บทที่ 9 ขอโทษ
by กู่เซียวซาน
11:23,Dec 19,2020
ใบหน้าของเฉินหยงเขียวด้วยความโกรธ
เขาคิดไม่ถึงว่าประธานจางจะปกป้องเฉินเมิ่งเหยาด้วยวิธีนี้
เธอใช้วิธีอะไรทำให้เขาเชื่อใจ?
"นังคนชั่ว!"
เฉินหยงตบโต๊ะอย่างแรงและตอนนี้ถ้าต้องให้เขาไปขอร้องเฉินเมิ่งเหยาพูดตามตรงว่าคงเป็นไปไม่ได้
เขาถูกตบหน้าไปแล้ว หรือว่ายังต้องยื่นหน้าอีกข้างไปให้เขาตบ?
“ ตื้ดตื้ดตื้ด... ”
ในเวลานี้โทรศัพท์มือถือของเฉินเหวินเชาดังขึ้นอีกครั้ง
เมื่อเห็นเบอร์สีหน้าของเขาก็แย่ลงทันที
“ คุณย่า”
เฉินเหวินเชาเกือบร้องไห้ออกมา
สิ่งที่เขากลัวที่สุดในตอนนี้คือการรับสายของคุณย่าเฉิน
ตอนนี้เขาเป็นผู้รับผิดชอบโครงการนี้ หากเกิดปัญหาขึ้นมาเขาเป็นคนแรกที่ต้องรับผิดชอบ
"รับโทรศัพท์สิ" เฉินหยงพูดอย่างเคร่งขรึม
เฉินเหวินเชาทำหน้าเศร้าและรับโทรศัพท์: "คุณย่า"
เฉินเหวินเชาพูดเสียงดัง
"เหวินเชาเกี่ยวกับโครงการของประธานจางเป็นอย่างไรบ้าง"
คุณย่าเฉินเข้าประเด็น
ตอนนี้เธอกังวลมากที่สุดก็คือโครงการนี้เพราะตระกูลเฉินได้ลงทุนไปด้วยเงินที่เยอะ
หากมันพังขึ้นมา ตระกูลเฉินก็จะขาดทุนเยอะมาก
"คุณย่า ไม่ต้องกังวลทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี"
เฉินเหวินเชารีบพูดโกหก"ทางเราได้เจรจากับประธานจางแล้ว รอเขาว่างก็เซ็นสัญญาได้เลย"
"งั้นก็ดีแล้ว"
คุณย่าเฉินกล่าวว่า: "เธอคอยจับตาดูเอาไว้ให้ดี หากเกิดอะไรขึ้นผิดพลาด ฉันจะมาถามเธอ!"
หลังจากพูดจบอีกฝ่ายก็วางสาย
ฝ่ามือของเฉินเหวินเชาเต็มไปด้วยเหงื่อ
เขารู้ดีว่าอารมณ์ของคุณย่าเป็นแบบไหน
หากมีอะไรผิดพลาดจริงๆ ก็ไม่ต้องพูดถึงเรื่องสืบทอดตระกูลเฉินแล้ว ครอบครัวของพวกเขาจะโดนผลกระทบไปด้วย
“ พ่อ ทำยังไงดี ผมควรทำอย่างไร!”
เฉินเหวินเชากระวนกระวายเหมือนมดที่อยู่บนหม้อแกง
ทั้งหมดต้องโทษนังคนชั่วเฉินเมิ่งเหยา มิน่าล่ะตอนที่ตัวเองไล่เขาออกไป ไม่ร้องไม่โวยวายที่แท้ก็จัดการเอาไว้แล้ว ช่างร้ายกาจจริงๆ
ผู้หญิงคนนี้ไม่เพียงแค่ไร้ยางอาย แต่ยังเหลี่ยมจัด ช่างเป็นผู้หญิงที่ชั่วเสียจริง
สีหน้าของเฉินหยงมีความไม่สบายใจ หรือว่าพวกเขาสองคนพ่อลูกต้องไปขอร้องเฉินเมิ่งเหยาจริงๆ?
นี่ไม่ใช่รีบยื่นหน้าไปให้คนอื่นตบหรอ?
