บทที่ 6 ทุกคนนี่เป็นคนดีจริงๆล่ะ
by เหรินเซิงจีตู
09:06,Apr 12,2021
เมื่อไม่มีเย่อิ่งเสวี่ยอยู่ข้างกาย หยางเฟยก็หาร้านคาเฟนั่ง กินอาหารฟาสต์ฟู้ดสำหรับสองคนที่ก่อนหน้านี้กินไม่หมดไปพลาง มองสาวสวยที่ใส่ผ้าเย็นสบายท่ามกลางอากาศร้อนอบอ้าวของเดือนแปดในปักกิ่งที่เดินอยู่บนถนนด้านนอก ในปากก็ส่งเสียงจุ๊ปากไม่หยุด
"ซวนโจวนี่เทียบกับนครปักกิ่งไม่ได้จริงๆด้วย จำนวนและคุณภาพของสาวสวยที่นี่ล้วนมีมากกว่าหลายเท่าเลยเชียว"
"ผู้หญิงคนนั้นใส่เสื้อผ้ากลับด้านหรือเปล่า? ทำไมเปลือยหลัง ที่เปิดออกไม่ใช่ควรจะเป็นด้านหน้าหรือ?"
"เฮ้อ สิ่งประดิษฐ์ที่น่าล้มเหลวทที่สุดของอารยธรรมมนุษย์คือกางเกงซับใน ทำให้ความเชื่อใจในระหว่างผู้คนหายไป หรือถ้าคุณไม่ใส่เลคกิ้ง คนเขาก็จะแอบดูหรือ?"
"ผู้หญิงคนนั้นใช้อะไรดูน่ะ ทำไมเอาไอ้หมูตอนร้อยกิโลมาเป็นแฟน กลางคืนไม่กลัวถูกทับตายหรือ?"
"..."
เสียงไม่นับว่าดังมาก แต่ก็ไม่นับว่าเบา แขกโต๊ะใกล้ๆล้วนได้ยินได้ แต่ละคนมองไปที่หยางเฟยด้วยสายตารังเกียจ ยังมีบางคนเดินไปหาพนักงานเพื่อร้องเรียนอีกด้วย
คนของร้านอาหารกลัวว่าแขกจะออกจากร้านไปเพราะหยางเฟย ก็รีบเรียกพนักงานคนหนึ่งมา "คุณลูกค้า มื้อนี้พวกเราให้คุณทานฟรีไม่คิดเงิน แต่รบกวนให้คุณออกจากร้านไปนะครับ เหล่าแขกล้วนไม่พอใจคุณแล้ว"
หยางเฟยที่ไม่อยากกินจนหมดคำสุดท้ายแล้วตบลงบนโต๊ะฝ่ามือหนึ่งแล้วยืนขึ้น "ไม่พอใจอะไร? ผมก็พูดออกมาอย่างเปิดเผย นิสัยลูกผู้ชายที่สง่าผ่าเผย แล้วร้านอาหารของพวกคุณนี่ยังไงกัน ผมเป็นขอทานที่กินข้าวแล้วไม่ให้เงินหรือ?"
"ไม่ใช่ว่าคุณไม่ให้เงิน เป็นพวกเราเองที่ไม่ต้องการเงินของคุณ"
ได้ยินพนักงานอธิบายสีหน้าหยางเฟยก็ผ่อนลงเล็กน้อย เดินไปที่หน้าต่างของห้องครัวหยิบน่องไก่ชิ้นโตชิ้นหนึ่ง เดินกินออกไปข้างนอกพลาง "เฮ้อ ดูเหมือนว่าวันนี้จะไม่ได้พกเงินตัวมาจริงๆ ขอบคุณทุกคนที่ร้องเรียนผม ขอบคุณพวกคุณที่ให้ผมไปโดยไม่เอาเงิน ทุกคนนี่เป็นคนดีจริงๆล่ะ!"
