บทที่ 2 ตบ

เมื่อประตูทางหลังเปิดออก ชายผู้ที่จะเข้ามาเป็นลูกเขยของบ้านได้เดินออกมาจากประตูอย่างช้าๆ

แสงไฟได้ส่องรวมตัวที่ร่างของเขา

ทำให้ปรากฎลักษณะเจ้าบ่าวที่เห็นได้ชัดว่า เป็นบุคคลที่เริ่มมีอายุไม่น้อย

แต่สายตาของเขามันช่างมั่นคง

"ฮ่าฮ่าฮ่า ข่าวใหญ่แล้วมั้ยล่ะ นางฟ้าอันดับหนึ่งแห่งเมืองยวิ๋นเฉิงดันมาแต่งงานกับคนแก่โทรมๆแบบนี้ มันน่าขำจริงๆ!"

“นั่นน่ะสิ นี่ พวกเธอได้ข่าวแล้วยัง ที่ว่าเจ้าบ่าวน่ะเป็นทหารหนีศึกมาด้วยนะ น่าอายจริงๆ”

"นางฟ้ากับหมาวัดชัดๆ"

เสียงนินทาต่างๆนาๆเกี่ยวกับชายผู้นี้ดังขึ้นอย่างไม่หยุด

ในขณะที่แสงไฟสาดลงมา เฉินเมิ่งเหยาที่สามชุดแต่งงานนั้น ก็อยากรู้ว่าเจ้าบ่าวของตัวเองรูปร่างหน้าตาเป็นยังไง เธอจึงเขย่งเท้าดู

เพราะถึงยังไงต่อไปพวกเขาก็ต้องแต่งงานเป็นสามีภรรยากัน

เสี่ยวเทียนที่เผชิญหน้ากับคำเยาะเย้ย เขารู้สึกไม่เห็นด้วยอย่างยิ่ง เขาหันหน้าตรงไปยังเวที

สายตาของเขาได้โฟกัสที่เจ้าสาวของเขา

"เด็กโง่ ยี่สิบปีแล้วสินะ"

ในที่สุดพวกเราก็เจอกัน

ในวินาทีนั้นทั้งสองได้สบตากัน

เสี่ยวเทียนได้แต่ยืนข้างเมิ่งเหยาเงียบๆบนเวที

“ขอเชิญเจ้าบ่าวเจ้าสาวเข้าสู่พิธียกน้ำชาให้คุณย่าครับ” เสียงพิธีกรกล่าว

คุณย่าเข้าสู่ตำแหน่งของตน เมื่อพิธีเสร็จสิ้น

คุณย่าก็ได้กล่าวคำ: “ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณคือหลานเขยของพวกเราแล้ว หวังว่าคุณจะสามารถดูแลเฉินเมิ่งเหยาเป็นอย่างดี”

พูดจบคุณย่าได้กวักมือเรียกหลานสาวให้เข้าไปยืนใกล้ๆเจ้าบ่าว

เมิ่งเหยากัดฟันพร้อมเดินก้าวข้างหน้าไป

ครั้งแรกที่ใกล้ขนาดนี้

เธอช่างงดงามจริงๆ

เสี่ยวเทียนตะลึงในความสวยของเจ้าสาวตน หญิงสาวที่น่ารักสดใสในวันนั้น ยี่สิบปีผ่านมาจะสวยได้อย่างนี้

แขกต่างก็ร่วมปรบมือเป็นสักขีพยานแก่บ่าวสาวในค่ำคืนนี้

แต่ครอบครัวฝั่งเจ้าสาวกลับขมวดคิ้ว ไม่ดีใจที่ลูกได้แต่งงาน พวกเขากลับเป็นห่วงว่าในอนาคต เรื่องอัปยศนี้จะต้องเป็นขี้ปากชาวบ้านแน่ๆ

งานแต่งในครั้งนี้ได้แพร่กระจายไปทั่วเมืองยวิ๋นเฉิง ว่าลูกสาวคนสวยตนได้แต่งกับทหารหนีศึกมา

เฉินเมิ่งเหยายังคงมึนงงกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

เธอไม่เชื่อว่า ตัวเองกำลังแต่งงานอยู่จริงๆ เธอก็ไม่อยากให้เป็นอย่างนี้ สองเท้ายืนไม่มั่นคง เหมือนจะเป็นลมให้ได้ในตอนนั้น

เธอไม่อยากให้เป็นแบบนี้ เพราะการที่เธอมาแต่งงานสายฟ้าแล่บแบบนี้ ก็ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการ

แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว จะทำยังไงได้

เมิ่งเหยามองไม่ที่เสี่ยวเทียน เธอไม่รํู้สึกคิดโทษเขา เธอคิดว่าทั้งหมดนี้ต้องเป็นแผนของลุง