ให้เขาก้มหัวให้คนที่นังเด็กนั่น ฆ่าเขาให้ตายซะยังดีกว่า
"แกเป็นคนสร้างปัญหา ก็ไปจัดการด้วยตัวเองซะ"
เฉินหยงกล่าวอย่างเคร่งขรึม: "จำไว้ว่าคุกเข่าลงไปและขอร้องเฉินเมิ่งเหยาให้กลับมา"
"พ่อ..."
"ตอนนั้นที่ไล่เฉินเมิ่งเหยาออก พ่อก็ไม่ได้ห้ามผมนิ ทำไมให้ผมไปคนเดียว!"
“ ไม่เจียมตัว!”
เฉินหยงโกรธ ที่เขาเป็นผู้อาวุโสและจะต้องไปขอร้องเด็กนั่น ถ้าเรื่องนี้กระขายออกไป เขาจะมีหน้าอยู่ในตระกูลเฉินได้อย่างไร?
“ ถ้าแกไม่ไป ถึงเวลาที่คุณย่าตามความคืบหน้าขึ้นมา จะไม่ใช่แค่เสียหน้าแต่คุณสมบัติที่จะสืบทอดตระกูลเฉินก็จะหายไปด้วย”
เมื่อได้ยินเช่นนี้เฉินเหวินเชาก็เสียอารมณ์
ก็ไม่ใช่เพื่อรัษกาหน้าเอาไว้หรอ แค่ตัวเองต้องเป็นผู้สืบทอดตระกูลเฉินให้ได้ก็จะมีโอกาสที่จะเอาทุกอย่างกลับมา
อย่าประเมินเฉินเมิ่งเหยาต่ำเกินไป และคนอื่นก็เช่นกัน
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เฉินเหวินเชาก็กัดฟันขับรถไปที่บ้านของเฉินเมิ่งเหยาด้วยความหน้าด้านอีกครั้ง
ณ ขณะนี้
ครอบครัวสี่คนของเฉินเมิ่งเหยากำลังทานอาหาร
เฉินเฉียงที่กำลังทานก็เขี่ยๆเลือกๆในจานอาหารและพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ: "ทำไมมีเนื้อแค่สองชิ้น?"
ฉินยวี่เหลียนได้ยินเช่นนั้นก็โกรธอย่างไม่มีสาเหตุ และใช้มือหยิบจานอาหารที่อยู่ตรงหน้าเขาเข้ามา: "กินเนื้อ กินเนื้อคุณรู้ไหมว่าตอนนี้เนื้อแพงขนาดไหน?"
ไม่ดูซะบ้างว่าตอนนี้ในบ้านเป็นอย่างไร ไม่ประหยัดกันซักนิด ยังอยากจะมีชีวิตกันอยู่ไหม?
โดยเฉพาะตอนนี้ครอบครัวมีเพิ่มมาอีกปาก ซึ่งทำให้ครอบครัวที่ต้องดิ้นรนอยู่แล้วต้องดินร้นมากกว่าเดิมเข้าไปอีก
เฉินเฉียงถูกฉินยวี่เหลียนตะคอกแต่ก็ยังตักอาหารขึ้นมาอย่างเงียบๆไม่ได้ออกความคิดเห็นอะไร
สามีของฉันเป็นคนไร้ประโยชน์ ตอนนี้จบแล้ว ลูกสาวของฉันแต่งงานกับคนหนีทหารที่ไร้ประโยชน์อีก ชีวิตที่เหลือจะผ่านไปได้อย่างไร!
“ แม่ ที่หนูยังมีเงินอยู่สองพัน เอาไป” เฉินเมิ่งเหยาหยิบเงินที่พับไว้จำนวนหนึ่งออกมา เงินพวกนี้คือเงินที่เธอเก็บออมอย่างประหยัด เพราะตระกูลเฉินจ่ายเงินปันผลตามผลงานที่ทำ นอกจากเธอแล้ว ฉินยวี่เหลียนและเฉินเฉียงก็ไม่ได้ทำงาน
ดังนั้นเงินเดือนแต่ละเดือนที่ถึงมือของเฉินเมิ่งเหยาจึงต่ำมาก 80% จะถูกใช้เพื่อจุนเจือครอบครัวไปแล้วก่อนหน้านี้
หลังจากรับเงินแล้ว ฉินยวี่เหลียนก็มองเสี่ยวเที่ยนด้วยความดูถูกและพูดด้วยอารมณ์ไม่ดี: "กินกินกิน รู้จักแต่กินอย่างเดียว ฉันบอกแกแล้วว่าครอบครัวของเราไม่เลี้ยงคนขี้เกียจ! แกอาศัยอยู่ที่นี่ต้องจ่ายค่าเช่าและค่าอาหารให้ตรงเวลาทุกเดือน!"
