บทที่ 1 ผู้ฝึกฝนวิญญาณ (๑)

"คิดไม่ถึงว่าจะเกิดมาพร้อมกับร่างต่อต้านธาตุองค์ประกอบที่หาได้ยาก เห้อ น่าเสียดายพรสวรรค์ของการฝึกฝนในรอบศตวรรษจะมีโอกาสได้เจอสักครั้ง"

เสียงถอนหายใจดังก้องอยู่ในหูราวกับค้อนเหล็กทุบใส่กลางหัวใจอย่างแรง ทำให้เกิดความเจ็บปวดที่รุนแรงยากจะทนรับไหว

สายตาของผู้คนในตระกูลเต็มไปด้วยอารมณ์ของการเยาะเย้ย การเสียดสี ไม่แยแส

ราวกับธนูนับหมื่นดอกทิ่มแทงเข้ามาในหัวใจ ส่งผลให้ความเจ็บปวดเหล่านั้นยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้น

"ไม่!"

รุ่งเช้า เสียงอุทานด้วยความตกใจทำลายความสงบภายในห้อง มีเด็กผู้ชายอายุสิบขวบคนหนึ่งตื่นมาพร้อมกับเหงื่อที่เย็นเฉียบเต็มหน้าผาก เหงื่อที่ไหลลงตามใบหน้าทำให้เสื้อผ้าของเขาเปียกชุ่ม

เด็กผู้ชายคนนั้นชื่อฉินเฟิง หน้าตาบอบบาง ผิวดูขาวเนียน ผมสีฟ้าทั้งหัว อารมณ์ที่แสดงออกมาดูหดหู่เล็กน้อย

"ฝันร้ายอีกแล้วเหรอ เจ็บใจชะมัด ร่างต่อต้านองค์ประกอบตั้งแต่เกิดบ้าบออะไร ฉันไม่เชื่อ! ฉันฉินเฟิงเป็นอัจฉริยะ ท่านบรรพบุรุษเป็นคนพูดเองว่าฉันคืออัจฉริยะที่ในรอบร้อยปีจะมีเพียงแค่คนเดียว!"

ฉินเฟิงอดไม่ได้ที่จะกำหมัดแน่น สายตาที่แฝงไปด้วยความหดหู่กวาดมองไปทั่ว คลื่นของความไม่พอใจและความมั่นใจปรากฏขึ้นกลางหว่างคิ้ว

"ฮึ่ม พวกแกอาศัยอะไรมาหัวเราะเยาะฉัน ทั้งที่ยังไม่บรรลุวิญญาณขั้นกลางระดับสูงเลยด้วยซ้ำ น่าขำสิ้นดี! ฉันจะพิสูจน์ให้พวกแกเห็น ฉันคืออัจฉริยะในรอบร้อยปีที่จะมีแค่คนเดียว ฉันคืออัจฉริยะที่แท้จริง! ถึงแม้ว่าจะเป็นร่างต่อต้านองค์ประกอบแล้วยังไง! ไม่ว่ายังไงฉันก็จะสามารถฝ่าฟันอุปสรรคที่ขวางกั้น ดูดซับธาตุองค์ประกอบเข้าไปในร่างกายสำเร็จผู้ฝึกฝนวิญญาณขั้นสูง"

ทันทีที่คิดแบบนี้ เขารีบนั่งขัดสมาธิลงบนเตียง ปรับลมหายใจเข้าออก ทำจิตใจให้สงบ

ลมหายใจเริ่มช้าลงและคงที่ ยาวและหนักแน่น ให้ความรู้สึกเหมือนมีลักษณะพิเศษอะไรบางอย่างเฉพาะตัว

เพียงแค่พริบตาเดียว โดยรอบมีสายใยโปร่งใสปรากฏขึ้นถาโถมเข้าไปหาเขาอย่างบ้าคลั่ง สุดท้ายซึมซับเข้าไปในร่างกายของเขาโดยไม่มีอะไรมาขวางกั้น

ทันทีที่สายใยโปร่งใสเข้าสู่ในร่างกาย พวกมันเริ่มไหลเวียนเข้าด้วยกันในลักษณะพิเศษ สุดท้ายซึมซับเข้าไปในไข่มุกสีทองที่อยู่ตรงจุดตันเถียนของเขา

สายใยโปร่งสายพวกนี้ถูกเรียกว่าพลังวิญญาณ มีลักษณะเป็นเหมือนอากาศที่ว่างเปล่าแต่มีอยู่จริง คอยเติมเต็มให้กับทวีปเทียนหลินแห่งนี้และเป็นแก่นแท้ของทวีปแห่งนี้ และคำว่าเทียนหลิน(วิญญาณสวรรค์)ก็มาจากสิ่งนี้เหมือนกัน

