บทที่ 8 ช่วยชีวิตคน

by ม่อหยูจือ 07:43,Jul 14,2022
ขากลับเฉียวเหลียนเหลียนก็นั่งเวียนของลุงขับเกวียนคนเดิม โชคดีที่เธอถามรอบวิ่งเกวียนก่อนทำให้เธอมาทันเวลา

ดูเหมือนลุงจะไม่ชอบเธอมาก และเอาแต่จ้องมองเธอ

เฉียวเหลียนเหลียนไม่สนใจ และขึ้นเกวียนลาพร้อมกับกู้เกอและกระบุงไม้ไผ่

ระหว่างทาง คนอื่นๆในหมู่บ้านเดียวกันเห็นสิ่งที่เธอซื้อก็อดไม่ได้ที่จะถาม

เฉียวเหลียนเหลียนไม่ได้ปิดบัง และกล่าวอย่างตรงไปตรงมาว่า “ฉันขายหนังได้ก็เลยซื้อของใช้ในบ้าน ซื้อข้าวและแป้งสำหรับเด็กๆ”

ดูเหมือนว่าแม่เลี้ยงเปลี่ยนไปแล้ว

ป้าหลายคนจากหมู่บ้านเดียวกันยิ้มและพยักหน้าพร้อมมองไปที่เฉียวเหลียนเหลียน

แน่นอนว่าต้องมีบางคนที่เยาะเย้ยและประชดประชันอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ว่า "สุนัขหยุดกินอึไม่ได้ ฉันคิดว่าเธอทำสิ่งเหล่านี้เพื่อตัวเอง คงจะดีถ้าเด็กๆได้กิน"

เฉียวเหลียนเหลียนเหลือบมองเธอครั้งแล้วครั้งเล่า เธอจำได้ว่าเธอเป็นลูกสะใภ้คนที่สองของป้าจาง และทันใดนั้นก็เธอก็ยิ้มออกมา

“หัวเราะทำไม?” ลูกสะใภ้คนที่สองของตระกูลจางไม่มีความสุขนัก “คิดว่าเวลาที่ยิ้ม ดูเป็นคนดีนักหรือ สุนัขหยุดกินอึไม่ได้ เฉียวเหลียนเหลียน เธอไม่ใช่คนดี"

“ไม่ใช่หน้าที่ของเธอที่จะมาตัดสินว่าฉันดีหรือไม่ดี?” เฉียวเหลียนเหลียนชำเลืองมอง “นอกจากนี้ ไม่ว่าฉันจะทำอะไรกับเด็กๆ มันเป็นเรื่องของฉัน ไม่ต้องพูดเรื่องคนอื่นมาก เอาตัวเองให้รอดก่อน"

“การที่ทุบตีเด็กมันสมควรงั้นหรือ?” ลูกสะใภ้คนที่สองของตระกูลจางโกรธมาก และชี้ไปที่เฉียวเหลียนเหลียน “ครั้งก่อนฉันเห็นด้วยตาของตัวเองว่าเธอทุบจมูกของเด็กหญิงตัวเล็กจนเลือดกำเดาไหล ไม่ใช่ว่าเธอเอาเด็กไปขายกินแล้วเหรอ ไร้หัวใจสิ้นดี”

“อะไรนะ เอาเด็กไปขายกิน”

การแสดงออกของสตรีที่อยู่รอบๆ เปลี่ยนไป

พูดง่ายๆคือเอาลูกไปขายเป็นสะไภ้หาเงินให้ตัวเอง แต่ความจริงแล้ว คือเอาลูกไปขายเป็นทาส และมีครอบครัวชาวนาไม่กี่ครอบครัวที่ยินดีทำเช่นนั้น

อย่างไรก็ตาม เฉียวเหลียนเหลียนเป็นแม่เลี้ยง และมีประวัติการทุบตีเด็กๆ บางทีเธออาจทำสิ่งนั้นได้จริงๆ

ทันใดนั้น ผู้หญิงหลายคนในรถก็เริ่มพูดคุยกัน

ลูกสะใภ้คนที่สองของตระกูลจางภาคภูมิใจเมื่อเห็นว่ามีคนสนับสนุนเธอ “คนแบบนี้ไม่สมควรจะให้ขึ้นเกวียนลา ลุงหนิว ไล่เธอลง ปล่อยให้เธอทรมาน เธอไม่ใช่มนุษย์”