ขั้นตอนในงานแต่ง เธอก็บังคับตัวเองให้มันเสร็จอย่างราบรื่น

ไม่นานเสียงทะเลาะของสามีภรรยาตระกูลเฉินได้ดังขึ้น

“ตอนนี้คุณพอใจแล้วสิ ที่ได้ทำลายความสุขทั้งชีวิตของลูก”

ถึงจะไม่ยอม ก็คงต้องยอม

ขณะที่งานแต่งใกล้จบ

ก็ได้ยินเสียงทะเลาะของเฉินเฉียงและฉินยวี่เหลียน ผู้เป็นพ่อแม่ของตน

"ตอนนี้คุณพอใจแล้วสิ ที่ได้ทำลายชีวิตลูกแบบนี้"

“เบาๆสิ เดี๋ยวแม่ฉันได้ยินจะเกิดเรื่องนะ”

“เอะอะอะไรก็ห่วงแต่แม่คุณ ที่เรื่องมันเป็นแบบนี้ไม่ใช่เพราะแม่คุณหรอ ทำไมฉันถึงมีสามีที่โง่ ไร้ประโยชน์แบบนี้นะ!”

ฉินยวี่เหลียนโกรธจนร้องออกมา เธอไม่สนใจคนในงาน จู่ๆเธอก็วิ่งออกจากงานแต่งลูกกลางคัน ผู้เป็นสามีกลัวว่าภรรยาจะทำเรื่องอะไรโง่ๆจึงตามไปติดๆ

ผู้เป็นลูกเห็นพ่อแม่ทะเลาะกันเพราะตัวเอง ในที่สุด

เธอก็ทำใจไม่ได้ จึงวิ่งออกมาข้างนอก

สุดท้ายน้ำตาที่เธออัดอั้นมานาน มันได้ไหลออกมาอย่างพรั่งพรู

เฉินเมิ่งเหยาไม่รู้ว่าตัวเองร้องไห้นานเท่าไหร่ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่ลมเย็นมาปะทะหน้าเธอ

เธอเงยหน้าขึ้นดู คนๆนั้นก็คือเขา

เสี่ยวเทียน!

คนที่คุณย่าเลือกที่จะให้เป็นคู่ชีวิตของหลานตัวเอง

เสี่ยวเทียนเห็นน้ำตาของคนที่ตนรักยังไหลไม่หยุด จีงยื่นผ้าเช็ดหน้าไปให้หญิงสาว

เฉินเมิ่งเหยารับผ้าเช็ดหน้ามาด้วยอาการสงบนิ่ง

”คุณลุง เรื่องนี้คุณไม่เกี่ยวหรอก......“

เสี่ยวเทียนไม่พูดอะไร

เขายืนเงียบๆข้างหญิงสาว

หญิงสาวคนนี้ คือหญิงสาวเมื่อยี่สิบปีก่อน ที่ส่งหมั่นโถวให้เขา

เธอยังคงเหมือนเมื่อก่อน

บริสุทธิ์และแสนดี

ถึงแม้เธอจะลำบากหรือทนทุกข์แค่ไหน เธอก็กัดฟันสู้ เพื่อพ่อแม่ของเธอ

“ดูสิ วันนี้เป็นวันมงคลของเธอนะ ทำไมถึงมาแอบร้องคนเดียวแบบนี้ล่ะ?”

“ฮ่าๆ ตลกจริงๆ ฉันต้องรีบถ่ายรูปเก็บไว้ซะแล้ว”

เสียงเสียดสีพุ่งตรงไปยังเฉินเมิ่งเหยา

วัยรุ่นชายหญิงคู่หนึ่งเดินตรงปรี่เข้ามาหาเฉินเมิ่งเหยา พวกเขาก็คือหลานคนโตตระกูลเฉินที่ชื่อเฉินเหวินเชา อีกคนคือลูกพี่ลูกน้องของเฉินเมิ่งเหยาชื่อเฉินเชี่ยน

สองคนนี้ก็ทำงานธุรกิจของตระกูลเฉิน แต่ความสามารถไม่เก่งเท่าเฉินเมิ่งเหยา สองคนจึงคอยถากถาง ซ้ำเติมหาเรื่องเฉินเมิ่งเหยาเป็นประจำ

แต่ตอนนี้ไม่เหมือนเดิมแล้ว

ถึงตอนนี้เธอจะเก่งแค่ไหน แต่มาแต่งงานกับคนแบบนี้ ต่อไปแม้แต่สิทธิ์แบ่งสมบัติก็ไม่มี!

