บทที่ 4 หาเลี้ยงลูกตามภาษาแม่เลี้ยง

by ม่อหยูจือ 07:43,Jul 14,2022
คราวนี้กู้เกอไม่ได้หวาดกลัว แต่แววตาเธอเต็มไปด้วยความสับสน

เฉียวเหลียนเหลียนในฐานะแม่ แสดงความรักในฐานะแม่ที่มีต่อลูก "เสี่ยวอู่หิวไหมลูก?"

กู้เกอมองไปที่เธอพร้อมกับพยักหน้าอย่างรวดเร็ว

พี่น้องอีกสี่คนที่อยู่ด้านข้างเหงื่อออกมือไปตามๆกัน

นี่คงเป็นหนึ่งในกลอุบายที่เฉียวเหลียนเหลียนคนเดิมใช้เช่นกัน ทุกครั้งที่เธอกระซิบกับเด็กๆว่าหิวไหม? เมื่อเด็กๆพยักหน้าบอกว่าพวกเขาหิว เธอก็จะอารมณ์เสียอย่างบ้าคลั่ง ปากก็พูดเพียงแต่ว่าเลี้ยงลูกห้าคนเหนื่อยยากลำบาก

อย่างไรก็ตาม คราวนี้พายุที่เคยเกิดขึ้นคงไม่ทวีความรุนแรงอีกครั้ง เฉียวเหลียนเหลียนพยักหน้า “งั้น พวกลูกรออยู่นี่ก่อน เดี๋ยวแม่ไปทำอาหารให้”

เธอวางกู้เกอไว้บนเตียง จากนั้นออกไปหยิบกาต้มน้ำเก่าๆที่ลานบ้าน และเข้าไปในห้องครัวที่มีสภาพทรุดโทรม

ที่บ้านยังไม่มีน้ำ แต่เฉียวเหลียนเหลียนไม่ตื่นตระหนก เธอเหยียดมือออกจากนั้นตั้งสติและจินตนาการถึง "น้ำบริสุทธิ์" ในใจ จู่ๆถังน้ำบริสุทธิ์ที่ยังไม่ได้เปิดถังในห้องทดลองก็ปรากฏขึ้นในฝ่ามือของเธอ

ถังนี้หนักจริงๆ

เฉียวเหลียนเหลียนวางถังบนเตาด้วยความยากลำบาก เปิดซีลพลาสติกแล้วเทน้ำลงในกาต้มน้ำ

ไม่รู้ว่ากาต้มน้ำนี้ล้างบ้างหรือเปล่า ในฐานะที่เฉียวเหลียนเหลียนเป็นคนรักความสะอาด เธอจึงล้างมันซ้ำๆสามครั้งก่อนที่จะเทน้ำลงกา

แล้วจะจุดฟืนยังไง?

เธอเคยใช้แต่แก๊ส และเตาแม่เหล็กไฟฟ้า จะจุดฟืนทั้งทีเธอใช้เวลาสิบกว่านาที แต่ไม่สำเร็จ

ในที่สุดเธอก็ยอมแพ้ เธอเทน้ำลงถังคืน แล้วตะโกนเข้าไปในบ้านหลังใหญ่ว่า "เอาหม้อมาให้หน่อยเด็กๆ"

ไม่ทันไร กู้เชวี่ยก็เดินออกมา

ภายใต้การปกครองแบบเผด็จการของแม่เลี้ยงคนก่อน กู้เชวี่ยทำหน้าที่ก่อไฟ และก้นหม้อก็เต็มไปด้วยเขม่าไฟ

เฉียวเหลียนเหลียนต้มน้ำ พอต้มเสร็จก็เทน้ำลงในชามให้เด็กๆดื่มก่อน จากนั้นเธอก็นำข้าวกล้องในชามออกมาเทลงหม้อ แล้วเติมน้ำสองถ้วยตวง และต้มข้าวกล้องในหม้อ

เธออยากทำอาหารด้วย แต่น่าเสียดายที่ครอบครัวนี้ยากจน ฤดูหนาวของที่นี่ไม่มีแม้แต่ผัก

แต่แบบนี้ก็ดี

แม่เลี้ยงคนเดิมต้มข้าวต้มให้เด็กๆจะตักแต่น้ำข้าวและตักข้าวเพียงหยิบมือนึงให้เด็กๆ