ได้ยินคำของหยางเฟยมีคนในนั้นกระทืบเท้าอย่างขุ่นเคือง ในร้านคาเฟเองก็เงียบไปครู่หนึ่ง จนถึงตอนที่มองไม่เห็นหยางเฟยแล้วถึงจะมีปฏิกิริยากลับมา แต่ละคนอยู่ในนั้นด่าความไร้ยางอายของหยางเฟย ที่ใช้วิธีเช่นนี้กินอาหารโดยไม่จ่ายเงิน
หยางเฟยที่ออกไปแล้วไม่ได้สนใจเลยว่าคนอื่นจะพูดถึงตนเองยังไง แทะน่องไก่ชิ้นโตเดินไปบนถนน ชื่นชมสาวสวยที่เดินผ่านต่อไป และก็เดินมาถึงหน้าร้านชานมร้านหนึ่งโดยไม่รู้ตัว กำลังเตรียมที่จะพักผ่อนใต้ร่มกันแดดบนถนนด้านตรงข้ามก็เกิดเสียงวุ่นวายขึ้น
"คุณหนูหย่าอวิ้นโรคกำเริบแล้ว รีบไปเรียกหมอเฉินที่อยู่ในรถออกมาเร็ว"
"ไปเรียกแล้ว กำลังมาอย่างเร็ว ลุงอันคุณอย่าเพิ่งร้อนรน"
"ไม่ร้อนรนได้หรือ? รีบล้อมตัวคุณหนูหย่าอวิ้นก่อน ห้ามให้ใครเข้ามาใกล้"
หยางเฟยก็มองตามไป เห็นอีกฝั่งสับสนวุ่นวาย คนเจ็ดแปดคนสวมสูทดำใส่แว่นตาดำกำลังให้คนสัญจรไปมาออกห่าง ชายชราคนหนึ่งที่ผมค่อนข้างเป็นสีดอกเลากำลังร้องตะโกนไปทางด้านนั้นอย่างร้อนรน ได้ยินกลุ่มคนพูดกันว่าเหมือนจะมีคนอาการของโรคกำเริบ
ก็ไม่ได้มีเรื่องอะไร สัญชาตญาณชนิดหนึ่งจากความเป็นหมอ หยางเฟยผิวปากอย่างเยาะเย้ยเดินไปยังด้านตรงข้าม ดูว่าเกิดอะไรขึ้น
สุดท้ายเพิ่งจะถึงด้านตรงข้าม ชายคนหนึ่งที่สวมสูทดำแว่นตาดำเช่นเดียวกันก็พาชายที่ดูสุภาพเรียบร้อยอายุราวสามสิบปีวิ่งมาถึงด้านหน้า ทั้งยังใช้มือผลักหยางเฟยออก "ลุงอัน หมอเฉินมาแล้ว"
คนเหล่านี้ดูแล้วฐานะไม่ธรรมดา ก่อนนี้หยางเฟยที่มาปักกิ่งในการแลกเปลี่ยนของเฉินชุ่ยอดทนจากการถูกผลักออก เลี่ยงการเกิดความยุ่งยากวุ่นวาย
ซินอันยืนขึ้นดึงไหล่ของชายเรียบร้อยคนนั้น "คุณหนูหย่าอวิ้นจู่ๆก็อาการกำเริบ คุณรีบหาวิธีเร็วเข้า"
ชายเรียบร้อยพยักหน้ารีบคุกเข่าสำรวจ หยางเฟยเองก็เอียงหัวมองเข้าไปด้านใน หลังจากเห็นคนที่อาการกำเริบชัดเจนแล้วหยางเฟยก็เดาะลิ้น คุณภาพความสวยของสาวสวยคนนี้ก็จะสวยมากเกินไปหน่อยแล้วหรือเปล่า?
บนร่างสวมชุดกระโปรงสีขาวที่คาดว่าคงจะวัดตัวสั่งตัดโดยเฉพาะ รูปร่างที่กำลังดีปรากฏส่วนเว้าส่วนโค้งของหญิงสาว โดยเฉพาะที่ในเวลานี้นอนลงหายใจหอบหืดร่างกายด้านหน้ากระเพื่มขึ้นลงราวคลื่นอย่างไม่หยุด ยิ่งทำให้คนตาลาย ชิ้นส่วนทั้งห้าถูกสร้างมาอย่างพิถีพิถันงดงาม แม้ว่าจะบิดเบี้ยวซีดขาวเล็กน้อยเพราะเกี่ยวกับอาการของโรคกำเริบ ก็ปกปิดความงดงามของหญิงสาวไว้ไม่มิด
เชื่อว่าหากไม่ใช่อาการของโรคกำเริบ ผู้หญิงคนนี้จะต้องเป็นสาวสวยที่สุดคนหนึ่งที่ไม่ว่าเดินไปทางไหนก็สามารถดึงดูดสายตาของผู้ชายได้
แต่ว่าเพียงชื่นชมเล็กน้อยหยางเฟยก็ถูกอาการที่เธอแสดงออกมาดึงดูดความสนใจ ร่างกายเกร็งกระตุกเล็กน้อย สองมือกำแน่นเป็นหมัด ใบหน้าซีดไร้สีเลือดแม้แต่น้อย ใบหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย นอกจากนี้ บนร่างกายเธอสามารถมองเห็นไอสีขาวปรากฏออกมาจางๆ ก็เหมือนกับไอสีขาวที่เกิดตอนที่น้ำแข็งก้อนหนึ่งถูกโยนไว้ภายใต้แสงอาทิตย์ค่อยๆละลายลงไปอย่างไรอย่างนั้น
