บทที่ 9 ชีวิตหงเทียน
by เหรินเซิงจีตู
09:06,Apr 12,2021
หกโมงเช้า
หยางเฟยที่คุ้นชินกับการตื่นเช้านั่งขึ้นยืดเส้นยืดสายอย่างสบายอารมณ์" เตียงนี่นอนสบายกว่าในบ้านเยอะเลย หลับสบายจริงๆ"
ฮึมฮัมประโยคหนึ่งใส่เสื้อผ้าเสร็จแล้วก็เปิดม่านหน้าต่างออก ในฤดูนี้ท้องฟ้าในปักกิ่งค่อนข้างสว่างเร็ว พระอาทิตย์ในเส้นขอบฟ้าได้ลอยขึ้นมาแล้ว สูดหายใจอากาศที่สดชื่นของช่วงเช้าแล้วเดินออกจากห้อง เตรียมตัวไปห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟัน
แต่เมื่อตอนที่เดินไปถึงประตูห้องน้ำหยางเฟยก็หยุดลง สายตาแข็งค้างขณะยืนอยู่ที่ประตู
ในห้องน้ำเย่อิ่งเสวี่ยที่ตื่นเช้ากว่าเขากำลังนั่งอยู่บนชักโครก เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็คือชุดนอนชุดนั้นที่เขาเห็นในตอนค่ำเมื่อวานที่เขาเพิ่งมาถึง ในเวลานี้ร่างกายเอียงไปด้านหน้าทิวทัศน์งดงาม ข้างหูก็มีเสียงเปรี๊ยะๆดังขึ้น แม้ว่าจะมองไม่เห็น แต่ในสมองหยางเฟยก็วาดภาพๆหนึ่งขึ้นมาเองอย่างห้ามไม่อยู่ ทำให้เขารู้สึกลำคอแห้งผาก
เย่อิ่งเสวี่ยเงยหน้าขึ้นมาอย่างที่รู้สึกได้ ดวงตาสี่ตาประสานกัน อากาศแข็งค้างในพริบตา หลังจากนั้นสองวินาทีเธอถึงเพิ่งจะมีปฏิกิริยากลับมา ใบหน้ารูปไข่ขึ้นสีแดงก่ำปรากฏความโกรธออกมา
แต่ไม่รอให้เธอเปิดปากหยางเฟยก็มีสติกลับมาก่อนและพูดว่า "ล้วนพูดกันว่าคนในเมืองมีมารยาทดีงาม คุณทำไมแม้แต่มารยาทสักนิดก็ยังไม่มี? กลับไม่ปิดประตูเข้าห้องน้ำ นี่คนยังไงกัน ไม่รู้หรือว่าในบ้านยังมีเด็กใสซื่อซื่อสัตย์อีกคนอยู่น่ะ?"
พูดไปพลางหยางเฟยก็หมุนตัวเดินออกไปพลาง เตรียมตัวไปกลืนน้ำลาย เบื้องหน้ากระตุ้นต่อมมากเกินไปแล้ว เขาจำเป็นต้องสงบสติอารมณ์
เย่อิ่งเสวี่ยที่ถูกคนชั่วพูดไปก่อนก็มองอย่างโง่งมแล้ว โดยปกตินอกจากเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งจะมาอยู่เป็นเพื่อนเธอแล้วเดิมทีก็มีเพียงเธอคนเดียว และตอนนี้ก็คือพักร้อน เพื่อนร่วมงานคนนั้นกลับบ้านไปแล้ว นอกจากนี้ทุกคนล้วนเป็นผู้หญิงกัน แม้ว่าเพื่อนร่วมงานคนนั้นไม่ได้กลับบ้านเธอเองก็คุ้นชินกับการไม่ปิดประตู
ตอนนี้ถูกหยางเฟยมองเห็นแล้ว ตนเองยังไม่ทันได้บ้าคลั่งออกไปเขาก็พูดว่าตนเองไม่มีมารยาท เย่อิ่งเสวี่ยก็รอแทบไม่ไหวจะพุ่งออกไปเอาชีวิต แต่เมื่อคิดว่าหยางเฟยไม่ได้ตั้งใจ เป็นตนเองต่างหากที่จริงๆแล้วไม่ได้ปิดประตูถึงได้ปล่อยความอับอายออกไป นี่ไม่มีเหตุผลเลยสักนิดหากว่าจะไปโต้เถียงกับหยางเฟย ซ้ำยังอาจจะถูกหยางเฟยไอ้เด็กเวรนั่นโจมตีว่าทำให้มีราคี
กำหมัดแน่น เย่อิ่งเสวี่ยส่งเสียงดังอย่างไม่สบอารมณ์ เอาประตูผิดกลับไปแรงๆ
สิบนาทีหลังจากนั้น ล้างหน้าแปรงฟันเสร็จแล้ว เย่อิ่งเสวี่ยที่กังวลใจว่าจะถูกหยางเฟยเห็นอะไรเข้าทั้งยังสวมชุดคลุมอาบน้ำทับด้านบนก็ออกมาจากห้องน้ำ ในตอนที่เห็นหยางเฟยยืนอยู่ที่หน้ากำแพงด้านหนึ่งเธอก็พูดเสียงเย็นขึ้น "หลังจากนี้ก่อนหกโมงครึ่งคุณห้ามออกจากห้อง นอกจากนี้เมื่อกี้ที่มองเห็นอะไรก็ลืมไปให้หมด ไม่เช่นนั้นฉันจะไม่จบกับคุณแน่"
เย่อิ่งเสวี่ยพ่นประโยคนี้ออกไปก็กลับเข้าห้องของตนเอง หยางเฟยหันหน้ากลับบ้านตบลงบนอกพูดเสียงจุ๊ๆออกไป "โชคดีที่ผมีไหวพริบ ไม่อย่างนั้นผู้หญิงคนนี้จะต้องเอาชีวิตฉันแน่ๆ"
ชะงักไปครู่ก็มองไปที่กำแพงอีก ด้านบนแขวนประกาศนียบัตรและใบรับรองส่วนหนึ่งอยู่ ทั้งหมดเป็นของเย่อิ่งเสวี่ย "ยังคิดว่าผู้หญิงคนนั้นทำงานอยู่ที่หอแพทย์แผนจีนตามพ่อของเธอ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นถึงอาจารย์ที่ปรึกษาของมหาวิทยาลัยปักกิ่งสาขาแพทย์แผนจีน แล้วยังเป็นแพทย์พิเศษของโรงพยาบาลใกล้ๆกับมหาวิทยาลัยปักกิ่งอีกด้วย ยังดีที่ฉันไม่ได้ลงเรียนสาขาแพทย์แผนจีน ไม่เช่นนั้นจะต้องถูกเธอไล่บี้แน่นอน"
