บทที่ 9 ทหารรับจ้าง (๒)
by ซวนหยวนเหลียง
09:33,Nov 18,2021
"ทหารรับจ้างที่ว่ากันนั้นคือผู้ฝึกฝนที่ได้รับการว่าจ้างให้ทำภารกิจให้สำเร็จ นี่เป็นอาชีพทั่วไปบนแผ่นดินใหญ่ แน่นอนว่าผู้ที่เก่งที่สุดในหมู่พวกเขาจะเป็นที่เคารพนับถือในการเป็นทหารรับจ้าง อย่างน้อยก็ต้องมีความแข็งแกร่งระดับผู้ฝึกฝนกระบี่ขั้นกลางระดับกลาง เพราะว่างานที่ต้องทำมักจะเป็นสิ่งที่คนธรรมดายากที่จะทำให้สำเร็จหรือเต็มไปด้วยอันตราย" ฉินเสี่ยวชางอธิบายเกี่ยวกับทหารรับจ้าง
ฉินเฟิงใจสั่น เหมือนจะเดาความหมายของฉินเสี่ยวชางออก "ลุงสามต้องการพาผมไปเป็นทหารรับจ้างหรอ? เหมือนว่าการประเมินนั้นจะเกี่ยวกับทหารรับจ้างด้วย"
หลังจากที่ฉินเสี่ยวชางให้ความรู้เกี่ยวกับทหารรับจ้าง ไม่นานทั้งสองก็เดินทางมาถึงยังทางเหนือของเมือง
สามารถมองเห็นหอคอยยอดแหลมสูงตระหง่านสูง 5 ชั้นจากระยะไกล โดยมีรูปสัญลักษณ์เปลวไฟอยู่บนหอคอยซึ่งมีความวิจิตรตระการตาอย่างยิ่ง
ในทวีปเทียนหลิน อาคารโดยทั่วไปจะมีความสูงไม่เกินสามชั้น และหอคอยทรงแหลมนั้นหาได้ยาก
"เฟิงเอ๋อ ตรงนั้นคือหอคอยสาขาสหภาพทหารรับจ้าง หัวหน้าหอคอยนั้นคือผู้ฝึกฝนวิญญาณอัคคีขั้นกลาง" ฉินเสี่ยวชางชี้ไปที่หอคอยยอดแหลมและพูด
ทหารรับจ้างไม่ใช่อาชีพที่ไม่มีองค์กร แต่กลับมีระบบที่เข้มงวดอย่างยิ่ง โดยมีองค์กรที่เป็นหนึ่งเดียวที่เรียกว่าสหภาพทหารรับจ้าง อย่างไรก็ตามระบบนี้ยึดตามระบบลำดับชั้นอย่างเคร่งครัด จะไม่ยุ่งกับเสรีภาพส่วนบุคคลของทหารรับจ้าง และจะขอความช่วยเหลือภายในขอบเขตความสามารถของพวกเขาเท่านั้นเมื่อสหภาพเผชิญวิกฤติ
ทหารรับจ้างแบ่งออกเป็นสิบระดับ ระดับต่ำที่สุดจะเรียกว่า ทหารรับจ้างไร้ดาว และเป็นทหารรับจ้างธรรมดา หลังจากนั้นจะเป็น 1 ถึง 9 ดาว แต่ละดาวเป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถและความแข็งแกร่งตามลำดับ
อำนาจของสหภาพทหารรับจ้างนั้นกระจายไปทั่วทวีป โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในอาณาจักรศูนย์กลาง และจะมีการสร้างการสร้างหอสาขาขึ้นในแต่ละพื้นที่เพื่อทหารรับจ้างลงทะเบียน เลื่อนขั้นและส่งมอบงาน
เมืองใหญ่เกือบทุกเมืองจะมีสาขาอยู่ และประธานสาขาเป็นนายหอคอยและมีตำแหน่งสูงที่สุดที่นั่น
หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งสองคนมาถึงด้านหน้าหอคอย บริเวณประตูมีผู้คนเดินไปเดินมาไม่สิ้นสุด มีชีวิตชีวาอย่างมาก
ที่นี่ไม่มีพนักงานต้อนรับ มีเพียงผู้คุ้มกันสองคนที่ยืนอยู่ที่นั่นเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย
ฉินเสี่ยวชางพาฉินเฟิงเดินเข้าไปโดยตรง ผู้คุ้มกันสองคนนั้นเหลือบตามองฉินเฟิง และจ้องมองแปลกๆ แต่พวกเขาไม่ได้หยุดหรือพูดอะไร
แม้ว่าฉินเฟิงจะไม่ค่อยสนใจอะไรกับเรื่องรอบๆ ตัวของเขา แต่เขาก็มีความแปลกใจเล็กน้อยกับสหภาพทหารรับจ้างนี้ ทันทีที่เดินตามเข้าไปในหอคอยยอดแหลม เขาก็มองไปรอบๆ
เห็นได้ว่าชั้นแรกเป็นชั้นที่กว้างมาก และตอนนี้มีคนหลายร้อยคนมารวมตัวกัน แต่ก็ไม่แออัด และมีหน้าต่างหลายบานตรงด้านหน้าประตู ผู้คนจำนวนมากกำลังต่อแถวกันอยู่ตรงนั้น
"เฟิงเอ๋อ นายไปรอตรงนั้น เดี๋ยวลุงถามไปแล้วกลับมาแป๊ปเดียว" ฉินเสี่ยวชางเข้าไปในโถงใหญ่ เขาทิ้งคำพูดเอาไว้และออกไป จากนั้นก็ขึ้นไปยังชั้นสองและไม่ได้มีใครสนใจเขา
ส่วนฉินเฟิงหามุมที่ไม่มีคนและยืนรอตรงนั้น
คนที่นี่ส่วนมาจากเป็นคนวัยกลางคน น้อยมากที่จะเป็นคนชรา ผู้หญิงเองก็น้อย นอกจากฉินเฟิงแล้ว คนที่อายุน้อยที่สุดน่าจะอายุ 20 ปี
เช่นนี้แล้ว ฉินเฟิงนั้นค่อนข้างพิเศษอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าจะอยู่ในมุมแต่กลับดึงดูดสายตาของผู้คนไม่น้อย
"ฮ่าๆๆๆ เด็กน้อยนั่นมาจากไหนกัน หรือว่าจะมาเป็นทหารรับจ้างเหมือนกัน?"
"เด็กน้อยนี่คงยังไม่หย่านมแม่เลยมั้ง ไม่รู้ว่าใครพามา น่าสนใจจริงๆ"
"เฮ้ เด็กขนดกนี่มาที่หอคอยสาขาของสหภาพทหารรับจ้าง"
ผู้คนถกเถียงกันและชี้นิ้วไปมาที่ฉินเฟิง
"หืม? เจ้าเด็กนี่คุ้นๆ นะ"
"พูดแบบนี้ ผมก็ว่าหน้าคุ้นๆ นะ เหมือนจะ อ่อ ใช่ นี่ไม่ใช่คุณชายตระกูลฉินหรอ"
"ตระกูลฉิน? หนึ่งในสามตระกูลใหญ่ในเมืองนี้ที่เป็นรองจากคฤหาสน์เมืองของเมืองนี้หรอ?"
"ใช่ เขานั่นแหละ ตระกูลฉินเป็นตระกูลใหญ่ของผู้ฝึกฝนวิญญาณ แข็งแกร่งอย่างมาก แต่คุณชายตระกูลฉินเป็นพวกไร้ความสามารถหนิ ว่ากันว่าเป็นร่างต่อต้านธาตุองค์ประกอบอะไรนี่แหละ ไม่มีทางได้เป็นผู้ฝึกฝนวิญญาณขั้นสูงอย่างแน่นอน"
"เฮ้ ผมก็ได้ยินมาเหมือนกัน ไม่คิดว่าเขาจะมาที่นี่ เขาคิดอยากจะเป็นทหารรับจ้างในฐานะผู้ฝึกฝนวิญญาณขั้นกลางหรือเปล่า?"
