บทที่ 7 บุกมาหา

ในไม่ช้าเฉินหยงก็พาเฉินเหวินเชาไปที่ใกล้ๆบ้านของเฉินเมิ่งเหยา

เมื่อมองไปรอบ ๆ เฉินหยงก็ขมวดคิ้วที่นี่คือสลัมของเมืองยูนเฉิง และสภาพแวดล้อมก็ย่ำแย่มาก

"พ่อ นี่คือบ้าน"

เฉินเหวินเชาบีบจมูกและชี้ไปที่บังกะโลเตี้ย ๆ ที่อยู่ข้างๆ

พูดจริงๆถ้าไม่ใช่เพราะสัญญา โดนตีให้ตายเขาก็ไม่มาที่นี่

ตระกูลเฉินค่อนข้างร่ำรวย แต่ก็ถูกควบคุมโดยคุณย่าเฉิน ไม่ว่าใครก็ห้ามไปยุ่งเกี่ยว

ลูกชายหลายคนทำงานในฟู่หัว แต่พวกเขาก็ได้รับเงินเดือนและเงินปันผลเท่านั้น

คุณลุงรองคือเฉินเฉียงเป็นคนไร้ประโยชน์ ทำอะไรก็ไม่ได้เรื่องยิ่งไม่ต้องพูดถึงเรื่องงาน เขาแค่คุยกับคนแปลกหน้าไม่กี่คำก็พูดติดอ่างแล้ว

คุณย่าเฉินไม่ปล่อยให้คนที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้เข้าไปทำงานในบริษัทแน่ๆ มันส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของบริษัท

ดังนั้น ไม่กี่ปีมานี้เฉินเฉียงต้องพึ่งพาเงินสงเคราะห์จากครอบครัวเพื่อความอยู่รอด

แม้ว่าหยูนเฉิงจะเป็นเมืองเศรฐกิจลำดับสาม แต่ค่าครองชีพกลับสูงและค่าเช่าก็สูงมากแหมือนกัน ดังนั้นพวกเขาจึงเช่าได้แค่สถานที่ที่มีกลิ่นเหม็นเช่นนี้

"รีบเปิดประตู!"

เฉินเหวินเชาเข้าไปเคาะประตูทันที

"ใครกัน? เคาะแรงขนาดนั้นประตูแทบพัง” เสียงของฉินยวี่เหลียนดังมาจากในห้อง

พอเธอเปิดประตู เมื่อเห็นคนที่มาใบหน้าของเธอก็นิ่ง

"ทำไมถึงเป็นพวกคุณ?"

"เรามาหาเหยาเหยา"

ขณะที่พูดเฉินหยงก็ผลักประตูเดินตรงเข้าไป

"เหยาเหยาล่ะ"

ฉินยวี่เหลียนพูดด้วยใบหน้าเย็นชา: "พวกคุณมาหาเธอทำไม?"

"เฉินเมิ่งเหยา!”

เฉินหยงไม่ได้มองไปที่ฉินยวี่เหลียนด้วยซ้ำและตะโกนในห้อง: "ลุงมาหาเธอ เธออยู่ไหน?"

ในห้อง เฉินเมิ่งเหยายินเสียงตะโกนก็รู้สึกประหลาดใจ

เธอจำได้ว่าเฉินหยงบอกว่าเขาเป็นคนที่มีฐานะสูงส่ง ถ้าเขาจะตายเขาก็จะตายในพื้นที่ของคนรวยๆเท่านั้น

เขาจะยอมลดเกียรติมาที่สลัมได้อย่างไร?

"ป่ะ เราออกไปดูกันเถอะ"

เสี่ยวเทียนดึงเฉินเมิ่งเหยาเดินออกไปทันที

เมื่อเห็นเฉินเมิ่งเหยาออกมา รอยยิ้มก็ปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเฉินหยง “เหยาเหยา ยังโกรธพี่ชายเธออยู่ใช่มั้ย?”

เฉินเมิ่งเหยาไม่พูดอะไร และมองเขาอย่างเงียบๆ

“ เหวินเชา ยังไม่รีบขอโทษน้องสาวแกอีก!!”

เฉินเหวินเชาพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ“ พ่อ จะอ้อมค้อมกับเธอเพื่ออะไรกัน”

"เฉินเมิ่งเหยา ที่เรามาวันนี้ก็ง่ายๆเลยนะคืออยากให้เธอเซ็นสัญญากับประธานจาง ตราบใดที่เธอเชื่อฟัง ไม่แน่ฉันอาจจะอารมณ์ดีขอให้คุณย่ายอมให้เธอกลับไปทำงานที่บริษัทได้นะ! "

เมื่อได้ยินเช่นนี้ เฉินเมิ่งเหยาก็ตัวสั่นด้วยความโกรธ

พูดว่าจะไล่ออกก็ไล่ออก ตอนนี้ฉันมีประโยชน์ก็ยังเอาความอวดดีมาหาเธอ

แถมยังแสดงท่าทีที่สงสารเธอ

คิดจริงๆหรือว่าเธอออกมาจากตระกูลเฉินแล้วจะอดตาย?

ฉินยวี่เหลียนที่อยู่ข้างๆก็เข้าใจเรื่องนี้แล้ว

จริงๆแล้วเฉินเหวินเชาอยู่เบื้องหลังที่ลูกสาวของเธอถูกไล่ออก!

เดิมทีเธอก็โกรธอยู่แล้ว แต่ตอนนี้ท่าทางของเฉินเหวินเชาทำให้เธอโกรธมากขึ้นไปอีก

"ฉินเหวินเชา แกหมายความว่ายังไง แกเห็นเหยาเหยาเป็นอะไร แกคิดว่าคนในครอบครัวของเราเป็นอะไร! แกคิดว่าเราเป็นขอทานใช่มั้ย?”

"อารอง พอเถอะ ถ้าไม่ใช่เพราะย่าสงสารครอบครัวพวกคุณ พวกคุณคงอดตายกันไปนานแล้ว ! การที่บอกว่าพวกคุณเป็นขอทานก็ไม่ได้เป็นการประเมินค่าพวกคุณต่ำลงนะ”

เฉินเหวินเชาแบะปากพูดอย่างเหยียดหยาม“ ตอนนี้เฉินเมิ่งเหยายังมีประโยชน์อยู่บ้าง ไม่งั้นฉันจะมาอยู่ในห้องขยะที่มีคนยากจนอาศัยอยู่ได้ไง”

"คุณพูดอะไรนะ?"

ฉินยวี่เหลียนโกรธมากจนยกมือขึ้นมาจะตบไปที่หน้าของเฉินเหวินเชา

"กล้าหรอ!”

เฉินหยงตะโกนด้วยความโกรธและยกนิ้วขึ้นชี้ที่หน้าของเธอและด่าทอ: "นังคนเลว ลูกชายของฉันเป็นทายาทในอนาคตของตระกูลเฉิน ด่าเธอเพราะเห็นความสำคัญ อย่าทำตัวหน้าไม่อาย"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ ฉินยวี่เหลียนก็โกรธและโมโหจนเกือบจะเป็นลม

"ป้าบ!"

ทันใดนั้นเสียงฝ่ามือก็ดังขึ้นอย่างชัดเจน

เฉินเหวินเชาปิดหน้าและมองไปที่เสี่ยวเทียนด้วยสายตาที่ไม่อยากจะเชื่อ

"คุณมองอะไร ผมตีคุณเพราะผมใส่ใจคุณ กับคนธรรมดาผมไม่ทำอย่างนี้หรอก อย่าหน้าด้าน" เสี่ยวเทียนพูดเบา ๆ

"แก!"

