บทที่ 10 ใครกันที่เป็นคนนอก

หลินชิงฮั่นควงแขนของจางซวน เดินเข้าไปยังประตูร้านอาหาร รูปลักษณ์และรูปร่างที่สวยงามของเธอดึงดูดความสนใจของผู้คนมากมาย แต่กางเกงชายหาดของจางซวนและเสื้อกั๊กสีขาวกลับทำให้คนเย้ยหยัน มาที่ร้านอาหารหรูๆ แบบนี้ แต่งตัวแบบนี้เหรอ? หรือว่าแยกแยะไม่ออกเหรอ?

จางซวนไม่สนใจว่าคนอื่นจะมองเขายังไง ผ่านมาเยอะแล้ว เรืองมากมายเริ่มมีความเคยชิน เปิดประตูหนักๆของร้านอาหาร สิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าคือพื้นที่กว้างขวางมีสไตล์ที่หรูหรา โคมระย้าคริสตัลที่งดงามบนเพดานทำให้เกิดแสงสลัว ทำให้ทั่วทั้งร้านดูมีความหรูหราและเงียบสงบ

ตัวโน๊ตที่อ่อนนุ่มอยู่เต็มทั่วทั้งร้านไปหมด ราวกับว่าเป็นควันที่ฟุ้งกระจายไปทั่ว ค่อยๆ ครอบครองจิตใจคน ต่อให้คนที่มีความประหม่าและโกรธมากแค่ไหน ล้วนรู้สึกได้ถึงกลิ่นของลี่ฮวาที่หอมฟุ้งกระจาย ไม่มากเกินไปและกำลังพอดี เพียงแต่ทำให้อารมณ์ที่สับสนของผู้คนเปลี่ยนไปโดยไม่รู้ตัว พนักงานเสิร์ฟที่สุภาพ ลูกค้าที่เงียบสงบ มีการหัวเราะออกมาเบาๆเป็นครั้งคราว มีสภาพแวดล้อมที่เงียบสงบและสวยงาม

มองดูสไตล์การตกแต่งภายในร้าน จางซวนอดไม่ได้ที่จะพยักหน้า ถึงแม้จะไม่ได้โชว์สไตล์อีนาเมลดั้งเดิมออกมาทั้งหมดก็ตาม นอกจากนี้ยังมีแนวความคิดทางศิลปะเล็กน้อย จะเห็นได้ว่าผู้ประกอบการร้านอาหารแห่งนี้มีความเอาใจใส่

ทางเข้าของคนสองคนดึงดูดความสนใจเป็นอย่างมาก เห็นได้ชัดว่าสาวสวยที่อยู่ตรงนั้นสะดุดตาอย่างมาก สายตาของผู้คนรอบข้างเพิกเฉยต่อจางซวนที่อยู่ด้านข้าง ทั้งหมดวางอยู่บนตัวของหลินชิงฮั่น สถานการณ์แบบนี้หลินชิงฮั่นชินไปนานแล้ว ไม่อึดอัดแม้แต่นิดเดียว เห็นได้ชัดว่ากว้างขวาง

จางซวนกวาดมองหนึ่งรอบ เป้าหมายถูกกำหนดอย่างรวดเร็ว บนโต๊ะที่เด่นชัดที่สุดในร้านอาหารทั้งร้าน มีผู้ชายสามคนและผู้หญิงหนึ่งคนนั่งอยู่ตรงนั้น แตกต่างไปจากคนที่อยู่ในร้านอาหาร สายตาของชายสามคนและหญิงหนึ่งคนกำลังจดจ่ออยู่กับตัวเอง