"บางที ถ้าเขาติดอยู่ที่ผู้ฝึกฝนวิญญาณขั้นกลางระดับสูงสุดมาตลอดชีวิต งั้นก็เป็นได้แค่ทหารรับจ้างไร้ดาวระดับต่ำที่สุดไปตลอดสิ เหอะๆ เหมือนว่าจะเป็นพวกไร้ประโยชน์จริงๆ"
"เฮ้ ในมือของเขาถือกระบี่อยู่"
"เฮ้ ผู้ฝึกฝนวิญญาณขั้นกลางถือดาบ ไร้สาระจริง เหมือนว่าจะไม่ใช่แค่พวกไร้ประโยชน์ สมองน่าจะมีปัญหาด้วย"
"ฮ่าๆ บางทีเขาอาจจะรู้ตัวว่าไม่สามารถเป็นผู้ฝึกฝนวิญญาณขั้นสูงได้ เลยเปลี่ยนมาฝึกฝนกระบี่แทน"
"กระบี่นั่นเหมือนจะเป็นของล้ำค่านะ สมกับเป็นตระกูลฉินจริงๆ แม้แต่พวกไร้ประโยชน์คนหนึ่งยังมีกระบี่ที่ล้ำค่าแบบนี้ด้วย"
"หึ แต่น่าเสียดาย ของล้ำค่าตกอยู่ในมือของพวกไร้ประโยชน์ เสียของจริงๆ"
ผู้แสดงความเห็นไม่กี่คนเหล่านั้นล้วนมีออร่าแข็งแกร่ง คนที่อ่อนที่สุดคือผู้ฝึกฝนกระบี่ขั้นสูงระดับหนึ่ง ยืนอยู่ตรงนั้นดูเหมือนจะเหนือกว่าด้วยความเย่อหยิ่งเล็กน้อย แต่สำหรับฉินเฟิงที่นับว่าเป็นพวกไร้ประโยชน์ เขาไม่ได้สนใจอะไรและละเลยทุกอย่าง
เดิมทีด้วยฉินเฟิงที่เป็นสายตรงของตระกูลฉิน ไม่มีใครกล้าทำอะไรด้วย แต่เขาถูกกำหนดว่าเป็นพวกที่ไม่สามารถพัฒนาสู่ผู้ฝึกฝนวิญญาณขั้นสูงได้ ถูกมองว่าเป็นพวกไร้ประโยชน์ สถานะของเขาลดลงและเขาเกือบจะขับออกจากตระกูลฉิน ดังนั้นคนเหล่านี้จึงกล้าทำแบบนี้และไม่ได้สนใจว่าจะทำให้ตระกูลฉินไม่พอใจ
รอบๆ มีผู้ฝึกฝนกระบี่ขั้นกลางและผู้ฝึกฝนวิญญาณขั้นกลางไม่น้อย พวกเขาไม่ได้พูดคุยอะไรเกี่ยวกับฉินเฟิงมากนัก เพราะกำลังจัดการเรื่องของตนเองอยู่
ฉินเฟิงเคยชินกับการพูดเยาะเย้ยของคนอื่นๆ แล้ว ดังนั้นเขาจึงมีภูมิต้านทานต่อคำพูดของคนเหล่านั้นโดยธรรมชาติ เขาหลบตาลงและกอดกระบี่ถีหุนในอ้อมกอด พิงกับกำแพงและยืนเงียบๆ
อย่างไรก็ตามแม้ว่าเขาจะไม่สนใจคนอื่น แต่ก็มักจะมีคนประเภทที่เย่อหยิ่งและชอบสร้างปัญหาอยู่เสมอ
ชายร่างใหญ่และสูงสองคน มีกล้ามเป็นมัดๆ กำลังเดินมาทางฉินเฟิง เขาทั้งสองเปลือยร่างกายท่อนบน เผยให้เห็นกล้ามเนื้อเหมือนมังกร ทั้งตัวดูเหมือนเนินเขา เดินเข้ามาพร้อมกับความรู้สึกกดขี่