เฉินเหวินเชาทั้งโกรธและโมโห แต่ก็ไม่กล้าสู้กลับ

มือของเขาเกือบโดนหักโดยเสี่ยวเทียน จนตอนนี้มันชาไปแล้ว

แม้ว่าเด็กคนนี้จะเป็นคนหนีทหาร แต่แรงเขากลับไม่น้อย

ถ้าเกิดว่าเขาเป็นบ้าขึ้นมา คนที่เสียเปรียบก็ยังเป็นเขา

ทันใดนั้นสีหน้าของเฉินหยงก็เปลี่ยนเป็นดูไม่ได้ คิดไม่ถึงว่าคนหนีทหารที่เขาหามาจะกล้าตบหน้าเฉินเหวินเชาต่อหน้าเขา นี่เขาไม่เห็นหัวฉันบ้างเลย

“ แกอยากตายใช่มั้ย?”

เฉินหยงเหล่ตา สายตาของเขาเต็มไปด้วยความโหดร้าย

แต่เมาจ้องตาเสี่ยเทียน เขารู้สึกว่าเขากำลังจ้องมองลงไปในเหวลึก

ลึก เยือกเย็น โหดร้าย กระหายเลือด โหดเหี้ยม เหยียดหยาม

ทันใดนั้นเขาก็เหมือนตกลงไปในอุโมงค์น้ำแข็งและทั้งตัวก็อดไม่ได้ที่จะสั่น

ทำไมสายตาของคนคนนึงถึงน่ากลัวขนาดนี้?

"ฉันก็ยังอยู่ดีนะ ทำไมฉันต้องอยากตายด้วยละ”

เสี่ยวเทียนเหล่ตาและพูดว่า "หรือว่าคุณเบื่อที่จะมีชีวิตอยู่แล้ว!"

คำพูดที่เยือกเย็นไม่แสดงอารมณ์ออกมา และเห็นได้ชัดว่าช่วงนี้อากาศร้อนแต่ในใจเฉินหยงกลับรู้สึกหนาวสั่น

ช่างเถอะ ยังไม่จัดการกับไอ้คนหนีทหารนี่ละกัน ปล่อยให้เฉินเมิ่งเหยาจัดการให้ลุล่วงค่อยว่ากันใหม่

รอหลังจากเซ็นสัญญานี้เรียบร้อยก่อน ฉันยังมีเวลาเล่นกับพวกเขา

เมื่อนึกถึงสิ่งนี้เฉินหยงก็เปลี่ยนสีหน้าอีกครั้งและพูดด้วยรอยยิ้ม: "เหยาเหยา เมื่อกี้ลุงกังวลเกินไปจึงพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแบบนั้น อย่าถือสาเลย"

"คราวนี้ประธานจางตั้งชื่อให้คุณรับผิดชอบสัญญา กลับไปเถอะ เลิกขุ่นเคืองกันได้แล้ว เธอก็รู้ว่าครอบครัวลงทุนกับสัญญานี้ไปเท่าไหร่ เธอคงไม่อยากเห็นคุณย่ามาขอร้องด้วยตัวเองใช่ไหม?”

แม้ว่าใบหน้าของเขาจะเต็มไปด้วยรอยยิ้ม แต่ข้างในเขาไม่ได้ยิ้ม

ได้ยินเช่นนี้เฉินเมิ่งเหยาไม่ตัดสินใจได้ในขณะนั้น

ฉินยวี่เหลียนดูคิดหนัก เธอไม่เคยคิดเรื่องนี้มาก่อน

เฉินหยงมาขอร้องให้เฉินเมิ่งเหยากลับไปด้วยตัวเอง นั่นน่าแปลกใจมาก

ขณะที่เฉินเมิ่งเหยากำลังเหม่อลอยเสี่ยวเทียนก็พูดอย่างใจเย็น: "จะขอให้ช่วยก็ขอให้ช่วยสิ จะเอาคุณย่ามาเกี่ยวทำไม? ข่มขู่พวกเราหรอ?"

เมื่อได้ยินเช่นนี้ใบหน้าของเฉินหยงก็นิ่งลงในทันที เขามีชีวิตอยู่มานานหลายสิบปี ไม่เคยดูเคารพและระมัดระวังขนาดนี้มาก่อนนับประสาอะไรกับฉินเมิ่งเหยาที่เป็นคนอายุน้อยกว่า

เมื่อโดนขัดซ้ำแล้วซ้ำเล่า เขาก็โมโหขึ้นมา

"คุณคิดจริงๆหรอว่าถ้าไม่มีเฉินเมิ่งเหยาแล้วเราจะเซ็นต์สัญญาไม่ได้?”

