๊ะก็เต็มไปด้วยขวดบรั่นดีเข้มข้นสูงมากกว่า 12 ขวด เมื่อเห็นว่าทั้งสองดื่มโหดมากขนาดนี้ ก็เป็นที่ดึงดูดความสนใจจากกลุ่มนักชิมรอบข้างเป็นอย่างมาก

ซูรั่วเสวี่ยรู้สึกอยากรู้อยากเห็นขึ้นมาทันที เมื่อเห็นว่าเสิ่นหลางดื่มมากขนาดนี้แต่กลับดูเหมือนคนปกติ

ทันใดนั้นเธอก็รู้สึกว่าเสิ่นหลางดูเป็นคนลึกลับ ผู้ชายคนนี้ไม่ธรรมดาเหมือนอย่างที่เธอคิดไว้

“คุณ...คุณนี่ดื่มเก่งจริง ๆ ผม...ผมขอชื่นชมคุณเลย นี่... อย่างที่เขาว่ากัน พบคนรู้ใจ ดื่มกันพันจอกยังว่าน้อย เรามาดื่มต่อกันเถอะ... เอาอีก!" จางเหวินจื้อเมาจนหัวหมุน

“เยี่ยม”

เสิ่นหลางยิ้มอย่างสะใจอยู่ที่มุมปาก

หลังจากดื่มบรั่นดีมากกว่า10แก้วแล้ว จางแหวินจื้อก็มีอาการคลุ้มคลั่ง เขากอดโต๊ะและเริ่มดื่มอย่างเมามัน กระโดดโลดเต้นและพูดจาไร้สาระ

หลังจากนั้นไม่นาน จางเหวินจื้อก็ร้องไห้ฟูมฟายออกมา

“คุณคะ คุณเป็นอะไรคะ...” พนักงานเสิร์ฟชาวฝรั่งเศสหลายคนตกใจ

ซูรั่วเสวี่ยขมวดคิ้วเมื่อเห็นว่าจางเหวินจื้อเมามากแล้ว เธออดไม่ได้ที่จะถามอย่างเป็นห่วงว่า: "จางเหวินจื้อ คุณอยากไปโรงพยาบาลไหม?"

จางเหวินจื้อปัดมือของซูรั่วเสวี่ยทิ้งและร้องไห้หนักกว่าเดิม ร้องไห้และตะโกนพูดว่า "ฉันเป็นโรคไตพร่อง ฉันหมกมุ่นมากเกินไป ฉันช่วยตัวเอง วู้หู้ว ฉันไม่ใช่มนุษย์..."

“พู...” ซูรั่วเสวี่ยรีบปิดปากของเธอ พยายามไม่ให้ตัวเองหัวเราะ หน้าเธอแดงและรู้สึกอายจนทำตัวไม่ถูก

เมื่อมองไปยังใบหน้าที่ยิ้มแย้มของซูรั่วเสวี่ย เสิ่นหลางก็หลุดไปครู่หนึ่ง ต้องยอมรับว่าเธอสวยจริง ๆ เวลาที่เธอยิ้มใบหน้าที่ยิ้มแย้มนี้ช่างคล้ายกับสาวน้อยในความทรงจำเสียจริง

ท่านประธานที่เย็นชาคนนี้ยังมีอารมณ์ขันอยู่

เมื่อเห็นเสิ่นหลางจ้องมองเธอตลอดเวลา หน้าที่สวยงามของซูรั่วเสวี่ยก็เลิ่กลั่ก ทำตัวไม่ถูกและพูดอย่างเย็นชาว่า: "เสิ่นหลาง ดูคุณสิ ทำให้คนอื่นเมาขนาดนี้!"

