บทที่4 ไล่ออก

บ้านของเฉินเมิ่งเหยา

สภาพบ้านที่คับแคบยากจนภายในบ้านไม่ค่อยจะมีอะไร เครื่องใช้ไฟฟ้าในบ้านดูเก่ามากแต่บ้านยังมีความสะอาด

จะพูดยังไงดี พวกเขาเป็นลูกหลานของตระกูลเฉิน แต่กลับตกมาอยู่ในสภาพเช่นนี้ฃ

ดูจากสภาพของเฉินเมิ่งเหยาที่ยังอายุไม่เยอะนัก อยู่ที่บ้านตระกูลเฉินต้องได้รับความไม่เป็นธรรมเป็นอย่างมากแน่ๆ

มองเด็กสาวจากที่ที่ไม่ไกลนัก ในใจเสี่ยวเทียนก็เกิดความสงสาร

กลางดึก แสงจันทร์สงบ

เฉินเมิ่งเหยาสวมชุดนอนออกมาจากห้องอาบน้ำ ผมที่เปียกชุ่มของเธอได้ปกคลุมไหล่ที่เซ็กซี่ หน้าอกกลมๆของเธอนูนออกมา

ในเวลานั้น เสี่ยวเทียนที่นอนอยู่บนฟูก ก็มีปฏิกิริยาตอบสนองเล็กน้อย

ถึงแม้ว่าพวกเราจะเป็นสามีภรรยากันแล้ว แต่เสี่ยวเทียนก็ไม่เคยคิดจะล่วงเกินหญิงสาว

เฉินเมิ่งเหยานั่งลงที่ด้านข้างของเตียง นี่เป็นครั้งแรกที่เธอได้นอนห้องเดียวกับผู้ชาย ยากที่จะหลีกเลี่ยงความตื่นตระหนก หัวใจเต้นแรงไม่เป็นจังหวะ

ทั้งสองไม่พูดอะไร

ในขณะที่ทั้งสองกำลังเข้าสู่ห้วงนิทรา สายเรียกเข้าของโทรศัพท์ก็ได้ทำลายบรรยากาศที่เงียบสงบ เป็นโทรศัพท์ของเฉินเมิ่งเหยานั่นเอง

โทรศัพท์ของเฉินเมิ่งเหยาดังขึ้นไม่หยุด มองหน้าจอโทรศัพท์ผ่านๆ เป็นเฉินเหวินเชาที่โทรมา ใจเต้นขึ้นมารู้แล้วว่าต้องเป็นเรื่องใหญ่ โทรมาเวลานี้ไม่ใช่เรื่องดีแน่ๆ

เธอรับสาย

“เหอะๆ เฉินเมิ่งเหยาขอบอกเลยนะ วาครอบครัวเธอถึงคราวซวยแล้ว!ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไปเธอถูกไล่ออกอย่างเป็นทางการ ตั้งแต่พรุ่งนี้ไปไม่ต้องมาทำงานที่บริษัทฟู่ฮว๋าแล้ว!ไอ้คนขี้ขลาดไม่มีความสามรถมันกล้าลองดีกับฉัน นี่ก็คือจุดจบของพวกแก!”ในโทรศัพท์นั้นเฉินเหวินเชาพูดอย่างสะใจ พูดเอะอะอยู่พักหนึ่ง

สมองของเฉินเมิ่งเหยาโล่งไปหมด เธอกำหมัดด้วยความโกรธ “มีสิทธ์อะไร? คุณบอกจะไล่ฉันออก ก็ไล่ฉันออกแบบนี้ได้เลยหรอ?”

