บทที่ 7 บุกมาหา
by กู่เซียวซาน
11:23,Dec 19,2020
ในไม่ช้าเฉินหยงก็พาเฉินเหวินเชาไปที่ใกล้ๆบ้านของเฉินเมิ่งเหยา
เมื่อมองไปรอบ ๆ เฉินหยงก็ขมวดคิ้วที่นี่คือสลัมของเมืองยูนเฉิง และสภาพแวดล้อมก็ย่ำแย่มาก
"พ่อ นี่คือบ้าน"
เฉินเหวินเชาบีบจมูกและชี้ไปที่บังกะโลเตี้ย ๆ ที่อยู่ข้างๆ
พูดจริงๆถ้าไม่ใช่เพราะสัญญา โดนตีให้ตายเขาก็ไม่มาที่นี่
ตระกูลเฉินค่อนข้างร่ำรวย แต่ก็ถูกควบคุมโดยคุณย่าเฉิน ไม่ว่าใครก็ห้ามไปยุ่งเกี่ยว
ลูกชายหลายคนทำงานในฟู่หัว แต่พวกเขาก็ได้รับเงินเดือนและเงินปันผลเท่านั้น
คุณลุงรองคือเฉินเฉียงเป็นคนไร้ประโยชน์ ทำอะไรก็ไม่ได้เรื่องยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องงาน เขาแค่คุยกับคนแปลกหน้าไม่กี่คำก็พูดติดอ่างแล้ว
คุณย่าเฉินไม่ปล่อยให้คนที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้เข้าไปทำงานในบริษัทแน่ๆ มันส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของบริษัท
ดังนั้น ไม่กี่ปีมานี้เฉินเฉียงต้องพึ่งพาเงินสงเคราะห์จากครอบครัวเพื่อความอยู่รอด
แม้ว่าหยูนเฉิงจะเป็นเมืองเศรฐกิจลำดับสาม แต่ค่าครองชีพกลับสูงและค่าเช่าก็สูงมากแหมือนกัน ดังนั้นพวกเขาจึงเช่าได้แค่สถานที่ที่มีกลิ่นเหม็นเช่นนี้
"รีบเปิดประตู!"
เฉินเหวินเชาเข้าไปเคาะประตูทันที
"ใครกัน? เคาะแรงขนาดนั้นประตูแทบพัง” เสียงของฉินยวี่เหลียนดังมาจากในห้อง
พอเธอเปิดประตู เมื่อเห็นคนที่มาใบหน้าของเธอก็นิ่ง
"ทำไมถึงเป็นพวกคุณ?"
"เรามาหาเหยาเหยา"
ขณะที่พูดเฉินหยงก็ผลักประตูเดินตรงเข้าไป
"เหยาเหยาล่ะ"
ฉินยวี่เหลียนพูดด้วยใบหน้าเย็นชา: "พวกคุณมาหาเธอทำไม?"
"เฉินเมิ่งเหยา!”
เฉินหยงไม่ได้มองไปที่ฉินยวี่เหลียนด้วยซ้ำและตะโกนในห้อง: "ลุงมาหาเธอ เธออยู่ไหน?"
ในห้อง เฉินเมิ่งเหยายินเสียงตะโกนก็รู้สึกประหลาดใจ
เธอจำได้ว่าเฉินหยงบอกว่าเขาเป็นคนที่มีฐานะสูงส่ง ถ้าเขาจะตายเขาก็จะตายในพื้นที่ของคนรวยๆเท่านั้น
เขาจะยอมลดเกียรติมาที่สลัมได้อย่างไร?
"ป่ะ เราออกไปดูกันเถอะ"
เสี่ยวเทียนดึงเฉินเมิ่งเหยาเดินออกไปทันที
เมื่อเห็นเฉินเมิ่งเหยาออกมา รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเฉินหยง “เหยาเหยา ยังโกรธพี่ชายเธออยู่ใช่มั้ย?”