ผ่านการสั่งสอนของหยางหงเทียนมาหลายปี บวกกับพื้นฐานความชำนาญของตนเองในการตรวจและวิเคราะห์โรคตามอาการและสภาพร่างกายทั้ง4อย่างคือการดู การดม/ฟัง การสอบถามอาการ การจับชีพจร หยางเฟยก็ตัดสินออกมาได้ว่าอาการที่หญิงสาวแสดงออกมาก็คือกลุ่มอาการเลือดเย็น
กลุ่มอาการเลือดเย็นก็เหมือนโรคขี้หนาวโดยกำเนิด ติดตัวมาตั้งแต่เกิด สิ่งที่ไม่เหมือนกันคือโรคขี้หนาวเป็นความรู้สึกรับรู้ของผิวหนังร่างกาย แต่กลุ่มอาการเลือดเย็นเป็นโรคร้ายแรงที่มาจากภายในสู่ภายนอก ในตอนที่อาการกำเริบเลือดอุ่นร้อนในร่างกายจะลดอุณหภูมิแช่แข็งอย่างรวดเร็ว และตอนที่อากาศยิ่งร้อนอาการกำเริบก็ยิ่งหนัก หากไม่รีบเข้าล่ะก็ อวัยวะภายในร่างกายทั้งหมดจะต้องได้รับผลกระทบแน่นอน
ขั้นเบาก็จะเป็นโรคเรื้อรังหลายโรค ขั้นหนักก็มีความเป็นไปได้ว่ากลายเป็นเจ้าหญิงนิทรานอนเป็นผัก หรือกระทั่งว่าตายไป
สถานการณ์ของหญิงสาววันนี้ดูแล้วว่าเป็นระยะหลังของกลุ่มอาการเลือดเย็นแล้ว และครั้งแรกที่อาการกำเริบมาจนถึงวันนี้ก็ไม่ต่ำกว่าระยะเวลาสิบแปดปี
นอกจากนี้โรคนี้มีเพียงเพศหญิงที่จะเป็น และก็มีบางคนที่หยินในมดลูกแปรเปลี่ยนเป็นความเย็นไม่มีสามารถให้กำเนิดบุตรหลายเป็นแม่คนได้ หญิงสาวตรงหน้าคนนี้สวยขนาดนี้ และยังอายุน้อยท่าทางอายุประมาณยี่สิบปี หยางเฟยก็อดไม่ได้ที่จะเข้าใจความรู้สึกในความโชคไม่ดีของเธอ ได้รับโรคที่ยากที่จะในการรักษาอย่างง่ายๆ
ซินอันเห็นเฉินเย่าถิงคุกเข่าตรวจสอบแต่กลับไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง รีบจนใช้มือหนึ่งดึงเขาขึ้นมา "คุณมีหรือไม่มีวิธีกันแน่? ตระกูลไป๋ของพวกเราเชิญคุณมาเป็นหมอส่วนตัวของคุณหนูหย่าอวิ้น ไม่ใช่ให้คุณมาดูอยู่เช่นนี้"
อย่ามองว่าซินอันเป็นคนที่อายุใกล้จะหกสิบแล้ว กำลังไม่เบาแม้แต่นิด เฉินเย่าถิงถูกเขาดึงไว้เดิมทีก็ดิ้นไม่หลุด ทำได้เพียงวอนขอเสียงรน "ลุงอัน คุณหนูหย่าอวิ้นเป็นเพียงโรคอาการเดิม ผมฉีดยาควบคุมความดันเลือดเข็มหนึ่งให้เธอก่อนให้เธอสงบลงลดความเร็วในการลดอุณหภูมิของเลือด หลังจากนั้นรีบพาเธอกลับบ้าน ใช้เครื่องมือกำจัดความเย็นให้เธอ เช่นนั้นก็ไม่เป็นไรแล้ว"
ได้ยินคำพูดแล้วซินอันก็ปล่อยเฉินเย่าถิงและตะโกนสั่ง "เช่นนั้นคุณก็รีบรักษาให้ดี ถ้าคุณหนูเกิดเรื่องอะไรขึ้น ผมรับรองได้ว่าจะไม่ให้คุณอยู่อย่างสุขสบายแน่นอน"
ในตอนแรกตอนที่ตระกูลไป๋เชิญเขากลับประเทศเพื่อเป็นหมอส่วนตัวโดยเฉพาะของไป๋หย่าอวิ้นนั้นเฉินเย่าถิงยังรู้สึกว่าเป็นโอกาสของตนเอง เมื่อรักษาไป๋หย่าอวิ้นจนหายดีแล้วก็จะสามารถพุ่งทะยานขึ้นฟ้าผ่านทางตระกูลไป๋
แต่ตอนนี้เขารู้ว่าตนเองคิดผิดไปแล้ว กลุ่มอาการเลือดเย็นของไป๋หย่าอวิ้นถูกพบในตอนอายุสองขวบ สิบเก้าปีมานี้ตระกูลไป๋เชิญผู้เชี่ยวชาญทั้งในและต่างประเทศมาไม่น้อยมาดูแลรักษาหมดแล้ว กระทั่งคนในวงการแพทย์ของจีนที่เป็นตัวแทนของหอแพทย์แผนจีนล้วนเคยเชิญมาแล้ว แต่ก็ไม่สามารถเกิดผลได้แม้แต่น้อย ตอนนี้เขาเป็นหมอส่วนตัวให้กับไป๋หย่าอวิ้น สามารถคงระดับให้ไม่แย่ลงก็นับว่าไม่เลวแล้ว แล้วจะสามารถรักษาให้หายดีได้อย่างไร?