พึมพำประโยคหนึ่งแล้วหยางเฟยก็เดินเข้าห้องน้ำไป ล้างหน้าแปรงฟันแล้วออกมา ก็เห็นเย่อิ่งเสวี่ยนั่งไขว้ขาอยู่บนโซฟา ใบหน้ามืดครึ้มราวกับมีใครค้างเงินเธอเป็นแสนก็ไม่ปาน
นอกจากนี้วันนี้เธอเปลี่ยนการแต่งตัวไปอย่างที่หยางเฟยไม่เคยเห็นมาก่อน กางเกงยีนส์ขายาว เสื้อยืดแขนสั้นสีดำ ทำให้ปรากฏโครงร่างร่างกายหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรออกมาอย่างสมบูรณ์ เกี่ยวกับการนั่งอยู่นั้นท้องน้อยเรียบเนียนปรากฏวับๆแวมๆออกมา เทียบกับการแต่งตัวเช่นนั้นที่แรกเริ่มหยางเฟยเคยเห็นทั้งหมดมีความรัดรูปมากกว่า มีเสน่ห์เย้ายวนมากกว่า
บวกเพิ่มกับผมเงางามมัดขึ้นมา ทำให้ใบหน้ารูปไข่ไม่ได้ปกปิดไว้แม้แต่น้อย วันนี้ทั้งคนดูแล้วเป็นวัยรุ่น มีพลัง ความเข้มงวดและจริงๆของวันก่อนๆน้อยลงไปสักกี่ส่วน
ยังคงเกิดความพะวงในใจถึงเรื่องเมื่อกี้ หยางเฟยตอนนี้ยังจ้องมองตาไม่กะพริบ เย่อิ่งเสวี่ยเบนตามองเย็นชาไป "มองอะไร?"
หยางเฟยเก็บสายตากลับมาฉีกยิ้ม "วันนี้ดูแล้วคุณสวยมาก"
"..."
เย่อิ่งเสวี่ยแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยคาดหวังว่าในปากของหยางเฟยจะสามารถพูดอะไรดีๆออกมาได้ แต่เขากลับชมเธอตรงๆเลย แปลกมาก ความไม่พอใจและความโกรธในใจของเย่อิ่งเสวี่ยที่มีต่อหยางเฟยหายไปบ้างส่วน ใบหน้ารูปไข่ที่ดำครึ้มเองก็ผ่อนคลายอบอุ่นลงไปมาก
แต่น้ำเสียงยังคงไม่ดีเช่นเดิม "สอพลอให้น้อยหน่อย"
พูดไปก็หยิบของที่เหมือนห่อด้วยกระดาษสีเหลืองข้างตัวขึ้นมาโยนให้กับหยางเฟย "นี่คือของที่แม่คุณให้ฉัน ให้ฉันหลังจากถึงปักกิ่งแล้วส่งต่อให้คุณ"
หยางเฟยที่รับไว้ได้ขมวดคิ้ว "แม่ผมให้คุณคุณก็รับไว้สิ คุณมีผิดปกติหรือ?"
นี่คือหนังสือเล่มหนึ่งที่เมื่อก่อนคุณปู่หยางหงเทียนเขียนเอาไว้ ชื่อว่า《ชีวิตหงเทียน》 บันทึกถึงคนกลุ่มหนึ่งที่ทั้งชีวิตเขาเคยช่วยรักษามา คนกลุ่มหนึ่งที่ร่ำรวยสูงส่ง ก่อนมาปักกิ่งเฉินชุ่ยต้องการเอาให้หยางเฟย บอกว่าในภายหลังสามารถเอาไว้ใช้ได้ แต่หยางเฟยปฏิเสธไปแล้ว คิดไม่ถึงหันกลับมาเย่อิ่งเสวี่ยที่จะให้เขาเก็บไว้ก็ตามมาแล้ว หยางเฟยไม่สบอารมณ์อย่างมาก
ความไม่พอใจที่ในใจมีต่อหยางเฟยยังไม่หายไปทั้งหมด ตอนนี้ยังถูกเขาบอกว่าผิดปกติ เย่อิ่งเสวี่ยก็ยืนขึ้นพูดเสียงดัง "หยางเฟย แม่คุณให้ฉันมาต่างหาก อย่ามาด่าเอามั่วๆ"
"คุณเอามาเช่นนั้นคุณก็เก็บเอาไว้เถอะ ผมไม่เอา"
ของถูกโยนกลับมากระแทกบนร่างกายแล้วร่วงลงพื้น เย่อิ่งเสวี่ยเคยถูกคนโยนของใส่อย่างนี้ที่ไหนกัน กำลังจะปล่อยความโกรธก็เห็นกระดาษสีเหลืองที่ห่อหนังสือเล่มนั้นเปิดออก 《ชีวิตหงเทียน》บนหน้าปกหนังสือตัวอักษรตัวใหญ่ทั้งสี่ตัวปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน
กะพริบตาไปแล้วเย่อิ่งเสวี่ยสีหน้ายินดี คุกเข่าหยิบขึ้นมาเปิดออกดู คิดว่าเป็นบันทึกทักษะการแพทย์ของหยางหงเทียน แต่หลังจากมองลงไปแล้วเย่อิ่งเสวี่ยก็ตกตะลึงทันที นี่ไม่ใช่บันทึกทักษะการแพทย์ของหยางหงเทียน แต่เป็นสมบัติที่ไม่เป็นรองชิ้นหนึ่งของทักษะทางการแพทย์หยวนเหมินของตระกูลหยาง
บันทึกถึงผู้มีชื่อเสียงที่ในชีวิตของหยางหงเทียนเคยช่วยเหลือรักษามาแล้ว ในนั้นมีไม่น้อยที่เย่อิ่งเสวี่ยล้วนรู้จัก ถ้าไม่ใช่ผู้ร่ำรวยก็จะเป็นผู้เป็นหัวหน้าของกลุ่มต่างๆ ยิ่งไปกว่านั้นมีบางคนที่มีอิทธิพลต่อโลก สามารถพูดได้ว่า หยางเฟยเพียงไปตามหาคนในตามบันทึก ก็สามารถกลายเป็นคนระดับสูงในแวดล้อมอย่างง่ายดาย มีเสื้อผ้าอาหารไม่ขาดแคลนไปทั้งชีวิต
แต่หยางเฟยตอนนี้กลับไม่ต้องการ เย่อิ่งเสวี่ยแปลกใจเล็กน้อย "หยางเฟย นี่คงเป็นสิ่งที่คุณปู่ของคุณตั้งใจจะมอบให้กับคุณ ให้คุณเดินอ้อมน้อยลงสักหน่อย ทำไมไม่เอาล่ะ?"