“เหอะ! นี่เป็นคำสั่งของคุณย่าเอง ฟังฉันไว้ให้ดี ถึงแม้แกจะดีเลิศมาจากไหน เธอก็สู้ฉันไม่ได้หรอก”เฉินเหวินเชาพูดสะใจ “ฉันเป็นหลานคนโตของตระกูล อย่าคิดว่าบริษัทฟู่ฮว๋าไม่มีเธอก็จะทำธุรกิจต่อไปไม่ได้ ตอนนี้โปรเจ็กที่เธอทำมันกลายมาเป็นของฉันแล้ว รอดูเถอะ!“

พอได้ยินคำพวกนี้ เฉินเมิ่งเหยาก็โกรธจนมือสั่นขึ้นมา สองปีที่ผ่านมาเธอยอมให้เฉินเหวินเชาตลอด ก้มหน้าก้มตาตั้งใจทำงานให้ตระกูลเฉิน จากพนักงานขายตัวเล็ก ๆ ไปจนถึงผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ฉันปีนขึ้นมาทีละขั้น ต้องทนทุกข์ทรมานแค่ไหน ต้องลำบากกัดฟันต่อสู้มานับครั้งไม่ถ้วนมีแค่เธอเท่านั้นที่รู้ เรื่องนี้เธอคิดอยู่แล้วว่าจะต้องโดนคุณย่าทำโทษ แต่เธอก็ไม่คิดว่าคุณย่าจะใจร้ายเช่นนี้ที่ไล่เธออกจากบริษัทฟู่ฮว๋า

“แกมันก็ปรสิตทั้งครอบครัว ไสหัวออกไปซะ!”

สิ้นเสียงโทรศัพท์ กลางดึก เฉินเมิ่งเหยาทนไม่ไหวอีกต่อไป น้ำตาเธอไหลออกมาไม่หยุด ทั้งหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา

เสี่ยวเทียนมองหญิงสาวที่ร้องไห้สะอึกสะอื้นจากที่ไม่ไกล

ณ ตอนนั้น เขาเจ็บแทนหญิงสาวมาก เขาอยากจะเดินเข้าไปบอกเธอว่า ยังจำคนที่กินหมั่นโถวของเธอตอนนั้นได้มั้ย?

ตอนนี้เขากลับมาแล้ว ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น!

เขาจะปกปกเธอเอง

คำพูดเกือบจพูดออกไป แต่ก็ต้องทนเอาไว้

“ฉินหมิง ช่วยฉันสืบเรื่องนึงหน่อย” เสี่ยวเทียนกดส่งข้อความ

“พี่เทียน สั่งมาได้เลย”ฉินหมิงตอบกลับอย่างรวดเร็ว

“ยวิ๋นเฉิงมีบริษัทจื่อจินรึเปล่า?”

“ใช่ครับ คนที่ดูแลบริษัทนี้อยู่คือจางชิวไป๋ เคยเป็นทหารแถบแดนเหนือ เป็นคนของผมเองครับ ตอนหลังกลับมาสร้างธุรกิจด้วยตัวเอง สองสามปีก่อนได้รับเงินสนับสนุนจากคุณ จนตอนนี้กลายเป็นบริษัทดาราที่ดังอันดับต้นๆในยวิ๋นเฉิง”

“ดีมาก ประกาศออกไปว่าบริษัทของภรรยาฉันช่วงนี้จะมีโปรเจ็คร่วมกับบริษัทจื่อจิน นอกเหนือจากภรรยาของฉัน ใครก็ห้ามทำแทนเด็ดขาด!”

“ถ้าขัดขืน ลงโทษตามกฎทหาร!”

”ได้ครับ ผมจะไปจัดการเดี๋ยวนี้“

เสี่ยวเทียนส่งข้อความเสร็จเหลือบไปมองเฉินเมิ่งเหยาด้วยสายตาที่ลึกซึ้ง สาวน้อยฉันจะไม่ยอมให้ใครมาทำให้เธอได้รับความไม่เป็นธรรม คนในตระกูลเฉินจะไม่มีวันมาแย่งตำแหน่งเธอไปได้!

สปาเท้าเยว่หลาย

ขณะที่จางชิวไป๋หลับตาคลิบเคลิ้มกับการนวดเท้าของหมอนวดหญิง

จู่โทรศัพท์ก็ดังขึ้นมา ชื่อผู้โทร:ฉินหมิง เขาตกใจจนลุกขึ้น อดีตหัวหน้าพลตรีฉินหมิงดินแดนเหนือ ไม่กี่ปีมานี้ จางชิวไป๋ได้อาศัยเงินทุนสนับสนุนจากฉินหมิงมาโดยตลอด บริษัทจื่อจินถึงใหญ่ได้ขนาดนี้