ในทวีปเทียนหลินมีอาชีพหนึ่งที่ผู้คนยกย่องนับถือมากที่สุดและเป็นอาชีพที่ทรงพลังมากที่สุด มันมีส่วนเกี่ยวข้องกับพลังวิญญาณ นั่นก็คือผู้ฝึกฝนวิญญาณ

ผู้ฝึกฝนวิญญาณ ความหมายของมันตรงตามชื่อ ผู้ที่ฝึกฝนพลังวิญญาณ

ตามความแตกต่างของความแข็งแกร่ง ผู้ฝึกฝนวิญญาณถูกแบ่งออกเป็นเก้าขั้น : ขั้นฝึกหัด ขั้นกลาง ขั้นสูง ขั้นราชา ขั้นราชันย์ ท่านจักรพรรดิ ขั้นปราญ์ ขั้นปรมาจารย์ ขั้นเซียน

ในบรรดาทั้งหมด ผู้ฝึกฝนวิญญาณตั้งแต่ขั้นฝึกหัดจนไปถึงขั้นสูงถูกเรียกว่าผู้ฝึกฝนวิญญาณระดับต่ำ ตั้งแต่ขั้นราชาไปจนถึงขั้นจักรพรรดิถูกเรียกว่าผู้ฝึกฝนระดับกลาง ตั้งแต่ขั้นปรมาจารย์ไปจนถึงขั้นเซียนถูกเรียกว่าผู้ฝึกฝนระดับสูง

และตั้งแต่ฝึกฝนวิญญาณขั้นสูงขึ้นไป ทุกขั้นจะถูกแบ่งออกเป็นเก้าระดับ ทุกการเลื่อนระดับนั้นจะมีความยากมาก

เหนือกว่าทั้งเก้าขั้นนี้ว่ากันว่ายังมีอีกหนึ่งขั้น นั่นก็คือผู้ฝึกฝนวิญญาณขั้นศักดิ์สิทธิ์ที่มีแต่ในตำนาน เป็นบุคคลที่แข็งแกร่งที่สุดในทวีป ถูกยกย่องให้เป็นเทพเจ้าวิญญาณศักดิ์สิทธิ์!

ผู้ฝึกฝนวิญญาณขั้นศักดิ์สิทธิ์อยู่เหนือทุกสรรพสิ่งบนโลก ถูกยกย่องให้เป็นผู้ฝึกฝนวิญญาณขั้นศักดิ์สิทธิ์ เป็นสิ่งที่ผู้ฝึกฝนวิญญาณทั้งหลายต่างต้องการและใฝ่ฝัน

แต่ว่าสิ่งเหล่านี้มันเลือนลางมากเกินไป แทบจะในใจของผู้ฝึกฝนวิญญาณทุกคนเป็นเพียงแค่ความคิด เป็นเพียงแค่ความฝัน

ในทวีปเทียนหลิน โดยปกติทั่วไปแล้วเด็กอายุหกขวบจะเริ่มลองสัมผัสถึงการมีอยู่ของพลังวิญญาณ ถ้าหากสามารถสัมผัสถึง ก็จะพยายามดูดซับพลังวิญญาณเข้าไปในร่างกาย เพื่อบำรุงฟื้นฟูร่างกายให้แข็งแกร่งมากยิ่งขึ้น

เมื่อไหร่ที่สามารถดูดซับพลังวิญญาณเข้าไปในร่างกาย ก็ถือว่าเป็นผู้ฝึกฝนวิญญาณขั้นฝึกหัด แทบจะในเด็กสิบคนมีเพียงแค่คนเดียวเท่านั้นที่ทำได้

หลังจากที่ดูดซับพลังวิญญาณเข้าไปในร่างกายอย่างต่อเนื่อง ร่างกายก็จะเพิ่มความแข็งแกร่งมากขึ้น และเมื่อไหร่ที่พลังวิญญาณในร่างกายอุดมสมบูรณ์จะก่อตัวขึ้นเป็นวังวนพลังวิญญาณ กลายเป็นผู้ฝึกฝนวิญญาณขั้นกลาง

หลังจากนั้นดูดซับพลังวิญญาณต่อเพื่อทำให้วังวนพลังวิญญาณก่อตัวขึ้นอย่างต่อเนื่อง ขยายพลังวิญญาณให้ได้มากที่สุด สุดท้ายจะกลายเป็นเมล็ดพันธ์พลังวิญญาณ นั่นคือผู้ฝึกฝนวิญญาณขั้นกลางระดับสูงสุด