"เฮ้ เด็กน้อย กระบี่เล่มนั้นในมือนายไม่เลวหนิ ให้พี่ชายดูหน่อย" ชายร่างใหญ่คนนั้นพูดพร้อมรอยยิ้ม ยื่นมือออกมาจากคว้ากระบี่ถีหุนในมือของฉินเฟิง
ถ้าแค่โดนซุบซิบ ฉินเฟิงก็คงไม่สนใจอะไร แต่นี่เข้ามาหาเรื่องเขาโดยตรง เขาคงทนไม่ไหว ไม่ต้องพูดถึงว่าหลังจากครึ่งปีของการต่อสู้กับสัตว์ร้าย เขาคงไม่ถูกคนอื่นทำร้ายได้
ฉินเฟิงลืมตาขึ้น ชักกระบี่ถีหุนออกมาอย่างรวดเร็ว ปลายกระบี่ชี้ไปยังชายร่างใหญ่ ท่าทางของเขาเย็นชาจ้องมองอีกฝ่า
"เฮ้ๆ เด็กน้อย กระบี่หน่ะเป็นของอันตราย อย่าเอามาเล่นมั่วซั่ว ส่งมาให้พี่ชายเร็ว!" ชายร่างใหญ่หันข้างและงอนิ้วเข้าไปคว้าข้อมือของฉินเฟิง
นี่ไม่ใช่การคว้าอย่างเรียบง่าย มีแรงผลักดันที่น่าอัศจรรย์เกิดขึ้นราวกับว่าภายใต้แรงกดดันราวกับกำลังเผชิญกับภูเขาขนาดใหญ่
ในขณะนี้ฉินเฟิงรู้สึกว่ามีลมแรงพัดมาที่ข้อมือของเขา ทำให้ยากต่อการเคลื่อนไหว เหมือนว่าถ้าถูกมือนั้นจับขึ้นมา ข้อมือของเขาต้องหักอย่างแน่นอน
ไม่คิดว่าชายร่างใหญ่จะแข็งแกร่งขนาดนี้ ทันทีที่เคลื่อนไหวก็ใช้ทักษะที่ทรงพลังพร้อมกับโมเมนตัมในการกดฉินเฟิงเอาไว้
ฉินเฟิงใจสั่น เหมือนจะเดาความหมายของฉินเสี่ยวชางออก "ลุงสามต้องการพาผมไปเป็นทหารรับจ้างหรอ? เหมือนว่าการประเมินนั้นจะเกี่ยวกับทหารรับจ้างด้วย"
หลังจากที่ฉินเสี่ยวชางให้ความรู้เกี่ยวกับทหารรับจ้าง ไม่นานทั้งสองก็เดินทางมาถึงยังทางเหนือของเมือง
สามารถมองเห็นหอคอยยอดแหลมสูงตระหง่านสูง 5 ชั้นจากระยะไกล โดยมีรูปสัญลักษณ์เปลวไฟอยู่บนหอคอยซึ่งมีความวิจิตรตระการตาอย่างยิ่ง
ในทวีปเทียนหลิน อาคารโดยทั่วไปจะมีความสูงไม่เกินสามชั้น และหอคอยทรงแหลมนั้นหาได้ยาก
"เฟิงเอ๋อ ตรงนั้นคือหอคอยสาขาสหภาพทหารรับจ้าง หัวหน้าหอคอยนั้นคือผู้ฝึกฝนวิญญาณอัคคีขั้นกลาง" ฉินเสี่ยวชางชี้ไปที่หอคอยยอดแหลมและพูด
ทหารรับจ้างไม่ใช่อาชีพที่ไม่มีองค์กร แต่กลับมีระบบที่เข้มงวดอย่างยิ่ง โดยมีองค์กรที่เป็นหนึ่งเดียวที่เรียกว่าสหภาพทหารรับจ้าง อย่างไรก็ตามระบบนี้ยึดตามระบบลำดับชั้นอย่างเคร่งครัด จะไม่ยุ่งกับเสรีภาพส่วนบุคคลของทหารรับจ้าง และจะขอความช่วยเหลือภายในขอบเขตความสามารถของพวกเขาเท่านั้นเมื่อสหภาพเผชิญวิกฤติ
