บทที่ 8 ทหารรับจ้าง (๑)
by ซวนหยวนเหลียง
09:33,Nov 18,2021
ยามราตรี ฉินเฟิงนอนอยู่บนเตียงนึกย้อนกลับไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นวันนี้ โดยเฉพาะคำพูดทุกอย่างที่ฉินเสี่ยวชางพูดในตอนท้าย
ในขณะที่กำลังเดินออกมาจากปานั้น ฉินเสี่ยวชางพูดกับเขาว่า: "เฟิงเอ๋อ จำไว้ให้ดี ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ร้ายหรืออสูรวิญญาณ หรือจะเป็นผู้ฝึกฝนวิญญาณผู้ฝึกฝนกระบี่อย่างพวกเขา ล้วนมีจุดอ่อนในตัวเอง นายต้องหาจุดอ่อนนั้นให้ได้ จากนั้นก็ทำการฆ่าในการโจมตีครั้งเดียว"
และก่อนที่ฉินเสี่ยวชางจะลงมือในทุกๆ ครั้ง เขาจะกำชับฉินเฟิงหนึ่งประโยค ให้เขาสังเกตให้ดีๆ และทุกครั้งที่เขาลงมือเขาก็จะเล็งไปที่จุดอ่อนของสัตว์ร้ายอย่างแม่นยำ และนี่คือสิ่งที่เขาสอนให้กับฉินเฟิง
"หมูป่านั้นมีเนื้อที่หนา จุดอ่อนหลักอยู่ที่ท้องและหาง ท้องนั้นโจมตีได้ยาก ดังนั้นให้เริ่มจากหาง และหมาป่าที่เรียกว่าเอวเต้าหู้หางเหล็กทองแดง ดังนั้น จุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดที่จะฆ่าคือเอว"
ฉินเฟิงพึมพำ เขาสรุปจุดอ่อนของสัตว์ร้ายมาอย่างต่อเนื่อง และพยายามหากฎเกณฑ์บางอย่าง
วันรุ่งขึ้น ฉินเฟิงฝึกกระบี่เพียงลำพังในตอนเช้าตรู่ จากนั้นฉินเสี่ยวชางก็เข้ามาพาเขาเข้าไปในป่าเพื่อฆ่าสัตว์ร้ายอีกครั้ง ฉินเฟิงสังเกตเห็นกระบวนการฆ่าสัตว์ร้ายของฉินเสี่ยวชาง ครุ่นคิดอย่างต่อเนื่องและค่อยๆ เข้าใจมากขึ้น
เป็นแบบนี้ติดต่อกันห้าวัน ฉินเสี่ยวชางพาฉินฟงเข้าไปฆ่าสัตว์ในป่าลึกและค่อยสอนวิธีต่อสู้ให้เขา อย่างไรก็ตามการสอนที่ดีที่สุดก็คือการให้เข้าสู่การต่อสู้ที่แท้จริง และรับรู้ถึงทักษะในการต่อสู้ เพื่อให้สามารถจดจำและนำไปใช้อย่างชำนาญ
ดังนั้นตั้งแต่วันที่หก ฉินเฟิงเริ่มต่อสู้กับสัตว์ร้ายด้วยตัวเอง ในขณะที่ฉินเสี่ยวชางคอยคุ้มกันอยู่ข้างๆ ท้ายที่สุดไม่ว่าฉินเฟิงจะพรสวรรค์ดีแค่ไหน แต่เขาก็เป็นแค่เด็กอายุไม่ถึง 14 เพียงเท่านั้น ฉินเสี่ยวชางยังไม่วางใจให้เผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายด้วยตัวคนเดียว
ในวันแรก ฉินเฟิงประสบกับอันตรายหลายครั้ง โชคดีที่ทุกครั้งฉินเสี่ยวชางลงมือได้ทันและจัดการกับวิกฤติเหล่านั้น
อย่างไรก็ตามหลังจากผ่านการต่อสู้ที่แท้จริงในวันนี้ ก็มั่นใจได้ว่าฉินเฟิงจะเข้าใจทักษะการต่อสู้บางอย่างมากขึ้น ในเวลากลางคืน เขายังคงเลียนแบบฉากก่อนหน้าอย่างต่อเนื่อง และฝึกฝนว่าจะทำยังไงถึงจะเป็นการจัดการได้ดียิ่งขึ้น