เฉินเมิ่งเหยาไม่สนคำด่าพวกนั้น เธอเตรียมตัวจะลุกขึ้นหนี

"นี่ อย่าพึ่งไปสิ เฉินเมิ่งเหยา เธอแต่งงานกับสามีที่ดีอย่างนี้ ดีใจมั้ยล่ะ? พ่อฉันอุตส่าห์ตั้งใจหาคู่ให้นะ เธอเป็นคนได้คู่ ทำไมถึงยังร้องอีก?" เฉินเหวินเชาเดินเข้าไป

พูดจบ เขายังไม่ลืมที่จะหัวเราะเยาะเสี่ยวเทียน: "เสี่ยวเทียน ต่อไปต้องดูแลน้องสาวฉันคนนี้ให้ดีๆนะ ถ้าให้ดีก็รีบมีหลาน บางที คุณย่าอาจจะดีใจนะ"

"ใช่ เกิดซักคนสิ ฮ่าฮ่า...เฉินเชี่ยนยิ้มชั่ว พี่ พี่คิดว่าถ้าเกิดลูกที่โตมา เป็นคนขี้ขลาดที่หนีจากสนามรบอีกล่ะ จะทำยังไง ถ้าเป็นอย่างนี้จะไม่เสื่อมเสียตระกูลเราหรอ?"

"อันนี้หรอ อาจจะเป็นไปได้นะ ตระกูลเฉินเราอย่างน้อยก็ถือว่าเป็นตระกูลที่สูงศักดิ์อยู่ มีหน้ามีตาในสังคม........."

สองพี่น้องผลัดกันพูดจาเสียดสีเยาะเย้ยเสี่ยวเทียนกับเมิ่งเหยา

“เฉินเหวินเชา เฉินเชี่ยน ซ้ำเติมกันพอรึยัง ออกไปนะ!”

เฉินเมิ่งเหยาตาแดงก่ำ กำหมัดแน่น

"อย่าพึ่งโกรธสิ ดูท่าทางเธอ ฉันกับเฉินเชี่ยนแค่อวยพรให้พวกเธออยู่กันอย่างมีความสุขนะ"

เฉินเหวินเชายิ้มได้ใจ

"ฉันไม่อยากพูดกับพวกพี่ ออกไปนะ!" นัยตาเฉินเมิ่งเหยายังคงเป็นสีแดง เธอรู้ว่าเฉินเหวินเชาเป็นพี่ใหญ่สุด อนาคตต้องเป็นคนสืบทอดตระกูลต่อ ฉะนั้นเธอไม่อยากมีเรื่องด้วย ได้แต่ทนต่อไป

"ไอโยว เฉินเมิ่งเหยา ฉันจะบอกอะไรเธอให้รู้ เธอจะมีความสามารถแค่ไหนเชียว? พ่อเธอมันก็ไม่ได้เรื่อง ตอนนี้ยังมีสามีที่ไร้ประโยชน์เพิ่มมาอีก เธอจะเอาอะไรมาสู้ฉัน เธอเชื่อรึป่าว ว่าแค่ฉันพูดกับคุณย่าแค่ประโยคเดียว พวกเธอทั้งครอบครัวได้ออกไปจากตระกูลเฉินอย่างแน่นอน"

"พี่อย่าได้ใจให้มากนัก ออกไปนะ!"

การดูถูกซ้ำๆ ทำให้เมิ่งเหยาโกรธมาก

“ถ้าวันนี้ฉันไม่หลีกล่ะ เธอจะทำอะไรฉันได้อย่างนั้นหรอ?” เฉินเหวินเชาไม่เพียงแต่ไม่หยุด เขายังพูดยั่วยุุประสาทเฉินเมิ่งเหยาต่อ

“หยุดนะ!”

เสี่ยวเทียนที่ยืนนิ่งเงียบอยู่ครู่ใหญ่ ได้ปรากฎตัวขึ้น พร้อมเอามือบีบบ่าเฉินเหวินเชาเป็นการเตือน

“เอามือสกปรกๆของแกออกไปนะ เป็นแค่ลูกเขยที่ไร้ค่า กล้าดียังไงมาทำแบบนี้ ถอยไปนะ! ”เฉินเหวินเชาพูดด้วยน้ำเสียงรังเกียจคนตรงหน้าเต็มทน

เสี่ยวเทียนคิดว่าเขาก็เป็นแค่หลานคนโตจากตระกูลที่ไม่ได้สูงส่งอะไรมาก แค่บีบนิดเดียวก็ตายเหมือนมดแล้ว เสี่ยวเทียนไม่ได้เอามาใส่ใจมากนัก

“นี่ เธอบอกฉันมา เธออยากจะทำอะไรกับพวกนี้มั้ย”

เฉินเมิ่งเหยาถูกเฉินเหวินเชาดูถูก กลั่นแกล้งมานาน และเธอก็ยอมมาทุกครั้ง แต่ครั้งนี้เธอจะไม่ทน

“ฉันอยากตบเขา”

ยังไม่สิ้นเสียงพูดเฉินเมิ่งเหยา เสี่ยวเทียนหันหลังกลับ และได้ยกแขนเสื้อขึ่นพร้อมเงื้อมมือตบเข้าที่เบ้าหน้าเฉินเหวินเชาอย่างจัง

“เพี๊ยะ!”

รอยนิ้วมือใหญ่ทั้งห้าได้ประทับรอยแดงที่ใบหน้าเฉินเหวินเชา

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

358