บทที่ 10 สักส่วนก็ไม่มี
by เหรินเซิงจีตู
09:06,Apr 12,2021
เขตซีเฉิง สถานที่ที่มีคฤหาสน์ที่มีลานบ้านแบบโบราณจำนวนเป็นสิบหลังตั้งอาศัยอยู่
ย่านที่อยู่อาศัยและย่านการค้าที่อยู่รอบด้านถูกถูกแบ่งออกอย่างตั้งใจ ถนนด้านหน้าเส้นหนึ่งที่สามารถขับรถยนต์ได้สองคันก็มองไม่เห็นรถสักคัน แต่ห้าหกร้อยเมตรด้านนอกกลับรถติดหนักมาก แต่ก็ไม่มีใครขับรถบนถนนเส้นนี้
ที่นี่ก็คือพื้นที่ที่ประเทศสร้างขึ้นมาเป็นพิเศษ แบ่งไว้ให้แก่คนเหล่านั้นที่ประกอบอาชีพทั้งยังสร้างคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศอย่างใหญ่หลวงพักอาศัยอยู่ และเพื่อที่จะรับประกันความปลอดของคนที่อยู่ที่นี่และครอบครัวของพวกเขา ยังมีการจัดเหล่าทหารปักกิ่งหนึ่งกองร้อยดูแลปกป้องไว้ทั้งวันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ป้องกันการเกิดเหตุการณ์เหนือความคาดหมาย
เพราะคนที่อยู่ที่นี่ แทบจะเป็นคนสำคัญระดับสมบัติของประเทศในทุกฝ่ายทั้งหมดทุกคน แต่ละคนล้วนเป็นตัวแทนของความสุดยอดของแต่ละฝ่าย หากเกิดเหตุการณ์เหนือความคาดหมายขึ้น ก็จะเป็นการสูญเสียอย่างใหญ่หลวง
รถเก๋งสีแดงคันหนึ่งขับจากปากถนนเข้ามา หลังผ่านการตรวจของพนักงานรักษาความปลอดภัยแล้วก็ขับรถตรงเข้าไปด้านใน หยุดอยู่นอกคฤหาสน์หลังหนึ่ง ที่ประตูมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยถือปืนสองคนเฝ้าดูแลอยู่
ประตูรถพลันเปิดออก หยางเฟยที่ตัดผมแล้วตามเย่อิ่งเสวี่ยมาบ้านของเธอก็กระโดดลงมาจากรถ ลงมาถึงด้านข้างกำแพงคลื่นไส้โฮกฮากออกมา ไม่รู้ว่าเย่อิ่งเสวี่ยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจกันแน่ เดิมทีก็รถติดเธอยังขับรถแบบเดี๋ยวเบรกเดี๋ยวเร่ง อยู่บนถนนเดินทางทำเขาเสียจนมึนหัวกระเพาะกลับด้าน
เย่อิ่งเสวี่ยลงจากรถตามมา เห็นท่าทางหยางเฟยที่พะอืดพะอมได้รับความลำบากแอบขำ เธอค้นพบว่าหยางเฟยไม่เคยชินกับการนั่งรถยนต์ก็จงใจขับแบบเดี๋ยวเร่งเดี๋ยวเบรก ปล่อยความโกรธที่ได้รับมาในไม่กี่วันนี้ ตอนนี้ดูแล้วผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่เลวเลย
แน่นอนว่าได้จัดการหยางเฟยเธอเองก็ไม่มีทางที่จะแสดงออกมา "ตามฉันมา"
หยางเฟยที่สบายตัวเล็กน้อยแล้วเป่าลมหายใจออกไปเดินตามเย่อิ่งเสวี่ยเข้ามา บนถนนแม้แต่สักคนก็ยังไม่เห็น หยางเฟยถาม "สถานที่ที่ใหญ่แบบนี้ ทำไมไม่เห็นคนใช้คนเหล่านี้เลย?"
"ทุกสิบวันจะมีคนมาทำความสะอาดดูแล ไม่ต้องการคนใช้อะไร"
"เช่นนั้นคนของบ้านคุณทำไมก็ไม่เห็นล่ะ?
เย่อิ่งเสวี่ยที่เดินนำอยู่ด้านหน้าหยุดลง ขมวดคิ้วแล้วพูดเสียงดัง "ไม่เกี่ยวกับคุณ ตามมา!"
ก่อนหน้านี้ในนี้มีคนครอบครัวของคุณลุงคุณอาของเธอสักกี่คน แต่พี่น้องพวกลุงเหล่านั้นถือเอาตัวเองเป็นใหญ่ตลอดเวลา ใช้ฐานะของเย่จาวก่อเรื่องในคฤหาสน์แถบนี้จนเป็นสังคมที่เลวทรามป่าเถื่อน สุดท้ายแล้วก็ไม่มีหนทาง เย่จาวจึงเอาพวกพี่ๆน้องๆของเขาไม่กี่คนนี้ไล่ไปให้หมด และตั้งแต่นั้นมาในระหว่างญาติกันเองก็เปลี่ยนเป็นเหมือนคู่แค้นก็ไม่ปาน ไม่กี่ปีมานี้ล้วนไม่ได้มีการไปมาหาสู่แล้ว หยางเฟยในเวลานี้ถามขึ้น เธอเองก็ไม่คิดจะพูดมากความโดยปริยาย
หยางเฟยเบ้ปากอย่างฮึดฮัดเดินตามเธอไปตลอดทาง จนถึงห้องโถงใหญ่ด้านหลัง
ยังไม่ทันเข้าไปด้านในก็ได้ยินเสียงหัวเราะลอยออกมา เย่จาวที่สวมชุดเสื้อคอจีนสีขาวทั้งตัวก็เดินออกมาแล้ว "คุณก็คือหยางเฟยหลานชายของอาจารย์สินะ? เห็นคุณแล้วผมก็นึกถึงพ่อของคุณและลุงสอง ตอนแรกตอนที่พวกเขายังไม่ออกไปจากปักกิ่งเองก็อายุรุ่นคุณนี่แหละ มาวันนี้แปปเดียวก็ผ่านไปยี่สิบห้าปีแล้ว ทั้งหมดล้วนเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ"
พูดถึงด้านหลังแล้วน้ำเสียงของเย่จาวมีความแห้งเหี่ยวอยู่บ้าง แสดงให้เห็นว่าเมื่อคิดถึงที่ตระกูลหยางล้มตายไปแล้วก็เหลือเพียงหยางเฟยคนเดียว ในใจก็เสียดาย
แต่เขาก็เก็บอารมณ์อย่างรวดเร็ว อ้ามือทั้งสองกอดหยางเฟยลูบที่หลังของเขา "แต่ไม่เป็นไร ปู่ของคุณมีบุญคุณกับผม พ่อและลุงสองของคุณเองก็เรียกผมว่าพี่ ต่อไปผมจะต้องดูแลคุณอย่างดีแน่นอน ทำให้อาการผิดปกติในร่างกายของคุณรักษาให้หาย"
"ชิ้วๆๆ!"
