บทที่ 13 เรื่องที่ไม่มีทางเป็นไปได้แน่นอน
by เหว่ยไหลเค่อฉี
09:36,Feb 23,2022
เห็นได้ชัดว่าท่านผู้เฒ่าอู๋ที่ผ่านหมอชื่อดังมามากเคยเจอคุณหมอที่เขียนใบสั่งยามารักษาสุขภาพให้เขาเหมือนกับอาจารย์จังตั้งนานแล้ว และเห็นได้ชัดว่าหลายปีมานี้เขาก็คงดื่มพวกยาหม้อไปไม่น้อย
ส่วนคุณหลิวที่อยู่ด้านข้างก็พูดอวยพรกับท่านผู้เฒ่าอู๋ว่า "ยินดีกับท่านผู้เฒ่าอู๋ด้วย โรคของคุณนับว่ามีความหวังที่จะสามารถรักษาให้หายดีได้แล้ว ช่วงนี้คุณก็อาศัยอยู่ในเมืองเยียนของพวกเราอย่างวางใจเถอะ และหากมีเรื่องอะไรก็ติดต่อผมกับเหล่าหยังโดยตรงได้เลย"
"ฮา ๆๆ ได้ ครั้งนี้ต้องรบกวนคุณหลิวแล้ว หากมีโอกาสผมจะต้องออกไปดื่มเหล้าด้วยกันเพื่อเป็นการแสดงการขอบคุณต่อคุณหลิวแน่นอน" ท่านผู้เฒ่าอู๋พูดขอบคุณคุณหลิวด้วยเสียงหัวเราะที่เบิกบานใจ
แม้ว่าสุดท้ายแล้วอาจารย์จังจะไม่ได้ด้วยช่วยอะไรท่านผู้เฒ่าอู๋เลย แต่ถึงยังไงก็ยังคงมีความหวังดี และถึงจะแฝงด้วยเจตนาที่แน่นอน ก็ยังต้องขอบคุณอยู่ดี
ในเมื่อตัดสินใจแล้วว่าต่อไปหลินเฟิงจะเป็นคนรักษาโรคให้ท่านผู้เฒ่าอู๋ เช่นนั้นคุณหลิวที่พาอาจารย์จังมาจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอยู่ที่นี่ต่อเป็นธรรมดา ดังนั้นหลังจากทักทายปราศรัยอีกสองสามคำ คุณหลิวจึงบอกลากับท่านผู้เฒ่าอู๋ และพาอาจารย์จังที่มีสีหน้าครุ่นคิดเดินออกไปจากห้องหนังสือ
เมื่อเห็นคุณหลิวเดินออกไปจากห้องหนังสือด้วยสีหน้าที่อึมครึม รอยยิ้มบนใบหน้าของนายกเทศมนตรีหยังก็ยิ่งสว่างไสวไปชั่วขณะหนึ่ง
แต่นายกเทศมนตรีหยังก็ไม่ได้อยู่ต่อในห้องหนังสือนาน เพราะไม่ว่ายังไงเป้าหมายของการมาเยี่ยมเยียนท่านผู้เฒ่าอู๋ในครั้งนี้ก็ยังคงเป็นการมาเพื่อแนะนำหลินเฟิงให้รักษาโรคให้ท่านผู้เฒ่าอู๋ ดังนั้นหลังจากที่พูดคุยกันอีกสองสามประโยค นายกเทศมนตรีจึงออกไปจากห้อง และยกเวลาให้หลินเฟิงรักษาโรคให้ท่านผู้เฒ่าอู๋
แม้ว่าก่อนหน้านี้หลินเฟิงเกือบจะมั่นใจสาเหตุในการปรากฏโรคประหลาดของท่านผู้เฒ่าอู๋ผ่านการสังเกตแล้ว แต่เขาก็ยังคงปฏิบัติตามหลักการที่เคร่งครัดและละเอียดรอบคอบอยู่ดี โดยหลังจากที่นายกเทศมนตรีออกไปจากห้องแล้ว หลินเฟิงก็จับชีพจรให้กับท่านผู้เฒ่าอู๋อีกครั้ง หลังจากนั้นก็ใช้เครื่องตรวจฟังและอุปกรณ์ทางการแพทย์อื่น ๆ มาตรวจร่างกายให้กับท่านผู้เฒ่าอู๋อีกเล็กน้อย และยืนยันซ้ำไปซ้ำมาอีกครั้งหนึ่ง