เฉินเมิ่งเหยาไม่พูดอะไร และมองเขาอย่างเงียบๆ
“ เหวินเชา ยังไม่รีบขอโทษน้องสาวแกอีก!!”
เฉินเหวินเชาพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ“ พ่อ จะอ้อมค้อมกับเธอเพื่ออะไรกัน”
"เฉินเมิ่งเหยา ที่เรามาวันนี้ก็ง่ายๆเลยนะคืออยากให้เธอเซ็นสัญญากับประธานจาง ตราบใดที่เธอเชื่อฟัง ไม่แน่ฉันอาจจะอารมณ์ดีขอให้คุณย่ายอมให้เธอกลับไปทำงานที่บริษัทได้นะ! "
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฉินเมิ่งเหยาก็ตัวสั่นด้วยความโกรธ
พูดว่าจะไล่ออกก็ไล่ออก ตอนนี้ฉันมีประโยชน์ก็ยังเอาความอวดดีมาหาเธอ
แถมยังแสดงท่าทีที่สงสารเธอ
คิดจริงๆหรือว่าเธอออกมาจากตระกูลเฉินแล้วจะอดตาย?
ฉินยวี่เหลียนที่อยู่ข้างๆก็เข้าใจเรื่องนี้แล้ว
จริงๆแล้วเฉินเหวินเชาอยู่เบื้องหลังที่ลูกสาวของเธอถูกไล่ออก!
เดิมทีเธอก็โกรธอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ท่าทางของเฉินเหวินเชาทำให้เธอโกรธมากขึ้นไปอีก
"ฉินเหวินเชา แกหมายความว่ายังไง แกเห็นเหยาเหยาเป็นอะไร แกคิดว่าคนในครอบครัวของเราเป็นอะไร! แกคิดว่าเราเป็นขอทานใช่มั้ย?”
"อารอง พอเถอะ ถ้าไม่ใช่เพราะย่าสงสารครอบครัวพวกคุณ พวกคุณคงอดตายกันไปนานแล้ว ! การที่บอกว่าพวกคุณเป็นขอทานก็ไม่ได้เป็นการประเมินค่าพวกคุณต่ำลงนะ”
เฉินเหวินเชาแบะปากพูดอย่างเหยียดหยาม“ ตอนนี้เฉินเมิ่งเหยายังมีประโยชน์อยู่บ้าง ไม่งั้นฉันจะมาอยู่ในห้องขยะที่มีคนยากจนอาศัยอยู่ได้ไง”
"คุณพูดอะไรนะ?"
ฉินยวี่เหลียนโกรธมากจนยกมือขึ้นมาจะตบไปที่หน้าของเฉินเหวินเชา
"กล้าหรอ!”
เฉินหยงตะโกนด้วยความโกรธและยกนิ้วขึ้นชี้ที่หน้าของเธอและด่าทอ: "นังคนเลว ลูกชายของฉันเป็นทายาทในอนาคตของตระกูลเฉิน ด่าเธอเพราะเห็นความสำคัญ อย่าทำตัวหน้าไม่อาย"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินยวี่เหลียนก็โกรธและโมโหจนเกือบจะเป็นลม
"ป้าบ!"
ทันใดนั้นเสียงฝ่ามือก็ดังขึ้นอย่างชัดเจน
เฉินเหวินเชาปิดหน้าและมองไปที่เสี่ยวเทียนด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ
"คุณมองอะไร ผมตีคุณเพราะผมใส่ใจคุณ กับคนธรรมดาผมไม่ทำอย่างนี้หรอก อย่าหน้าด้าน" เสี่ยวเทียนพูดเบา ๆ
"แก!"