ทหารรับจ้างแบ่งออกเป็นสิบระดับ ระดับต่ำที่สุดจะเรียกว่า ทหารรับจ้างไร้ดาว และเป็นทหารรับจ้างธรรมดา หลังจากนั้นจะเป็น 1 ถึง 9 ดาว แต่ละดาวเป็นการพิสูจน์ให้เห็นถึงความสามารถและความแข็งแกร่งตามลำดับ
อำนาจของสหภาพทหารรับจ้างนั้นกระจายไปทั่วทวีป โดยมีสำนักงานใหญ่ตั้งอยู่ในอาณาจักรศูนย์กลาง และจะมีการสร้างการสร้างหอสาขาขึ้นในแต่ละพื้นที่เพื่อทหารรับจ้างลงทะเบียน เลื่อนขั้นและส่งมอบงาน
เมืองใหญ่เกือบทุกเมืองจะมีสาขาอยู่ และประธานสาขาเป็นนายหอคอยและมีตำแหน่งสูงที่สุดที่นั่น
หลังจากนั้นไม่นาน ทั้งสองคนมาถึงด้านหน้าหอคอย บริเวณประตูมีผู้คนเดินไปเดินมาไม่สิ้นสุด มีชีวิตชีวาอย่างมาก
ที่นี่ไม่มีพนักงานต้อนรับ มีเพียงผู้คุ้มกันสองคนที่ยืนอยู่ที่นั่นเพื่อรักษาความสงบเรียบร้อย
ฉินเสี่ยวชางพาฉินเฟิงเดินเข้าไปโดยตรง ผู้คุ้มกันสองคนนั้นเหลือบตามองฉินเฟิง และจ้องมองแปลกๆ แต่พวกเขาไม่ได้หยุดหรือพูดอะไร
แม้ว่าฉินเฟิงจะไม่ค่อยสนใจอะไรกับเรื่องรอบๆ ตัวของเขา แต่เขาก็มีความแปลกใจเล็กน้อยกับสหภาพทหารรับจ้างนี้ ทันทีที่เดินตามเข้าไปในหอคอยยอดแหลม เขาก็มองไปรอบๆ
เห็นได้ว่าชั้นแรกเป็นชั้นที่กว้างมาก และตอนนี้มีคนหลายร้อยคนมารวมตัวกัน แต่ก็ไม่แออัด และมีหน้าต่างหลายบานตรงด้านหน้าประตู ผู้คนจำนวนมากกำลังต่อแถวกันอยู่ตรงนั้น
"เฟิงเอ๋อ นายไปรอตรงนั้น เดี๋ยวลุงถามไปแล้วกลับมาแป๊ปเดียว" ฉินเสี่ยวชางเข้าไปในโถงใหญ่ เขาทิ้งคำพูดเอาไว้และออกไป จากนั้นก็ขึ้นไปยังชั้นสองและไม่ได้มีใครสนใจเขา
ส่วนฉินเฟิงหามุมที่ไม่มีคนและยืนรอตรงนั้น
คนที่นี่ส่วนมาจากเป็นคนวัยกลางคน น้อยมากที่จะเป็นคนชรา ผู้หญิงเองก็น้อย นอกจากฉินเฟิงแล้ว คนที่อายุน้อยที่สุดน่าจะอายุ 20 ปี
เช่นนี้แล้ว ฉินเฟิงนั้นค่อนข้างพิเศษอย่างเห็นได้ชัด แม้ว่าจะอยู่ในมุมแต่กลับดึงดูดสายตาของผู้คนไม่น้อย
"ฮ่าๆๆๆ เด็กน้อยนั่นมาจากไหนกัน หรือว่าจะมาเป็นทหารรับจ้างเหมือนกัน?"