แต่อาชีพหมอไม่ได้ดีไปกว่าอาชีพอื่น ๆ เพราะตอนที่รักษาผู้ป่วย ก็ยังคงต้องชัดเจนและห้ามสะเพร่าอย่างเด็ดขาด
ดังนั้นต่อให้หลินเฟิงจะมั่นใจในตัวเองมากกว่านี้ เขาก็ยังคงยืนยันซ้ำไปซ้ำมาหลาย ๆ ครั้งอยู่ดี และหลังจากที่ตรวจสอบข้อมูลร่างกายหลายรายการติด ๆ กัน เขาถึงได้กำหนดแผนการรักษาของท่านผู้เฒ่าอู๋ในใจของตัวเอง
"ผ่าตัด"
หลินเฟิงวางเครื่องช่วยฟังในมือลง และพูดออกมาด้วยความเยือกเย็นเป็นพิเศษ "คุณอาอู๋ โรคของคุณถ้าต้องการรักษาให้หายขาดก็ต้องผ่าตัด นอกจากวิธีนี้แล้ว วิธีการอื่น ๆ อย่างมากก็มีผลแค่สามารถยับยั้งความเจ็บปวดได้เท่านั้น ช่วยคุณบรรเทาความเจ็บตอนที่อาการกำเริบได้เล็กน้อย"
ก่อนหน้านี้หลินเฟิงก็เคยบอกเรื่องนี้กับท่านผู้เฒ่าอู๋มาก่อนแล้ว ดังนั้นเมื่อท่านผู้เฒ่าอู๋ได้ยินหลินเฟิงยืนยันอีกครั้ง ในใจของเขาจึงไม่ได้รู้สึกประหลาดใจอะไร และกลับยอมรับเรื่องนี้ด้วยความสบายใจเป็นอย่างยิ่งเสียด้วยซ้ำ และเมื่อเทียบกันแล้ว ท่านผู้เฒ่าอู๋กลับรู้สึกสนใจอีกเรื่องมากกว่าอีก นั่นก็คือ......
"อัตราความสำเร็จล่ะ? ถ้าให้นายลงมือผ่าตัดฉันด้วยตัวเอง นายมีความมั่นใจอยู่กี่ส่วน?"
มั่นใจกี่ส่วนเหรอ?
หลังจากหลินเฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ตอบออกมาด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำเป็นอย่างยิ่ง "แปดส่วน เป้าหมายในการผ่าตัดในครั้งนี้คือเพื่อแก้ไขหน้าอกด้านซ้ายที่ทรุดลงไปให้ถูกต้อง และยับยั้งไม่ให้มันบีบรัดหัวใจอีกต่อไป ส่วนวิธีการ......ถ้าผมทายไม่ผิดละก็ ก่อนหน้านี้ตอนที่คุณอาอู๋ได้รับบาดเจ็บกระดูกซี่โครงน่าจะหักไปสองสามซี่ และตอนที่ผ่าตัดเมื่อสองสามปีก่อนก็ดูเหมือนว่ากระดูกซี่โครงจะไม่ได้เชื่อมติดกัน ดังนั้น......"
"แผนการผ่าตัดครั้งนี้ที่ผมร่างเอาไว้ในตอนแรกคือใช้วิธีการที่เหมือนกับการผ่าตัดบายพาสหัวใจ ทำบายพาสในหน้าอกของคุณอาอู๋ เพื่อแทนที่กระดูกซี่โครงที่หักไปในหน้าอกด้านซ้ายของคุณอาอู๋ และพยุงหน้าอกด้านซ้ายขึ้นมา ส่วนขั้นตอนที่จะใช้อย่างชัดเจนนั้น ผมจะค่อย ๆ ร่างกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง......"