หนึ่งในชายหญิงคู่หนึ่งอายุมากแล้ว มองดูแล้วเกือบจะห้าสิบ ใบหน้าชายเผยให้เห็นถึงรอยย่นของความชรา นี่คือเครื่องหมายที่เวลาที่เหลืออยู่ของเขา เห็นได้ชัดว่าครึ่งแรกของชีวิตชายคนนี้ไม่ได้ราบรื่นนัก และมองทางไปผู้หญิง ผู้หญิงในวัยสี่สิบ มีสร้อยมุกห้อยรอบคอเป็นเส้นๆ ดูแลเป็นอย่างดี มันมีเสน่ห์ของแม่ลูกอ่อนอยู่ในนั้น

เมื่อจางซวนเห็น ด้านข้างของชายหญิงวัยกลางคนคู่นี้ ยังมีชายหนุ่มวัยยี่สิบกว่าหนึ่งอยู่หนึ่งคน ชายหนุ่มใส่เสื้อคอปกลายดอกไม้ ช่วงเวลานี้มองตัวเองด้วยรอยยิ้มที่มีความชั่วร้าย

จางซวนรู้ดี ชายหนุ่มคนนี้น่าจะเป็นเจิ้งฉู่ ชายหญิงวัยกลางคนเมื่อกี้ เป็นพ่อแม่ของเจิ้งฉู่ เจิ้งไค่และหวังฉงเฟิ่ง

คุณพ่อหลินเจี้ยนอี่ว์ของหลินชิงฮั่นจางซวนรู้จักอยู่แล้ว หลินเจี้ยนอี่ว์เป็นชายวัยกลางคนที่ดูใจดีอย่างมาก

"คุณพ่อ " หลินชิงฮั่นควงแขนของจางซวน มาถึงหน้าโต๊ะ

หลังจากที่หลินชิงฮั่นเรียกพ่อเสร็จ จางซวนก็เรียกอย่างไม่เกรงใจเช่นกัน

"มา นั่งลงก่อน!" หลินเจี้ยนอี่ว์กล่าวทักทาย "เสี่ยวจางเอ๋ย ฉันขอแนะนำให้นายรู้จัก คนนี้คือลุงเจิ้งและน้าหวังของนาย คนนี้คือเจิ้งฉู่ อายุของพวกนายห่างกันไม่มาก อนาคตสนิทกันเอาไว้นะ"

"ช่างเถอะ ลุงหลิน สนิทกันไม่ต้องแล้ว ล้วนแล้วบอกว่าคบคนพาลพาไปหาพาล ผมไม่อยากกลายเป็นคนบ้านนอกแบบนี้หรอก" เสียงของหลินเจี้ยนอี่ว์เพิ่งสิ้นสุดลง เจิ้งฉู่กล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม

เมื่อพ่อแม่ของเจิ้งฉู่ได้ยินลูกชายของตัวเองพูดแบบนี้ ไม่เพียงแต่ไม่มีการตำหนิสักนิด ตรงกันข้ามใบหน้ากลับมีการให้กำลังใจเล็กน้อย

"ชิงฮั่น ได้ยินว่าเธอแต่งงานแล้ว นี่คือคู่แต่งงานของเธอเหรอ?" ใบหน้าของเจิ้งฉู่เต็มไปด้วยความรังเกียจ "ดูเหมือนว่าสายตาของเธอจะไม่ค่อยดี"

"ชิงฮั่น เด็กอย่างเธอนี่จริงๆเลยนะ ทำไมถึงพูดว่าแต่งงานก็แต่งงานเลยล่ะ?" หวังฉงเฟิ่งก็เปิดปากพูดเช่นกัน "เธอดูเธอสิ ทำไมถึงแต่งงานกับคนบ้านนอกแบบนี้อีก เทียบกับนิ้วเท้าของลูกชายฉันหนึ่งนิ้วยังไม่ได้เลย รีบหย่าร้างกันจะดีกว่า!"