หยางเฟยที่นั่งลงบนโซฟาแล้วพ่นประโยคอวดเบ่งออกมาประโยคหนึ่ง "ของที่บรรพบุรุษให้ไว้ก็แค่วิว ของที่ตนเองเอามาได้เองต่างหากถึงจะเป็นแม่น้ำและภูเขาที่แท้จริง"
เย่อิ่งเสวี่ยชะงักไปนิดหน่อยแล้วก็เมินคำพูดของหยางเฟย เดินไปเอา《ชีวิตหงเทียน》วางไว้บนขาของเขา "ยุคมันไม่เหมือนกันแล้ว ก็เก็บเอาไว้เถอะ ต่อไป..."
ไม่รอให้เย่อิ่งเสวี่ยพูดจบหยางเฟยก็หยิบ《ชีวิตหงเทียน》ขึ้นมาฉีกทันที ทั้งยังอยู่ในตอนที่เธอยังไม่มีปฏิกิริยากลับมาเดินเข้าในห้องน้ำใช้ไฟแช็กจุดไฟให้ขึ้นมา โยนแต่ละแผ่นลงในชักโครก
เย่อิ่งเสวี่ยที่มีสติกลับมาวิ่งเข้าไป "คุณบ้าไปแล้ว?"
โลกในตอนนี้ไม่รู้ว่ามีคนมากเท่าไหร่ต้องการเส้นสายและแบ็คอัพเบื้องหลัง แต่กลับไม่มีหนทางแม้แต่น้อย ตอนนี้หยางหงเทียนได้มอบเส้นสายแบ็คอัพอย่างที่เห็นได้ยากให้แก่หยางเฟย แต่เขากลับทำลายลงกับมือตัวเอง เย่อิ่งเสวี่ยรู้สึกไม่อยากจะคิดเลย กระทั่งรู้สึกว่าหยางเฟยไม่รู้ว่าสำคัญแค่ไหน
หยางเฟยไม่ได้ใส่ใจเย่อิ่งเสวี่ย หลังจากเอาหน้าสุดท้ายเผาไหม้จนหมดแล้วก็กดน้ำชักโครก ถึงจะหันหน้ากลับมาพูดกับเย่อิ่งเสวี่ย "อกโตไร้สมอง"
บันทึกใน《ชีวิตหงเทียน》ในตอนที่ยังเป็นเด็กหยางหงเทียนก็เอามาเป็นนิทานเล่าให้เขาฟัง ฝังลึกอยู่ในสมองตั้งนานแล้ว แม้ว่าเผาไปแล้วก็ไม่ได้อะไร เย่อิ่งเสวี่ยกลับกลายเป็นว่าแม้แต่สิ่งนี้ล้วนยังคิดไม่ถึง
เย่อิ่งเสวี่ยอดกลั้นที่จะหลุดปากด่ายกใหญ่ออกไปพูดถาม "ทำไม?"
เห็นท่าทางของเธอที่ไม่เข้าใจก็ไม่หยุดพักแล้ว หยางเฟยก็พ่นคำถามหนึ่งออกมา "คุณรู้ไหมว่าอะไรที่เรียกว่าจำแค้นไม่จำคุณ?"
พูดไปหยางเฟยก็เดินผ่านไปจากข้างตัวของเธอ เย่อิ่งเสวี่ยครุ่นคิดพิจารณาอย่างละเอียดเพียงครู่เดียวก็เข้าใจอย่างช้าๆแล้ว คุณเหล่านั้นก็คือคนอื่นค้างหยางหงเทียนไว้ ไม่ใช่ค้างหยางเฟย หากเขาวางแผนใช้สิ่งนี้ไปทวงบุญคุณคนอื่นล่ะก็ กลับกันอาจจะเป็นการเรียกความแค้นได้กับตนเอง
ก็เหมือนกับตู้เยว่เซิงบุคคลในตำนานช่วงก่อนหน้านั้น ก่อนตายได้เอาหลักฐานการยืมที่มีค่าราคาแพงทั้งหมดเผาทิ้งไป ก็เพื่อที่จะป้องกันคนรุ่นหลังทำการโง่เง่า ไปทวงหนี้คนที่มีตำแหน่งอำนาจสูงใหญ่แล้ว สูญสิ้นชีวิต
เข้าใจสิ่งเหล่านี้แล้วสายตาที่เย่อิ่งเสวี่ยมองไปทางหยางเฟยเกิดความเปลี่ยนแปลง ไอ้เวรนี่ดูราวกับน่ารังเกียจอย่างยิ่ง แต่ทำเรื่องกลับทำให้คนแปลกใจ ซ้ำยังไม่มีใครสักกี่คนหรอกที่ทำใจลงมือทำลายสมบัติล้ำค่าชิ้นหนึ่งลงกับมือตัวเองได้ แค่สมบัติชิ้นนี้อาจจะกินไม่ได้
"เฮ้ย รีบพาผมไปกินข้าวเช้าสิ เป็นผู้หญิง แม้แต่ดูแลผู้ชายก็ทำไม่เป็นเหรอ?"