หยางเฟยกลับผลักเย่จาวออก แววตาระแวดระวังถอยหลังไปสักกี่ก้าว "คุณตาเฒ่านี่เบี่ยงเบนหรือเปล่า? กอดค้อนน่ะสิ รสนิยมของผมเป็นปกตินะ เอามากอดผมผมรู้สึกอี๋"
คำนี้พูดออกไป ในสถานที่ก็เงียบงันไปครู่หนึ่ง เย่จาวที่เห็นหยางเฟยแล้วรู้สึกอยากถอนหายใจก็ยืนนิ่งอยู่กับที่ สงสัยว่าเป็นตนเองที่หูฟาดหรือเปล่า และเขาก็เป็นถึงหัวหน้าของหอแพทย์แผนจีน ยังไม่เคยมีใครกล้าพูดเช่นนี้กับเขามาก่อน
เย่อิ่งเสวี่ยมีสติกลับมาสีหน้าก็ยากจะที่ดูได้ "หยางเฟย พูดจาให้เคารพหน่อย พ่อฉันเป็นผู้อาวุโสกว่า"
หยางเฟยเบ้ปาก "ใครใช้ให้เขามาถึงก็กอดผมล่ะ? อีกอย่าง ผมเป็นคนที่มีความสามารถทำให้ผู้ชายเปลี่ยนไปชอบเพศเดียวกันได้ ใครจะรู้ว่าตาเฒ่านี่เลวมากๆหรือไม่?"
"..."
หนึ่งประโยคก็มีตาเฒ่าหนึ่งคำ ยังพูดอีกว่าเขาเบี่ยงเบน เย่จาวที่แน่ใจแล้วว่าตนเองไม่ได้ฟังผิดก็หัวเราะร่า และไม่ได้โกรธเคือง "น่าสนใจ น่าสนใจจริงๆ! ดูท่าว่าการอบรมสั่งสอนที่อาจารย์มีต่อคุณก็คือการเลี้ยงแบบปล่อยสินะ"
หยางเฟยไม่สนุกด้วย "เป็นคนที่ลงหลุมไปครึ่งหนึ่งแล้ว พูดจาไม่เป็นหรือ? ผมเป็นคนไม่ใช่สัตว์ เลี้ยงแบบปล่อยแบบขังอะไรกัน?"
ตั้งแต่แรกเห็นหยางเฟยก็วิจารณ์เขา ในเวลานี้เขายังพูดคำพูดพล่อยๆกับพ่อของตนเองเช่นนี้อีก เย่อิ่งเสวี่ยทนไม่ไหวแล้วจริงๆ "ไอ้บัดซบ คุณรู้จักพูดจาหรือเปล่า? เข้าใจคำว่าเคารพผู้ใหญ่รักเด็กหรือเปล่า?"
"ไม่เป็นไรๆ หยางเฟย ไปนั่งข้างในกัน เสี่ยวเสวี่ย ลูกไปห้องครัวช่วยแม่เถอะ!"
ขนาดนี้แล้วเย่จาวก็ยังปกป้องหยางเฟย ดูท่าแล้วยังชื่นชมมากๆอย่างไรอย่างนั้นด้วย ใจของเย่อิ่งเสวี่ยโกรธและไม่เข้าใจ แต่ก็ทำได้เพียงจ้องหยางเฟยอย่างดุดันทีหนึ่งแล้วเดินตรงไปทางห้องครัว
เดินเข้าห้องโถงด้านหลังแล้ว หยางเฟยพบว่านอกจากเย่จาวแล้วยังมีชายที่หัวล้านครึ่งหนึ่งอยู่ อายุคงจะเท่าๆกับเย่จาว แต่มองดูแล้วยังแก่กว่าเย่จาวมากนัก ใบหน้าเข้มงวด ท่วงท่านั่งยืดหลังตรง ให้ความรู้สึกเข้มงวดขึงขังแก่คนอื่นอย่างมาก
เย่จาวก็พูดแนะนำในช่วงเวลาที่เหมาะเจาะ "เสี่ยวเฟย นี่คือลุงหยวนชิงซง ผู้อำยวนการของมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์การบิน วันนี้รู้ว่าคุณจะเข้ามา เขาก็มีเวลามาเจอคุณพอดี"
หยวนชิงซง?