"เด็กน้อยนี่คงยังไม่หย่านมแม่เลยมั้ง ไม่รู้ว่าใครพามา น่าสนใจจริงๆ"
"เฮ้ เด็กขนดกนี่มาที่หอคอยสาขาของสหภาพทหารรับจ้าง"
ผู้คนถกเถียงกันและชี้นิ้วไปมาที่ฉินเฟิง
"หืม? เจ้าเด็กนี่คุ้นๆ นะ"
"พูดแบบนี้ ผมก็ว่าหน้าคุ้นๆ นะ เหมือนจะ อ่อ ใช่ นี่ไม่ใช่คุณชายตระกูลฉินหรอ"
"ตระกูลฉิน? หนึ่งในสามตระกูลใหญ่ในเมืองนี้ที่เป็นรองจากคฤหาสน์เมืองของเมืองนี้หรอ?"
"ใช่ เขานั่นแหละ ตระกูลฉินเป็นตระกูลใหญ่ของผู้ฝึกฝนวิญญาณ แข็งแกร่งอย่างมาก แต่คุณชายตระกูลฉินเป็นพวกไร้ความสามารถหนิ ว่ากันว่าเป็นร่างต่อต้านธาตุองค์ประกอบอะไรนี่แหละ ไม่มีทางได้เป็นผู้ฝึกฝนวิญญาณขั้นสูงอย่างแน่นอน"
"เฮ้ ผมก็ได้ยินมาเหมือนกัน ไม่คิดว่าเขาจะมาที่นี่ เขาคิดอยากจะเป็นทหารรับจ้างในฐานะผู้ฝึกฝนวิญญาณขั้นกลางหรือเปล่า?"
"บางที ถ้าเขาติดอยู่ที่ผู้ฝึกฝนวิญญาณขั้นกลางระดับสูงสุดมาตลอดชีวิต งั้นก็เป็นได้แค่ทหารรับจ้างไร้ดาวระดับต่ำที่สุดไปตลอดสิ เหอะๆ เหมือนว่าจะเป็นพวกไร้ประโยชน์จริงๆ"
"เฮ้ ในมือของเขาถือกระบี่อยู่"
"เฮ้ ผู้ฝึกฝนวิญญาณขั้นกลางถือดาบ ไร้สาระจริง เหมือนว่าจะไม่ใช่แค่พวกไร้ประโยชน์ สมองน่าจะมีปัญหาด้วย"
"ฮ่าๆ บางทีเขาอาจจะรู้ตัวว่าไม่สามารถเป็นผู้ฝึกฝนวิญญาณขั้นสูงได้ เลยเปลี่ยนมาฝึกฝนกระบี่แทน"
"กระบี่นั่นเหมือนจะเป็นของล้ำค่านะ สมกับเป็นตระกูลฉินจริงๆ แม้แต่พวกไร้ประโยชน์คนหนึ่งยังมีกระบี่ที่ล้ำค่าแบบนี้ด้วย"
"หึ แต่น่าเสียดาย ของล้ำค่าตกอยู่ในมือของพวกไร้ประโยชน์ เสียของจริงๆ"
ผู้แสดงความเห็นไม่กี่คนเหล่านั้นล้วนมีออร่าแข็งแกร่ง คนที่อ่อนที่สุดคือผู้ฝึกฝนกระบี่ขั้นสูงระดับหนึ่ง ยืนอยู่ตรงนั้นดูเหมือนจะเหนือกว่าด้วยความเย่อหยิ่งเล็กน้อย แต่สำหรับฉินเฟิงที่นับว่าเป็นพวกไร้ประโยชน์ เขาไม่ได้สนใจอะไรและละเลยทุกอย่าง
เดิมทีด้วยฉินเฟิงที่เป็นสายตรงของตระกูลฉิน ไม่มีใครกล้าทำอะไรด้วย แต่เขาถูกกำหนดว่าเป็นพวกที่ไม่สามารถพัฒนาสู่ผู้ฝึกฝนวิญญาณขั้นสูงได้ ถูกมองว่าเป็นพวกไร้ประโยชน์ สถานะของเขาลดลงและเขาเกือบจะขับออกจากตระกูลฉิน ดังนั้นคนเหล่านี้จึงกล้าทำแบบนี้และไม่ได้สนใจว่าจะทำให้ตระกูลฉินไม่พอใจ