เฉินเหวินเชาทั้งโกรธและโมโห แต่ก็ไม่กล้าสู้กลับ
มือของเขาเกือบโดนหักโดยเสี่ยวเทียน จนตอนนี้มันชาไปแล้ว
แม้ว่าเด็กคนนี้จะเป็นคนหนีทหาร แต่แรงเขากลับไม่น้อย
ถ้าเกิดว่าเขาเป็นบ้าขึ้นมา คนที่เสียเปรียบก็ยังเป็นเขา
ทันใดนั้นสีหน้าของเฉินหยงก็เปลี่ยนเป็นดูไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าคนหนีทหารที่เขาหามาจะกล้าตบหน้าเฉินเหวินเชาต่อหน้าเขา นี่เขาไม่เห็นหัวฉันบ้างเลย
“ แกอยากตายใช่มั้ย?”
เฉินหยงเหล่ตา สายตาของเขาเต็มไปด้วยความโหดร้าย
แต่เมาจ้องตาเสี่ยเทียน เขารู้สึกว่าเขากำลังจ้องมองลงไปในเหวลึก
ลึก เยือกเย็น โหดร้าย กระหายเลือด โหดเหี้ยม เหยียดหยาม
ทันใดนั้นเขาก็เหมือนตกลงไปในอุโมงค์น้ำแข็งและทั้งตัวก็อดไม่ได้ที่จะสั่น
ทำไมสายตาของคนคนนึงถึงน่ากลัวขนาดนี้?
"ฉันก็ยังอยู่ดีนะ ทำไมฉันต้องอยากตายด้วยละ”
เสี่ยวเทียนเหล่ตาและพูดว่า "หรือว่าคุณเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่แล้ว!"
คำพูดที่เยือกเย็นไม่แสดงอารมณ์ออกมา และเห็นได้ชัดว่าช่วงนี้อากาศร้อนแต่ในใจเฉินหยงกลับรู้สึกหนาวสั่น
ช่างเถอะ ยังไม่จัดการกับไอ้คนหนีทหารนี่ละกัน ปล่อยให้เฉินเมิ่งเหยาจัดการให้ลุล่วงค่อยว่ากันใหม่
รอหลังจากเซ็นสัญญานี้เรียบร้อยก่อน ฉันยังมีเวลาเล่นกับพวกเขา
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้เฉินหยงก็เปลี่ยนสีหน้าอีกครั้งและพูดด้วยรอยยิ้ม: "เหยาเหยา เมื่อกี้ลุงกังวลเกินไปจึงพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแบบนั้น อย่าถือสาเลย"
"คราวนี้ประธานจางตั้งชื่อให้คุณรับผิดชอบสัญญา กลับไปเถอะ เลิกขุ่นเคืองกันได้แล้ว เธอก็รู้ว่าครอบครัวลงทุนกับสัญญานี้ไปเท่าไหร่ เธอคงไม่อยากเห็นคุณย่ามาขอร้องด้วยตัวเองใช่ไหม?”
แม้ว่าใบหน้าของเขาจะเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่ข้างในเขาไม่ได้ยิ้ม
ได้ยินเช่นนี้เฉินเมิ่งเหยาไม่ตัดสินใจได้ในขณะนั้น
ฉินยวี่เหลียนดูคิดหนัก เธอไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน
เฉินหยงมาขอร้องให้เฉินเมิ่งเหยากลับไปด้วยตัวเอง นั่นน่าแปลกใจมาก
ขณะที่เฉินเมิ่งเหยากำลังเหม่อลอยเสี่ยวเทียนก็พูดอย่างใจเย็น: "จะขอให้ช่วยก็ขอให้ช่วยสิ จะเอาคุณย่ามาเกี่ยวทำไม? ข่มขู่พวกเราหรอ?"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ใบหน้าของเฉินหยงก็นิ่งลงในทันที เขามีชีวิตอยู่มานานหลายสิบปี ไม่เคยดูเคารพและระมัดระวังขนาดนี้มาก่อนนับประสาอะไรกับฉินเมิ่งเหยาที่เป็นคนอายุน้อยกว่า
เมื่อโดนขัดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาก็โมโหขึ้นมา
"คุณคิดจริงๆหรอว่าถ้าไม่มีเฉินเมิ่งเหยาแล้วเราจะเซ็นต์สัญญาไม่ได้?”