“ แม่พูดอะไรเนี่ย!”
เฉินเมิ่งเหยากัดริมฝีปากสีชมพูของเธอ ลุงเขาหนีทหาร เรื่องเงินเบี้ยเลี้ยงทหารไม่ต้องคิดแล้ว
เขาไม่มีวุฒิการศึกษา ฝีมือก็ไม่มี แล้วเขาจะจ่ายได้อย่างไร?
เมื่อได้ยินแบบนี้เสี่ยวเทียนอึ้งไปชั่วขณะ
หลังจากนั้นเขาก็พูดว่า: "เท่าไหร่?"
ฉินยวี่เหลียนยิ้มอย่างเย็นชาและพูดว่า: "ค่าเช่าหนึ่งพันหยวน ค่าอาหารสามพันหยวน! รวมเป็นสี่พันหยวนต่อเดือน"
อะไรนะ?
เยอะขนาดนั้น?
บ้านาเล็กๆของเรามีราคาเพียงสี่ร้อยหยวนต่อเดือน ถ้าหนึ่งพันหยวนสามารถเช่าห้องนอนสองห้องและห้องนั่งเล่นในเมืองเก่าได้เลยนะ
นอกจากนี้ค่าอาหารสามพัน ครอบครัวของพวกเขาจ่ายแค่สองพันต่อเดือน
“ แม่ ทำแบบนี้ได้ยังไง”
“ แค่สี่พัน?”
เสี่ยวเทียนยิ้ม เขาคิดว่ามันต้องแพงมากมากว่านี้ซะอีก สี่พันหยวนก็พอที่จะได้อยู่ห้องเดียวกับเฉินเมิ่งเหยาและยังสามารถกินอาหารอร่อย ๆ แบบนี้ได้อีก
กำไรมหาศาล!
“ พูดอย่างไม่เกรงใจ”
ฉินยวี่เหลียนถากถาง : "ถ้าคุณมีความสามารถก็เอาเงินออกมาตอนนี้สิ"
เสี่ยวเทียนยิ้มแล้วสอดมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงและสุดท้ายก็ต้องอาย
ตอนที่เขาออกจากกองทัพเขารีบเกินไปจนลืมพกเงินมาด้วย!
"เอาออกมาไม่ได้ใช่ไหม?" ฉินยวี่เหลียนหัวเราะเยาะไม่หยุด: "อย่าพูดว่าฉันไม่เตือนคุณ ถ้าสิ้นเดือนนี้คุณเอาเงินมาไม่ได้ก็ไสหัวออกไปจากบ้านของเรา"
เสี่ยวเทียนเกาหัวอย่างเก้อเขิน: "แม่ไม่ต้องห่วง เงินนี้ผมจะให้อย่างครบถ้วน"
“ ปังปังปัง”
ในตอนที่บรรยากาศน่าอายเล็กน้อย ประตูก็ถูกเคาะเสียงดัง
เฉินเฉียงเงยหน้าขึ้นชำเลืองมองและพยายามตักอาหาร หลังจากนั้นกินข้าวในชามสองสามคำจนหมดเกลี้ยง ก็เข้าไปในห้องนอนโดยไม่พูดอะไรสักคำและเปิดทีวี
เอ๊ะ!
ฉินยวี่เหลียนกระทืบด้วยความโกรธและตะโกนว่า "ใคร!"
"อารอง ผมเองเฉินเหวินเชา!"
ฉินยวี่เหลียนและเฉินเมิ่งเหยามองหน้ากันด้วยความสงสัย ทำไมเขากลับมาอีกครั้ง?
หรือว่าจะเป็นตามที่เสี่ยวเทียนพูด มาขอร้องให้เฉินเมิ่งเหยากลับไป?