ต้องพูดว่าบางทีอาจจะเป็นเพราะพลังจิตของฉินเฟิงนั้นแข็งแกร่งกว่าคนทั่วๆ ไป ดังนั้นเขาจึงมีความได้เปรียบในความทรงจำ ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เขาสามารถเรียนรู้ทักษะกระบี่ได้อย่างรวดเร็ว และในขณะนี้ภาพจำลองในสมองของเขา ความแข็งแกร่งของพลังจิตของเขามีส่วนช่วยเขาอย่างมาก แม้ว่าจะไม่ยิ่งใหญ่เท่าการฝึกฝนของผู้ฝึกฝนวิญญาณเงา แต่ก็นับว่าเพียงพอแล้ว
และฉินเสี่ยวชางยังกล่าวอีกว่า ความแข็งแกร่งของพลังจิตสามารถมีบทบาทสำคัญในการต่อสู้ได้ ยิ่งพลังจิตแข็งแกร่งเท่าใด ก็จะยิ่งแม่นยำต่อการเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้มากยิ่งขึ้น และจะได้เห็นการเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้ที่ชัดเจนขึ้น
วันรุ่งขึ้น ฉินเฟิงยังคงประสบกับอันตรายและยังต้องการให้ฉินเสี่ยวชางช่วยอยู่เสมอๆ วันที่สามก็เช่นเดียวกัน แต่กลับสัมผัสได้ถึงการพัฒนาของเขาอย่างเห็นได้ชัด
วันที่สี่ ฉินเฟิงเผชิญหน้ากับหมาป่าด้วยท่าทางเคร่งขรึมเขาจ้องมองกันและกันอย่างใกล้ชิด
"พลัง จะใช้ออกมาทั้งหมดไม่ได้ ใช้แค่ 7 ใน 10 ส่วน ต้องเรียนรู้ที่จะใช้ความฉลาดและยืมความแข็งแกร่งโจมตี"
"หมาป่านั้น เอวเต้าหู้หางเหล็กทองแดง ถ้าอยากจะฆ่ามันก็ต้องเล็งไปที่เอวจะดีที่สุด"
"เราต้องเรียนรู้ที่จะใช้สิ่งที่เราเรียนรู้ได้อย่างคล่องตัว ใส่ใจกับจังหวะ หาข้อได้เปรียบและที่สำคัญกว่านั้นคือสามารถสร้างข้อได้เปรียบได้"
คำพูดที่ฉินเสี่ยวชางคอยพร่ำสอนอยู่หลายวันนี้ดังขึ้นในหูเป็นระยะๆ ในขณะที่คิดถึงกลยุทธ์ ในขณะที่ต้องรับมือกับหมาป่าป่าตลอดเวลา เขาพยายามหลีกเลี่ยงอุ้งเท้าหน้าและเขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่า และตัดเอวที่อ่อนแอของมันออก แต่หมาป่าป่าเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เขาจึงล้มเหลวทุกครั้ง
"ติง!"
กรงเล็บของหมาป่าที่แหลมคมเปล่งแสงสลัวและเย็นชาตบอย่างดุเดือดบนกระบี่ถีหุน โชคดีที่กระบี่นั้นแข็งแกร่งเพียงพอที่ไม่ต้องกังวลว่ามันจะหัก
ในตอนนี้ฉินเฟิงสามารถจัดการกับมันได้ด้วยกระบี่ในมือของเขา แต่เขายังขาดประสบการณ์อีกเยอะ ทั้งเขายังขาดพลังที่จะใช้มันอยู่ เขาไม่มีทักษะอะไรเลย
"อย่าตื่นตระหนก ผสมผสานทักษะกระบี่กับฝีเท้าเข้าด้วยกัน" เสียงของฉินเสี่ยวชางดังขึ้นมา
จิตใจของฉินเฟิงสั่นไหว เขาเข้าใจอะไรบางอย่าง
"คราวนี้ต้องไปที่ด้านข้างของมันและโจมตีให้ถึงชีวิต"
มีแสงวาบในดวงตาของเขา และชุดทักษะกระบี่ที่ฝึกฝนจนชินก็ถูกใช้ออกมา ขวางกรงเล็บของหมาป่า หลังจากนั้นไม่นาน เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นอีกครั้งและใช้ทักษะเท้าชุดเดียว "ก้าวเจ็ดดาว"
ก้าวขึ้นสู่ดวงดาวทั้งเจ็ด ร่ายรำกระบี่บนท้องฟ้า และสามารถเข้าถึงด้านข้างของหมาป่าได้
"ขาด!"