“นี่เขาหาเรื่องใส่ตัวเองนะ เอาล่ะ เราไปกันเถอะ” เสิ่นหลางยิ้มเบา ๆ

“แล้วจางเหวินจื้อล่ะ จะทำยังไงดี?” ซูรั่วเสวี่ยถาม

“ปล่อยผู้ชายคนนี้ไว้คนเดียวเถอะ เดี๋ยวเขาก็จะส่างเมาเอง" เสิ่นหลางส่ายหัวและจับมือเล็ก ๆ ของซูรั่วเสวี่ยโดยที่ไม่รู้ตัว

ผู้หญิงที่อ่อนโยนเช่นนี้ ทำให้เสิ่นหลางใจเต้นแล้วไม่รู้กี่ครั้ง

เสียงหัวใจของซูรั่วเสวี่ยเต้นไม่เป็นจังหวะและหดตัวลงอย่างรวดเร็ว จ้องมองที่เสิ่นหลางด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อย รู้สึกว่าผู้ชายคนนี้ตั้งใจที่จะแต๊ะอั๋งตัวเอง

จางเหวินจื้อยังคงร้องไห้อยู่ตรงนั้น และลูกค้าที่มารับประทานอาหารรอบ ๆ มองไปที่จางเหวินจื้อด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง สงสัยว่ามีบางอย่างผิดปกติกับสมองของเขาหรือเปล่า

ทั้งสองไม่สนใจเขาและเดินออกจากประตูร้านอาหารเข้าไปในรถทันที

ภายในรถ ซูรั่วเสวี่ยอดไม่ได้ที่จะถามว่า "เสิ่นหลาง คุณ...เคยเรียนที่ต่างประเทศหรือเปล่า"

“ฉันเคยอยู่ต่างประเทศแต่ไม่เคยเรียนที่ต่างประเทศ? ยังไงก็ตาม ฉันไม่เคยเรียนมหาวิทยาลัย” เสิ่นหลางหัวเราะเบา ๆ

ซูรั่วเสวี่ยรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย: "คุณไม่เคยเรียนมหาวิทยาลัย แล้วทำไมคุณ..."

“ทำไม? คิดว่าฉันเก่งหรอ?” เสิ่นหลางยิ้มมุมปาก

ซูรั่วเสวี่ยยักคิ้วของเธอและพูดด้วยน้ำเสียงหยิ่งผยอง: "เอาล่ะ อย่ายกย่องตัวเองเกินไปหน่อยเลย ถึงคุณจะเก่งขนาดไหนก็ตาม ก็ไม่ได้สำคัญอะไรสำหรับฉัน"

เสิ่นหลางพูดไม่ออก สาวสวยคนนี้จะพูดจาดี ๆ กับคนอื่นไม่ได้เลยหรือไง? ชมเขาหน่อยไม่ได้เลยหรอ?

หลังจากที่ผ่านเรื่องเมื่อสักครู่มา ซูรั่วเสวี่ยรู้สึกคลุมเครือว่าเสิ่นหลางไม่น่าจะใช่คนขี้เกียจอย่างที่เธอคิด และความประทับใจของเธอที่มีต่อชายคนนี้ก็ค่อย ๆ เปลี่ยนไป

“เสิ่นหลาง เนื่องจากคุณพูดภาษาฝรั่งเศสได้ บริษัทของเราขาดนักแปลภาษาฝรั่งเศสอยู่ คุณสามารถมาที่บริษัทของเราเพื่อเป็นล่ามได้ และเงินเดือนก็ค่อนข้างดีเลย" ซูรั่วเสวี่ยพูด

“ไม่ต้องหรอก อย่างที่ฉันพูดไปก่อนหน้านี้ ฉันมีงานทำแล้ว” เสิ่นหลางตอบกลับ

ซูรั่วเสวี่ยก็ไม่ได้พูดอะไรอีก ในใจรู้สึกโกรธเพียงเล็กน้อย เธอไม่คิดว่าเสิ่นหลางจะสามารถหางานที่เหมาะสมได้จริง ๆ

เห็นได้ชัดว่าตัวเองมีเจตนาที่ดี ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงต่อต้านเธออยู่เรื่อย

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

61