เจิ้งฉู่และหวังฉงเฟิ่งพูดอย่างไม่สะทกสะท้าน ราวกับว่าไม่สนใจความรู้สึกของจางซวน

"ฉันแต่งงานกับใคร ดูเหมือนว่าไม่จำเป็นต้องให้คนนอกมาชี้มือชี้เท้าหรอกมั้ง?" หลินชิงฮั่นเปิดปากพูดด้วยสีหน้าที่ไม่พอใจ

"คนนอก? ชิงฉั่น ทำไมเธอถึงรู้สึกว่าพวกเราเป็นคนอกล่ะ? จะพูดว่าคนนอก คนที่อยู่ในสถานที่แห่งนี้มีแค่คนเดียวถึงจะถูก" เจิ้งฉู่ชี้ไปทางจางซวน เป้าหมายของการต่อต้านชัดเจนอย่างมาก

หลินเจี้ยนอี่ว์นั่งอยู่ด้านข้าง หัวเราะฮ่าๆๆ :"เรื่องของคนรุ่นหลัง พวกเราไม่ต้องไปพูดถึงแล้ว สั่งอาหารก่อนดีกว่า"

"ใช่ สั่งอาหารกินข้าวเถอะ" พ่อของเจิ้งฉู่ก็พูดเช่นกัน

เจิ้งฉู่หัวเราะอย่างมั่นใจ ส่งสัญญาณด้วยการดีดนิ้ว เรียกพนักงานมา

เพราะว่ายังคงสไตล์ของอีนาเมลแบบดั้งเดิมเอาไว้ พนักงานเสิร์ฟในร้านอาหารสไตล์ฝรั่งเศสนี้ก็มาจากฝรั่งเศสเช่นกัน ข้างในนี้ การสื่อสารระหว่างลูกค้าและพนักงานเสิร์ฟล้วนใช้ภาษาอังกฤษ มีคำอธิบายประกอบเพียงสองภาษาในเมนูคืออังกฤษและฝรั่งเศส

เจิ้งฉู่พิงไปด้านหลังนั่งอยู่บนเบาะ รับเมนูอาหารที่พนักงานเสิร์ฟยื่นให้ จากนั้นเหลือบมองจางซวนเล็กน้อย หลังจากนั้นเริ่มสั่งอาหารด้วยภาษาอังกฤษและฝรั่งเศสสลับกันไปมา

สำหรับภาษาฝรั่งเศส คนที่รู้จักนั้นมีน้อยอย่างมาก ท้ายที่สุดก็ไม่กว้างขวางเท่าภาษาอังกฤษ ดูเหมือนว่าการออกเสียงระหว่างอังกฤษและฝรั่งเศสของเจิ้งฉู่คนส่วนใหญ่เห็นว่ามันดูระดับไฮเอนด์มาก แต่ในสายตาของจางซวน เห็นได้ชัดว่ามันน่าตลกสิ้นดี!

มันก็เหมือนกับฝรั่งคนหนึ่งมาที่จีน ไม่ค่อยเข้าใจภาษาจีนมากเท่าไหร่ ใช้ทั้งมือและเท้าเพื่อต้องการแสดงออกถึงสิ่งหนึ่ง บางครั้งยังมีการพูดภาษาจีนออกมาหนึ่งประโยคอย่างเส็งเคร็ง แต่ว่าฝรั่งคนนี้รู้สึกว่าตัวเองแสดงออกมาอย่างชัดเจนแล้ว ใบหน้าเต็มไปด้วยความมั่นใจ

สำหรับวิธีการแสดงออกของเจิ้งฉู่ เห็นได้ชัดว่าพนักงานเสิร์ฟในร้านอาหารเจอมาเยอะแล้ว เผชิญหน้าด้วยการยิ้มตลอด แยกแยะว่าอีกฝ่ายต้องการอาหารประเภทใดจากอีนาเมลเส็งเคร็งของอีกฝ่าย

ระหว่างที่อยู่ในขั้นตอนการสั่งอาหาร จางฉู่เหลือบมองจางซวนเป็นครั้งคราว ดูหยิ่งผยอง หวังฉงเฟิ่งแม่ของเจิ้งฉู่ก็เช่นเดียวกัน ดูเหมือนว่ากำลังพูด ดูสิว่าลูกชายของตัวเองเก่งมากแค่ไหน จากนั้นมองมาทางการแต่งตัวที่เหมือนกับคนบ้านนอก!