แน่นอนว่าเขาที่ในใจจะคิดยังไงก็คงไม่กล้าพูดออกไป เพียงกล้าที่จะด่าไป๋หย่าอวิ้นในใจว่าอากาศวันนี้ร้อนขนาดนี้ก็ยังจะออกมาหาเรื่องตาย อีกด้านหนึ่งก็รีบเปิดกล่องรักษาพยาบาลที่พกมากับตัวหยิบยาควบคุมความดันเลือดเข็มหนึ่ง เตรียมตัวฉีดให้ไป๋หย่าอวิ้นสงบลงก่อนแล้วค่อยว่ากัน
"ถ้าพวกคุณไม่อยากให้โรคของเธอเป็นหนักขึ้นล่ะก็ ทางที่ดีที่สุดก็คืออย่าฉีดยานี้ รีบพาไปโรงพยาบาลดำเนินการถ่ายเลือดลดความทรมาน"
ในตอนที่เฉินเย่าถิงเตรียมตัวฉีดยาในกลุ่มคนก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น เฉินเย่าถิงที่ในเวลานี้เพียงคิดอยากให้ไป๋หย่าอวิ้นสงบลงโดยเร็วจะได้ให้เธอขัดขืนไม่ได้นั้นโกรธในฉับพลัน ใบหน้าที่สุภาพขึ้นสีในทันที "ใครกัน? ไม่รู้ก็อย่าพูดมั่ว!"
เขารีบจะตายอยู่แล้ว กลับมีคนไม่มีตาดูปากมาก จากที่เขาดูแล้วนั่นก็เพื่อมาทำร้ายเขา
หยางเฟยสีหน้าอิดหนาระอาใจผลักคนด้านหน้าให้ออกไป ถูกบอดี้การ์ดชุดดำสองคนดักทางไว้ถึงจะหยุดลง "ถ้าคุณเป็นหมอเฉพาะทางจริงๆ เช่นนั้นก็ห้ามฉีดยานี้ เช่นนั้นไม่เพียงไร้ประโยชน์ ก็ยังเป็นการทำร้ายเธออีกด้วย!"
เดิมทีหยางเฟยคิดเพียงจะดูความสนุกเท่านั้น ไม่ได้คิดเข้าไปแทรกความสนุก
แต่เห็นวิธีการรักษาของเฉินเย่าถิงแล้ว หยางเฟยก็ยังอดส่งเสียงออกไปไม่ได้ ไม่เช่นนั้นหากให้เขาฉีดยาลงไปจริงๆ จะต้อวเป็นการเพิ่มอาการป่วยของผู้ป่วยแน่นอน กระทั่งว่าสามารถทำให้ไป๋หย่าอวิ้นเป็นคนสวยที่สิ้นลมหายใจ
เพราะในเวลานี้อาการกลุ่มอาการเลือดเย็นของไป๋หย่าอวิ้นอยู่ในระยะหลังแล้ว ยาควบคุมความดันเลือดที่ก่อนหน้านี้อาจจะมีประโยชน์กับเธอตอนนี้ไม่มีประโยชน์ใดๆขึ้นมาแล้ว กลับกันจะทำให้สถานการณ์ป่วยของเธอย่ำแย่ลง
เป็นหมอคนหนึ่ง หยางเฟยสามารถทำตามความปรารถนาสุดท้ายของปู่ได้ด้วยการไม่ลงมือ แต่กลับไม่สามารถยืนมองคนหนึ่งคน โดยเฉพาะสาวสวยที่มองแล้วเพลินหูเพลินตาตรงหน้าตนเองถูกรักษาจนตายได้ ดังนั้นจึงส่งเสียงออกตักเตือน
เฉินเย่าถิงก่อนหน้านี้ล้วนทำตามวิธีเช่นนี้ทำการรักษาให้กับไป๋หย่าอวิ้น ในเวลานี้กลับถูกคนยืนออกมาโต้กลับว่าไร้ประโยชน์ เขายืดร่างยืนขึ้นมา อดทนไม่ด่าคำหยาบคายสกปรก มองหยางเฟยที่พูดจา เห็นเสื้อผ้าของเขาเก่าขาด มุมปากยังมีน้ำมันเยิ้มที่หลงเหลืออยู่จากการแทะน่องไก่ ในส่วนลึกของสายตาก็ปรากฏแววเหยียดหยามแวบหนึ่งออกมา
"คุณเป็นใครกัน? มีสิทธิ์อะไรมาสงสัยผมซึ่งได้รับหนังสือรับรองผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันการรักษาพยาบาลอันดับต้นๆของยุโรปที่มอบให้มาแล้ว?"