ฉินยวี่เหลียนมองไปที่เสี่ยวเทียนโดยไม่รู้ตัวแต่เสี่ยวเทียนก็ก้มหน้ากินข้าวอยู่
จู่ๆเธอก็โกรธขึ้นมา กินกินกิน เป็นคนที่ไม่เอาไหนจริงๆ
ฉินยวี่เหลียนเดินไปที่ทางเข้าและเปิดประตู เฉินเหวินเชาก็เปลี่ยนเป็นทำหน้ายิ้มทันที
“ อารอง เหยาเหยาอยู่ไหม?”
เฉินเหวินเชาลูบมือ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มซึ่งตรงข้ามกับก่อนหน้านั้นที่เป็นสีหน้าอวดดีอย่างสิ้นเชิง
"มีเรื่องอะไรก็ยืนพูดตรงนี้แหละ" ฉินยวี่เหลียนทำหน้าเย็นชาโดยไม่คิดจะให้เขาเข้าไป
เฉินเหวินเชายิ้มอย่างฝืนๆ นึกไม่ถึงแม้แต่ประตูก็ไม่ยอมให้เขาเข้าไป
หญิงชราคนนี้!
ถ้าไม่ใช่เพราะต้องมาขอร้องคน เขาคงอาละวาดไปนานแล้ว
เขาเก็บความโกรธเอาไว้และตะโกนเข้าไปในห้อง: "เหยาเหยา ก่อนหน้านั้นพี่ผิดเอง พี่มาที่นี่เพื่อขอโทษเธออย่างจริงใจ”
เฉินเมิ่งเหยาอึ้งและเสียงทีวีในห้องนอนก็เบาลง
ฉินยวี่เหลียนมองไปที่เฉินเหวินเชาอย่างไม่อยากจะเชื่อ เด็กคนนี้มาขอร้องให้เหยาเหยากลับไปจริงๆเหรอ?
"อสังหาริมทรัพย์ฟู่หัวไม่มีคุณไม่ได้นะ"
เฉินเหวินเชาโค้งคำนับเล็กน้อย เขาใช้ช่วงที่ฉินยวี่เหลียนตกตะลึงแอบเข้าไป มองเฉินเมิ่งเหยายิ้มเยาะ "เหยาเหยา กลับมาเถอะ ตระกูลเราอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคุณ!"
เขาคิดไม่ถึงว่าประธานจางจะปกป้องเฉินเมิ่งเหยาด้วยวิธีนี้
เธอใช้วิธีอะไรทำให้เขาเชื่อใจ?
"นังคนชั่ว!"
เฉินหยงตบโต๊ะอย่างแรงและตอนนี้ถ้าต้องให้เขาไปขอร้องเฉินเมิ่งเหยาพูดตามตรงว่าคงเป็นไปไม่ได้
เขาถูกตบหน้าไปแล้ว หรือว่ายังต้องยื่นหน้าอีกข้างไปให้เขาตบ?
“ ตื้ดตื้ดตื้ด... ”
ในเวลานี้โทรศัพท์มือถือของเฉินเหวินเชาดังขึ้นอีกครั้ง
เมื่อเห็นเบอร์สีหน้าของเขาก็แย่ลงทันที
“ คุณย่า”
เฉินเหวินเชาเกือบร้องไห้ออกมา
สิ่งที่เขากลัวที่สุดในตอนนี้คือการรับสายของคุณย่าเฉิน
ตอนนี้เขาเป็นผู้รับผิดชอบโครงการนี้ หากเกิดปัญหาขึ้นมาเขาเป็นคนแรกที่ต้องรับผิดชอบ
"รับโทรศัพท์สิ" เฉินหยงพูดอย่างเคร่งขรึม
เฉินเหวินเชาทำหน้าเศร้าและรับโทรศัพท์: "คุณย่า"
เฉินเหวินเชาพูดเสียงดัง
"เหวินเชาเกี่ยวกับโครงการของประธานจางเป็นอย่างไรบ้าง"
คุณย่าเฉินเข้าประเด็น
ตอนนี้เธอกังวลมากที่สุดก็คือโครงการนี้เพราะตระกูลเฉินได้ลงทุนไปด้วยเงินที่เยอะ
หากมันพังขึ้นมา ตระกูลเฉินก็จะขาดทุนเยอะมาก
"คุณย่า ไม่ต้องกังวลทุกอย่างเป็นไปได้ด้วยดี"
เฉินเหวินเชารีบพูดโกหก"ทางเราได้เจรจากับประธานจางแล้ว รอเขาว่างก็เซ็นสัญญาได้เลย"
"งั้นก็ดีแล้ว"
คุณย่าเฉินกล่าวว่า: "เธอคอยจับตาดูเอาไว้ให้ดี หากเกิดอะไรขึ้นผิดพลาด ฉันจะมาถามเธอ!"