หลังจากได้ยินคำของหยางเฟยเย่อิ่งเสวี่ยรู้สึกว่าตนเองจะคิดมากเกินไปแล้ว เขายังคงเป็นไอ้เวรนั่นที่ทำให้คนรังเกียจ เดิมทีก็แค่ทำลาย《ชีวิตหงเทียน》ไปมั่วๆแค่นั้น เป็นแค่เจ้าโง่คนหนึ่งที่มุทะลุเท่านั้น
...
"คุณจะซื้อเสื้อผ้าให้ผม? คุณคิดว่าผมเป็นคนเกาะผู้หญิงกินงั้นหรือ?"
"แม้ว่าผมจะหล่อมาก แน่นอนว่าสามารถอาศัยหน้าตากินข้าวได้ แต่ผมก็ยังหวังว่าจะสามารถอาศัยความสามารถ"
"ผมและคุณมีช่องว่างระหว่างวัย อย่าคิดว่าบุญคุณเล็กๆน้อยๆแล้วผมจะชอบคุณ ผมเป็นผู้ชายมีรสนิยม ไม่มีทางชอบผู้หญิงที่หลงหน้าตาผมอย่างง่ายๆหรอก"
เก้าโมงกว่า ด้านนอกห้างสรรพสินค้า หยางเฟยที่เพิ่งจะกินอาหารเช้าเอกลักษณ์มื้อหนึ่งของปักกิ่งแล้ว ในตอนที่รู้ว่าเย่อิ่งเสวี่ยจะพาตนเองไปซื้อเสื้อผ้าก็ต่อต้านทันที ทั้งยังพูดออกมาชุดใหญ่ ทำให้คนที่ผ่านไปมารอบด้านต่างก็ส่งสายตาแปลกประหลาดมาให้ ยิ่งทำให้เย่อิ่งเสวี่ยอับอายจนหน้าแดงก่ำ
ชาติก่อนตนเองทำอะไรผิดไว้กันแน่ ทำไมจะต้องเจอผู้ชายน่ารังเกียจหน้าไม่อายคนหนึ่งเช่นนี้?
แต่ภายใต้ธารกำนัล จากการสั่งสอนทำให้เย่อิ่งเสวี่ยไม่สามารถปล่อยความโกรธได้ ทำได้เพียงเก็บกดความมุทะลุในใจที่อยากจะตบหยางเฟยให้ตาย กัดฟันพูดทีละคำๆ "นี่เป็นความต้องการของพ่อฉัน ให้ซื้อเสื้อผ้ากับคุณสักหน่อย ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดอย่างนั้นซะหน่อย"
นิ่งไปซักพักเสียงก็ต่ำลงหน่อย "แล้วก็ คุณอยู่บ้านฉันกินอาหารของฉัน ความกล้าในการพูดที่ว่าตนเองไม่ได้เกาะผู้หญิงกินนั่นมาจากที่ไหนกัน?"
หยางเฟยกระแอมไอเสียงเบาพูดตอบกลับอย่างวางมาดขรึม "ข้อแรก เป็นคุณที่พยายามทุกวิถีทางเอาผมมาที่ปักกิ่งให้ได้ อยู่ฟรีกินฟรีอย่างที่ควรจะทำ ข้อสอง นอกจากกินอยู่เดินทาง ผมก็ไม่ต้องการอะไรใดๆจากคุณอีก และที่กินอยู่ของคุณเองก็เป็นเพียงชั่วคราว"
หยางเฟยที่โยนคำพูดทิ้งไว้แล้วก็ยกขาเดินไป ยังคงเป็นท่าทางสบายๆตามใจตนเองเช่นนั้น
ในส่วนที่ไม่ต้องการให้เย่อิ่งเสวี่ยซื้อเสื้อผ้าให้ตนเองนั้นง่ายดายมาก ตั้งแต่เล็กเฉินชุ่ยแม่ก็สอนเขาเอาไว้ เอาของคนอื่นก็ต้องเอาอย่างพอดี ไม่เช่นนั้นก็จะเปลี่ยนไปเป็นคนขี้เกียจไม่ขวนขวาย ไม่คิดไปสร้างด้วยตนเอง ดังนั้นกินอยู่ของเย่อิ่งเสวี่ยน่ะได้ เพราะเย่อิ่งเสวี่ยเป็นคนเอาเขามาปักกิ่ง แต่อย่างอื่นหยางเฟยล้วนไม่ต้องการเช่นเดียวกัน เขาไม่คิดจะติดค้างหนี้บุญคุณใคร
เย่อิ่งเสวี่ยที่ไม่รู้ว่าหยางเฟยมีความดื้อด้านเช่นนี้ไล่ตามไป "เช่นนั้นคุณก็ควรตัดผมเถอะ? ไม่เช่นนั้นมหาวิทยาลัยปักกิ่งเปิดเรียน คุณไปทั้งอย่างนี้ก็เหมือนตัวอะไรน่ะ?"
หยางเฟยลูบผมของตนเอง ยุ่งเหยิงปรกตาเล็กน้อย คิดๆดูแล้วมาปักกิ่งครั้งนี้เงินสักแดงเดียวก็ไม่ได้เอามา หยางเฟยอืมเสียงหนึ่ง "ดูแล้วคุณน่ะเพื่อที่จะได้เชยชมใบหน้าอันงดงามที่สุดของผมแล้วก็ทุ่มเทอย่างสุดความสามารถเสียจริงๆนะ เช่นนั้นก็ตัดมันเถอะ ทำให้คุณอยากได้แต่ก็เอื้อมไม่ถึง"
"..."