ได้ยินคำหยางเฟยก็หรี่ตาทันที ในสมองปรากฏข้อมูลเกี่ยวกับหยวนชิงซง
อายุสิบแปดปีหลังจากสอบเข้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีการป้องกันแห่งชาติแล้วก็เข้าร่วมเกณฑ์ทหาร หลังจากเกณฑ์ทหารได้หนึ่งปีก็เริ่มเข้าร่วมทำงานวิจัยวิทยาศาสตร์ จนอายุสามสิบปีได้รับปริญญาเอกหลังจากนั้นก็เข้าสู่แผนกวิศวกรรมการบินร่วมงานวิจัยวิศวกรรมการบินอวกาศ สร้างความดีความชอบที่ยิ่งใหญ่ให้แก่วิศวกรรมการบินอวกาศของประเทศจีน ได้รับยศทหารพลตรี และเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญของด้านการบิน
สามปีก่อนร่างกายไม่เหมือนตอนแรก ไม่สามารถทำงานหนักได้อีก เขาที่อายุห้าสิบสองก็ย้ายงานมาเป็นผู้อำนวยการของมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์การบิน เพื่ออบรมสั่งสอนเหล่าอัจฉริยะที่โดดเด่นของฝ่ายการบินให้กับประเทศ
นอกจากนี้แล้วหยางเฟยก็ยังรู้ว่า ในสามสิบกว่าปีก่อนร่างกายหยวนชิงซงไม่ดีมีโรคติดต่อทางกรรมพันธุ์ ไม่สามารถเข้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีการป้องกันแห่งชาติได้ เป็นหยางหงเทียนที่รักษาให้เขาหายดี เขาถึงสามารถเข้ามหาวิทยาลัยทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศได้ มีความภาคภูมิใจเช่นวันนี้
หยวนชิงซงยืนขึ้นมา หลังจากจ้องหยางเฟยครู่หนึ่งก็เปิดปากพูด "ทักษะการแพทย์ของอาจารย์หยาง คุณได้รับมามากเท่าไหร่?"
ได้ยินคำหยางเฟยก็เก็บแววตา พูดตอบกลับอย่างเอื่อยเฉื่อย "สักส่วนก็ไม่มี"
หยวนชิงซงแววตาแน่นิ่ง จับจ้องที่หยางเฟยอย่างเอาเป็นเอาตาย "คุณเป็นหลานชายคนเดียวของอาจารย์หยาง ผู้ชายคนสุดท้ายของตระกูลหยาง ผมไม่เชื่อว่าอาจารย์หยางจะไม่มีอะไรมาสืบทอดให้กับคุณเลย"
"บอกว่าไม่มีก็ไม่มี จะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่"
ทักษะทางการแพทย์หยวนเหมินไม่พูดว่าเข้าใจทั้งหมดอย่างทะลุปรุโปร่งก็ได้ แต่เก้าส่วนแล้วหยางเฟยจะต้องรับรู้เข้าใจเอาไว้ แต่เส้นลมปราณพิเศษทั้งแปดไม่เปิดโดยมากมักจะไม่สามารถพัฒนาต่อได้ ไม่เช่นนั้นเขาก็คงจะลองรักษาคนในหมู่บ้านที่มีข้อบกพร่องเหล่านั้นตั้งนานแล้ว ดังนั้นหยางเฟยขี้เกียจจะอธิบายอะไรมากความ ตอบกลับไปงั้นๆประโยคหนึ่งแล้วก็เดินไปนั่งที่อีกด้าน
การที่เคยเป็นทหารคนหนึ่ง บวกกับเป็นนักวิจัยวิศวกรรมการบินมาเป็นกี่สิบปี ก่อเป็นนิสัยที่เคร่งเครียดจริงจังมีความรับผิดชอบของหยวนชิงซง เห็นหยางเฟยที่ไม่จริงจังลอยลมเช่นนี้ อารมณ์ก็พุ่งขึ้นมา "หยางเฟย ถ้าหาก..."
"เหล่าหยวน ช่างมันเถอะ" เย่จาวพูดแล้วก็ดึงหยวนชิงซงไว้ พูดด้วยใบหน้ามีรอยยิ้ม "ร่างกายของคุณตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน อย่าได้โกรธง่ายนักเลย ใจเย็นๆก่อน อีกเดี๋ยวกินข้าวกันเสร็จแล้วค่อยพูดกัน"
หยวนชิงซงเหอะเสียงหนึ่งสะบัดมือของเย่จาวออกไป "ผมรู้สึกผิดหวังมากกับเด็กคนนี้"
ปล่อยประโยคหนึ่งแล้วก็จากไป เย่จาวเรียกให้เขาอยู่กินข้าวกันก่อนเขาเองก็ไม่ฟัง จากไปในทันที
เย่จาวหัวเราะอย่างจนปัญญา เดินมานั่งลงข้างกายของหยางเฟย "ลุงหยวนของคุณก็นิสัยอย่างนี้แหละ ทำทุกเรื่องอย่างจริงจังเข้มงวด ไม่อาจทนเห็นคนหนุ่มทำเรื่องล่าช้าสะเพร่า ดังนั้นคุณก็อย่าถือสาเขาเลย เขาเองก็ได้ยินมาว่าคุณมาแล้ว คิดจะดูว่าคุณจะสามารถลงมือเพื่อช่วยคนสักกลุ่มได้ไหม มีบางคนที่มีความสามารถแต่กลับถูกขัดขวางด้วยร่างกายเป็นสาเหตุที่ไม่สามารถตอบแทนประเทศได้"
ลูบไปมาในกระเป๋า หยางเฟยหยิบบุหรี่ขึ้นมามวนหนึ่งจุดไฟ ตามจากที่ควันจากปากกลุ่มหนึ่งลอยขึ้นก็ส่ายหัว "มีใจแต่ไร้เรี่ยวแรง ผมไม่รู้ทักษะทางการแพทย์หยวนเหมินจริงๆ"
ชะงักไปเล็กน้อยแล้วถามว่า "อะไรที่เรียกว่าคนที่ร่างกายเป็นอุปสรรคไม่สามารถตอบแทนประเทศได้?"
