บทที่ 10 พบความลับของบ้านตระกูลอัน

หลังฟังคำพูดของเซี่ยปี้เหอแล้วไป๋ฉีถามอย่างซื่อ ๆ เล็กน้อยว่า“คุณน้าเซี่ย เป็นกู่เฉิงเขาที่หาเรื่องผมก่อนผมทำไมต้องหลบล่ะ?”

เซี่ยปี้เหอรีบพูดว่า“คุณคิดสิ กู่เฉิงถูกคุณจัดการกลายเป็นอย่างนี้แล้วบ้านตระกูลกู่จะปล่อยคุณไหม?บ้านตระกูลกู่ไม่ใช่ที่คุณสามารถหาเรื่องได้นะ!”

ไป๋ฉียิ้มส่ายหน้าแล้วพูด“งั้นผมยิ่งไม่สามารถไปได้ ผมไปพวกเขาจะต้องมาหาความลำบากให้พวกคุณแน่นอน!”

“เฮ้อ”เซี่ยปี้เหอพูดกระทืบเท้า“คุณไป๋ ทำไมคุณไม่เข้าใจสักนิดล่ะพวกเราคือหวังดีต่อคุณนะ พวกเขาจะไม่ทำอะไรพวกเรา!”

ไป๋ฉีกลับส่ายหน้าเหมือนตีกลองอย่างนั้นพูดว่า“คุณน้าเซี่ย ผมรู้ความหวังดีของคุณในเมื่อหรูอี้เป็นแฟนของผมผมไม่สามารถให้บ้านตระกูลกู่มาทำร้ายพวกคุณได้ ผมต้องอยู่ที่นี่หลายวันปกป้องพวกคุณอีกอย่างบ้านตระกูลกู่มีเงินอย่างน้้นวันหลังผมยังต้องไปที่บ้านของเขาเอาเงินมาใช้เล็กน้อยล่ะ นี่ได้มาฟรี ๆ ก็ต้องเอาล่ะ!”

เฮ้อ สมองของหมอนี่ถูกประตูหนีบจนเสียไปแล้วใช่ไหมเนี่ย เรื่องต่างก็ทำจนเป็นแบบนี้แล้วเขายังมีความคิดที่จะเอาเงินบ้านตระกูลกู่อีก?

หมอนี่คงจะไม่เป็นคนปัญญาอ่อนจริง ๆ ใช่ไหม?

“แม่ ก็ให้ไป๋ฉีอยู่ที่บ้านของพวกเราชั่วคราวก็แล้วกัน!”เวลานี้อันหรูอี้พูด

เซี่ยปี้เหอมองไปทางลูกสาวอย่างตกใจพูดว่า“หรูอี้ หนูไม่ได้ป่วยใช่ไหมให้คุณไป๋อยู่ที่บ้านของพวกเรา หนูทำอย่างนี้ไม่ใช่ทำร้ายเขาเหรอ?”

อันหรูอี้พูดวิเคราะห์“แม่ คุณว่าตอนนี้ไป๋ฉีกระทั่งบ้านของตัวเองอยู่ที่ไหนเขาต่างก็พูดไม่ชัดเจน แม่ให้เขาไปซ่อนที่ไหนล่ะ?บ้านตระกูลกู่หูตามากมาย กู่เฉิงอยู่ที่บ้านตระกูลกู่เป็นคนที่ได้รับการเอ็นดูมากที่สุด ตอนนี้เขาเจอเรื่องเลวร้ายอย่างนี้แม่ให้ไป๋ฉีออกจากบ้านของพวกเราเขาน่าจะยังไม่ออกจากเมืองจงไห่ก็อาจจะเป็นไปได้ที่จะตกลงในเงื้อมมือของพวกเขาแล้ว!”

ได้ยินลูกสาวพูดอย่างนี้ เซี่ยปี้เหอก็รู้สึกมีเหตุผลเล็กน้อยหล่อนถูสองมืออย่างต่อเนื่องพูดถอนใจว่า “เฮ้อ เรื่องนี้ยังทำยากจริง ๆ !”