เมื่อพูดถึงตรงนี้ จู่ ๆ หลินเฟิงก็ตกตะลึงขึ้นมา
เพราะจู่ ๆ เขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าเขาในตอนนี้ไม่ใช่ศัลยแพทย์ในโรงพยาบาลเหมือนในชาติก่อนที่มีผู้ช่วยมากมายสามารถช่วยเหลือเขาให้ทำเรื่องที่ซับซ้อนสำเร็จได้อีกแล้ว และเขาในชาตินี้ก็เป็นหานจื้อเฟิงลูกชายคนโตของตระกูลหานที่มีฉายาว่าเศษขยะ
ผู้ช่วยเหรอ?
เขาที่ถูกมองเหมือนกับขยะตั้งแต่ต้นจนจบ จะมีผู้ช่วยจากที่ไหนได้?
แต่ถ้าอยากจะใช้การผ่าตัดมารักษาโรคให้ท่านผู้เฒ่าอู๋จริง ๆ หลินเฟิงก็ไม่มีทางทำสำเร็จโดยอาศัยกำลังของเขาเพียงคนเดียวได้เลย ดังนั้น......
ท่านผู้เฒ่าอู๋สังเกตเห็นว่าหลินเฟิงจิตใจเหม่อลอย ดังนั้นเขาจึงถามออกมาว่า "เป็นอะไร? มีปัญหาอะไรเหรอ?"
หลินเฟิงยิ้มเจื่อน ๆ ออกมา และตอบท่านผู้เฒ่าอู๋ว่า "คุณอาอู๋ ถึงยังไงการผ่าตัดก็เป็นเรื่องที่ไม่สามารถมองข้ามได้แม้แต่นิดเดียว หากเป็นการผ่าตัดทั่วไปก็ช่างมันเถอะ เพียงหาห้องผ่าตัดให้ผมห้องหนึ่ง ผมก็สามารถทำเพียงคนเดียวสำเร็จได้ แต่การผ่าตัดที่ต้องทำให้คุณ สามารถพูดว่าได้ว่าซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง"
"ดังนั้นในด้านการเตรียมการผ่าตัดจึงมีความซับซ้อนพอสมควร แต่กำลังของผมเพียงคนเดียวกลับมีขีดจำกัด ถ้าอาศัยแค่เพียงกำลังของผมเพียงคนเดียว เกรงว่าคงจะต้องใช้เวลาเตรียมการนานมาก ๆ......"
สิ่งที่หลินเฟิงต้องเตรียมในการผ่าตัดของท่านผู้เฒ่าไม่ได้มีเพียงขั้นตอนในการผ่าตัดเท่านั้น แต่สิ่งที่ยิ่งต้องเตรียมมากกว่าก็คือสะพานที่จะก่อขึ้นในหน้าอกและภาพเอกซเรย์ที่ตรวจโครงสร้างหน้าอกของท่านผู้เฒ่าอู๋เป็นต้น หลังจากนั้นเขาจึงจะสามารถกำหนดขั้นตอนโดยละเอียดของการผ่าตัดได้ แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ว่ายังไงหลินเฟิงก็ไม่มีทางทำสำเร็จแค่เพียงคนเดียวได้
ดังนั้นต่อให้เวลานี้หลินเฟิงจะเข้าใจดีว่าควรจะรักษาโรคของท่านผู้เฒ่าอู๋ยังไง เขาก็ไม่มีทางที่จะดำเนินแผนการได้แม้แต่นิดเดียว
แผนการรักษาโรคที่ครุ่นคิดอยู่นาน สุดท้ายก็เป็นเพียงการคุยโวโอ้อวดครั้งหนึ่งเท่านั้น......
"นายจะบอกว่า ตอนนี้นายไม่มีแม้แต่ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมเหรอ?"