เย่จาวจ้องมองหยางเฟยตลอดเวลา เห็นสีหน้าของเขาเป็นเหมือนเวลาปกติในใจก็ถอดถอนใจพูด "คนกลุ่มหนึ่งที่มีความสามารถแต่ร่างกายมีปัญหาไม่สามารถผ่านการทดสอบได้ เป็นเหมือนกับลุงหยวนของคุณในตอนยังวัยรุ่นอย่างไรอย่างนั้น เพียงตอนแรกเขามีปู่ของคุณลงมือ แต่คนพวกนั้นกลับหาคนไม่พบ เป็นผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์การบิน ลุงหยวนของคุณได้ความลำบากแทนนักเรียนเหล่านั้นนะ!"
สิ่งนี้หยางเฟยเข้าใจแล้ว และก็รู้ว่าเย่จาวตั้งใจพูดเช่นนี้กับเขา แต่คิดไม่ถึงว่าร่างกายตนเองแม้ว่าจะเริ่มดีแล้ว แต่เส้นลมปราณพิเศษทั้งแปดยังคงปิดไว้อยู่ หยางเฟยทำเพียงถอนหายใจพูด "น่าเสียดายแก่คนพวกนั้นจัง แต่ผมไม่รู้ทักษะทางการแพทย์หยวนเหมินจริงๆ"
จิ้งจอกน้อย!
ทำไมตอนนั้นเองก็เป็นนักเรียนของหยางหงเทียน เย่จาวแน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าหยางหงเทียนไม่มีทางให้ทักษะทางการแพทย์หยวนเหมินไร้การสืบทอด ทำอย่างไรได้ในเมื่อตอนนี้หยางเฟยก็ไม่ยอมรับ เย่จาวก็ทำได้เพียงลอบด่าอยู่ในใจคำหนึ่งหลังจากนั้นก็พยักหน้า "เช่นนั้นก็น่าเสียดายจริงๆ"
"พ่อ อาหารทำเสร็จแล้ว"
ในตอนนี้เย่อิ่งเสวี่ยเดินเข้ามา พูดคำหนึ่งพร้อมส่งสายตาให้หยางเฟยระวังคำพูดสักหน่อยแล้วก็จากไป เย่จาวเองก็โยนความคิดที่จะทดสอบหยางเฟยต่อทิ้งไปแล้วลุกขึ้นยืน "ไปเถอะ กินข้าวกันก่อน ฝีมือป้าของคุณไม่เลว ถึงตอนนั้นก็กินเยอะๆหน่อย"
ห้องอาหารก็อยู่ข้างกับห้องโถง เดินเข้าไปก็มีหญิงวัยกลางคนที่สวยงามขึ้นมาต้อนรับ ในตอนที่หยางเฟยยังไม่เข้าใจสถานการณ์ดีเข้ามาจับมือเขาไว้ "คุณก็คือลูกชายของหยวนเซินใช่ไหม? หล่อจริงๆนะเนี่ย เหมือนกับตอนที่พ่อของคุณยังเป็นวัยรุ่นอยู่ มองเห็นก็ทำให้คนชื่นชอบ"
ครั้งนี้หยางเฟยเองก็มีปฏิกิริยากลับมา รู้แล้วว่าหญิงวัยกลางคนที่สวยงามตรงหน้าสายตานี้จะต้องเป็นเจียวหยู่ว์เหลียนภรรยาของเย่จาว แม่ของเย่อิ่งเสวี่ยแน่นอน
มุมปากสยายโดยปริยาย พูดพร้อมหัวเราะหึๆ "ป้านี่ตาดีจริงๆ ผมเองก็คิดว่าตัวเองหล่อมาก ใครเห็นใครก็รัก แน่นอนว่าป้าเองก็สวยมาก เทียบกับสาววัยรุ่นแล้วก็ยังสวยกว่า เป็นเหมือนพี่น้องกับพี่อิ่งเสวี่ยอย่างไรอย่างนั้น แต่ตาก็ย่ำแย่นิดหน่อย ลุงเย่ตาเฒ่านี้ขี้เหร่ขนาดนี้ ป้าตอนแรกชอบเขาไปได้ยังไงน่ะ?"
เย่จาวที่ยิ้มกริ่มอยู่ด้านหลังไกวเท้าสีหน้ามืดครึ้ม ไอ้เด็กเวรนี่พูดอะไรน่ะ? ตอนฉันยังหนุ่มฉันเองก็หล่อมากนะ
หลังจากเจียวหยู่ว์เหลียนชะงักไปแล้วก็หัวเราะออกมา "คุณเป็นคนสนุกกว่าพ่อของคุณมากเลย รีบมานั่งลงกินข้าวกัน เดี๋ยวอาหารจะเย็นซะก่อน"
มองเห็นหยางเฟยถูกเจียวหยู่ว์เหลียนต้อนรับอย่างอบอุ่น ก็เหมือนกับแม่ยายมองลูกเขยที่ยิ่งมองก็ยิ่งชื่นชอบก็ไม่ปาน เย่จาวและเย่อิ่งเสวี่ยมองตากัน ในสายตาของทั้งสองคนมีความสิ้นไร้ไม้ตอก หยางเฟยคนนี้เห็นคนพูดภาษาคน เห็นผีพูดภาษาผีจริงๆ
ตอนที่อยู่ต่อหน้าพวกเขา ทำไมพูดจาไม่ได้น่าฟังเช่นนั้นล่ะ?