"ในเมื่อคุณมันใจขนาดนั้น งั้นคุณมาหาเหยาเหยาทำไม?”
เสี่ยวเทียนกล่าวอย่างใจเย็น
ฉินยวี่เหลียนและเฉินเมิ่งเหยามองอย่างตกตะลึง
นี่ ... นี่คือลูกเขยที่หนีทหารที่พวกเขาเพิ่งจ้างมางั้นหรอ?
"เฉินเมิ่งเหยาอย่าเล่นตัวนักเลย ต่อไปคงไม่มีโอกาสแบบนี้อีกแล้ว!” เฉินเหวินเชาพูดอย่างโกรธ ๆ
เมื่อมองไปที่แก้มที่บวมของเขา เฉินเมิ่งเหยาก็กลั้นยิ้มและพูดว่า: "ไม่เป็นไร ประธานจางควรจะเห็นแก่หน้าใหญ่ๆของคุณและไว้หน้าคุณบ้างโดยการเซ็นสัญญากับคุณนะ!"
ได้ยินแบบนี้เฉินเหวินเชาโกรธจนปอดแทบระเบิด คิดไม่ถึงจะถูกเด็กผู้หญิงหัวเราะเยาะจริงๆ
"พวกคุณทั้งสามคน เยี่ยมจริงๆ!"
เฉินหยงเหลือบมองเสี่ยวเทียนทั้งสามคนอย่างเย็นชา จากนั้นก็ตะโกนไปที่ห้องนอนใหญ่ที่ปิดอยู่ "เฉินเฉียง เรื่องในวันนี้ฉันจะจำเอาไว้!"
เมื่อเสียงเงียบลงก็พาเฉินเหวินเชาเดินออกไปด้วยความโกรธ
หลังจากทั้งสองจากไป เฉินเฉียงก็เปิดประตูอย่างเงียบ ๆ และยื่นศีรษะออกมาถามว่า: "
พี่ชายไปแล้วหรอ? "
ฉินยวี่เหลียนมองไปที่เขาและโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
ตัวเองไปทำบาปอะไรไว้ถึงได้แต่งงานกับคนที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้
"เมื่อกี้พวกขาอยู่ทำไมคุณไม่ออกมาล่ะ? คุณดีใจที่พวกเราสองคนแม่ลูกถูกรังแกใช่มั้ย?
เฉินเฉียงดูอึดอัด เกาหัวและพูดว่า "ตอนนี้พี่ใหญ่โกรธแล้ว เราจะทำยังไงดี หรือไม่เราก็ไปยอมรับผิดกับพี่ใหญ่ดีมั้ย"
ฉินยวี่เหลียนแทบจะบ้าคลั่งกับคำพูดของเขา
"พ่อ เรื่องนี้พอแค่นี้เถอะ ไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว ยังไงซะพวกเราก็ไม่ได้ผิด ทำไมพวกเราต้องยอมรับด้วยล่ะ!"
เฉินเมิ่งเหยามองไปที่ทั้งสองและพูดว่า "พ่อ แม่ไม่ต้องห่วง แม้ว่าหนูจะออกมาจากตระกูลเฉินก็ยังเลี้ยงพ่อกับแม่ได้เหมือนเดิม!"