รอบๆ มีผู้ฝึกฝนกระบี่ขั้นกลางและผู้ฝึกฝนวิญญาณขั้นกลางไม่น้อย พวกเขาไม่ได้พูดคุยอะไรเกี่ยวกับฉินเฟิงมากนัก เพราะกำลังจัดการเรื่องของตนเองอยู่
ฉินเฟิงเคยชินกับการพูดเยาะเย้ยของคนอื่นๆ แล้ว ดังนั้นเขาจึงมีภูมิต้านทานต่อคำพูดของคนเหล่านั้นโดยธรรมชาติ เขาหลบตาลงและกอดกระบี่ถีหุนในอ้อมกอด พิงกับกำแพงและยืนเงียบๆ
อย่างไรก็ตามแม้ว่าเขาจะไม่สนใจคนอื่น แต่ก็มักจะมีคนประเภทที่เย่อหยิ่งและชอบสร้างปัญหาอยู่เสมอ
ชายร่างใหญ่และสูงสองคน มีกล้ามเป็นมัดๆ กำลังเดินมาทางฉินเฟิง เขาทั้งสองเปลือยร่างกายท่อนบน เผยให้เห็นกล้ามเนื้อเหมือนมังกร ทั้งตัวดูเหมือนเนินเขา เดินเข้ามาพร้อมกับความรู้สึกกดขี่
"เฮ้ เด็กน้อย กระบี่เล่มนั้นในมือนายไม่เลวหนิ ให้พี่ชายดูหน่อย" ชายร่างใหญ่คนนั้นพูดพร้อมรอยยิ้ม ยื่นมือออกมาจากคว้ากระบี่ถีหุนในมือของฉินเฟิง
ถ้าแค่โดนซุบซิบ ฉินเฟิงก็คงไม่สนใจอะไร แต่นี่เข้ามาหาเรื่องเขาโดยตรง เขาคงทนไม่ไหว ไม่ต้องพูดถึงว่าหลังจากครึ่งปีของการต่อสู้กับสัตว์ร้าย เขาคงไม่ถูกคนอื่นทำร้ายได้
ฉินเฟิงลืมตาขึ้น ชักกระบี่ถีหุนออกมาอย่างรวดเร็ว ปลายกระบี่ชี้ไปยังชายร่างใหญ่ ท่าทางของเขาเย็นชาจ้องมองอีกฝ่า
"เฮ้ๆ เด็กน้อย กระบี่หน่ะเป็นของอันตราย อย่าเอามาเล่นมั่วซั่ว ส่งมาให้พี่ชายเร็ว!" ชายร่างใหญ่หันข้างและงอนิ้วเข้าไปคว้าข้อมือของฉินเฟิง
นี่ไม่ใช่การคว้าอย่างเรียบง่าย มีแรงผลักดันที่น่าอัศจรรย์เกิดขึ้นราวกับว่าภายใต้แรงกดดันราวกับกำลังเผชิญกับภูเขาขนาดใหญ่
ในขณะนี้ฉินเฟิงรู้สึกว่ามีลมแรงพัดมาที่ข้อมือของเขา ทำให้ยากต่อการเคลื่อนไหว เหมือนว่าถ้าถูกมือนั้นจับขึ้นมา ข้อมือของเขาต้องหักอย่างแน่นอน
ไม่คิดว่าชายร่างใหญ่จะแข็งแกร่งขนาดนี้ ทันทีที่เคลื่อนไหวก็ใช้ทักษะที่ทรงพลังพร้อมกับโมเมนตัมในการกดฉินเฟิงเอาไว้
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.webreadapp.com All rights reserved