แต่เจียวหยู่ว์เหลียนเป็นผู้มีอำนาจที่แท้จริงภายในบ้าน สองพ่อลูกหดหู่อยู่บ้าง แต่ก็ไม่กล้าส่งเสียงออกมา
ย่านที่อยู่อาศัยและย่านการค้าที่อยู่รอบด้านถูกถูกแบ่งออกอย่างตั้งใจ ถนนด้านหน้าเส้นหนึ่งที่สามารถขับรถยนต์ได้สองคันก็มองไม่เห็นรถสักคัน แต่ห้าหกร้อยเมตรด้านนอกกลับรถติดหนักมาก แต่ก็ไม่มีใครขับรถบนถนนเส้นนี้
ที่นี่ก็คือพื้นที่ที่ประเทศสร้างขึ้นมาเป็นพิเศษ แบ่งไว้ให้แก่คนเหล่านั้นที่ประกอบอาชีพทั้งยังสร้างคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศอย่างใหญ่หลวงพักอาศัยอยู่ และเพื่อที่จะรับประกันความปลอดของคนที่อยู่ที่นี่และครอบครัวของพวกเขา ยังมีการจัดเหล่าทหารปักกิ่งหนึ่งกองร้อยดูแลปกป้องไว้ทั้งวันตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง ป้องกันการเกิดเหตุการณ์เหนือความคาดหมาย
เพราะคนที่อยู่ที่นี่ แทบจะเป็นคนสำคัญระดับสมบัติของประเทศในทุกฝ่ายทั้งหมดทุกคน แต่ละคนล้วนเป็นตัวแทนของความสุดยอดของแต่ละฝ่าย หากเกิดเหตุการณ์เหนือความคาดหมายขึ้น ก็จะเป็นการสูญเสียอย่างใหญ่หลวง
รถเก๋งสีแดงคันหนึ่งขับจากปากถนนเข้ามา หลังผ่านการตรวจของพนักงานรักษาความปลอดภัยแล้วก็ขับรถตรงเข้าไปด้านใน หยุดอยู่นอกคฤหาสน์หลังหนึ่ง ที่ประตูมีเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยถือปืนสองคนเฝ้าดูแลอยู่
ประตูรถพลันเปิดออก หยางเฟยที่ตัดผมแล้วตามเย่อิ่งเสวี่ยมาบ้านของเธอก็กระโดดลงมาจากรถ ลงมาถึงด้านข้างกำแพงคลื่นไส้โฮกฮากออกมา ไม่รู้ว่าเย่อิ่งเสวี่ยตั้งใจหรือไม่ตั้งใจกันแน่ เดิมทีก็รถติดเธอยังขับรถแบบเดี๋ยวเบรกเดี๋ยวเร่ง อยู่บนถนนเดินทางทำเขาเสียจนมึนหัวกระเพาะกลับด้าน
เย่อิ่งเสวี่ยลงจากรถตามมา เห็นท่าทางหยางเฟยที่พะอืดพะอมได้รับความลำบากแอบขำ เธอค้นพบว่าหยางเฟยไม่เคยชินกับการนั่งรถยนต์ก็จงใจขับแบบเดี๋ยวเร่งเดี๋ยวเบรก ปล่อยความโกรธที่ได้รับมาในไม่กี่วันนี้ ตอนนี้ดูแล้วผลลัพธ์ที่ได้ก็ไม่เลวเลย
แน่นอนว่าได้จัดการหยางเฟยเธอเองก็ไม่มีทางที่จะแสดงออกมา "ตามฉันมา"
หยางเฟยที่สบายตัวเล็กน้อยแล้วเป่าลมหายใจออกไปเดินตามเย่อิ่งเสวี่ยเข้ามา บนถนนแม้แต่สักคนก็ยังไม่เห็น หยางเฟยถาม "สถานที่ที่ใหญ่แบบนี้ ทำไมไม่เห็นคนใช้คนเหล่านี้เลย?"
"ทุกสิบวันจะมีคนมาทำความสะอาดดูแล ไม่ต้องการคนใช้อะไร"
"เช่นนั้นคนของบ้านคุณทำไมก็ไม่เห็นล่ะ?
เย่อิ่งเสวี่ยที่เดินนำอยู่ด้านหน้าหยุดลง ขมวดคิ้วแล้วพูดเสียงดัง "ไม่เกี่ยวกับคุณ ตามมา!"
ก่อนหน้านี้ในนี้มีคนครอบครัวของคุณลุงคุณอาของเธอสักกี่คน แต่พี่น้องพวกลุงเหล่านั้นถือเอาตัวเองเป็นใหญ่ตลอดเวลา ใช้ฐานะของเย่จาวก่อเรื่องในคฤหาสน์แถบนี้จนเป็นสังคมที่เลวทรามป่าเถื่อน สุดท้ายแล้วก็ไม่มีหนทาง เย่จาวจึงเอาพวกพี่ๆน้องๆของเขาไม่กี่คนนี้ไล่ไปให้หมด และตั้งแต่นั้นมาในระหว่างญาติกันเองก็เปลี่ยนเป็นเหมือนคู่แค้นก็ไม่ปาน ไม่กี่ปีมานี้ล้วนไม่ได้มีการไปมาหาสู่แล้ว หยางเฟยในเวลานี้ถามขึ้น เธอเองก็ไม่คิดจะพูดมากความโดยปริยาย
หยางเฟยเบ้ปากอย่างฮึดฮัดเดินตามเธอไปตลอดทาง จนถึงห้องโถงใหญ่ด้านหลัง
ยังไม่ทันเข้าไปด้านในก็ได้ยินเสียงหัวเราะลอยออกมา เย่จาวที่สวมชุดเสื้อคอจีนสีขาวทั้งตัวก็เดินออกมาแล้ว "คุณก็คือหยางเฟยหลานชายของอาจารย์สินะ? เห็นคุณแล้วผมก็นึกถึงพ่อของคุณและลุงสอง ตอนแรกตอนที่พวกเขายังไม่ออกไปจากปักกิ่งเองก็อายุรุ่นคุณนี่แหละ มาวันนี้แปปเดียวก็ผ่านไปยี่สิบห้าปีแล้ว ทั้งหมดล้วนเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ"
พูดถึงด้านหลังแล้วน้ำเสียงของเย่จาวมีความแห้งเหี่ยวอยู่บ้าง แสดงให้เห็นว่าเมื่อคิดถึงที่ตระกูลหยางล้มตายไปแล้วก็เหลือเพียงหยางเฟยคนเดียว ในใจก็เสียดาย
แต่เขาก็เก็บอารมณ์อย่างรวดเร็ว อ้ามือทั้งสองกอดหยางเฟยลูบที่หลังของเขา "แต่ไม่เป็นไร ปู่ของคุณมีบุญคุณกับผม พ่อและลุงสองของคุณเองก็เรียกผมว่าพี่ ต่อไปผมจะต้องดูแลคุณอย่างดีแน่นอน ทำให้อาการผิดปกติในร่างกายของคุณรักษาให้หาย"
"ชิ้วๆๆ!"