ฉินเฟิงตะโกนออกมาเสียงดัง เขาใช้แรงทั้งหมดเพื่อตัดส่วนเอวของหมาป่า ได้ยินเพียงเสียงคร่ำครวญและเอวก็ถูกสับและตัดเป็นแผลแคบยาว เลือดสีแดงสาดกระเซ็น
การโจมตีครั้งนี้ทำให้หมาป่าได้รับบาดเจ็บสาหัส ฉินเฟิงเหวี่ยวกระบี่ของเขาอีกครั้งเพื่อฟันเข้าไปที่แผลและตัดมันให้ขาดออกจากกัน
หมาป่ากลายเป็นสองท่อนและตายในทันที
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินเฟิงประสบความสำเร็จในการฆ่าสัตว์ร้ายด้วยตัวคนเดียว แม้ว่าเลือดของหมาป่าจะกระเซ็นใส่ร่างกายของเขา แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจและสัมผัสถึงฉากในการฆ่าของเขาในครั้งนี้
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฉินเสี่ยวชางที่อยู่ไม่ใจ เขานึกในใจ: "เฟิงเอ๋อพัฒนาได้เร็วกว่าที่คิดไว้เสียอีก เหมือนว่าจะดำเนินแผนที่วางไว้ได้เร็วขึ้น"
ผ่านไปอีกสามวัน ในที่สุดฉินเฟิงก็ค่อยๆ เชี่ยวชาญทักษะ ไม่เหมือนกับหลายวันก่อนหน้านี้ที่ต้องให้ฉินเสี่ยวชางค่อยช่วย ตราบใดที่เขาไม่ได้พบกับสัตว์ร้ายที่ดุร้ายและทรงพลัง เขาก็สามารถจัดการกับมันและตัดหัวได้
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงสถานการณ์ที่ต้องเผชิญกับสัตว์ร้ายแค่ตัวเดียวเท่านั้น สัตว์ร้ายบางชนิดจะอยู่กันเป็นกลุ่ม และจะปรากฏตัวพร้อมกันเป็นสิบๆ ตัว หากฉินเฟิงไปพบเข้าเขาคงจะหนีเพื่อเอาตัวรอดเท่านั้น
เวลาผ่านไปอย่างเร่งรีบ ในพริบตาครึ่งปีก็ผ่านไป ฉินเฟิงอายุ 14 ปีแล้ว ทั้งยังบรรลุสู่ผู้ฝึกฝนกระบี่ขั้นกลางระดับสูงสุดแล้ว อีกแค่ก้าวเดียวก็จะเป็นผู้ฝึกฝนกระบี่ขั้นสูง
ภายในเวลาครึ่งปีนี้ ทุกวันเขาจะเข้าไปในส่วนลึกของป่าเพื่อต่อสู้กับสัตว์ร้ายและสะสมประสบการณ์การต่อสู้ ในช่วงเดือนแรกฉินเสี่ยวชางคอยติดตามเขาเข้าไปด้วย บางทีก็แอบคุ้มกันอยู่เงียบๆ อย่างไรก็ตามในขณะที่ฉินเฟิงค่อยๆ เชี่ยวชาญทักษะในการต่อสู้มากขึ้นเรื่องๆ ความแข็งแกร่งของเขาก็ดีขึ้นอย่างก้าวกระโดด เขาก็วางใจและหยุดติดตามไป
ด้วยเหตุผลนี้ ช่วงสองสามเดือนมานี้ ฉินเฟิงมักจะเข้ามาในป่าเพียงคนเดียวและสัตว์ร้ายในป่าก็หายากขึ้นเรื่อยๆ
ตอนนี้เขาสามารถจัดการกับสัตว์ร้ายต่างๆ ได้อย่างใจเย็นและเงียบขรึม ตัดหัวพวกมัน และเมื่อเผชิญหน้ากับกลุ่มสัตว์ร้าย เขาก็สามารถที่จะต่อสู้ได้ แม้ว่าจะไม่สามารถสู้ได้ เขาก็สามารถหนีเอาตัวรอดออกมาได้
พลบค่ำ ฉินเสี่ยวชางอยู่ในห้อง ฉินเฟิงยืนอยู่ตรงข้าม
"เฟิงเอ๋อ ครึ่งปีมานี้นายพัฒนาไปมาก จากนี้ไม่ต้องไปที่ป่านั้นแล้ว"