ฉินยวี่เหลียนมองไปที่ลูกสาวของเธออย่างเจ็บปวดใจ
ไหล่ที่บางเช่นนี้กลับต้องแบกทั้งครอบครัว มันเป็นเรื่องที่ลำบากสำหรับเธอ
"ยังมีฉัน"
ในเวลานี้ เสี่ยวเทียนเอ่ยปาก : "ผมกับเหยาเหยาจะกตัญญูต่อผู้อาวุโสทั้งสอง"
เมื่อมองไปรอบ ๆ เฉินหยงก็ขมวดคิ้วที่นี่คือสลัมของเมืองยูนเฉิง และสภาพแวดล้อมก็ย่ำแย่มาก
"พ่อ นี่คือบ้าน"
เฉินเหวินเชาบีบจมูกและชี้ไปที่บังกะโลเตี้ย ๆ ที่อยู่ข้างๆ
พูดจริงๆถ้าไม่ใช่เพราะสัญญา โดนตีให้ตายเขาก็ไม่มาที่นี่
ตระกูลเฉินค่อนข้างร่ำรวย แต่ก็ถูกควบคุมโดยคุณย่าเฉิน ไม่ว่าใครก็ห้ามไปยุ่งเกี่ยว
ลูกชายหลายคนทำงานในฟู่หัว แต่พวกเขาก็ได้รับเงินเดือนและเงินปันผลเท่านั้น
คุณลุงรองคือเฉินเฉียงเป็นคนไร้ประโยชน์ ทำอะไรก็ไม่ได้เรื่องยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องงาน เขาแค่คุยกับคนแปลกหน้าไม่กี่คำก็พูดติดอ่างแล้ว
คุณย่าเฉินไม่ปล่อยให้คนที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้เข้าไปทำงานในบริษัทแน่ๆ มันส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของบริษัท
ดังนั้น ไม่กี่ปีมานี้เฉินเฉียงต้องพึ่งพาเงินสงเคราะห์จากครอบครัวเพื่อความอยู่รอด
แม้ว่าหยูนเฉิงจะเป็นเมืองเศรฐกิจลำดับสาม แต่ค่าครองชีพกลับสูงและค่าเช่าก็สูงมากแหมือนกัน ดังนั้นพวกเขาจึงเช่าได้แค่สถานที่ที่มีกลิ่นเหม็นเช่นนี้
"รีบเปิดประตู!"
เฉินเหวินเชาเข้าไปเคาะประตูทันที
"ใครกัน? เคาะแรงขนาดนั้นประตูแทบพัง” เสียงของฉินยวี่เหลียนดังมาจากในห้อง
พอเธอเปิดประตู เมื่อเห็นคนที่มาใบหน้าของเธอก็นิ่ง
"ทำไมถึงเป็นพวกคุณ?"
"เรามาหาเหยาเหยา"
ขณะที่พูดเฉินหยงก็ผลักประตูเดินตรงเข้าไป
"เหยาเหยาล่ะ"
ฉินยวี่เหลียนพูดด้วยใบหน้าเย็นชา: "พวกคุณมาหาเธอทำไม?"
"เฉินเมิ่งเหยา!”
เฉินหยงไม่ได้มองไปที่ฉินยวี่เหลียนด้วยซ้ำและตะโกนในห้อง: "ลุงมาหาเธอ เธออยู่ไหน?"
ในห้อง เฉินเมิ่งเหยายินเสียงตะโกนก็รู้สึกประหลาดใจ
เธอจำได้ว่าเฉินหยงบอกว่าเขาเป็นคนที่มีฐานะสูงส่ง ถ้าเขาจะตายเขาก็จะตายในพื้นที่ของคนรวยๆเท่านั้น
เขาจะยอมลดเกียรติมาที่สลัมได้อย่างไร?
"ป่ะ เราออกไปดูกันเถอะ"
เสี่ยวเทียนดึงเฉินเมิ่งเหยาเดินออกไปทันที
เมื่อเห็นเฉินเมิ่งเหยาออกมา รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเฉินหยง “เหยาเหยา ยังโกรธพี่ชายเธออยู่ใช่มั้ย?”
เฉินเมิ่งเหยาไม่พูดอะไร และมองเขาอย่างเงียบๆ
“ เหวินเชา ยังไม่รีบขอโทษน้องสาวแกอีก!!”
เฉินเหวินเชาพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ“ พ่อ จะอ้อมค้อมกับเธอเพื่ออะไรกัน”
"เฉินเมิ่งเหยา ที่เรามาวันนี้ก็ง่ายๆเลยนะคืออยากให้เธอเซ็นสัญญากับประธานจาง ตราบใดที่เธอเชื่อฟัง ไม่แน่ฉันอาจจะอารมณ์ดีขอให้คุณย่ายอมให้เธอกลับไปทำงานที่บริษัทได้นะ! "
เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฉินเมิ่งเหยาก็ตัวสั่นด้วยความโกรธ
พูดว่าจะไล่ออกก็ไล่ออก ตอนนี้ฉันมีประโยชน์ก็ยังเอาความอวดดีมาหาเธอ
แถมยังแสดงท่าทีที่สงสารเธอ
คิดจริงๆหรือว่าเธอออกมาจากตระกูลเฉินแล้วจะอดตาย?
ฉินยวี่เหลียนที่อยู่ข้างๆก็เข้าใจเรื่องนี้แล้ว
จริงๆแล้วเฉินเหวินเชาอยู่เบื้องหลังที่ลูกสาวของเธอถูกไล่ออก!
เดิมทีเธอก็โกรธอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ท่าทางของเฉินเหวินเชาทำให้เธอโกรธมากขึ้นไปอีก
"ฉินเหวินเชา แกหมายความว่ายังไง แกเห็นเหยาเหยาเป็นอะไร แกคิดว่าคนในครอบครัวของเราเป็นอะไร! แกคิดว่าเราเป็นขอทานใช่มั้ย?”
"อารอง พอเถอะ ถ้าไม่ใช่เพราะย่าสงสารครอบครัวพวกคุณ พวกคุณคงอดตายกันไปนานแล้ว ! การที่บอกว่าพวกคุณเป็นขอทานก็ไม่ได้เป็นการประเมินค่าพวกคุณต่ำลงนะ”
เฉินเหวินเชาแบะปากพูดอย่างเหยียดหยาม“ ตอนนี้เฉินเมิ่งเหยายังมีประโยชน์อยู่บ้าง ไม่งั้นฉันจะมาอยู่ในห้องขยะที่มีคนยากจนอาศัยอยู่ได้ไง”
"คุณพูดอะไรนะ?"
ฉินยวี่เหลียนโกรธมากจนยกมือขึ้นมาจะตบไปที่หน้าของเฉินเหวินเชา
"กล้าหรอ!”
เฉินหยงตะโกนด้วยความโกรธและยกนิ้วขึ้นชี้ที่หน้าของเธอและด่าทอ: "นังคนเลว ลูกชายของฉันเป็นทายาทในอนาคตของตระกูลเฉิน ด่าเธอเพราะเห็นความสำคัญ อย่าทำตัวหน้าไม่อาย"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินยวี่เหลียนก็โกรธและโมโหจนเกือบจะเป็นลม
"ป้าบ!"
ทันใดนั้นเสียงฝ่ามือก็ดังขึ้นอย่างชัดเจน
เฉินเหวินเชาปิดหน้าและมองไปที่เสี่ยวเทียนด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ
"คุณมองอะไร ผมตีคุณเพราะผมใส่ใจคุณ กับคนธรรมดาผมไม่ทำอย่างนี้หรอก อย่าหน้าด้าน" เสี่ยวเทียนพูดเบา ๆ
"แก!"