"ซวนโจวนี่เทียบกับนครปักกิ่งไม่ได้จริงๆด้วย จำนวนและคุณภาพของสาวสวยที่นี่ล้วนมีมากกว่าหลายเท่าเลยเชียว"
"ผู้หญิงคนนั้นใส่เสื้อผ้ากลับด้านหรือเปล่า? ทำไมเปลือยหลัง ที่เปิดออกไม่ใช่ควรจะเป็นด้านหน้าหรือ?"
"เฮ้อ สิ่งประดิษฐ์ที่น่าล้มเหลวทที่สุดของอารยธรรมมนุษย์คือกางเกงซับใน ทำให้ความเชื่อใจในระหว่างผู้คนหายไป หรือถ้าคุณไม่ใส่เลคกิ้ง คนเขาก็จะแอบดูหรือ?"
"ผู้หญิงคนนั้นใช้อะไรดูน่ะ ทำไมเอาไอ้หมูตอนร้อยกิโลมาเป็นแฟน กลางคืนไม่กลัวถูกทับตายหรือ?"
"..."
เสียงไม่นับว่าดังมาก แต่ก็ไม่นับว่าเบา แขกโต๊ะใกล้ๆล้วนได้ยินได้ แต่ละคนมองไปที่หยางเฟยด้วยสายตารังเกียจ ยังมีบางคนเดินไปหาพนักงานเพื่อร้องเรียนอีกด้วย
คนของร้านอาหารกลัวว่าแขกจะออกจากร้านไปเพราะหยางเฟย ก็รีบเรียกพนักงานคนหนึ่งมา "คุณลูกค้า มื้อนี้พวกเราให้คุณทานฟรีไม่คิดเงิน แต่รบกวนให้คุณออกจากร้านไปนะครับ เหล่าแขกล้วนไม่พอใจคุณแล้ว"
หยางเฟยที่ไม่อยากกินจนหมดคำสุดท้ายแล้วตบลงบนโต๊ะฝ่ามือหนึ่งแล้วยืนขึ้น "ไม่พอใจอะไร? ผมก็พูดออกมาอย่างเปิดเผย นิสัยลูกผู้ชายที่สง่าผ่าเผย แล้วร้านอาหารของพวกคุณนี่ยังไงกัน ผมเป็นขอทานที่กินข้าวแล้วไม่ให้เงินหรือ?"
"ไม่ใช่ว่าคุณไม่ให้เงิน เป็นพวกเราเองที่ไม่ต้องการเงินของคุณ"
ได้ยินพนักงานอธิบายสีหน้าหยางเฟยก็ผ่อนลงเล็กน้อย เดินไปที่หน้าต่างของห้องครัวหยิบน่องไก่ชิ้นโตชิ้นหนึ่ง เดินกินออกไปข้างนอกพลาง "เฮ้อ ดูเหมือนว่าวันนี้จะไม่ได้พกเงินตัวมาจริงๆ ขอบคุณทุกคนที่ร้องเรียนผม ขอบคุณพวกคุณที่ให้ผมไปโดยไม่เอาเงิน ทุกคนนี่เป็นคนดีจริงๆล่ะ!"