"รับทราบ" ฉินเฟิงไม่แสดงสีหน้าใดๆ ตอบอย่างเรียบเฉย ไม่ถามใดๆ
ตอนนี้เขามีประสบการณ์การต่อสู้กับสัตว์ป่า เขาสงบและสงบมากขึ้นเรื่อยๆ เขาเริ่มเฉยเมยต่อสิ่งรอบข้างมากขึ้นเรื่อยๆ หากไม่ใช่เพราะขนาดที่เล็กของเขาและใบหน้าที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ คนธรรมดาคงไม่คิดว่าเขาเป็นแค่เด็กอายุสิบกว่าๆ
"พรุ้งนี้ตามลุงไปที่ทางเหนือของเมืองหน่อย และจะจัดการประเมินให้ หลังจากผ่านแล้ว ลุงสามจะสอนวิธีฝึกฝนพลังกระบี่ให้"
"รับทราบ" ฉินเฟิงพยักหน้าและออกไปจากห้อง
ฉินเสี่ยวชางมองเงาหลังของฉินเฟิงอย่างเงียบๆ สองดวงตาเป็นประกายด้วยแสงแปลกๆ
ไม่มีการสนทนาใดๆ ตลอดทั้งคืน ในตอนเช้า ฉินเฟิงออกมาฝึกฝนที่ลานตั้งแต่เช้าตรู่
หลังจากเสร็จสิ้น เขาก็ไปหาฉินเสี่ยวชาง จากนั้นก็ออกจากคฤหาสน์ตระกูลฉินมุ่งหน้าไปยังทางเหนือของเมืองภายใต้การนำของฉินเสี่ยวชาง
"เฟิงเอ๋อ นายรู้จักทหารรับจ้างไหม?" ฉินเสี่ยวชางถามในขณะที่อยู่ระหว่างทาง
"ไม่รู้จัก"
ในขณะที่กำลังเดินออกมาจากปานั้น ฉินเสี่ยวชางพูดกับเขาว่า: "เฟิงเอ๋อ จำไว้ให้ดี ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ร้ายหรืออสูรวิญญาณ หรือจะเป็นผู้ฝึกฝนวิญญาณผู้ฝึกฝนกระบี่อย่างพวกเขา ล้วนมีจุดอ่อนในตัวเอง นายต้องหาจุดอ่อนนั้นให้ได้ จากนั้นก็ทำการฆ่าในการโจมตีครั้งเดียว"
และก่อนที่ฉินเสี่ยวชางจะลงมือในทุกๆ ครั้ง เขาจะกำชับฉินเฟิงหนึ่งประโยค ให้เขาสังเกตให้ดีๆ และทุกครั้งที่เขาลงมือเขาก็จะเล็งไปที่จุดอ่อนของสัตว์ร้ายอย่างแม่นยำ และนี่คือสิ่งที่เขาสอนให้กับฉินเฟิง
"หมูป่านั้นมีเนื้อที่หนา จุดอ่อนหลักอยู่ที่ท้องและหาง ท้องนั้นโจมตีได้ยาก ดังนั้นให้เริ่มจากหาง และหมาป่าที่เรียกว่าเอวเต้าหู้หางเหล็กทองแดง ดังนั้น จุดเริ่มต้นที่ดีที่สุดที่จะฆ่าคือเอว"
ฉินเฟิงพึมพำ เขาสรุปจุดอ่อนของสัตว์ร้ายมาอย่างต่อเนื่อง และพยายามหากฎเกณฑ์บางอย่าง
วันรุ่งขึ้น ฉินเฟิงฝึกกระบี่เพียงลำพังในตอนเช้าตรู่ จากนั้นฉินเสี่ยวชางก็เข้ามาพาเขาเข้าไปในป่าเพื่อฆ่าสัตว์ร้ายอีกครั้ง ฉินเฟิงสังเกตเห็นกระบวนการฆ่าสัตว์ร้ายของฉินเสี่ยวชาง ครุ่นคิดอย่างต่อเนื่องและค่อยๆ เข้าใจมากขึ้น
เป็นแบบนี้ติดต่อกันห้าวัน ฉินเสี่ยวชางพาฉินฟงเข้าไปฆ่าสัตว์ในป่าลึกและค่อยสอนวิธีต่อสู้ให้เขา อย่างไรก็ตามการสอนที่ดีที่สุดก็คือการให้เข้าสู่การต่อสู้ที่แท้จริง และรับรู้ถึงทักษะในการต่อสู้ เพื่อให้สามารถจดจำและนำไปใช้อย่างชำนาญ