ส่วนตัวเธอเองนั้นเธอจะตักให้ตัวเองเยอะเป็นพิเศษ แต่เด็กๆ ทั้งห้าได้กินข้าวเพียงไม่กี่เม็ด

ไม่เหมือนตอนนี้ เด็กๆได้ข้าวกินคนละหนึ่งชาม และเด็กๆก็ไม่สนว่าข้าวต้มนั้นจะร้อนแค่ไหน

หลังจากกินเสร็จ เด็กๆก็เก็บชามซ้อนกันเพื่อนำไปล้าง

เมื่อชามถูกล้างเสร็จเรียบร้อย เฉียวเหลียนเหลียนก็พูดด้วยความเศร้าว่า “เรามีข้าวเหลืออยู่หนึ่งกำมือ อาหารเราจะหมดในไม่ช้า”

เด็กๆกินข้าวต้มร้อนๆแก้มแดงๆ ตอนนี้หน้าซีดเผือดในทันที

กู้เฉิงปากสั่น ถามขึ้นมาว่า “แม่ให้พวกเรากินอิ่มมื้อนี้แล้ว แม่จะเอาพวกเราไปขายใช่ไหม?”

เฉียวเหลียนเหลียนได้ยินประโยคนี้ถึงกับสะดุ้งและเข้าใจถึงสิ่งที่กู้เฉิงคิด แม้แต่ข้าวกล้องพวกเขายังไม่รู้ถึงรถชาติความอร่อย

คิดมากเกินไปแล้ว!

“เด็กน้อยเอ๊ย ทำไมถึงคิดกันไปต่างๆนาๆ” เฉียวเหลียนเหลียนมองด้วยความโกรธ “ในเมื่อแม่เป็นแม่ของลูกๆ และลูกเรียกแม่ว่าแม่ แม่จะเอาลูกไปขายได้อย่างไรกัน?”

ถ้าพวกเราทั้งหกตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนี้ ต่อไปเราจะทำไงกันดี?

เฉียวเหลียนเหลียนคิดในใจเรียบร้อย

ก่อนหน้านี้ เธอออกตามหากู้เชวี่ย เธอพบว่าหลังหมู่บ้านตระกูลตู้ติดกับภูเขาลูกใหญ่ ในหมู่บ้านมักมีคนไปล่าสัตว์เพื่อความอยู่รอด แม้ว่าจะเป็นช่วงฤดูหนาว แต่ก็ยังมีสัตว์หลายชนิด หากตั้งใจก็จะได้อาหารป่ามากินมากมาย

“แม่จะไปหาอาหารในป่า พวกลูกสองคนอยู่บ้านก็ดูแลน้องๆด้วย อย่าออกไปข้างนอกหล่ะ” เฉียวเหลียนเหลียนบอกลูกคนโตทั้งสอง

กู้เฉิงและกู้เชวี่ยจ้องมองเธอด้วยความงุนงง สายตาบ่งบอกถึงความไม่น่าเชื่อ

ในอดีตแม่เลี้ยงคนนี้เป็นคนขี้กลัวที่สุด กู้เฉิงบอกเธอหลายครั้งว่าไปล่าสัตว์ได้ แต่เธอไม่เต็มใจไป เธอกลับดุกู้เฉิงเพราะเธอคิดว่ากู้เฉิงจะให้เธอไปตายหลังเขา

ตอนนี้แม่เลี้ยงเปลี่ยนไปราวฟ้ากับดิน เธอกลายเป็นคนเย็นชาและกลัวจะไม่มีอะไรกิน

เฉียวเหลียนเหลียนไม่สนใจว่าเด็กๆจะคิดอย่างไร เธอต้องกินต้องใช้และต้องหาเงินเพื่อความอยู่รอด ไม่เพียงแต่เพื่อเลี้ยงดูลูก แต่ต้องเลี้ยงตัวเองด้วย

หลังจากเดินออกจากบ้าน เธอก็ปิดประตูและเดินไปหลังเขา

ตอนนี้เป็นตอนบ่าย แต่ละบ้านก็ต่างพากันกินอิ่มและเตรียมพักผ่อนยามบ่าย บนเขาเงียบสงัดและน่ากลัว