หยางเฟยที่คุ้นชินกับการตื่นเช้านั่งขึ้นยืดเส้นยืดสายอย่างสบายอารมณ์" เตียงนี่นอนสบายกว่าในบ้านเยอะเลย หลับสบายจริงๆ"
ฮึมฮัมประโยคหนึ่งใส่เสื้อผ้าเสร็จแล้วก็เปิดม่านหน้าต่างออก ในฤดูนี้ท้องฟ้าในปักกิ่งค่อนข้างสว่างเร็ว พระอาทิตย์ในเส้นขอบฟ้าได้ลอยขึ้นมาแล้ว สูดหายใจอากาศที่สดชื่นของช่วงเช้าแล้วเดินออกจากห้อง เตรียมตัวไปห้องน้ำล้างหน้าแปรงฟัน
แต่เมื่อตอนที่เดินไปถึงประตูห้องน้ำหยางเฟยก็หยุดลง สายตาแข็งค้างขณะยืนอยู่ที่ประตู
ในห้องน้ำเย่อิ่งเสวี่ยที่ตื่นเช้ากว่าเขากำลังนั่งอยู่บนชักโครก เสื้อผ้าที่สวมใส่ก็คือชุดนอนชุดนั้นที่เขาเห็นในตอนค่ำเมื่อวานที่เขาเพิ่งมาถึง ในเวลานี้ร่างกายเอียงไปด้านหน้าทิวทัศน์งดงาม ข้างหูก็มีเสียงเปรี๊ยะๆดังขึ้น แม้ว่าจะมองไม่เห็น แต่ในสมองหยางเฟยก็วาดภาพๆหนึ่งขึ้นมาเองอย่างห้ามไม่อยู่ ทำให้เขารู้สึกลำคอแห้งผาก
เย่อิ่งเสวี่ยเงยหน้าขึ้นมาอย่างที่รู้สึกได้ ดวงตาสี่ตาประสานกัน อากาศแข็งค้างในพริบตา หลังจากนั้นสองวินาทีเธอถึงเพิ่งจะมีปฏิกิริยากลับมา ใบหน้ารูปไข่ขึ้นสีแดงก่ำปรากฏความโกรธออกมา
แต่ไม่รอให้เธอเปิดปากหยางเฟยก็มีสติกลับมาก่อนและพูดว่า "ล้วนพูดกันว่าคนในเมืองมีมารยาทดีงาม คุณทำไมแม้แต่มารยาทสักนิดก็ยังไม่มี? กลับไม่ปิดประตูเข้าห้องน้ำ นี่คนยังไงกัน ไม่รู้หรือว่าในบ้านยังมีเด็กใสซื่อซื่อสัตย์อีกคนอยู่น่ะ?"
พูดไปพลางหยางเฟยก็หมุนตัวเดินออกไปพลาง เตรียมตัวไปกลืนน้ำลาย เบื้องหน้ากระตุ้นต่อมมากเกินไปแล้ว เขาจำเป็นต้องสงบสติอารมณ์
เย่อิ่งเสวี่ยที่ถูกคนชั่วพูดไปก่อนก็มองอย่างโง่งมแล้ว โดยปกตินอกจากเพื่อนร่วมงานคนหนึ่งจะมาอยู่เป็นเพื่อนเธอแล้วเดิมทีก็มีเพียงเธอคนเดียว และตอนนี้ก็คือพักร้อน เพื่อนร่วมงานคนนั้นกลับบ้านไปแล้ว นอกจากนี้ทุกคนล้วนเป็นผู้หญิงกัน แม้ว่าเพื่อนร่วมงานคนนั้นไม่ได้กลับบ้านเธอเองก็คุ้นชินกับการไม่ปิดประตู
ตอนนี้ถูกหยางเฟยมองเห็นแล้ว ตนเองยังไม่ทันได้บ้าคลั่งออกไปเขาก็พูดว่าตนเองไม่มีมารยาท เย่อิ่งเสวี่ยก็รอแทบไม่ไหวจะพุ่งออกไปเอาชีวิต แต่เมื่อคิดว่าหยางเฟยไม่ได้ตั้งใจ เป็นตนเองต่างหากที่จริงๆแล้วไม่ได้ปิดประตูถึงได้ปล่อยความอับอายออกไป นี่ไม่มีเหตุผลเลยสักนิดหากว่าจะไปโต้เถียงกับหยางเฟย ซ้ำยังอาจจะถูกหยางเฟยไอ้เด็กเวรนั่นโจมตีว่าทำให้มีราคี
กำหมัดแน่น เย่อิ่งเสวี่ยส่งเสียงดังอย่างไม่สบอารมณ์ เอาประตูผิดกลับไปแรงๆ
สิบนาทีหลังจากนั้น ล้างหน้าแปรงฟันเสร็จแล้ว เย่อิ่งเสวี่ยที่กังวลใจว่าจะถูกหยางเฟยเห็นอะไรเข้าทั้งยังสวมชุดคลุมอาบน้ำทับด้านบนก็ออกมาจากห้องน้ำ ในตอนที่เห็นหยางเฟยยืนอยู่ที่หน้ากำแพงด้านหนึ่งเธอก็พูดเสียงเย็นขึ้น "หลังจากนี้ก่อนหกโมงครึ่งคุณห้ามออกจากห้อง นอกจากนี้เมื่อกี้ที่มองเห็นอะไรก็ลืมไปให้หมด ไม่เช่นนั้นฉันจะไม่จบกับคุณแน่"
เย่อิ่งเสวี่ยพ่นประโยคนี้ออกไปก็กลับเข้าห้องของตนเอง หยางเฟยหันหน้ากลับบ้านตบลงบนอกพูดเสียงจุ๊ๆออกไป "โชคดีที่ผมีไหวพริบ ไม่อย่างนั้นผู้หญิงคนนี้จะต้องเอาชีวิตฉันแน่ๆ"
ชะงักไปครู่ก็มองไปที่กำแพงอีก ด้านบนแขวนประกาศนียบัตรและใบรับรองส่วนหนึ่งอยู่ ทั้งหมดเป็นของเย่อิ่งเสวี่ย "ยังคิดว่าผู้หญิงคนนั้นทำงานอยู่ที่หอแพทย์แผนจีนตามพ่อของเธอ คิดไม่ถึงว่าจะเป็นถึงอาจารย์ที่ปรึกษาของมหาวิทยาลัยปักกิ่งสาขาแพทย์แผนจีน แล้วยังเป็นแพทย์พิเศษของโรงพยาบาลใกล้ๆกับมหาวิทยาลัยปักกิ่งอีกด้วย ยังดีที่ฉันไม่ได้ลงเรียนสาขาแพทย์แผนจีน ไม่เช่นนั้นจะต้องถูกเธอไล่บี้แน่นอน"