หลังจากพูดจบอีกฝ่ายก็วางสาย
ฝ่ามือของเฉินเหวินเชาเต็มไปด้วยเหงื่อ
เขารู้ดีว่าอารมณ์ของคุณย่าเป็นแบบไหน
หากมีอะไรผิดพลาดจริงๆ ก็ไม่ต้องพูดถึงเรื่องสืบทอดตระกูลเฉินแล้ว ครอบครัวของพวกเขาจะโดนผลกระทบไปด้วย
“ พ่อ ทำยังไงดี ผมควรทำอย่างไร!”
เฉินเหวินเชากระวนกระวายเหมือนมดที่อยู่บนหม้อแกง
ทั้งหมดต้องโทษนังคนชั่วเฉินเมิ่งเหยา มิน่าล่ะตอนที่ตัวเองไล่เขาออกไป ไม่ร้องไม่โวยวายที่แท้ก็จัดการเอาไว้แล้ว ช่างร้ายกาจจริงๆ
ผู้หญิงคนนี้ไม่เพียงแค่ไร้ยางอาย แต่ยังเหลี่ยมจัด ช่างเป็นผู้หญิงที่ชั่วเสียจริง
สีหน้าของเฉินหยงมีความไม่สบายใจ หรือว่าพวกเขาสองคนพ่อลูกต้องไปขอร้องเฉินเมิ่งเหยาจริงๆ?
นี่ไม่ใช่รีบยื่นหน้าไปให้คนอื่นตบหรอ?
ให้เขาก้มหัวให้คนที่นังเด็กนั่น ฆ่าเขาให้ตายซะยังดีกว่า
"แกเป็นคนสร้างปัญหา ก็ไปจัดการด้วยตัวเองซะ"
เฉินหยงกล่าวอย่างเคร่งขรึม: "จำไว้ว่าคุกเข่าลงไปและขอร้องเฉินเมิ่งเหยาให้กลับมา"
"พ่อ..."
"ตอนนั้นที่ไล่เฉินเมิ่งเหยาออก พ่อก็ไม่ได้ห้ามผมนิ ทำไมให้ผมไปคนเดียว!"
“ ไม่เจียมตัว!”
เฉินหยงโกรธ ที่เขาเป็นผู้อาวุโสและจะต้องไปขอร้องเด็กนั่น ถ้าเรื่องนี้กระขายออกไป เขาจะมีหน้าอยู่ในตระกูลเฉินได้อย่างไร?
“ ถ้าแกไม่ไป ถึงเวลาที่คุณย่าตามความคืบหน้าขึ้นมา จะไม่ใช่แค่เสียหน้าแต่คุณสมบัติที่จะสืบทอดตระกูลเฉินก็จะหายไปด้วย”
เมื่อได้ยินเช่นนี้เฉินเหวินเชาก็เสียอารมณ์
ก็ไม่ใช่เพื่อรัษกาหน้าเอาไว้หรอ แค่ตัวเองต้องเป็นผู้สืบทอดตระกูลเฉินให้ได้ก็จะมีโอกาสที่จะเอาทุกอย่างกลับมา
อย่าประเมินเฉินเมิ่งเหยาต่ำเกินไป และคนอื่นก็เช่นกัน
เมื่อนึกถึงสิ่งนี้ เฉินเหวินเชาก็กัดฟันขับรถไปที่บ้านของเฉินเมิ่งเหยาด้วยความหน้าด้านอีกครั้ง
ณ ขณะนี้
ครอบครัวสี่คนของเฉินเมิ่งเหยากำลังทานอาหาร
เฉินเฉียงที่กำลังทานก็เขี่ยๆเลือกๆในจานอาหารและพูดด้วยสีหน้าไม่พอใจ: "ทำไมมีเนื้อแค่สองชิ้น?"