เฉินเหวินเชาทั้งโกรธและโมโห แต่ก็ไม่กล้าสู้กลับ
มือของเขาเกือบโดนหักโดยเสี่ยวเทียน จนตอนนี้มันชาไปแล้ว
แม้ว่าเด็กคนนี้จะเป็นคนหนีทหาร แต่แรงเขากลับไม่น้อย
ถ้าเกิดว่าเขาเป็นบ้าขึ้นมา คนที่เสียเปรียบก็ยังเป็นเขา
ทันใดนั้นสีหน้าของเฉินหยงก็เปลี่ยนเป็นดูไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าคนหนีทหารที่เขาหามาจะกล้าตบหน้าเฉินเหวินเชาต่อหน้าเขา นี่เขาไม่เห็นหัวฉันบ้างเลย
“ แกอยากตายใช่มั้ย?”
เฉินหยงเหล่ตา สายตาของเขาเต็มไปด้วยความโหดร้าย
แต่เมาจ้องตาเสี่ยเทียน เขารู้สึกว่าเขากำลังจ้องมองลงไปในเหวลึก
ลึก เยือกเย็น โหดร้าย กระหายเลือด โหดเหี้ยม เหยียดหยาม
ทันใดนั้นเขาก็เหมือนตกลงไปในอุโมงค์น้ำแข็งและทั้งตัวก็อดไม่ได้ที่จะสั่น
ทำไมสายตาของคนคนนึงถึงน่ากลัวขนาดนี้?
"ฉันก็ยังอยู่ดีนะ ทำไมฉันต้องอยากตายด้วยละ”
เสี่ยวเทียนเหล่ตาและพูดว่า "หรือว่าคุณเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่แล้ว!"
คำพูดที่เยือกเย็นไม่แสดงอารมณ์ออกมา และเห็นได้ชัดว่าช่วงนี้อากาศร้อนแต่ในใจเฉินหยงกลับรู้สึกหนาวสั่น
ช่างเถอะ ยังไม่จัดการกับไอ้คนหนีทหารนี่ละกัน ปล่อยให้เฉินเมิ่งเหยาจัดการให้ลุล่วงค่อยว่ากันใหม่
รอหลังจากเซ็นสัญญานี้เรียบร้อยก่อน ฉันยังมีเวลาเล่นกับพวกเขา
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้เฉินหยงก็เปลี่ยนสีหน้าอีกครั้งและพูดด้วยรอยยิ้ม: "เหยาเหยา เมื่อกี้ลุงกังวลเกินไปจึงพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแบบนั้น อย่าถือสาเลย"
"คราวนี้ประธานจางตั้งชื่อให้คุณรับผิดชอบสัญญา กลับไปเถอะ เลิกขุ่นเคืองกันได้แล้ว เธอก็รู้ว่าครอบครัวลงทุนกับสัญญานี้ไปเท่าไหร่ เธอคงไม่อยากเห็นคุณย่ามาขอร้องด้วยตัวเองใช่ไหม?”
แม้ว่าใบหน้าของเขาจะเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่ข้างในเขาไม่ได้ยิ้ม
ได้ยินเช่นนี้เฉินเมิ่งเหยาไม่ตัดสินใจได้ในขณะนั้น
ฉินยวี่เหลียนดูคิดหนัก เธอไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน
เฉินหยงมาขอร้องให้เฉินเมิ่งเหยากลับไปด้วยตัวเอง นั่นน่าแปลกใจมาก
ขณะที่เฉินเมิ่งเหยากำลังเหม่อลอยเสี่ยวเทียนก็พูดอย่างใจเย็น: "จะขอให้ช่วยก็ขอให้ช่วยสิ จะเอาคุณย่ามาเกี่ยวทำไม? ข่มขู่พวกเราหรอ?"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ใบหน้าของเฉินหยงก็นิ่งลงในทันที เขามีชีวิตอยู่มานานหลายสิบปี ไม่เคยดูเคารพและระมัดระวังขนาดนี้มาก่อนนับประสาอะไรกับฉินเมิ่งเหยาที่เป็นคนอายุน้อยกว่า
เมื่อโดนขัดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาก็โมโหขึ้นมา
"คุณคิดจริงๆหรอว่าถ้าไม่มีเฉินเมิ่งเหยาแล้วเราจะเซ็นต์สัญญาไม่ได้?”