ไข่มุกสีทองที่อยู่ตรงจุดตันเถียนของฉินเฟิงก็คือเมล็ดพันธุ์พลังวิญญาณ สามารถเปลี่ยนพลังวิญญาณให้กลายเป็นพลังผ่านเมล็ดพันธุ์พลังวิญญาณเพื่อใช้มันออกมา ผู้ฝึกฝนวิญญาณจะมีพลังมากกว่าคนทั่วไปหลายเท่า และยังสามารถเรียนรู้ทักษะทางจิตวิญญาณควบคู่ไปด้วย เพื่อแสดงพลังวิญญาณที่มีอานุภาพทำลายล้างที่สูงกว่าออกมา

หลังจากนั้น หากต้องการกลายเป็นผู้ฝึกฝนวิญญาณขั้นสูง จำเป็นต้องสัมผัสได้ถึงธาตุองค์ประกอบที่อยู่ระหว่างฟ้าดินและดูดทรัพยเข้าไปในร่างกาย เมื่อบรรลุถึงระดับหนึ่งก็จะถือว่าเป็นผู้ฝึกฝนวิญญาณขั้นสูงระดับหนึ่ง

ธาตุองค์ประกอบเลือนลางเหมือนกับพลังวิญญาณยากที่จะมองเห็นด้วยตาเปล่า เพียงแค่ต้องการสัมผัสถึงการมีอยู่ไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าหากต้องการดูดซับเข้าไปในร่างกายก็จะยิ่งเป็นเรื่องที่ยากเข้าไปอีก

บ่อยครั้งในผู้ฝึกฝนวิญญาณหนึ่งร้อยคนใช่ว่าจะมีผู้ฝึกฝนวิญญาณขั้นสูงหนึ่งคนปรากฏ ซึ่งเพียงพอที่จะแสดงให้เห็นว่าการจะกลายเป็นผู้ฝึกฝนวิญญาณขั้นสูงยากมากแค่ไหน

และผู้ฝึกฝนวิญญาณขั้นสูงถึงจะถือว่าเป็นผู้ฝึกฝนวิญญาณที่แท้จริง ก้าวออกมาจากจุดสำคัญบนเส้นทางการฝึกฝนวิญญาณ

ในระหว่างผู้ฝึกฝนวิญญาณขั้นกลางเข้าสูงขั้นสูงเป็นตัวกำหนดคุณลักษณะพลังวิญญาณและสายพลังวิญญาณของคนคนนั้น

ทั้งชีวิตของผู้ฝึกฝนวิญญาณสามารถดูดทราบธาตุองค์ประกอบได้เพียงอย่างเดียวเท่านั้น ถ้าหากดูดซับธาตุองค์ประกอบสองอย่างเข้าไปในร่างกาย จะเกิดความขัดแย้งถึงขั้นเสียดสีกัน เลวร้ายหน่อย อาจจะเกิดการระเบิดภายในร่างกายจนไม่เหลือแม้กระทั่งกระดูก

ดังนั้นเมื่อสามารถสัมผัสได้ถึงธาตุองค์ประกอบหลายอย่างก็จำเป็นต้องเลือกอย่างระมัดระวัง เมื่อไหร่ที่ตัดสินใจจะส่งผลกระทบไปทั้งชีวิต

ส่วนการเลื่อนขั้นจากขั้นสูงไปขั้นราชายากยิ่งกว่าปีนขึ้นสวรรค์ ราวกับมีแม่น้ำสายใหญ่มาขวางกั้นระหว่างคนสองคน

ในช่วงที่อยู่ระหว่างผู้ฝึกฝนวิญญาณขั้นสูง ดูดซับพลังวิญญาณและธาตุองค์ประกอบเข้าไปในเมล็ดพันธุ์พลังวิญญาณอย่างต่อเนื่องเพื่อบำรุงเพาะปลูก สุดท้ายจะก่อตัวขึ้นเป็นร่างวิญญาณเบื้องต้น นั้นก็ถือว่าบรรลุขั้นราชาระดับหนึ่ง

และการที่สามารถกลายเป็นผู้ฝึกฝนวิญญาณขั้นราชาก็ไม่ได้แปลว่าเป็นยอดฝีมือที่ได้รับการยกย่องนับถือจากผู้คนนับหมื่น