ฉินยวี่เหลียนได้ยินเช่นนั้นก็โกรธอย่างไม่มีสาเหตุ และใช้มือหยิบจานอาหารที่อยู่ตรงหน้าเขาเข้ามา: "กินเนื้อ กินเนื้อคุณรู้ไหมว่าตอนนี้เนื้อแพงขนาดไหน?"
ไม่ดูซะบ้างว่าตอนนี้ในบ้านเป็นอย่างไร ไม่ประหยัดกันซักนิด ยังอยากจะมีชีวิตกันอยู่ไหม?
โดยเฉพาะตอนนี้ครอบครัวมีเพิ่มมาอีกปาก ซึ่งทำให้ครอบครัวที่ต้องดิ้นรนอยู่แล้วต้องดินร้นมากกว่าเดิมเข้าไปอีก
เฉินเฉียงถูกฉินยวี่เหลียนตะคอกแต่ก็ยังตักอาหารขึ้นมาอย่างเงียบๆไม่ได้ออกความคิดเห็นอะไร
สามีของฉันเป็นคนไร้ประโยชน์ ตอนนี้จบแล้ว ลูกสาวของฉันแต่งงานกับคนหนีทหารที่ไร้ประโยชน์อีก ชีวิตที่เหลือจะผ่านไปได้อย่างไร!
“ แม่ ที่หนูยังมีเงินอยู่สองพัน เอาไป” เฉินเมิ่งเหยาหยิบเงินที่พับไว้จำนวนหนึ่งออกมา เงินพวกนี้คือเงินที่เธอเก็บออมอย่างประหยัด เพราะตระกูลเฉินจ่ายเงินปันผลตามผลงานที่ทำ นอกจากเธอแล้ว ฉินยวี่เหลียนและเฉินเฉียงก็ไม่ได้ทำงาน
ดังนั้นเงินเดือนแต่ละเดือนที่ถึงมือของเฉินเมิ่งเหยาจึงต่ำมาก 80% จะถูกใช้เพื่อจุนเจือครอบครัวไปแล้วก่อนหน้านี้
หลังจากรับเงินแล้ว ฉินยวี่เหลียนก็มองเสี่ยวเที่ยนด้วยความดูถูกและพูดด้วยอารมณ์ไม่ดี: "กินกินกิน รู้จักแต่กินอย่างเดียว ฉันบอกแกแล้วว่าครอบครัวของเราไม่เลี้ยงคนขี้เกียจ! แกอาศัยอยู่ที่นี่ต้องจ่ายค่าเช่าและค่าอาหารให้ตรงเวลาทุกเดือน!"
“ แม่พูดอะไรเนี่ย!”
เฉินเมิ่งเหยากัดริมฝีปากสีชมพูของเธอ ลุงเขาหนีทหาร เรื่องเงินเบี้ยเลี้ยงทหารไม่ต้องคิดแล้ว
เขาไม่มีวุฒิการศึกษา ฝีมือก็ไม่มี แล้วเขาจะจ่ายได้อย่างไร?
เมื่อได้ยินแบบนี้เสี่ยวเทียนอึ้งไปชั่วขณะ
หลังจากนั้นเขาก็พูดว่า: "เท่าไหร่?"
ฉินยวี่เหลียนยิ้มอย่างเย็นชาและพูดว่า: "ค่าเช่าหนึ่งพันหยวน ค่าอาหารสามพันหยวน! รวมเป็นสี่พันหยวนต่อเดือน"
อะไรนะ?
เยอะขนาดนั้น?
บ้านาเล็กๆของเรามีราคาเพียงสี่ร้อยหยวนต่อเดือน ถ้าหนึ่งพันหยวนสามารถเช่าห้องนอนสองห้องและห้องนั่งเล่นในเมืองเก่าได้เลยนะ
นอกจากนี้ค่าอาหารสามพัน ครอบครัวของพวกเขาจ่ายแค่สองพันต่อเดือน
“ แม่ ทำแบบนี้ได้ยังไง”
“ แค่สี่พัน?”
เสี่ยวเทียนยิ้ม เขาคิดว่ามันต้องแพงมากมากว่านี้ซะอีก สี่พันหยวนก็พอที่จะได้อยู่ห้องเดียวกับเฉินเมิ่งเหยาและยังสามารถกินอาหารอร่อย ๆ แบบนี้ได้อีก
กำไรมหาศาล!