ภายใต้การจ้องมองด้วยสายตาที่แปลกประหลาดของท่านผู้เฒ่าอู๋และนายกเทศมนตรีหยัง หลินเฟิงจึงพยักหน้าพร้อมกับยิ้มเจื่อน ๆ
นี่ทำให้นายกเทศมนตรีหยังกับท่านผู้เฒ่าอู๋อดไม่ได้ที่จะมองหน้ากันเลิ่กลั่ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านผู้เฒ่าอู๋ บนใบหน้าของเขามีสีหน้าที่ซับซ้อนเป็นอย่างยิ่งไหลทะลักออกมา และไม่ว่ายังไงท่านผู้เฒ่าอู๋ก็ไม่เข้าใจ ว่าแท้จริงแล้วเมื่อกี้ตัวเองถูกคำสาปอะไร ถึงได้เชื่ออย่างไร้เหตุผลว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าดูเหมือนกับมีวิชาแพทย์ที่ยอดเยี่ยมมาก ๆ แต่จริง ๆ แล้วเขากลับไม่มีแม้แต่ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมเสียด้วยซ้ำ
แต่สิ่งที่บ้ายิ่งกว่าก็คือ เขายังมีความคิดที่จะให้ชายหนุ่มคนนี้ลงมือผ่าตัดให้ตัวเองอีกด้วย......
ให้ชายหนุ่มที่ไม่มีแม้แต่ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมมาลงมือผ่าตัดให้ตัวเองเหรอ?
นี่......
รนหาที่ตายก็ไม่จำเป็นต้องหาแบบนี้!
บางทีอาจเป็นเพราะว่านายกเทศมนตรีหยังสังเกตเห็นว่าสีหน้าของท่านผู้เฒ่าอู๋ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นไม่น่ามองมากขึ้นก็ได้ เขาถึงได้รีบร้อนออกมาไกล่เกลี่ยทันที
"ท่านผู้เฒ่าอู๋วางใจเถอะ แม้ว่าจื้อเฟิงจะไม่มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมอะไร แต่วิชาแพทย์ของเขากลับไม่มีปัญหาอะไร ก่อนหน้านี้โรคประหลาดของภรรยาของผมก็ได้เขาฝังเข็มให้ถึงได้รักษาหาย แต่ที่มหัศจรรย์ยิ่งกว่าก็คือ แม่ยายของผมที่ถูกโรงพยาบาลออกใบมรณบัตรให้แล้ว ก็ได้จื้อเฟิงฝังเข็มช่วยชีวิตกลับมาด้วยเช่นกัน!"
"ดังนั้นคุณก็วางใจเถอะ วิชาแพทย์ของหานจื้อเฟิงคนนี้ไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน เขาก็แค่ไม่มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมเท่านั้น"
ส่วนหลินเฟิงก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย ก้มหน้ามองมือของตัวเองและส่ายหน้าพร้อมกับพูดว่า "ก็แค่ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมแผ่นหนึ่งเท่านั้น คนที่มีไม่แน่ว่าจะสามารถรักษาคนได้ ส่วนคนที่ไม่มีก็ไม่แน่ว่าจะไม่สามารถรักษาคนได้ คุณอาอู๋วางใจเถอะ ผมมีความมั่นใจต่อวิชาแพทย์ของตัวเองอย่างแท้จริง"
ส่วนคุณหลิวที่อยู่ด้านข้างก็พูดอวยพรกับท่านผู้เฒ่าอู๋ว่า "ยินดีกับท่านผู้เฒ่าอู๋ด้วย โรคของคุณนับว่ามีความหวังที่จะสามารถรักษาให้หายดีได้แล้ว ช่วงนี้คุณก็อาศัยอยู่ในเมืองเยียนของพวกเราอย่างวางใจเถอะ และหากมีเรื่องอะไรก็ติดต่อผมกับเหล่าหยังโดยตรงได้เลย"