ถ้าหากบอกว่าพลังวิญญาณคือพื้นฐานของผู้ฝึกฝนวิญญาณ ส่วนธาตุองค์ประกอบคือรากฐานของผู้ฝึกฝนวิญญาณ แบบนั้นก็เท่ากับว่าร่างวิญญาณก่อตัวขึ้นมาจากทั้งสองสิ่ง ซึ่งเป็นรากเหง้าของผู้ฝึกฝนวิญญาณ

ร่างวิญญาณมีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา มันสามารถเปลี่ยนแปลงรูปร่างตามความคิดของผู้ฝึกฝนวิญญาณ ผู้ฝึกฝนวิญญาณทุกคนมีเส้นทางที่แตกต่างกัน การก่อตัวขึ้นของร่างวิญญาณก็จะแตกต่างกันออกไป เรียกได้ว่าบนโลกใบนี้ไม่มีร่างวิญญาณที่เหมือนกันหมดทุกอย่าง

ร่างวิญญาณที่ก่อตัวขึ้นในตอนแรกยิ่งแข็งแกร่งมากเท่าไหร่ ในอนาคตก็จะยิ่งสามารถพัฒนาศักยภาพได้มากขึ้นเท่านั้น จะมีพลังมากกว่าคนในระดับเดียวกัน แน่นอน การที่คิดจะสร้างร่างวิญญาณที่แข็งแกร่งก็เป็นเรื่องที่ยากมาก ร่างวิญญาณยิ่งอ่อนแอก็ยิ่งสำเร็จได้ง่าย

และต้องยอมรับว่าบนโลกใบนี้มักจะมีคนบางกลุ่มที่โชคดีและคนที่น่าภาคภูมิใจ

พวกเขาเกิดมาพร้อมกับร่างวิญญาณ และร่างวิญญาณที่มีมาตั้งแต่เกิดแบบนี้แข็งแกร่งกว่าคนที่สามารถสร้างร่างวิญญาณขึ้นทีหลังไปเยอะมาก ยิ่งไปกว่านั้นยังสามารถสัมผัสได้ถึงพลังวิญญาณและธาตุองค์ประกอบได้ง่าย เรียกได้ว่าเป็นวายร้ายระดับมหากาฬ

พวกเขาถูกกำหนดให้กลายเป็นยอดฝีมือตั้งแต่เกิด กลายเป็นบุคคลที่ผู้คนทั้งโลกยกย่องให้เป็นอัจฉริยะ กลายเป็นที่อิจฉาและที่สนใจ

ผู้ฝึกฝนวิญญาณมีหลายประเภท มีเก้าประเภทที่เป็นหลักถูกแบ่งออกเป็น : ผู้ฝึกฝนวิญญาณวารี ฝึกฝนวิญญาณอัคคี ผู้ฝึกฝนวิญญาณแสง ผู้ฝึกฝนวิญญาณรัตติกาล ผู้ฝึกฝนวิญญาณไม้ ผู้ฝึกฝนวิญญาณปฐวี ผู้ฝึกฝนวิญญาณอัสนี ผู้ฝึกฝนวิญญาณวายุ ผู้ฝึกฝนวิญญาณเงา

ผู้ฝึกฝนแปดอันดับแรกตั้งชื่อตามธาตุองค์ประกอบหลักของฟ้าดินและเป็นที่พบเห็นบ่อยมากที่สุด ส่วนผู้ฝึกฝนอันดับสุดท้ายถูกเรียกอีกอย่างหนึ่งว่านักลวงตา เป็นผู้ฝึกฝนประเภทใช้พลังจิตแทนธาตุองค์ประกอบ ผู้ฝึกฝนประเภทนี้จะมีพลังจิตที่แข็งแกร่งกว่าคนปกติทั่วไปหลายเท่า

พลังจิตสามารถเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าพลังจิตวิญญาณ ทุกคนล้วนแต่เกิดมาพร้อมกับวิญญาณหนึ่งดวง ความแข็งแกร่งของดวงวิญญาณเป็นตัวกำหนดความแข็งแกร่งของพลังจิต นี่เป็นพรสวรรค์อย่างหนึ่ง และการที่ต้องการทำให้พลังจิตแข็งแกร่งก็ถือเป็นเรื่องยากมาก พลังจิตจะเพิ่มขึ้นตามรากฐานของการฝึกฝน ในระหว่างผู้ฝึกวิญญาณเงาจะมีการส่งต่อวิธีลับที่พิเศษเพื่อใช้ในการฝึกฝนเพิ่มพูนพลังจิต แต่ถึงจะเป็นแบบนั้นมันก็ยังถือว่าค่อนข้างยาก มีน้อยคนที่จะประสบความสำเร็จ

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

130