ดังนั้นตั้งแต่วันที่หก ฉินเฟิงเริ่มต่อสู้กับสัตว์ร้ายด้วยตัวเอง ในขณะที่ฉินเสี่ยวชางคอยคุ้มกันอยู่ข้างๆ ท้ายที่สุดไม่ว่าฉินเฟิงจะพรสวรรค์ดีแค่ไหน แต่เขาก็เป็นแค่เด็กอายุไม่ถึง 14 เพียงเท่านั้น ฉินเสี่ยวชางยังไม่วางใจให้เผชิญหน้ากับสัตว์ร้ายด้วยตัวคนเดียว
ในวันแรก ฉินเฟิงประสบกับอันตรายหลายครั้ง โชคดีที่ทุกครั้งฉินเสี่ยวชางลงมือได้ทันและจัดการกับวิกฤติเหล่านั้น
อย่างไรก็ตามหลังจากผ่านการต่อสู้ที่แท้จริงในวันนี้ ก็มั่นใจได้ว่าฉินเฟิงจะเข้าใจทักษะการต่อสู้บางอย่างมากขึ้น ในเวลากลางคืน เขายังคงเลียนแบบฉากก่อนหน้าอย่างต่อเนื่อง และฝึกฝนว่าจะทำยังไงถึงจะเป็นการจัดการได้ดียิ่งขึ้น
ต้องพูดว่าบางทีอาจจะเป็นเพราะพลังจิตของฉินเฟิงนั้นแข็งแกร่งกว่าคนทั่วๆ ไป ดังนั้นเขาจึงมีความได้เปรียบในความทรงจำ ซึ่งเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ทำให้เขาสามารถเรียนรู้ทักษะกระบี่ได้อย่างรวดเร็ว และในขณะนี้ภาพจำลองในสมองของเขา ความแข็งแกร่งของพลังจิตของเขามีส่วนช่วยเขาอย่างมาก แม้ว่าจะไม่ยิ่งใหญ่เท่าการฝึกฝนของผู้ฝึกฝนวิญญาณเงา แต่ก็นับว่าเพียงพอแล้ว
และฉินเสี่ยวชางยังกล่าวอีกว่า ความแข็งแกร่งของพลังจิตสามารถมีบทบาทสำคัญในการต่อสู้ได้ ยิ่งพลังจิตแข็งแกร่งเท่าใด ก็จะยิ่งแม่นยำต่อการเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้มากยิ่งขึ้น และจะได้เห็นการเคลื่อนไหวของคู่ต่อสู้ที่ชัดเจนขึ้น
วันรุ่งขึ้น ฉินเฟิงยังคงประสบกับอันตรายและยังต้องการให้ฉินเสี่ยวชางช่วยอยู่เสมอๆ วันที่สามก็เช่นเดียวกัน แต่กลับสัมผัสได้ถึงการพัฒนาของเขาอย่างเห็นได้ชัด
วันที่สี่ ฉินเฟิงเผชิญหน้ากับหมาป่าด้วยท่าทางเคร่งขรึมเขาจ้องมองกันและกันอย่างใกล้ชิด
"พลัง จะใช้ออกมาทั้งหมดไม่ได้ ใช้แค่ 7 ใน 10 ส่วน ต้องเรียนรู้ที่จะใช้ความฉลาดและยืมความแข็งแกร่งโจมตี"
"หมาป่านั้น เอวเต้าหู้หางเหล็กทองแดง ถ้าอยากจะฆ่ามันก็ต้องเล็งไปที่เอวจะดีที่สุด"
"เราต้องเรียนรู้ที่จะใช้สิ่งที่เราเรียนรู้ได้อย่างคล่องตัว ใส่ใจกับจังหวะ หาข้อได้เปรียบและที่สำคัญกว่านั้นคือสามารถสร้างข้อได้เปรียบได้"
คำพูดที่ฉินเสี่ยวชางคอยพร่ำสอนอยู่หลายวันนี้ดังขึ้นในหูเป็นระยะๆ ในขณะที่คิดถึงกลยุทธ์ ในขณะที่ต้องรับมือกับหมาป่าป่าตลอดเวลา เขาพยายามหลีกเลี่ยงอุ้งเท้าหน้าและเขี้ยวอันแหลมคมของหมาป่า และตัดเอวที่อ่อนแอของมันออก แต่หมาป่าป่าเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็ว เขาจึงล้มเหลวทุกครั้ง
"ติง!"