"ในเมื่อคุณมันใจขนาดนั้น งั้นคุณมาหาเหยาเหยาทำไม?”
เสี่ยวเทียนกล่าวอย่างใจเย็น
ฉินยวี่เหลียนและเฉินเมิ่งเหยามองอย่างตกตะลึง
นี่ ... นี่คือลูกเขยที่หนีทหารที่พวกเขาเพิ่งจ้างมางั้นหรอ?
"เฉินเมิ่งเหยาอย่าเล่นตัวนักเลย ต่อไปคงไม่มีโอกาสแบบนี้อีกแล้ว!” เฉินเหวินเชาพูดอย่างโกรธ ๆ
เมื่อมองไปที่แก้มที่บวมของเขา เฉินเมิ่งเหยาก็กลั้นยิ้มและพูดว่า: "ไม่เป็นไร ประธานจางควรจะเห็นแก่หน้าใหญ่ๆของคุณและไว้หน้าคุณบ้างโดยการเซ็นสัญญากับคุณนะ!"
ได้ยินแบบนี้เฉินเหวินเชาโกรธจนปอดแทบระเบิด คิดไม่ถึงจะถูกเด็กผู้หญิงหัวเราะเยาะจริงๆ
"พวกคุณทั้งสามคน เยี่ยมจริงๆ!"
เฉินหยงเหลือบมองเสี่ยวเทียนทั้งสามคนอย่างเย็นชา จากนั้นก็ตะโกนไปที่ห้องนอนใหญ่ที่ปิดอยู่ "เฉินเฉียง เรื่องในวันนี้ฉันจะจำเอาไว้!"
เมื่อเสียงเงียบลงก็พาเฉินเหวินเชาเดินออกไปด้วยความโกรธ
หลังจากทั้งสองจากไป เฉินเฉียงก็เปิดประตูอย่างเงียบ ๆ และยื่นศีรษะออกมาถามว่า: "
พี่ชายไปแล้วหรอ? "
ฉินยวี่เหลียนมองไปที่เขาและโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ
ตัวเองไปทำบาปอะไรไว้ถึงได้แต่งงานกับคนที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้
"เมื่อกี้พวกขาอยู่ทำไมคุณไม่ออกมาล่ะ? คุณดีใจที่พวกเราสองคนแม่ลูกถูกรังแกใช่มั้ย?
เฉินเฉียงดูอึดอัด เกาหัวและพูดว่า "ตอนนี้พี่ใหญ่โกรธแล้ว เราจะทำยังไงดี หรือไม่เราก็ไปยอมรับผิดกับพี่ใหญ่ดีมั้ย"
ฉินยวี่เหลียนแทบจะบ้าคลั่งกับคำพูดของเขา
"พ่อ เรื่องนี้พอแค่นี้เถอะ ไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว ยังไงซะพวกเราก็ไม่ได้ผิด ทำไมพวกเราต้องยอมรับด้วยล่ะ!"
เฉินเมิ่งเหยามองไปที่ทั้งสองและพูดว่า "พ่อ แม่ไม่ต้องห่วง แม้ว่าหนูจะออกมาจากตระกูลเฉินก็ยังเลี้ยงพ่อกับแม่ได้เหมือนเดิม!"
ฉินยวี่เหลียนมองไปที่ลูกสาวของเธออย่างเจ็บปวดใจ
ไหล่ที่บางเช่นนี้กลับต้องแบกทั้งครอบครัว มันเป็นเรื่องที่ลำบากสำหรับเธอ
"ยังมีฉัน"
ในเวลานี้ เสี่ยวเทียนเอ่ยปาก : "ผมกับเหยาเหยาจะกตัญญูต่อผู้อาวุโสทั้งสอง"
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.webreadapp.com All rights reserved