หยางเฟยกลับผลักเย่จาวออก แววตาระแวดระวังถอยหลังไปสักกี่ก้าว "คุณตาเฒ่านี่เบี่ยงเบนหรือเปล่า? กอดค้อนน่ะสิ รสนิยมของผมเป็นปกตินะ เอามากอดผมผมรู้สึกอี๋"
คำนี้พูดออกไป ในสถานที่ก็เงียบงันไปครู่หนึ่ง เย่จาวที่เห็นหยางเฟยแล้วรู้สึกอยากถอนหายใจก็ยืนนิ่งอยู่กับที่ สงสัยว่าเป็นตนเองที่หูฟาดหรือเปล่า และเขาก็เป็นถึงหัวหน้าของหอแพทย์แผนจีน ยังไม่เคยมีใครกล้าพูดเช่นนี้กับเขามาก่อน
เย่อิ่งเสวี่ยมีสติกลับมาสีหน้าก็ยากจะที่ดูได้ "หยางเฟย พูดจาให้เคารพหน่อย พ่อฉันเป็นผู้อาวุโสกว่า"
หยางเฟยเบ้ปาก "ใครใช้ให้เขามาถึงก็กอดผมล่ะ? อีกอย่าง ผมเป็นคนที่มีความสามารถทำให้ผู้ชายเปลี่ยนไปชอบเพศเดียวกันได้ ใครจะรู้ว่าตาเฒ่านี่เลวมากๆหรือไม่?"
"..."
หนึ่งประโยคก็มีตาเฒ่าหนึ่งคำ ยังพูดอีกว่าเขาเบี่ยงเบน เย่จาวที่แน่ใจแล้วว่าตนเองไม่ได้ฟังผิดก็หัวเราะร่า และไม่ได้โกรธเคือง "น่าสนใจ น่าสนใจจริงๆ! ดูท่าว่าการอบรมสั่งสอนที่อาจารย์มีต่อคุณก็คือการเลี้ยงแบบปล่อยสินะ"
หยางเฟยไม่สนุกด้วย "เป็นคนที่ลงหลุมไปครึ่งหนึ่งแล้ว พูดจาไม่เป็นหรือ? ผมเป็นคนไม่ใช่สัตว์ เลี้ยงแบบปล่อยแบบขังอะไรกัน?"
ตั้งแต่แรกเห็นหยางเฟยก็วิจารณ์เขา ในเวลานี้เขายังพูดคำพูดพล่อยๆกับพ่อของตนเองเช่นนี้อีก เย่อิ่งเสวี่ยทนไม่ไหวแล้วจริงๆ "ไอ้บัดซบ คุณรู้จักพูดจาหรือเปล่า? เข้าใจคำว่าเคารพผู้ใหญ่รักเด็กหรือเปล่า?"
"ไม่เป็นไรๆ หยางเฟย ไปนั่งข้างในกัน เสี่ยวเสวี่ย ลูกไปห้องครัวช่วยแม่เถอะ!"
ขนาดนี้แล้วเย่จาวก็ยังปกป้องหยางเฟย ดูท่าแล้วยังชื่นชมมากๆอย่างไรอย่างนั้นด้วย ใจของเย่อิ่งเสวี่ยโกรธและไม่เข้าใจ แต่ก็ทำได้เพียงจ้องหยางเฟยอย่างดุดันทีหนึ่งแล้วเดินตรงไปทางห้องครัว
เดินเข้าห้องโถงด้านหลังแล้ว หยางเฟยพบว่านอกจากเย่จาวแล้วยังมีชายที่หัวล้านครึ่งหนึ่งอยู่ อายุคงจะเท่าๆกับเย่จาว แต่มองดูแล้วยังแก่กว่าเย่จาวมากนัก ใบหน้าเข้มงวด ท่วงท่านั่งยืดหลังตรง ให้ความรู้สึกเข้มงวดขึงขังแก่คนอื่นอย่างมาก
เย่จาวก็พูดแนะนำในช่วงเวลาที่เหมาะเจาะ "เสี่ยวเฟย นี่คือลุงหยวนชิงซง ผู้อำยวนการของมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์การบิน วันนี้รู้ว่าคุณจะเข้ามา เขาก็มีเวลามาเจอคุณพอดี"
หยวนชิงซง?