กรงเล็บของหมาป่าที่แหลมคมเปล่งแสงสลัวและเย็นชาตบอย่างดุเดือดบนกระบี่ถีหุน โชคดีที่กระบี่นั้นแข็งแกร่งเพียงพอที่ไม่ต้องกังวลว่ามันจะหัก
ในตอนนี้ฉินเฟิงสามารถจัดการกับมันได้ด้วยกระบี่ในมือของเขา แต่เขายังขาดประสบการณ์อีกเยอะ ทั้งเขายังขาดพลังที่จะใช้มันอยู่ เขาไม่มีทักษะอะไรเลย
"อย่าตื่นตระหนก ผสมผสานทักษะกระบี่กับฝีเท้าเข้าด้วยกัน" เสียงของฉินเสี่ยวชางดังขึ้นมา
จิตใจของฉินเฟิงสั่นไหว เขาเข้าใจอะไรบางอย่าง
"คราวนี้ต้องไปที่ด้านข้างของมันและโจมตีให้ถึงชีวิต"
มีแสงวาบในดวงตาของเขา และชุดทักษะกระบี่ที่ฝึกฝนจนชินก็ถูกใช้ออกมา ขวางกรงเล็บของหมาป่า หลังจากนั้นไม่นาน เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นอีกครั้งและใช้ทักษะเท้าชุดเดียว "ก้าวเจ็ดดาว"
ก้าวขึ้นสู่ดวงดาวทั้งเจ็ด ร่ายรำกระบี่บนท้องฟ้า และสามารถเข้าถึงด้านข้างของหมาป่าได้
"ขาด!"
ฉินเฟิงตะโกนออกมาเสียงดัง เขาใช้แรงทั้งหมดเพื่อตัดส่วนเอวของหมาป่า ได้ยินเพียงเสียงคร่ำครวญและเอวก็ถูกสับและตัดเป็นแผลแคบยาว เลือดสีแดงสาดกระเซ็น
การโจมตีครั้งนี้ทำให้หมาป่าได้รับบาดเจ็บสาหัส ฉินเฟิงเหวี่ยวกระบี่ของเขาอีกครั้งเพื่อฟันเข้าไปที่แผลและตัดมันให้ขาดออกจากกัน
หมาป่ากลายเป็นสองท่อนและตายในทันที
นี่เป็นครั้งแรกที่ฉินเฟิงประสบความสำเร็จในการฆ่าสัตว์ร้ายด้วยตัวคนเดียว แม้ว่าเลือดของหมาป่าจะกระเซ็นใส่ร่างกายของเขา แต่เขาก็ไม่ได้ใส่ใจและสัมผัสถึงฉากในการฆ่าของเขาในครั้งนี้
รอยยิ้มปรากฏขึ้นบนใบหน้าของฉินเสี่ยวชางที่อยู่ไม่ใจ เขานึกในใจ: "เฟิงเอ๋อพัฒนาได้เร็วกว่าที่คิดไว้เสียอีก เหมือนว่าจะดำเนินแผนที่วางไว้ได้เร็วขึ้น"
ผ่านไปอีกสามวัน ในที่สุดฉินเฟิงก็ค่อยๆ เชี่ยวชาญทักษะ ไม่เหมือนกับหลายวันก่อนหน้านี้ที่ต้องให้ฉินเสี่ยวชางค่อยช่วย ตราบใดที่เขาไม่ได้พบกับสัตว์ร้ายที่ดุร้ายและทรงพลัง เขาก็สามารถจัดการกับมันและตัดหัวได้
แน่นอนว่านี่เป็นเพียงสถานการณ์ที่ต้องเผชิญกับสัตว์ร้ายแค่ตัวเดียวเท่านั้น สัตว์ร้ายบางชนิดจะอยู่กันเป็นกลุ่ม และจะปรากฏตัวพร้อมกันเป็นสิบๆ ตัว หากฉินเฟิงไปพบเข้าเขาคงจะหนีเพื่อเอาตัวรอดเท่านั้น