"ในเมื่อคุณมันใจขนาดนั้น งั้นคุณมาหาเหยาเหยาทำไม?”

เสี่ยวเทียนกล่าวอย่างใจเย็น

ฉินยวี่เหลียนและเฉินเมิ่งเหยามองอย่างตกตะลึง

นี่ ... นี่คือลูกเขยที่หนีทหารที่พวกเขาเพิ่งจ้างมางั้นหรอ?

"เฉินเมิ่งเหยาอย่าเล่นตัวนักเลย ต่อไปคงไม่มีโอกาสแบบนี้อีกแล้ว!” เฉินเหวินเชาพูดอย่างโกรธ ๆ

เมื่อมองไปที่แก้มที่บวมของเขา เฉินเมิ่งเหยาก็กลั้นยิ้มและพูดว่า: "ไม่เป็นไร ประธานจางควรจะเห็นแก่หน้าใหญ่ๆของคุณและไว้หน้าคุณบ้างโดยการเซ็นสัญญากับคุณนะ!"

ได้ยินแบบนี้เฉินเหวินเชาโกรธจนปอดแทบระเบิด คิดไม่ถึงจะถูกเด็กผู้หญิงหัวเราะเยาะจริงๆ

"พวกคุณทั้งสามคน เยี่ยมจริงๆ!"

เฉินหยงเหลือบมองเสี่ยวเทียนทั้งสามคนอย่างเย็นชา จากนั้นก็ตะโกนไปที่ห้องนอนใหญ่ที่ปิดอยู่ "เฉินเฉียง เรื่องในวันนี้ฉันจะจำเอาไว้!"

เมื่อเสียงเงียบลงก็พาเฉินเหวินเชาเดินออกไปด้วยความโกรธ

หลังจากทั้งสองจากไป เฉินเฉียงก็เปิดประตูอย่างเงียบ ๆ และยื่นศีรษะออกมาถามว่า: "

พี่ชายไปแล้วหรอ? "

ฉินยวี่เหลียนมองไปที่เขาและโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ

ตัวเองไปทำบาปอะไรไว้ถึงได้แต่งงานกับคนที่ไร้ประโยชน์เช่นนี้

"เมื่อกี้พวกขาอยู่ทำไมคุณไม่ออกมาล่ะ? คุณดีใจที่พวกเราสองคนแม่ลูกถูกรังแกใช่มั้ย?

เฉินเฉียงดูอึดอัด เกาหัวและพูดว่า "ตอนนี้พี่ใหญ่โกรธแล้ว เราจะทำยังไงดี หรือไม่เราก็ไปยอมรับผิดกับพี่ใหญ่ดีมั้ย"

ฉินยวี่เหลียนแทบจะบ้าคลั่งกับคำพูดของเขา

"พ่อ เรื่องนี้พอแค่นี้เถอะ ไม่มีอะไรต้องพูดแล้ว ยังไงซะพวกเราก็ไม่ได้ผิด ทำไมพวกเราต้องยอมรับด้วยล่ะ!"

เฉินเมิ่งเหยามองไปที่ทั้งสองและพูดว่า "พ่อ แม่ไม่ต้องห่วง แม้ว่าหนูจะออกมาจากตระกูลเฉินก็ยังเลี้ยงพ่อกับแม่ได้เหมือนเดิม!"

ฉินยวี่เหลียนมองไปที่ลูกสาวของเธออย่างเจ็บปวดใจ

ไหล่ที่บางเช่นนี้กลับต้องแบกทั้งครอบครัว มันเป็นเรื่องที่ลำบากสำหรับเธอ

"ยังมีฉัน"

ในเวลานี้ เสี่ยวเทียนเอ่ยปาก : "ผมกับเหยาเหยาจะกตัญญูต่อผู้อาวุโสทั้งสอง"

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

358