เดินเข้าห้องรับแขกสองแม่ลูกกลับพบว่าเวลานี้ไป๋ฉีได้นั่งกินข้าวอยู่คนเดียวที่ข้างโต๊ะอาหารแล้ว มองเห็นพวกหล่อนเข้ามาไป๋ฉียิ้มพูดเขินอาย“คุณน้าเซี่ย ผมหิวนานแล้วต่างก็โทษกู่เฉิงก้อนขี้นั่นวิ่งเข้ามาวุ่นวายการกินข้าวของพวกเรา ผมเห็นว่าคุณกับหรูอี้กำลังคุยกันอยู่ในสวนผมก็เข้ามากินก่อนแล้ว!”

เซี่ยปี้เหอยิ้มพูด“ไม่เป็นไร คุณกินข้าวเป็นสิ่งที่สำคัญ ข้าวมื้อหนึ่งไม่กินก็หิวมาก ฉันเข้าใจ ๆ !”

“ขอบคุณที่คุณป้าเข้าใจ!”ไป๋ฉีพูดจบก็ก้มหน้ากินอย่างรีบร้อนที่นั่นขึ้นมาอีก

เซี่ยปี้เหอในใจแอบฝืนยิ้มมองภายนอกของไป๋ฉีนี้มีรูปร่างหน้าตาเป็นคนมีความสามารถจริง ๆ โดยเฉพาะดวงตาคู่นั้นของเขาใสสว่างแฝงไปด้วยปัญญาที่สมบูรณ์ แต่มองเขาทำเรื่องทำไมเหมือนขาดใจที่รอบคอบล่ะ?

ยิ่งทำให้เซี่ยปี้เหอกลัดกลุ่มคือไป๋ฉีคนนี้สรุปแล้วมาจากที่ไหน เขาคงจะไม่สามารถอยู่ที่บ้านของตัวเองได้ตลอดล่ะมั้ง?

หลังกินอิ่มแล้วไป๋ฉีมองท้องฟ้าด้านนอกได้มืดแล้วดวงตาก็หมุนไปทางเซี่ยปี้เหอยิ้มถามว่า“คุณน้าเซี่ย คืนนี้ผมนอนที่ไหนเหรอ?”

เซี่ยปี้เหอยิ้มพูด“คุณไป๋ ฉันให้หวังมาจัดเตรียมห้องให้คุณเรียบร้อยแล้วก็นอนในห้องของพ่อหล่อนตอนที่ยังมีชีวิตอยู่แล้วกัน”

“โอเคร!”ไป๋ฉีกำลังเตรียมที่จะตามหวังมาไปที่ห้องจู่ ๆ เขาเหมือนนึกอะไรขึ้นมาได้อย่างนั้นหมุนตัวมาพูดกับเซี่ยปี้เหอ“คุณน้าเซี่ย หรูอี้เป็นแฟนของผมแล้ววันหลังคุณก็อย่าเรียกผมว่าคุณไป๋แล้วเรียกผมไปเลยว่าไป๋ฉี หรือเหมือนกับคนอื่นที่เรียกผมว่าไป๋ฉือดีแล้ว!”

“ตกลง ฉันรู้แล้ว!”เซี่ยปี้เหอพูดอย่างไม่รู้จะทำยังไง

ไป๋ฉีพูดต่ออันหรูอี้อีก“หรูอี้ วันนี้คุณจมน้ำทำให้ร่างกายมีปัญหามาก คุณก็พักผ่อนให้เร็ว ๆ หน่อยนี่มีข้อดีมากต่อการฟื้นฟูของร่างกาย!”

อันหรูอี้ยิ้มพยักหน้าแล้ว

หวังมาพาไป๋ฉีมาถึงห้องหนึ่งของชั้นสองพูดว่า“คุณไป๋ ที่นี่ก็คือห้องของพ่อหรูอี้ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่ ถ้าหากคุณไม่มีอะไรจะสั่งแล้วฉันก็ลงไปแล้ว”

ไป๋ฉีพูด“หวังมา ไม่มีอะไรแล้วคุณไปเถอะ!”