พึมพำประโยคหนึ่งแล้วหยางเฟยก็เดินเข้าห้องน้ำไป ล้างหน้าแปรงฟันแล้วออกมา ก็เห็นเย่อิ่งเสวี่ยนั่งไขว้ขาอยู่บนโซฟา ใบหน้ามืดครึ้มราวกับมีใครค้างเงินเธอเป็นแสนก็ไม่ปาน
นอกจากนี้วันนี้เธอเปลี่ยนการแต่งตัวไปอย่างที่หยางเฟยไม่เคยเห็นมาก่อน กางเกงยีนส์ขายาว เสื้อยืดแขนสั้นสีดำ ทำให้ปรากฏโครงร่างร่างกายหนึ่งร้อยเจ็ดสิบเซนติเมตรออกมาอย่างสมบูรณ์ เกี่ยวกับการนั่งอยู่นั้นท้องน้อยเรียบเนียนปรากฏวับๆแวมๆออกมา เทียบกับการแต่งตัวเช่นนั้นที่แรกเริ่มหยางเฟยเคยเห็นทั้งหมดมีความรัดรูปมากกว่า มีเสน่ห์เย้ายวนมากกว่า
บวกเพิ่มกับผมเงางามมัดขึ้นมา ทำให้ใบหน้ารูปไข่ไม่ได้ปกปิดไว้แม้แต่น้อย วันนี้ทั้งคนดูแล้วเป็นวัยรุ่น มีพลัง ความเข้มงวดและจริงๆของวันก่อนๆน้อยลงไปสักกี่ส่วน
ยังคงเกิดความพะวงในใจถึงเรื่องเมื่อกี้ หยางเฟยตอนนี้ยังจ้องมองตาไม่กะพริบ เย่อิ่งเสวี่ยเบนตามองเย็นชาไป "มองอะไร?"
หยางเฟยเก็บสายตากลับมาฉีกยิ้ม "วันนี้ดูแล้วคุณสวยมาก"
"..."
เย่อิ่งเสวี่ยแต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยคาดหวังว่าในปากของหยางเฟยจะสามารถพูดอะไรดีๆออกมาได้ แต่เขากลับชมเธอตรงๆเลย แปลกมาก ความไม่พอใจและความโกรธในใจของเย่อิ่งเสวี่ยที่มีต่อหยางเฟยหายไปบ้างส่วน ใบหน้ารูปไข่ที่ดำครึ้มเองก็ผ่อนคลายอบอุ่นลงไปมาก
แต่น้ำเสียงยังคงไม่ดีเช่นเดิม "สอพลอให้น้อยหน่อย"
พูดไปก็หยิบของที่เหมือนห่อด้วยกระดาษสีเหลืองข้างตัวขึ้นมาโยนให้กับหยางเฟย "นี่คือของที่แม่คุณให้ฉัน ให้ฉันหลังจากถึงปักกิ่งแล้วส่งต่อให้คุณ"
หยางเฟยที่รับไว้ได้ขมวดคิ้ว "แม่ผมให้คุณคุณก็รับไว้สิ คุณมีผิดปกติหรือ?"
นี่คือหนังสือเล่มหนึ่งที่เมื่อก่อนคุณปู่หยางหงเทียนเขียนเอาไว้ ชื่อว่า《ชีวิตหงเทียน》 บันทึกถึงคนกลุ่มหนึ่งที่ทั้งชีวิตเขาเคยช่วยรักษามา คนกลุ่มหนึ่งที่ร่ำรวยสูงส่ง ก่อนมาปักกิ่งเฉินชุ่ยต้องการเอาให้หยางเฟย บอกว่าในภายหลังสามารถเอาไว้ใช้ได้ แต่หยางเฟยปฏิเสธไปแล้ว คิดไม่ถึงหันกลับมาเย่อิ่งเสวี่ยที่จะให้เขาเก็บไว้ก็ตามมาแล้ว หยางเฟยไม่สบอารมณ์อย่างมาก
ความไม่พอใจที่ในใจมีต่อหยางเฟยยังไม่หายไปทั้งหมด ตอนนี้ยังถูกเขาบอกว่าผิดปกติ เย่อิ่งเสวี่ยก็ยืนขึ้นพูดเสียงดัง "หยางเฟย แม่คุณให้ฉันมาต่างหาก อย่ามาด่าเอามั่วๆ"
"คุณเอามาเช่นนั้นคุณก็เก็บเอาไว้เถอะ ผมไม่เอา"
ของถูกโยนกลับมากระแทกบนร่างกายแล้วร่วงลงพื้น เย่อิ่งเสวี่ยเคยถูกคนโยนของใส่อย่างนี้ที่ไหนกัน กำลังจะปล่อยความโกรธก็เห็นกระดาษสีเหลืองที่ห่อหนังสือเล่มนั้นเปิดออก 《ชีวิตหงเทียน》บนหน้าปกหนังสือตัวอักษรตัวใหญ่ทั้งสี่ตัวปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน
กะพริบตาไปแล้วเย่อิ่งเสวี่ยสีหน้ายินดี คุกเข่าหยิบขึ้นมาเปิดออกดู คิดว่าเป็นบันทึกทักษะการแพทย์ของหยางหงเทียน แต่หลังจากมองลงไปแล้วเย่อิ่งเสวี่ยก็ตกตะลึงทันที นี่ไม่ใช่บันทึกทักษะการแพทย์ของหยางหงเทียน แต่เป็นสมบัติที่ไม่เป็นรองชิ้นหนึ่งของทักษะทางการแพทย์หยวนเหมินของตระกูลหยาง
บันทึกถึงผู้มีชื่อเสียงที่ในชีวิตของหยางหงเทียนเคยช่วยเหลือรักษามาแล้ว ในนั้นมีไม่น้อยที่เย่อิ่งเสวี่ยล้วนรู้จัก ถ้าไม่ใช่ผู้ร่ำรวยก็จะเป็นผู้เป็นหัวหน้าของกลุ่มต่างๆ ยิ่งไปกว่านั้นมีบางคนที่มีอิทธิพลต่อโลก สามารถพูดได้ว่า หยางเฟยเพียงไปตามหาคนในตามบันทึก ก็สามารถกลายเป็นคนระดับสูงในแวดล้อมอย่างง่ายดาย มีเสื้อผ้าอาหารไม่ขาดแคลนไปทั้งชีวิต
แต่หยางเฟยตอนนี้กลับไม่ต้องการ เย่อิ่งเสวี่ยแปลกใจเล็กน้อย "หยางเฟย นี่คงเป็นสิ่งที่คุณปู่ของคุณตั้งใจจะมอบให้กับคุณ ให้คุณเดินอ้อมน้อยลงสักหน่อย ทำไมไม่เอาล่ะ?"