เจิ้งฉู่สั่งเสร็จ ยื่นเมนูอาหารให้จางซวน "เสร็จแล้ว นายอยากสั่งอะไรสักหน่อยไหม อาหารมื้อนี้นายไม่ต้องออกเงิน"

จางซวนเหลือบมองเมนูอาหารในมือของเจิ้งฉู่ นึกถึงคำพูดที่หลินชิงฮั่นพูดกับตัวเองในเมื่อกี้ จากนั้นส่ายหัวและพูด :"ให้ชิงฮั่นสั่งให้ผมดีกว่า"

"ทำไม? ไม่รู้จักภาษาฝรั่งเศสเหรอ? ถ้าไม่มีการศึกษาก็อย่ามาร้านอาหารระดับไฮเอนด์ให้ขายหน้าเลย" เจิ้งฉู่หัวเราะอย่างดูถูก จากนั้นยื่นเมนูอาหารไปทางหลินชิงฮั่น

หลินชิงฮั่นรับเมนูอาหารมา มือขาวข้างหนึ่งพลิกเมนูอาหารอย่างต่อเนื่อง ขมวดคิ้วดำเล็กน้อย แม้ว่าร้านอาหารสุดหรูแห่งนี้จะเปิดให้บริการมานานกว่าหนึ่งปีแล้วก็ตาม แต่เธอยังคงมาเป็นครั้งแรก ภาษาฝรั่งเศสข้างบนมากมายเธอล้วนแล้วไม่เข้าใจ แม้ว่าจะมีภาษาอังกฤษอธิบาย แต่ส่วนผสมพิเศษบางอย่างจำเป็นต้องมีการออกเสียงด้วยภาษาฝรั่งเศสถึงจะได้

เมนูอาหารแบบนี้ ชั่วขณะหนึ่งทำให้หลินชิงฮั่นกังวลเล็กน้อย ไม่รู้ว่าควรจะสั่งอะไรดี

เจิ้งฉู่ซึ่งนั่งตรงข้ามกับหลินชิงฮั่นเปิดปากพูดอีกครั้ง "ชิงฮั่น ปกติแล้วเธอมักจะยุ่งอยู่กับการทำงาน ร้านอาหารแห่งนี้ก็ไม่เคยมา เอาแบบนี้ให้ผมช่วยเธอเลือกดีกว่าไหม"

ระหว่างที่พูด เจิ้งฉู่กำลังยื่นมือออกไปเตรียมจะเอาเมนูอาหารในมือของหลินชิงฮั่น

ถ้าหากเจิ้งฉู่เอาเมนูอาหารไปสั่งอาหารให้หลินชิงฮั่นจริงๆ นั่นสามารถพูดได้ว่าเป็นความอัปยศของจางซวน อาหารของภรรยาคุณ ต้องให้ผู้ชายคนอื่นมายุ่ง?

แต่มือของเจิ้งฉู่ยื่นออกมาได้ครึ่งหนึ่ง ก็มองเห็นเมนูอาหารของหลินชิงฮั่นถูกคนอื่นเอาไปแล้ว เขามองเห็น ไอ้คนนั้นพลิกเมนูอาหารไปมาอย่างต่อเนื่อง เขาอาศัยอะไร? ร้านอาหารที่มีความหรูหราแบบนี้ เป็นเกียรติอย่างมากแล้วที่ให้คนชั้นต่ำอย่างเขาเข้ามา ยังมีหน้ามาพลิกเมนูอาหารอีก? เป็นแค่คนหนึ่งที่เป็นเขยแต่งเข้าบ้านตระกูลหลิน เขามีสิทธิ์อะไร?

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

523