ลุงหนิวที่กำลังขับเกวียนลาอยู่มักจะไม่พอใจเฉียวเหลียนเหลียน ลุงหนิวก็เลยหยุดเกวียน

ลูกสะใภ้คนที่สองของตระกูลจางฉวยโอกาสจากสถานการณ์ดังกล่าวผลักเฉียวเหลียนเหลียน เธอพยายามขับไล่เฉียวเหลียนเหลียนลงจากเกวียน

สีหน้าของเฉียวเหลียนเหลียนแข็งทื่อในทันใด เธอกอดกู้เกอแน่นด้วยมือข้างหนึ่ง เธอยกมืออีกข้างตบลูกสะใภ้คนที่สองของตระกูลจางอย่ารวดเร็ว

"ปั๊วะ" ลูกสะใภ้คนที่สองของตระกูลตัวแข็งทื่อ

เมื่อเฉียวเหลียนเหลียนเห็นเธอตัวแข็งก็ตบด้วยหลังมืออีกครั้ง

คราวนี้ลูกสะใภ้คนที่สองของตระกูลจางมีปฏิกิริยาตอบโต้ เธอปิดหน้าปิดตาและร้องไห้

การต่อสู้ของผู้หญิงในชนบทนั้นดังกว่าการกระทำ ส่วนใหญ่ร้องไห้ กรีดร้อง และผลักนั้นไม่มีใครเคยเห็นการตบที่เรียบร้อยขนาดนี้ และทุกคนในเกวียนยืนนิ่ง

แม้แต่ลูกสะใภ้คนที่สองของตระกูลจางก็ยังรู้ว่าต้องร้องไห้ และลืมที่จะต่อสู้กลับ

“อ้าปากพูดก็ได้แต่พูดว่าขายลูกกิน เป็นหนอนในท้องฉันเหรอ? ฉันทำอะไรก็รู้ไปหมด ครั้งก่อนมาแย่งแกะถึงบ้าน ครั้งนี้ตั้งใจทำร้ายฉันกับลูก คิดว่าฉันไม่มีผู้ชาย ง่ายต่อการรังแกงั้นเหรอ?”

เฉียวเหลียนเหลียนโต้ตอบอย่างตรงไปตรงมา "และครั้งสุดท้ายที่ครอบครัวของเธอจะมาแย่งแกะไป พวกเธอคิดอะไรอยู่ก็รู้อยู่แก่ใจ คิดว่าฉันกลัวตายเหรอ อย่าคิดว่าจะทำอะไรก็ได้"

หลังจากที่เธอพูดจบ เธออุ้มกู้เกอไว้ในมือข้างหนึ่ง และอีกมือหนึ่งถือกระบุงไม้ไผ่ และก้าวลงจากเกวียนลา

ผู้หญิงในรถหน้าแดงกับสิ่งที่เธอพูดและเปิดปากเรียกเธอกลับมา แต่เฉียวเหลียนเหลียนได้เดินจากไปในทิศทางตรงกันข้ามแล้ว

“นี่ ลุงหนิว ไม่น่าจอดรถเลย ผู้หญิงตัวคนเดียวมากับลูก เธอจะกลับยังไง?” ใครบางคนพูดขึ้น

นอกจากนี้ยังมีลูกสะใภ้ของตระกูลจาง “ทำไมถึงมีอคติเช่นนี้ เรื่องแกะครั้งก่อนเขายังไม่ทะเลาะกับเธอเลย"

ลุงหนิวเม้มริมฝีปาก ยกแส้ขึ้นอย่างลังเล และตีตูดลาเฒ่า

เกวียนลายังคงขับต่อไป แต่มีคนหนึ่งหายไปจากเกวียน

“แม่ เราจะไม่ขึ้นเกวียนแล้วหรือ?” กู้เกอเอามือไปโอบคอของเฉียวเหลียนเหลียน และถามด้วยน้ำเสียงที่ขุ่นเคือง

“ใช่ เราไม่ขึ้นเกวียนของเขาแล้ว” เฉียวเหลียนเหลียนยิ้ม ในเวลาเดียวกันเธอก็ดีใจที่เกวียนลาไปได้ไม่ไกล และตอนนี้เธอสามารถกลับไปที่เมืองซีหยาง และหาเกวียนลาอีกคัน เพื่อกลับบ้าน

มีเงินซะอย่าง!