ได้ยินคำของหยางเฟยมีคนในนั้นกระทืบเท้าอย่างขุ่นเคือง ในร้านคาเฟเองก็เงียบไปครู่หนึ่ง จนถึงตอนที่มองไม่เห็นหยางเฟยแล้วถึงจะมีปฏิกิริยากลับมา แต่ละคนอยู่ในนั้นด่าความไร้ยางอายของหยางเฟย ที่ใช้วิธีเช่นนี้กินอาหารโดยไม่จ่ายเงิน
หยางเฟยที่ออกไปแล้วไม่ได้สนใจเลยว่าคนอื่นจะพูดถึงตนเองยังไง แทะน่องไก่ชิ้นโตเดินไปบนถนน ชื่นชมสาวสวยที่เดินผ่านต่อไป และก็เดินมาถึงหน้าร้านชานมร้านหนึ่งโดยไม่รู้ตัว กำลังเตรียมที่จะพักผ่อนใต้ร่มกันแดดบนถนนด้านตรงข้ามก็เกิดเสียงวุ่นวายขึ้น
"คุณหนูหย่าอวิ้นโรคกำเริบแล้ว รีบไปเรียกหมอเฉินที่อยู่ในรถออกมาเร็ว"
"ไปเรียกแล้ว กำลังมาอย่างเร็ว ลุงอันคุณอย่าเพิ่งร้อนรน"
"ไม่ร้อนรนได้หรือ? รีบล้อมตัวคุณหนูหย่าอวิ้นก่อน ห้ามให้ใครเข้ามาใกล้"
หยางเฟยก็มองตามไป เห็นอีกฝั่งสับสนวุ่นวาย คนเจ็ดแปดคนสวมสูทดำใส่แว่นตาดำกำลังให้คนสัญจรไปมาออกห่าง ชายชราคนหนึ่งที่ผมค่อนข้างเป็นสีดอกเลากำลังร้องตะโกนไปทางด้านนั้นอย่างร้อนรน ได้ยินกลุ่มคนพูดกันว่าเหมือนจะมีคนอาการของโรคกำเริบ
ก็ไม่ได้มีเรื่องอะไร สัญชาตญาณชนิดหนึ่งจากความเป็นหมอ หยางเฟยผิวปากอย่างเยาะเย้ยเดินไปยังด้านตรงข้าม ดูว่าเกิดอะไรขึ้น
สุดท้ายเพิ่งจะถึงด้านตรงข้าม ชายคนหนึ่งที่สวมสูทดำแว่นตาดำเช่นเดียวกันก็พาชายที่ดูสุภาพเรียบร้อยอายุราวสามสิบปีวิ่งมาถึงด้านหน้า ทั้งยังใช้มือผลักหยางเฟยออก "ลุงอัน หมอเฉินมาแล้ว"
คนเหล่านี้ดูแล้วฐานะไม่ธรรมดา ก่อนนี้หยางเฟยที่มาปักกิ่งในการแลกเปลี่ยนของเฉินชุ่ยอดทนจากการถูกผลักออก เลี่ยงการเกิดความยุ่งยากวุ่นวาย
ซินอันยืนขึ้นดึงไหล่ของชายเรียบร้อยคนนั้น "คุณหนูหย่าอวิ้นจู่ๆก็อาการกำเริบ คุณรีบหาวิธีเร็วเข้า"
ชายเรียบร้อยพยักหน้ารีบคุกเข่าสำรวจ หยางเฟยเองก็เอียงหัวมองเข้าไปด้านใน หลังจากเห็นคนที่อาการกำเริบชัดเจนแล้วหยางเฟยก็เดาะลิ้น คุณภาพความสวยของสาวสวยคนนี้ก็จะสวยมากเกินไปหน่อยแล้วหรือเปล่า?
บนร่างสวมชุดกระโปรงสีขาวที่คาดว่าคงจะวัดตัวสั่งตัดโดยเฉพาะ รูปร่างที่กำลังดีปรากฏส่วนเว้าส่วนโค้งของหญิงสาว โดยเฉพาะที่ในเวลานี้นอนลงหายใจหอบหืดร่างกายด้านหน้ากระเพื่มขึ้นลงราวคลื่นอย่างไม่หยุด ยิ่งทำให้คนตาลาย ชิ้นส่วนทั้งห้าถูกสร้างมาอย่างพิถีพิถันงดงาม แม้ว่าจะบิดเบี้ยวซีดขาวเล็กน้อยเพราะเกี่ยวกับอาการของโรคกำเริบ ก็ปกปิดความงดงามของหญิงสาวไว้ไม่มิด
เชื่อว่าหากไม่ใช่อาการของโรคกำเริบ ผู้หญิงคนนี้จะต้องเป็นสาวสวยที่สุดคนหนึ่งที่ไม่ว่าเดินไปทางไหนก็สามารถดึงดูดสายตาของผู้ชายได้
แต่ว่าเพียงชื่นชมเล็กน้อยหยางเฟยก็ถูกอาการที่เธอแสดงออกมาดึงดูดความสนใจ ร่างกายเกร็งกระตุกเล็กน้อย สองมือกำแน่นเป็นหมัด ใบหน้าซีดไร้สีเลือดแม้แต่น้อย ใบหน้าบิดเบี้ยวเล็กน้อย นอกจากนี้ บนร่างกายเธอสามารถมองเห็นไอสีขาวปรากฏออกมาจางๆ ก็เหมือนกับไอสีขาวที่เกิดตอนที่น้ำแข็งก้อนหนึ่งถูกโยนไว้ภายใต้แสงอาทิตย์ค่อยๆละลายลงไปอย่างไรอย่างนั้น