ได้ยินคำหยางเฟยก็หรี่ตาทันที ในสมองปรากฏข้อมูลเกี่ยวกับหยวนชิงซง
อายุสิบแปดปีหลังจากสอบเข้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีการป้องกันแห่งชาติแล้วก็เข้าร่วมเกณฑ์ทหาร หลังจากเกณฑ์ทหารได้หนึ่งปีก็เริ่มเข้าร่วมทำงานวิจัยวิทยาศาสตร์ จนอายุสามสิบปีได้รับปริญญาเอกหลังจากนั้นก็เข้าสู่แผนกวิศวกรรมการบินร่วมงานวิจัยวิศวกรรมการบินอวกาศ สร้างความดีความชอบที่ยิ่งใหญ่ให้แก่วิศวกรรมการบินอวกาศของประเทศจีน ได้รับยศทหารพลตรี และเป็นหนึ่งในผู้เชี่ยวชาญของด้านการบิน
สามปีก่อนร่างกายไม่เหมือนตอนแรก ไม่สามารถทำงานหนักได้อีก เขาที่อายุห้าสิบสองก็ย้ายงานมาเป็นผู้อำนวยการของมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์การบิน เพื่ออบรมสั่งสอนเหล่าอัจฉริยะที่โดดเด่นของฝ่ายการบินให้กับประเทศ
นอกจากนี้แล้วหยางเฟยก็ยังรู้ว่า ในสามสิบกว่าปีก่อนร่างกายหยวนชิงซงไม่ดีมีโรคติดต่อทางกรรมพันธุ์ ไม่สามารถเข้ามหาวิทยาลัยเทคโนโลยีการป้องกันแห่งชาติได้ เป็นหยางหงเทียนที่รักษาให้เขาหายดี เขาถึงสามารถเข้ามหาวิทยาลัยทำคุณประโยชน์ให้แก่ประเทศได้ มีความภาคภูมิใจเช่นวันนี้
หยวนชิงซงยืนขึ้นมา หลังจากจ้องหยางเฟยครู่หนึ่งก็เปิดปากพูด "ทักษะการแพทย์ของอาจารย์หยาง คุณได้รับมามากเท่าไหร่?"
ได้ยินคำหยางเฟยก็เก็บแววตา พูดตอบกลับอย่างเอื่อยเฉื่อย "สักส่วนก็ไม่มี"
หยวนชิงซงแววตาแน่นิ่ง จับจ้องที่หยางเฟยอย่างเอาเป็นเอาตาย "คุณเป็นหลานชายคนเดียวของอาจารย์หยาง ผู้ชายคนสุดท้ายของตระกูลหยาง ผมไม่เชื่อว่าอาจารย์หยางจะไม่มีอะไรมาสืบทอดให้กับคุณเลย"
"บอกว่าไม่มีก็ไม่มี จะเชื่อหรือไม่ก็แล้วแต่"
ทักษะทางการแพทย์หยวนเหมินไม่พูดว่าเข้าใจทั้งหมดอย่างทะลุปรุโปร่งก็ได้ แต่เก้าส่วนแล้วหยางเฟยจะต้องรับรู้เข้าใจเอาไว้ แต่เส้นลมปราณพิเศษทั้งแปดไม่เปิดโดยมากมักจะไม่สามารถพัฒนาต่อได้ ไม่เช่นนั้นเขาก็คงจะลองรักษาคนในหมู่บ้านที่มีข้อบกพร่องเหล่านั้นตั้งนานแล้ว ดังนั้นหยางเฟยขี้เกียจจะอธิบายอะไรมากความ ตอบกลับไปงั้นๆประโยคหนึ่งแล้วก็เดินไปนั่งที่อีกด้าน
การที่เคยเป็นทหารคนหนึ่ง บวกกับเป็นนักวิจัยวิศวกรรมการบินมาเป็นกี่สิบปี ก่อเป็นนิสัยที่เคร่งเครียดจริงจังมีความรับผิดชอบของหยวนชิงซง เห็นหยางเฟยที่ไม่จริงจังลอยลมเช่นนี้ อารมณ์ก็พุ่งขึ้นมา "หยางเฟย ถ้าหาก..."
"เหล่าหยวน ช่างมันเถอะ" เย่จาวพูดแล้วก็ดึงหยวนชิงซงไว้ พูดด้วยใบหน้ามีรอยยิ้ม "ร่างกายของคุณตอนนี้ไม่เหมือนเมื่อก่อน อย่าได้โกรธง่ายนักเลย ใจเย็นๆก่อน อีกเดี๋ยวกินข้าวกันเสร็จแล้วค่อยพูดกัน"
หยวนชิงซงเหอะเสียงหนึ่งสะบัดมือของเย่จาวออกไป "ผมรู้สึกผิดหวังมากกับเด็กคนนี้"
ปล่อยประโยคหนึ่งแล้วก็จากไป เย่จาวเรียกให้เขาอยู่กินข้าวกันก่อนเขาเองก็ไม่ฟัง จากไปในทันที
เย่จาวหัวเราะอย่างจนปัญญา เดินมานั่งลงข้างกายของหยางเฟย "ลุงหยวนของคุณก็นิสัยอย่างนี้แหละ ทำทุกเรื่องอย่างจริงจังเข้มงวด ไม่อาจทนเห็นคนหนุ่มทำเรื่องล่าช้าสะเพร่า ดังนั้นคุณก็อย่าถือสาเขาเลย เขาเองก็ได้ยินมาว่าคุณมาแล้ว คิดจะดูว่าคุณจะสามารถลงมือเพื่อช่วยคนสักกลุ่มได้ไหม มีบางคนที่มีความสามารถแต่กลับถูกขัดขวางด้วยร่างกายเป็นสาเหตุที่ไม่สามารถตอบแทนประเทศได้"
ลูบไปมาในกระเป๋า หยางเฟยหยิบบุหรี่ขึ้นมามวนหนึ่งจุดไฟ ตามจากที่ควันจากปากกลุ่มหนึ่งลอยขึ้นก็ส่ายหัว "มีใจแต่ไร้เรี่ยวแรง ผมไม่รู้ทักษะทางการแพทย์หยวนเหมินจริงๆ"
ชะงักไปเล็กน้อยแล้วถามว่า "อะไรที่เรียกว่าคนที่ร่างกายเป็นอุปสรรคไม่สามารถตอบแทนประเทศได้?"