แม่ลูกเดินไปตามริมถนน ไม่รู้ว่ามันเป็นภาพลวงตาหรือเปล่า เฉียวเหลียนเหลียนรู้สึกเสมอว่าร่างกายของเธอแข็งแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อวานเธอเดินบนเขาคนเดียวยังแทบหายใจไม่ทัน วันนี้มากับลูกและกระบุงไม้ไผ่ เธอแค่รู้สึกหนักเพียงเท่านั้น

แม้ว่าเธอจะด้อยกว่าตนเอง แต่เธอก็แข็งแรงกว่าเดิมมาก

“แม่” กู้เกอหดตัวในอ้อมแขนของเธออย่างเชื่อฟัง แต่ทันใดนั้นก็โผล่หัวเล็กๆออกมาแล้วพูดด้วยใบหน้างุนงง “แม่ เหม็นๆ”

“กลิ่น?” เฉียวเหลียนเหลียนขมวดคิ้วเล็กน้อย เดิมคิดว่ากลิ่นลาขี้ไว้ แต่เธอดมไปมาเป็นกลิ่นเลือดจางๆ

“ใช่ มันเหม็นมาก” กู้เกอชี้ไปที่ป่าไผ่หลังถนน

หัวใจของเฉียวเหลียนเหลียนเต้นไม่เป็นจังหวะ จากประสบการณ์หลายสิบปีของเธอในตระกูลเฉียวบอกเลยว่าอนาคตเธอนั้นไม่ง่าย

เธอกอดกู้เกอแน่น และเดินต่อไป แต่ทันใดนั้นก็เห็นพายุทรายพร้อมกับเสียงสั่นสะเทือนของแผ่นดิน

คอยดูให้ดีก่อน นี่มันพายุทรายแบบไหนกัน ฝุ่นชัดๆ ที่คนขี่กันเต็มถนนลูกรัง!

ถนนลูกรังไม่กว้างมาก ดังนั้นแม้ว่าทั้งสองจะยืนอยู่ริมขอบถนน พวกเขาก็ต้องได้รับบาดเจ็บอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

หลังจากชั่งน้ำหนักครู่หนึ่ง เฉียวก็เหลียนเหลียนก็กอดกู้เกอำว้และพุ่งเข้าไปในป่าไผ่ข้างถนน

จากนั้นเธอก็เห็นชายคนหนึ่งสวมชุดสีม่วงสวมหน้ากากทองสัมฤทธิ์ครึ่งหน้า แม้ว่าเขาจะหมดสติไปแต่เขาก็กำดาบสั้นไว้แน่น

“แม่ นี่แหละ เหม็นมาก” กู้เกอกอดเธอด้วยความกลัว

เฉียวเหลียนเหลียนปิดตากู้เกอด้วยมือเดียวและมองขึ้นและลง

ชายชุดม่วงได้รับบาดเจ็บสาหัส แม้ว่าเขาจะพันผ้าไว้ก็ตามแต่เขายังไม่หายดี

ช่วยหรือไม่ช่วย

เฉียวเหลียนเหลียนลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนตัดสินใจช่วย

“นั่งรอแม่ตรงนี้” กู้เกอได้รับ นั่งในกระบุงไม้ไผ่อย่างนิ่งเงียบ เฉียวเหลียนเหลียนหันหลังและหยิบยาฆ่าเชื้อ ยาห้ามเลือด และผ้าก๊อซจากห้องทดลอง

ชายชุดม่วงได้รับบาดเจ็บสาหัส และมีบาดแผลมากมาย เธอทำความสะอาดบาดแผลให้เขา โรยยาไป๋เย่าลงบนแผล และสุดท้ายก็พันด้วยผ้าก๊อซอย่างระมัดระวัง

ยาไป๋เย่าอาจทำให้ระคายเคือง แม้ว่าชายชุดม่วงจะอยู่ในอาการโคม่า เขาก็ขมวดคิ้วด้วยความเจ็บปวด

เฉียวเหลียนเหลียนถอนหายใจ หยิบกระเป๋าน้ำร้อนใส่น้ำร้อนจากห้องทดลอง และยัดมันเข้าไปในอ้อมแขนของชายชุดม่วง

หลังจากทำทั้งหมดนี้ เธอโยนสำลีที่ใช้ฆ่าเชื้อลงในบ่อดินแล้วฝังไว้ หันกลับมาอุ้มกู้เกอและออกจากป่าไผ่ราวกับบินได้

ตั้งแต่ต้นจนจบ ชายชุดม่วงไม่ได้ลืมตา แต่เขามองเห็นทุกอย่างผ่านขนตาสั้นๆของเขา

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

527