ผ่านการสั่งสอนของหยางหงเทียนมาหลายปี บวกกับพื้นฐานความชำนาญของตนเองในการตรวจและวิเคราะห์โรคตามอาการและสภาพร่างกายทั้ง4อย่างคือการดู การดม/ฟัง การสอบถามอาการ การจับชีพจร หยางเฟยก็ตัดสินออกมาได้ว่าอาการที่หญิงสาวแสดงออกมาก็คือกลุ่มอาการเลือดเย็น
กลุ่มอาการเลือดเย็นก็เหมือนโรคขี้หนาวโดยกำเนิด ติดตัวมาตั้งแต่เกิด สิ่งที่ไม่เหมือนกันคือโรคขี้หนาวเป็นความรู้สึกรับรู้ของผิวหนังร่างกาย แต่กลุ่มอาการเลือดเย็นเป็นโรคร้ายแรงที่มาจากภายในสู่ภายนอก ในตอนที่อาการกำเริบเลือดอุ่นร้อนในร่างกายจะลดอุณหภูมิแช่แข็งอย่างรวดเร็ว และตอนที่อากาศยิ่งร้อนอาการกำเริบก็ยิ่งหนัก หากไม่รีบเข้าล่ะก็ อวัยวะภายในร่างกายทั้งหมดจะต้องได้รับผลกระทบแน่นอน
ขั้นเบาก็จะเป็นโรคเรื้อรังหลายโรค ขั้นหนักก็มีความเป็นไปได้ว่ากลายเป็นเจ้าหญิงนิทรานอนเป็นผัก หรือกระทั่งว่าตายไป
สถานการณ์ของหญิงสาววันนี้ดูแล้วว่าเป็นระยะหลังของกลุ่มอาการเลือดเย็นแล้ว และครั้งแรกที่อาการกำเริบมาจนถึงวันนี้ก็ไม่ต่ำกว่าระยะเวลาสิบแปดปี
นอกจากนี้โรคนี้มีเพียงเพศหญิงที่จะเป็น และก็มีบางคนที่หยินในมดลูกแปรเปลี่ยนเป็นความเย็นไม่มีสามารถให้กำเนิดบุตรหลายเป็นแม่คนได้ หญิงสาวตรงหน้าคนนี้สวยขนาดนี้ และยังอายุน้อยท่าทางอายุประมาณยี่สิบปี หยางเฟยก็อดไม่ได้ที่จะเข้าใจความรู้สึกในความโชคไม่ดีของเธอ ได้รับโรคที่ยากที่จะในการรักษาอย่างง่ายๆ
ซินอันเห็นเฉินเย่าถิงคุกเข่าตรวจสอบแต่กลับไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง รีบจนใช้มือหนึ่งดึงเขาขึ้นมา "คุณมีหรือไม่มีวิธีกันแน่? ตระกูลไป๋ของพวกเราเชิญคุณมาเป็นหมอส่วนตัวของคุณหนูหย่าอวิ้น ไม่ใช่ให้คุณมาดูอยู่เช่นนี้"
อย่ามองว่าซินอันเป็นคนที่อายุใกล้จะหกสิบแล้ว กำลังไม่เบาแม้แต่นิด เฉินเย่าถิงถูกเขาดึงไว้เดิมทีก็ดิ้นไม่หลุด ทำได้เพียงวอนขอเสียงรน "ลุงอัน คุณหนูหย่าอวิ้นเป็นเพียงโรคอาการเดิม ผมฉีดยาควบคุมความดันเลือดเข็มหนึ่งให้เธอก่อนให้เธอสงบลงลดความเร็วในการลดอุณหภูมิของเลือด หลังจากนั้นรีบพาเธอกลับบ้าน ใช้เครื่องมือกำจัดความเย็นให้เธอ เช่นนั้นก็ไม่เป็นไรแล้ว"
ได้ยินคำพูดแล้วซินอันก็ปล่อยเฉินเย่าถิงและตะโกนสั่ง "เช่นนั้นคุณก็รีบรักษาให้ดี ถ้าคุณหนูเกิดเรื่องอะไรขึ้น ผมรับรองได้ว่าจะไม่ให้คุณอยู่อย่างสุขสบายแน่นอน"
ในตอนแรกตอนที่ตระกูลไป๋เชิญเขากลับประเทศเพื่อเป็นหมอส่วนตัวโดยเฉพาะของไป๋หย่าอวิ้นนั้นเฉินเย่าถิงยังรู้สึกว่าเป็นโอกาสของตนเอง เมื่อรักษาไป๋หย่าอวิ้นจนหายดีแล้วก็จะสามารถพุ่งทะยานขึ้นฟ้าผ่านทางตระกูลไป๋
แต่ตอนนี้เขารู้ว่าตนเองคิดผิดไปแล้ว กลุ่มอาการเลือดเย็นของไป๋หย่าอวิ้นถูกพบในตอนอายุสองขวบ สิบเก้าปีมานี้ตระกูลไป๋เชิญผู้เชี่ยวชาญทั้งในและต่างประเทศมาไม่น้อยมาดูแลรักษาหมดแล้ว กระทั่งคนในวงการแพทย์ของจีนที่เป็นตัวแทนของหอแพทย์แผนจีนล้วนเคยเชิญมาแล้ว แต่ก็ไม่สามารถเกิดผลได้แม้แต่น้อย ตอนนี้เขาเป็นหมอส่วนตัวให้กับไป๋หย่าอวิ้น สามารถคงระดับให้ไม่แย่ลงก็นับว่าไม่เลวแล้ว แล้วจะสามารถรักษาให้หายดีได้อย่างไร?