“พี่หมิง โทรมาดึกขนาดนี้ มีอะไรจะสั่งหรือป่าวครับ” หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ฉินหมิงพูดอย่างระมัดระวัง กลัวพูดผิดจะทำให้ฉินหมิงไม่พอใจ

ฉินหมิงได้นำคำสั่งของเสี่ยวเทียนบอกกับจางชิวไป๋

“รับทราบครับ จะจัดการให้คุณเป็นอย่างดี!” ฉินหมิงพยักหน้าพูด

วันถัดมา ในตอนเช้า

ฉินยวี่เหลียนกลัวว่าเมื่อคืนลูกตนจะถูกเสี่ยวเทียนรังแก พอตื่นนอนก็รีบผลักประตูเข้าไปในห้อง

แต่มองไปก็เห็นแค่ลูกที่อยู่บนเตียง อีกคนนอนปูฟูกบนพื้น จึงทำให้ผู้เป็นแม่รู้สึกสบายใจขึ้น

“เฉินเมิ่งเหยา รีบตื่นได้แล้ว เดี๋ยวกระทบงานนะ” ฉินยวี่เหลียนพูดกระตุ้น

เมื่อเฉินเมิ่งเหยาขยี้ตา ทำเป็นเข้มแข็ง “แม่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หนูไปทำงานไม่ได้อีกแล้ว...”

“ทำไมล่ะ” ฉินยวี่เหลียนถามด้วยความตกใจ

“เมื่อวานตอนเย็นเฉินเหวินเชาโทรมา บอกว่าเป็นคำสั่งคุณย่าให้ฉันออกจากบริษัทฟู่ฮว๋า”เฉินเมิ่งเหยาพูดอย่างน้อยใจ

ไล่ออก?

ฉินยวี่เหลียนหน้าซีด ไม่เชื่อสิ่งที่ลูกพูด

ลูกสาวตนก็พึ่งแต่งงาน ทำไมเคราะห์ซ้ำกรรมซัดมาโดนไล่ออกอีกนะ?

“เมิ่งเหยา ไหนพูดมาสิว่าจริงๆแล้วเกิดอะไรขึ้น? คุณย่าเขาคงไม่ใจดำไล่ลูกออกในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อหรอก”ฉินยวี่เหลียนถามเชิงบังคับ

“แม่ ไม่ต้องพูดแล้ว ย่าไม่เคยคิดที่จะห่วงหนูอยู่แล้ว”

เฉินเมิ่งเหยาพูดถึงตรงนี้ อดไม่ได้ที่จะน้ำตามันไหลออกมาจากดวงตาอีกครั้ง

แม่เห็นลูกเศร้าอย่างนี้แล้วฉินยวี่เหลียนก็อดสงสารไม่ได้ ขณะนั้นสายตาเธอได้มองไปที่เสี่ยวเทียนแทน

“เหอะ ต้องโทษแก!ครอบครัวเรามีเรื่องวุ่นวายขนาดนี้ เป็นเพราะแต่งลูกเขยที่ขี้ขลาดไร้ความสามารถแบบแกเข้ามา!ไสหัวออกไป รีบไสหัวออกไป ฉันไม่อยากเห็นหน้าแกอีก”

ฉินยวี่เหลียนได้ระบายความโกรธทั้งหมดของตนกับลูกเขย

เสี่ยวเทียนไม่เอ่ยปากพูดซักคำ

“แม่ อย่าพูดกับคุณลุงแบบนี้ เขาไม่ได้ทำอะไรเลยนะ จะโทษก็ต้องโทษคนตระกูลเฉินที่ไร้น้ำใจแบบนี้.......ฉันเข้าใจทุกอย่างแล้ว สองปีที่ฉันช่วยทำงานให้ตระกูลเฉิน ไม่ว่าฉันจะพยายามมากแค่ไหน ก็ยังโดนคนดูถูกอยู่ดี บางคนก็แค่ถากถางบ้างเยาะเย้ยบ้าง ฉันทนมาพอแล้วกับวันแบบนั้น ฉันว่าโดนไล่ออกก็ดีเหมือนกันนะ หนูจะได้ไปหางานทำที่อื่น”เฉินเมิ่งเหยากัดปากพูดอย่างเข็มแข็ง

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

358