เวลาผ่านไปอย่างเร่งรีบ ในพริบตาครึ่งปีก็ผ่านไป ฉินเฟิงอายุ 14 ปีแล้ว ทั้งยังบรรลุสู่ผู้ฝึกฝนกระบี่ขั้นกลางระดับสูงสุดแล้ว อีกแค่ก้าวเดียวก็จะเป็นผู้ฝึกฝนกระบี่ขั้นสูง
ภายในเวลาครึ่งปีนี้ ทุกวันเขาจะเข้าไปในส่วนลึกของป่าเพื่อต่อสู้กับสัตว์ร้ายและสะสมประสบการณ์การต่อสู้ ในช่วงเดือนแรกฉินเสี่ยวชางคอยติดตามเขาเข้าไปด้วย บางทีก็แอบคุ้มกันอยู่เงียบๆ อย่างไรก็ตามในขณะที่ฉินเฟิงค่อยๆ เชี่ยวชาญทักษะในการต่อสู้มากขึ้นเรื่องๆ ความแข็งแกร่งของเขาก็ดีขึ้นอย่างก้าวกระโดด เขาก็วางใจและหยุดติดตามไป
ด้วยเหตุผลนี้ ช่วงสองสามเดือนมานี้ ฉินเฟิงมักจะเข้ามาในป่าเพียงคนเดียวและสัตว์ร้ายในป่าก็หายากขึ้นเรื่อยๆ
ตอนนี้เขาสามารถจัดการกับสัตว์ร้ายต่างๆ ได้อย่างใจเย็นและเงียบขรึม ตัดหัวพวกมัน และเมื่อเผชิญหน้ากับกลุ่มสัตว์ร้าย เขาก็สามารถที่จะต่อสู้ได้ แม้ว่าจะไม่สามารถสู้ได้ เขาก็สามารถหนีเอาตัวรอดออกมาได้
พลบค่ำ ฉินเสี่ยวชางอยู่ในห้อง ฉินเฟิงยืนอยู่ตรงข้าม
"เฟิงเอ๋อ ครึ่งปีมานี้นายพัฒนาไปมาก จากนี้ไม่ต้องไปที่ป่านั้นแล้ว"
"รับทราบ" ฉินเฟิงไม่แสดงสีหน้าใดๆ ตอบอย่างเรียบเฉย ไม่ถามใดๆ
ตอนนี้เขามีประสบการณ์การต่อสู้กับสัตว์ป่า เขาสงบและสงบมากขึ้นเรื่อยๆ เขาเริ่มเฉยเมยต่อสิ่งรอบข้างมากขึ้นเรื่อยๆ หากไม่ใช่เพราะขนาดที่เล็กของเขาและใบหน้าที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ คนธรรมดาคงไม่คิดว่าเขาเป็นแค่เด็กอายุสิบกว่าๆ
"พรุ้งนี้ตามลุงไปที่ทางเหนือของเมืองหน่อย และจะจัดการประเมินให้ หลังจากผ่านแล้ว ลุงสามจะสอนวิธีฝึกฝนพลังกระบี่ให้"
"รับทราบ" ฉินเฟิงพยักหน้าและออกไปจากห้อง
ฉินเสี่ยวชางมองเงาหลังของฉินเฟิงอย่างเงียบๆ สองดวงตาเป็นประกายด้วยแสงแปลกๆ
ไม่มีการสนทนาใดๆ ตลอดทั้งคืน ในตอนเช้า ฉินเฟิงออกมาฝึกฝนที่ลานตั้งแต่เช้าตรู่
หลังจากเสร็จสิ้น เขาก็ไปหาฉินเสี่ยวชาง จากนั้นก็ออกจากคฤหาสน์ตระกูลฉินมุ่งหน้าไปยังทางเหนือของเมืองภายใต้การนำของฉินเสี่ยวชาง
"เฟิงเอ๋อ นายรู้จักทหารรับจ้างไหม?" ฉินเสี่ยวชางถามในขณะที่อยู่ระหว่างทาง
"ไม่รู้จัก"
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.webreadapp.com All rights reserved