แน่นอนว่าเขาที่ในใจจะคิดยังไงก็คงไม่กล้าพูดออกไป เพียงกล้าที่จะด่าไป๋หย่าอวิ้นในใจว่าอากาศวันนี้ร้อนขนาดนี้ก็ยังจะออกมาหาเรื่องตาย อีกด้านหนึ่งก็รีบเปิดกล่องรักษาพยาบาลที่พกมากับตัวหยิบยาควบคุมความดันเลือดเข็มหนึ่ง เตรียมตัวฉีดให้ไป๋หย่าอวิ้นสงบลงก่อนแล้วค่อยว่ากัน
"ถ้าพวกคุณไม่อยากให้โรคของเธอเป็นหนักขึ้นล่ะก็ ทางที่ดีที่สุดก็คืออย่าฉีดยานี้ รีบพาไปโรงพยาบาลดำเนินการถ่ายเลือดลดความทรมาน"
ในตอนที่เฉินเย่าถิงเตรียมตัวฉีดยาในกลุ่มคนก็มีเสียงหนึ่งดังขึ้น เฉินเย่าถิงที่ในเวลานี้เพียงคิดอยากให้ไป๋หย่าอวิ้นสงบลงโดยเร็วจะได้ให้เธอขัดขืนไม่ได้นั้นโกรธในฉับพลัน ใบหน้าที่สุภาพขึ้นสีในทันที "ใครกัน? ไม่รู้ก็อย่าพูดมั่ว!"
เขารีบจะตายอยู่แล้ว กลับมีคนไม่มีตาดูปากมาก จากที่เขาดูแล้วนั่นก็เพื่อมาทำร้ายเขา
หยางเฟยสีหน้าอิดหนาระอาใจผลักคนด้านหน้าให้ออกไป ถูกบอดี้การ์ดชุดดำสองคนดักทางไว้ถึงจะหยุดลง "ถ้าคุณเป็นหมอเฉพาะทางจริงๆ เช่นนั้นก็ห้ามฉีดยานี้ เช่นนั้นไม่เพียงไร้ประโยชน์ ก็ยังเป็นการทำร้ายเธออีกด้วย!"
เดิมทีหยางเฟยคิดเพียงจะดูความสนุกเท่านั้น ไม่ได้คิดเข้าไปแทรกความสนุก
แต่เห็นวิธีการรักษาของเฉินเย่าถิงแล้ว หยางเฟยก็ยังอดส่งเสียงออกไปไม่ได้ ไม่เช่นนั้นหากให้เขาฉีดยาลงไปจริงๆ จะต้อวเป็นการเพิ่มอาการป่วยของผู้ป่วยแน่นอน กระทั่งว่าสามารถทำให้ไป๋หย่าอวิ้นเป็นคนสวยที่สิ้นลมหายใจ
เพราะในเวลานี้อาการกลุ่มอาการเลือดเย็นของไป๋หย่าอวิ้นอยู่ในระยะหลังแล้ว ยาควบคุมความดันเลือดที่ก่อนหน้านี้อาจจะมีประโยชน์กับเธอตอนนี้ไม่มีประโยชน์ใดๆขึ้นมาแล้ว กลับกันจะทำให้สถานการณ์ป่วยของเธอย่ำแย่ลง
เป็นหมอคนหนึ่ง หยางเฟยสามารถทำตามความปรารถนาสุดท้ายของปู่ได้ด้วยการไม่ลงมือ แต่กลับไม่สามารถยืนมองคนหนึ่งคน โดยเฉพาะสาวสวยที่มองแล้วเพลินหูเพลินตาตรงหน้าตนเองถูกรักษาจนตายได้ ดังนั้นจึงส่งเสียงออกตักเตือน
เฉินเย่าถิงก่อนหน้านี้ล้วนทำตามวิธีเช่นนี้ทำการรักษาให้กับไป๋หย่าอวิ้น ในเวลานี้กลับถูกคนยืนออกมาโต้กลับว่าไร้ประโยชน์ เขายืดร่างยืนขึ้นมา อดทนไม่ด่าคำหยาบคายสกปรก มองหยางเฟยที่พูดจา เห็นเสื้อผ้าของเขาเก่าขาด มุมปากยังมีน้ำมันเยิ้มที่หลงเหลืออยู่จากการแทะน่องไก่ ในส่วนลึกของสายตาก็ปรากฏแววเหยียดหยามแวบหนึ่งออกมา
"คุณเป็นใครกัน? มีสิทธิ์อะไรมาสงสัยผมซึ่งได้รับหนังสือรับรองผู้เชี่ยวชาญจากสถาบันการรักษาพยาบาลอันดับต้นๆของยุโรปที่มอบให้มาแล้ว?"
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.webreadapp.com All rights reserved