เย่จาวจ้องมองหยางเฟยตลอดเวลา เห็นสีหน้าของเขาเป็นเหมือนเวลาปกติในใจก็ถอดถอนใจพูด "คนกลุ่มหนึ่งที่มีความสามารถแต่ร่างกายมีปัญหาไม่สามารถผ่านการทดสอบได้ เป็นเหมือนกับลุงหยวนของคุณในตอนยังวัยรุ่นอย่างไรอย่างนั้น เพียงตอนแรกเขามีปู่ของคุณลงมือ แต่คนพวกนั้นกลับหาคนไม่พบ เป็นผู้อำนวยการมหาวิทยาลัยวิทยาศาสตร์การบิน ลุงหยวนของคุณได้ความลำบากแทนนักเรียนเหล่านั้นนะ!"
สิ่งนี้หยางเฟยเข้าใจแล้ว และก็รู้ว่าเย่จาวตั้งใจพูดเช่นนี้กับเขา แต่คิดไม่ถึงว่าร่างกายตนเองแม้ว่าจะเริ่มดีแล้ว แต่เส้นลมปราณพิเศษทั้งแปดยังคงปิดไว้อยู่ หยางเฟยทำเพียงถอนหายใจพูด "น่าเสียดายแก่คนพวกนั้นจัง แต่ผมไม่รู้ทักษะทางการแพทย์หยวนเหมินจริงๆ"
จิ้งจอกน้อย!
ทำไมตอนนั้นเองก็เป็นนักเรียนของหยางหงเทียน เย่จาวแน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์ว่าหยางหงเทียนไม่มีทางให้ทักษะทางการแพทย์หยวนเหมินไร้การสืบทอด ทำอย่างไรได้ในเมื่อตอนนี้หยางเฟยก็ไม่ยอมรับ เย่จาวก็ทำได้เพียงลอบด่าอยู่ในใจคำหนึ่งหลังจากนั้นก็พยักหน้า "เช่นนั้นก็น่าเสียดายจริงๆ"
"พ่อ อาหารทำเสร็จแล้ว"
ในตอนนี้เย่อิ่งเสวี่ยเดินเข้ามา พูดคำหนึ่งพร้อมส่งสายตาให้หยางเฟยระวังคำพูดสักหน่อยแล้วก็จากไป เย่จาวเองก็โยนความคิดที่จะทดสอบหยางเฟยต่อทิ้งไปแล้วลุกขึ้นยืน "ไปเถอะ กินข้าวกันก่อน ฝีมือป้าของคุณไม่เลว ถึงตอนนั้นก็กินเยอะๆหน่อย"
ห้องอาหารก็อยู่ข้างกับห้องโถง เดินเข้าไปก็มีหญิงวัยกลางคนที่สวยงามขึ้นมาต้อนรับ ในตอนที่หยางเฟยยังไม่เข้าใจสถานการณ์ดีเข้ามาจับมือเขาไว้ "คุณก็คือลูกชายของหยวนเซินใช่ไหม? หล่อจริงๆนะเนี่ย เหมือนกับตอนที่พ่อของคุณยังเป็นวัยรุ่นอยู่ มองเห็นก็ทำให้คนชื่นชอบ"
ครั้งนี้หยางเฟยเองก็มีปฏิกิริยากลับมา รู้แล้วว่าหญิงวัยกลางคนที่สวยงามตรงหน้าสายตานี้จะต้องเป็นเจียวหยู่ว์เหลียนภรรยาของเย่จาว แม่ของเย่อิ่งเสวี่ยแน่นอน
มุมปากสยายโดยปริยาย พูดพร้อมหัวเราะหึๆ "ป้านี่ตาดีจริงๆ ผมเองก็คิดว่าตัวเองหล่อมาก ใครเห็นใครก็รัก แน่นอนว่าป้าเองก็สวยมาก เทียบกับสาววัยรุ่นแล้วก็ยังสวยกว่า เป็นเหมือนพี่น้องกับพี่อิ่งเสวี่ยอย่างไรอย่างนั้น แต่ตาก็ย่ำแย่นิดหน่อย ลุงเย่ตาเฒ่านี้ขี้เหร่ขนาดนี้ ป้าตอนแรกชอบเขาไปได้ยังไงน่ะ?"
เย่จาวที่ยิ้มกริ่มอยู่ด้านหลังไกวเท้าสีหน้ามืดครึ้ม ไอ้เด็กเวรนี่พูดอะไรน่ะ? ตอนฉันยังหนุ่มฉันเองก็หล่อมากนะ
หลังจากเจียวหยู่ว์เหลียนชะงักไปแล้วก็หัวเราะออกมา "คุณเป็นคนสนุกกว่าพ่อของคุณมากเลย รีบมานั่งลงกินข้าวกัน เดี๋ยวอาหารจะเย็นซะก่อน"
มองเห็นหยางเฟยถูกเจียวหยู่ว์เหลียนต้อนรับอย่างอบอุ่น ก็เหมือนกับแม่ยายมองลูกเขยที่ยิ่งมองก็ยิ่งชื่นชอบก็ไม่ปาน เย่จาวและเย่อิ่งเสวี่ยมองตากัน ในสายตาของทั้งสองคนมีความสิ้นไร้ไม้ตอก หยางเฟยคนนี้เห็นคนพูดภาษาคน เห็นผีพูดภาษาผีจริงๆ
ตอนที่อยู่ต่อหน้าพวกเขา ทำไมพูดจาไม่ได้น่าฟังเช่นนั้นล่ะ?
แต่เจียวหยู่ว์เหลียนเป็นผู้มีอำนาจที่แท้จริงภายในบ้าน สองพ่อลูกหดหู่อยู่บ้าง แต่ก็ไม่กล้าส่งเสียงออกมา
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.webreadapp.com All rights reserved