หยางเฟยที่นั่งลงบนโซฟาแล้วพ่นประโยคอวดเบ่งออกมาประโยคหนึ่ง "ของที่บรรพบุรุษให้ไว้ก็แค่วิว ของที่ตนเองเอามาได้เองต่างหากถึงจะเป็นแม่น้ำและภูเขาที่แท้จริง"
เย่อิ่งเสวี่ยชะงักไปนิดหน่อยแล้วก็เมินคำพูดของหยางเฟย เดินไปเอา《ชีวิตหงเทียน》วางไว้บนขาของเขา "ยุคมันไม่เหมือนกันแล้ว ก็เก็บเอาไว้เถอะ ต่อไป..."
ไม่รอให้เย่อิ่งเสวี่ยพูดจบหยางเฟยก็หยิบ《ชีวิตหงเทียน》ขึ้นมาฉีกทันที ทั้งยังอยู่ในตอนที่เธอยังไม่มีปฏิกิริยากลับมาเดินเข้าในห้องน้ำใช้ไฟแช็กจุดไฟให้ขึ้นมา โยนแต่ละแผ่นลงในชักโครก
เย่อิ่งเสวี่ยที่มีสติกลับมาวิ่งเข้าไป "คุณบ้าไปแล้ว?"
โลกในตอนนี้ไม่รู้ว่ามีคนมากเท่าไหร่ต้องการเส้นสายและแบ็คอัพเบื้องหลัง แต่กลับไม่มีหนทางแม้แต่น้อย ตอนนี้หยางหงเทียนได้มอบเส้นสายแบ็คอัพอย่างที่เห็นได้ยากให้แก่หยางเฟย แต่เขากลับทำลายลงกับมือตัวเอง เย่อิ่งเสวี่ยรู้สึกไม่อยากจะคิดเลย กระทั่งรู้สึกว่าหยางเฟยไม่รู้ว่าสำคัญแค่ไหน
หยางเฟยไม่ได้ใส่ใจเย่อิ่งเสวี่ย หลังจากเอาหน้าสุดท้ายเผาไหม้จนหมดแล้วก็กดน้ำชักโครก ถึงจะหันหน้ากลับมาพูดกับเย่อิ่งเสวี่ย "อกโตไร้สมอง"
บันทึกใน《ชีวิตหงเทียน》ในตอนที่ยังเป็นเด็กหยางหงเทียนก็เอามาเป็นนิทานเล่าให้เขาฟัง ฝังลึกอยู่ในสมองตั้งนานแล้ว แม้ว่าเผาไปแล้วก็ไม่ได้อะไร เย่อิ่งเสวี่ยกลับกลายเป็นว่าแม้แต่สิ่งนี้ล้วนยังคิดไม่ถึง
เย่อิ่งเสวี่ยอดกลั้นที่จะหลุดปากด่ายกใหญ่ออกไปพูดถาม "ทำไม?"
เห็นท่าทางของเธอที่ไม่เข้าใจก็ไม่หยุดพักแล้ว หยางเฟยก็พ่นคำถามหนึ่งออกมา "คุณรู้ไหมว่าอะไรที่เรียกว่าจำแค้นไม่จำคุณ?"
พูดไปหยางเฟยก็เดินผ่านไปจากข้างตัวของเธอ เย่อิ่งเสวี่ยครุ่นคิดพิจารณาอย่างละเอียดเพียงครู่เดียวก็เข้าใจอย่างช้าๆแล้ว คุณเหล่านั้นก็คือคนอื่นค้างหยางหงเทียนไว้ ไม่ใช่ค้างหยางเฟย หากเขาวางแผนใช้สิ่งนี้ไปทวงบุญคุณคนอื่นล่ะก็ กลับกันอาจจะเป็นการเรียกความแค้นได้กับตนเอง
ก็เหมือนกับตู้เยว่เซิงบุคคลในตำนานช่วงก่อนหน้านั้น ก่อนตายได้เอาหลักฐานการยืมที่มีค่าราคาแพงทั้งหมดเผาทิ้งไป ก็เพื่อที่จะป้องกันคนรุ่นหลังทำการโง่เง่า ไปทวงหนี้คนที่มีตำแหน่งอำนาจสูงใหญ่แล้ว สูญสิ้นชีวิต
เข้าใจสิ่งเหล่านี้แล้วสายตาที่เย่อิ่งเสวี่ยมองไปทางหยางเฟยเกิดความเปลี่ยนแปลง ไอ้เวรนี่ดูราวกับน่ารังเกียจอย่างยิ่ง แต่ทำเรื่องกลับทำให้คนแปลกใจ ซ้ำยังไม่มีใครสักกี่คนหรอกที่ทำใจลงมือทำลายสมบัติล้ำค่าชิ้นหนึ่งลงกับมือตัวเองได้ แค่สมบัติชิ้นนี้อาจจะกินไม่ได้
"เฮ้ย รีบพาผมไปกินข้าวเช้าสิ เป็นผู้หญิง แม้แต่ดูแลผู้ชายก็ทำไม่เป็นเหรอ?"