เฉียวเหลียนเหลียนเดินไปที่ๆห่างไกล และก้มศีรษะลง และพูดว่า "a7" เบาๆ และอาวุธลำกล้องสั้นขนาดเล็กที่สวยงามก็ปรากฏขึ้นบนฝ่ามือของเธอ

นี่คือสมบัติส่วนตัวของเฉียวเหลียนยี เมื่อเธอเอาชนะอุปสรรคในตระกูลเฉียวได้ หัวหน้าครอบครัวได้มอบมันให้กับเธอ อาวุธนี้ยู่กับเธอมา 20 ปี เรียกได้ว่าตลอดอายุขัยของเธอ และยังเป็นอาวุธที่ใช้ง่ายที่สุด

เธอใส่ a7 ไว้ในอ้อมแขน เธอใช้ทักษะของเธอปีนขึ้นไปบนกิ่งไม้เก่าแก่ และรอคอยอย่างเงียบๆ

ประมาณสิบนาทีต่อมามีการเคลื่อนไหวในหญ้าแห้งๆทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ เธอเตรียมเล็งและเหนี่ยวไก

"ปั้ง"

แกะดำตัวหนึ่งล้มลงกับพื้นด้วยเลือดกระเซ็นไปทั่ว

ในเวลาเดียวกัน เด็กคนหนึ่งก็ล้มลง และกลิ้งออกไป

กู้เฉิงรู้สึกสับสนเล็กน้อย เขาแค่ต้องการดูว่าแม่เลี้ยงของเขามีความคิดอะไรแย่ๆ เขาจึงเดินตามมาดู

ทำให้เขาได้ยินเสียงดัง และก็สะดุ้งด้วยความตกใจแล้วลื่นล้มลงใต้ต้นไม้ใหญ่

แล้วพอผมเงยหน้าขึ้น ก็บังเอิญเห็นหน้าแม่เลี้ยงที่กำลังยิ้มอยู่

เป็นครั้งแรกในชีวิตที่กู้เฉิงขนลุก

เฉียวเหลียนเหลียนปีนต้นไม้ลงมา เธอจึงเดินไปหากู้เฉิง ครุ่นคิดครู่หนึ่งและเอื้อมมือให้เขาจับ

กู้เฉิงจ้องมองเธอด้วยสายตาว่างเปล่า และหลังจากนั้นไม่นานเขาก็ยกมือขึ้นและเอื้อมไปจับมือเฉียวเหลียนเหลียน

ครู่ต่อมา เฉียวเหลียนเหลียนก็ช่วยเขาปปัดเศษหญ้า

เช่นเดียวกับผู้เป็นแม่ปฏิบัติต่อลูกชาย เธอพูดพร้อมกับบ่นเล็กน้อยว่า "ลูกมาทำอะไรที่นี่ ลูกเดินตามมา..."

แต่เมื่อเห็นแกะดำตัวใหญ่ เฉียวเหลียนเหลียนก็ไม่พูดต่อและพูดว่า “ไหนๆก็มาแล้ว ไปช่วยกันอุ้มแกะดำ”

แกะดำตัวนี้ค่อนข้างใหญ่ เธอยกเพียงลำพังไม่ได้แน่

แม่ลูกมัดกีบแกะด้วยเชือกฟาง แล้วสอดไม้หนาๆผ่านรูเชือกฟางแล้วอุ้มแกะกลับบ้าน

ระหว่างทางหลีกเลี่ยงไม่ได้ว่าจะพบกับคนจากหมู่บ้านเดียวกัน และเฉียวเหลียนเหลียนอธิบายด้วยรอยยิ้มว่าเธอเห็นแกะล้มตายเลยอุ้มมา

ในฤดูหนาว ยังเจอแกะล้มตายได้อีก

ชาวบ้านเริ่มมีสายตาอิจฉาริษยา แต่พวกเขาทำอะไรไม่ได้ ใครให้พวกเขาเจอเหยื่อ

อย่างไรก็ตาม แน่นอนว่ามีคนไม่พอใจ

เมื่อข่าวว่า "ครอบครัวกู้เหล่าซานได้แกะดำหนึ่งตัว" ถึงหูตระกูลจาง แววตาป้าจางก็เปล่งประกาย มองลูกชายสองคนแล้วพากันขึ้นเขา

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

527