“ พูดอย่างไม่เกรงใจ”
ฉินยวี่เหลียนถากถาง : "ถ้าคุณมีความสามารถก็เอาเงินออกมาตอนนี้สิ"
เสี่ยวเทียนยิ้มแล้วสอดมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงและสุดท้ายก็ต้องอาย
ตอนที่เขาออกจากกองทัพเขารีบเกินไปจนลืมพกเงินมาด้วย!
"เอาออกมาไม่ได้ใช่ไหม?" ฉินยวี่เหลียนหัวเราะเยาะไม่หยุด: "อย่าพูดว่าฉันไม่เตือนคุณ ถ้าสิ้นเดือนนี้คุณเอาเงินมาไม่ได้ก็ไสหัวออกไปจากบ้านของเรา"
เสี่ยวเทียนเกาหัวอย่างเก้อเขิน: "แม่ไม่ต้องห่วง เงินนี้ผมจะให้อย่างครบถ้วน"
“ ปังปังปัง”
ในตอนที่บรรยากาศน่าอายเล็กน้อย ประตูก็ถูกเคาะเสียงดัง
เฉินเฉียงเงยหน้าขึ้นชำเลืองมองและพยายามตักอาหาร หลังจากนั้นกินข้าวในชามสองสามคำจนหมดเกลี้ยง ก็เข้าไปในห้องนอนโดยไม่พูดอะไรสักคำและเปิดทีวี
เอ๊ะ!
ฉินยวี่เหลียนกระทืบด้วยความโกรธและตะโกนว่า "ใคร!"
"อารอง ผมเองเฉินเหวินเชา!"
ฉินยวี่เหลียนและเฉินเมิ่งเหยามองหน้ากันด้วยความสงสัย ทำไมเขากลับมาอีกครั้ง?
หรือว่าจะเป็นตามที่เสี่ยวเทียนพูด มาขอร้องให้เฉินเมิ่งเหยากลับไป?
ฉินยวี่เหลียนมองไปที่เสี่ยวเทียนโดยไม่รู้ตัวแต่เสี่ยวเทียนก็ก้มหน้ากินข้าวอยู่
จู่ๆเธอก็โกรธขึ้นมา กินกินกิน เป็นคนที่ไม่เอาไหนจริงๆ
ฉินยวี่เหลียนเดินไปที่ทางเข้าและเปิดประตู เฉินเหวินเชาก็เปลี่ยนเป็นทำหน้ายิ้มทันที
“ อารอง เหยาเหยาอยู่ไหม?”
เฉินเหวินเชาลูบมือ ใบหน้าของเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มซึ่งตรงข้ามกับก่อนหน้านั้นที่เป็นสีหน้าอวดดีอย่างสิ้นเชิง
"มีเรื่องอะไรก็ยืนพูดตรงนี้แหละ" ฉินยวี่เหลียนทำหน้าเย็นชาโดยไม่คิดจะให้เขาเข้าไป
เฉินเหวินเชายิ้มอย่างฝืนๆ นึกไม่ถึงแม้แต่ประตูก็ไม่ยอมให้เขาเข้าไป
หญิงชราคนนี้!
ถ้าไม่ใช่เพราะต้องมาขอร้องคน เขาคงอาละวาดไปนานแล้ว
เขาเก็บความโกรธเอาไว้และตะโกนเข้าไปในห้อง: "เหยาเหยา ก่อนหน้านั้นพี่ผิดเอง พี่มาที่นี่เพื่อขอโทษเธออย่างจริงใจ”
เฉินเมิ่งเหยาอึ้งและเสียงทีวีในห้องนอนก็เบาลง
ฉินยวี่เหลียนมองไปที่เฉินเหวินเชาอย่างไม่อยากจะเชื่อ เด็กคนนี้มาขอร้องให้เหยาเหยากลับไปจริงๆเหรอ?
"อสังหาริมทรัพย์ฟู่หัวไม่มีคุณไม่ได้นะ"
เฉินเหวินเชาโค้งคำนับเล็กน้อย เขาใช้ช่วงที่ฉินยวี่เหลียนตกตะลึงแอบเข้าไป มองเฉินเมิ่งเหยายิ้มเยาะ "เหยาเหยา กลับมาเถอะ ตระกูลเราอยู่ไม่ได้ถ้าไม่มีคุณ!"
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.webreadapp.com All rights reserved