หลังจากได้ยินคำของหยางเฟยเย่อิ่งเสวี่ยรู้สึกว่าตนเองจะคิดมากเกินไปแล้ว เขายังคงเป็นไอ้เวรนั่นที่ทำให้คนรังเกียจ เดิมทีก็แค่ทำลาย《ชีวิตหงเทียน》ไปมั่วๆแค่นั้น เป็นแค่เจ้าโง่คนหนึ่งที่มุทะลุเท่านั้น
...
"คุณจะซื้อเสื้อผ้าให้ผม? คุณคิดว่าผมเป็นคนเกาะผู้หญิงกินงั้นหรือ?"
"แม้ว่าผมจะหล่อมาก แน่นอนว่าสามารถอาศัยหน้าตากินข้าวได้ แต่ผมก็ยังหวังว่าจะสามารถอาศัยความสามารถ"
"ผมและคุณมีช่องว่างระหว่างวัย อย่าคิดว่าบุญคุณเล็กๆน้อยๆแล้วผมจะชอบคุณ ผมเป็นผู้ชายมีรสนิยม ไม่มีทางชอบผู้หญิงที่หลงหน้าตาผมอย่างง่ายๆหรอก"
เก้าโมงกว่า ด้านนอกห้างสรรพสินค้า หยางเฟยที่เพิ่งจะกินอาหารเช้าเอกลักษณ์มื้อหนึ่งของปักกิ่งแล้ว ในตอนที่รู้ว่าเย่อิ่งเสวี่ยจะพาตนเองไปซื้อเสื้อผ้าก็ต่อต้านทันที ทั้งยังพูดออกมาชุดใหญ่ ทำให้คนที่ผ่านไปมารอบด้านต่างก็ส่งสายตาแปลกประหลาดมาให้ ยิ่งทำให้เย่อิ่งเสวี่ยอับอายจนหน้าแดงก่ำ
ชาติก่อนตนเองทำอะไรผิดไว้กันแน่ ทำไมจะต้องเจอผู้ชายน่ารังเกียจหน้าไม่อายคนหนึ่งเช่นนี้?
แต่ภายใต้ธารกำนัล จากการสั่งสอนทำให้เย่อิ่งเสวี่ยไม่สามารถปล่อยความโกรธได้ ทำได้เพียงเก็บกดความมุทะลุในใจที่อยากจะตบหยางเฟยให้ตาย กัดฟันพูดทีละคำๆ "นี่เป็นความต้องการของพ่อฉัน ให้ซื้อเสื้อผ้ากับคุณสักหน่อย ไม่ใช่อย่างที่คุณคิดอย่างนั้นซะหน่อย"
นิ่งไปซักพักเสียงก็ต่ำลงหน่อย "แล้วก็ คุณอยู่บ้านฉันกินอาหารของฉัน ความกล้าในการพูดที่ว่าตนเองไม่ได้เกาะผู้หญิงกินนั่นมาจากที่ไหนกัน?"
หยางเฟยกระแอมไอเสียงเบาพูดตอบกลับอย่างวางมาดขรึม "ข้อแรก เป็นคุณที่พยายามทุกวิถีทางเอาผมมาที่ปักกิ่งให้ได้ อยู่ฟรีกินฟรีอย่างที่ควรจะทำ ข้อสอง นอกจากกินอยู่เดินทาง ผมก็ไม่ต้องการอะไรใดๆจากคุณอีก และที่กินอยู่ของคุณเองก็เป็นเพียงชั่วคราว"
หยางเฟยที่โยนคำพูดทิ้งไว้แล้วก็ยกขาเดินไป ยังคงเป็นท่าทางสบายๆตามใจตนเองเช่นนั้น
ในส่วนที่ไม่ต้องการให้เย่อิ่งเสวี่ยซื้อเสื้อผ้าให้ตนเองนั้นง่ายดายมาก ตั้งแต่เล็กเฉินชุ่ยแม่ก็สอนเขาเอาไว้ เอาของคนอื่นก็ต้องเอาอย่างพอดี ไม่เช่นนั้นก็จะเปลี่ยนไปเป็นคนขี้เกียจไม่ขวนขวาย ไม่คิดไปสร้างด้วยตนเอง ดังนั้นกินอยู่ของเย่อิ่งเสวี่ยน่ะได้ เพราะเย่อิ่งเสวี่ยเป็นคนเอาเขามาปักกิ่ง แต่อย่างอื่นหยางเฟยล้วนไม่ต้องการเช่นเดียวกัน เขาไม่คิดจะติดค้างหนี้บุญคุณใคร
เย่อิ่งเสวี่ยที่ไม่รู้ว่าหยางเฟยมีความดื้อด้านเช่นนี้ไล่ตามไป "เช่นนั้นคุณก็ควรตัดผมเถอะ? ไม่เช่นนั้นมหาวิทยาลัยปักกิ่งเปิดเรียน คุณไปทั้งอย่างนี้ก็เหมือนตัวอะไรน่ะ?"
หยางเฟยลูบผมของตนเอง ยุ่งเหยิงปรกตาเล็กน้อย คิดๆดูแล้วมาปักกิ่งครั้งนี้เงินสักแดงเดียวก็ไม่ได้เอามา หยางเฟยอืมเสียงหนึ่ง "ดูแล้วคุณน่ะเพื่อที่จะได้เชยชมใบหน้าอันงดงามที่สุดของผมแล้วก็ทุ่มเทอย่างสุดความสามารถเสียจริงๆนะ เช่นนั้นก็ตัดมันเถอะ ทำให้คุณอยากได้แต่ก็เอื้อมไม่ถึง"
"..."
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.webreadapp.com All rights reserved