ฮู้——

หลังรอหวังมาเดินไปแล้วไป๋ฉีก็ถอนลมหายใจออกมายาว ๆ

ตั้งแต่เด็กจนโตไป๋ฉียังเป็นครั้งแรกที่เข้ามาในวิลล่าของคนในเมือง คิดแล้วที่ผ่านตั้งแต่ต้นจนจบก็ดูเหมือนฝันไปอย่างนั้น

ไป๋ฉีแปลกใจมองประเมินห้องนี้อยู่ในห้องสะอาดเรียบร้อยมาก จัดตกแต่งก็สวยงามมากไม่ค่อยหลากหลายเครื่องใช้ครบครันนอกจากตู้หนังสือแล้วยังมีโต๊ะทำงานที่กว้างใหญ่ตัวหนึ่ง บนหัวเตียงแขวนรูปภาพแต่งงานหนึ่งใบเป็นอันจือเชียนพ่อของอันหรูอี้และเซี่ยปี้เหอแม่ของหล่อนและกำแพงด้านตรงกันข้ามกลับเป็นรูปภาพขาวดำของอันจือเชียน

บนรูปภาพเป็นผู้ชายวัยกลางคนที่หน้าตาหล่อคนหนึ่งเส้นเค้าโครงแบ่งเป็นใบหน้าหนึ่งแฝงไปด้วยความแข็งแกร่ง ดวงตาทั้งคู่แสดงพลังที่ไม่ยอมแพ้ออกมาชนิดหนึ่ง

จ้องมองรูปภาพนั่นอยู่จู่ ๆ ไป๋ฉีก็รู้สึกตาลายตามมาด้วยเขาก็พบว่าดวงตาของตัวเองมีการเปลี่ยนแปลงที่แปลกประหลาด

คิดไม่ถึงว่าเขามองเห็นจดหมายฉบับหนึ่งแนบซ่อนอยู่ข้างในด้านหลังรูปภาพนี้

แม่ง หรือว่าดวงตาของเขาสามารถมองผ่านทะลุสิ่งของได้ มองเห็นของที่แอบซ่อนอยู่ข้างใน?

ไป๋ฉีคิดว่าดวงตาของตัวเองเกิดปัญหาแล้วยื่นมือไปขยี้ตาสองข้าง มองที่แนบอยู่ข้างในกรอบรูปภาพนั่นอีกซ่อนจดหมายไว้ฉบับหนึ่งจริง ๆ

โยงนึกถึงการเปลี่ยนแปลงที่ประหลาดบนตัวของตัวเองที่เกิดขึ้นวันนี้ ไป๋ฉีอดไม่ได้ที่จะตื่นเต้นจนสั่นไปทั้งตัวขึ้นมา เหี้ยนี่สรุปแล้วเกิดเรื่องอะไรขึ้นหรือว่าเราจะเหนือขอบเขตสวรรค์แล้วเหรอ?

อย่างช้า ๆ ……

นึกถึงจดหมายที่แอบซ่อนข้างในกรอบรูปนั่นในใจของไป๋ฉีครุ่นคิดหรือว่าจดหมายนี้เป็นของพ่ออันหรูอี้ที่เขียนไว้ตอนที่ยังมีชีวิตอยู่มีความต้องการที่จะซ่อนไว้ด้านหลังรูปภาพของตัวเอง?เพราะอะไรเขาถึงทำอย่างนี้?

ทันใดนั้นก็มีใจสงสัยขึ้นมาไป๋ฉีเดินไปแล้วเอากรอบรูปลงมาแกะแผ่นไม้ด้านหลังที่กั้นไว้ชั้นหนึ่งออกมา เอาจดหมายนั่นที่หนีบไว้ข้างในนั้นเอาออกมาแล้ว

หลังเอาจดหมายเปิดออกแล้วขณะที่ไป๋ฉีอ่านเนื้อหาในจดหมายแล้วรอบหนึ่ง อดไม่ได้ที่จะมีสีหน้าตะลึงสั่นทั้งตัวหน้าอกมีคลื่นใหญ่ขึ้นลงเขาคิดไม่ถึงว่าการตายของพ่ออันหรูอี้จะยังแอบซ่อนความลับใหญ่อย่างนี้อยู่ข้างในนี้……

ดูแล้วอันจือเชียนเก็บจดหมายฉบับนี้หนีบไว้ข้างในกรอบรูปนี้ อันหรูอี้และแม่ของหล่อนจนถึงวันนี้ต่างก็ยังไม่รู้ แน่นอนพวกหล่อนเดิมทีก็ไม่รู้ว่าอันจือเชียนตายยังไง

ไป๋ฉีทนความโกรธที่พรั่งพรูในใจไว้ค่อย ๆ แอบเอาจดหมายนี้เก็บไว้บนตัวแล้ว กำหมัดแน่นในใจคิดในเมื่ออันหรูอี้เป็นแฟนของเราแล้วเรื่องบ้านของหล่อนเราก็ต้องดูแลแล้ว……

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

71