"ฮา ๆๆ ได้ ครั้งนี้ต้องรบกวนคุณหลิวแล้ว หากมีโอกาสผมจะต้องออกไปดื่มเหล้าด้วยกันเพื่อเป็นการแสดงการขอบคุณต่อคุณหลิวแน่นอน" ท่านผู้เฒ่าอู๋พูดขอบคุณคุณหลิวด้วยเสียงหัวเราะที่เบิกบานใจ
แม้ว่าสุดท้ายแล้วอาจารย์จังจะไม่ได้ด้วยช่วยอะไรท่านผู้เฒ่าอู๋เลย แต่ถึงยังไงก็ยังคงมีความหวังดี และถึงจะแฝงด้วยเจตนาที่แน่นอน ก็ยังต้องขอบคุณอยู่ดี
ในเมื่อตัดสินใจแล้วว่าต่อไปหลินเฟิงจะเป็นคนรักษาโรคให้ท่านผู้เฒ่าอู๋ เช่นนั้นคุณหลิวที่พาอาจารย์จังมาจึงไม่มีความจำเป็นที่จะต้องอยู่ที่นี่ต่อเป็นธรรมดา ดังนั้นหลังจากทักทายปราศรัยอีกสองสามคำ คุณหลิวจึงบอกลากับท่านผู้เฒ่าอู๋ และพาอาจารย์จังที่มีสีหน้าครุ่นคิดเดินออกไปจากห้องหนังสือ
เมื่อเห็นคุณหลิวเดินออกไปจากห้องหนังสือด้วยสีหน้าที่อึมครึม รอยยิ้มบนใบหน้าของนายกเทศมนตรีหยังก็ยิ่งสว่างไสวไปชั่วขณะหนึ่ง
แต่นายกเทศมนตรีหยังก็ไม่ได้อยู่ต่อในห้องหนังสือนาน เพราะไม่ว่ายังไงเป้าหมายของการมาเยี่ยมเยียนท่านผู้เฒ่าอู๋ในครั้งนี้ก็ยังคงเป็นการมาเพื่อแนะนำหลินเฟิงให้รักษาโรคให้ท่านผู้เฒ่าอู๋ ดังนั้นหลังจากที่พูดคุยกันอีกสองสามประโยค นายกเทศมนตรีจึงออกไปจากห้อง และยกเวลาให้หลินเฟิงรักษาโรคให้ท่านผู้เฒ่าอู๋
แม้ว่าก่อนหน้านี้หลินเฟิงเกือบจะมั่นใจสาเหตุในการปรากฏโรคประหลาดของท่านผู้เฒ่าอู๋ผ่านการสังเกตแล้ว แต่เขาก็ยังคงปฏิบัติตามหลักการที่เคร่งครัดและละเอียดรอบคอบอยู่ดี โดยหลังจากที่นายกเทศมนตรีออกไปจากห้องแล้ว หลินเฟิงก็จับชีพจรให้กับท่านผู้เฒ่าอู๋อีกครั้ง หลังจากนั้นก็ใช้เครื่องตรวจฟังและอุปกรณ์ทางการแพทย์อื่น ๆ มาตรวจร่างกายให้กับท่านผู้เฒ่าอู๋อีกเล็กน้อย และยืนยันซ้ำไปซ้ำมาอีกครั้งหนึ่ง
แต่อาชีพหมอไม่ได้ดีไปกว่าอาชีพอื่น ๆ เพราะตอนที่รักษาผู้ป่วย ก็ยังคงต้องชัดเจนและห้ามสะเพร่าอย่างเด็ดขาด
ดังนั้นต่อให้หลินเฟิงจะมั่นใจในตัวเองมากกว่านี้ เขาก็ยังคงยืนยันซ้ำไปซ้ำมาหลาย ๆ ครั้งอยู่ดี และหลังจากที่ตรวจสอบข้อมูลร่างกายหลายรายการติด ๆ กัน เขาถึงได้กำหนดแผนการรักษาของท่านผู้เฒ่าอู๋ในใจของตัวเอง
"ผ่าตัด"
หลินเฟิงวางเครื่องช่วยฟังในมือลง และพูดออกมาด้วยความเยือกเย็นเป็นพิเศษ "คุณอาอู๋ โรคของคุณถ้าต้องการรักษาให้หายขาดก็ต้องผ่าตัด นอกจากวิธีนี้แล้ว วิธีการอื่น ๆ อย่างมากก็มีผลแค่สามารถยับยั้งความเจ็บปวดได้เท่านั้น ช่วยคุณบรรเทาความเจ็บตอนที่อาการกำเริบได้เล็กน้อย"
ก่อนหน้านี้หลินเฟิงก็เคยบอกเรื่องนี้กับท่านผู้เฒ่าอู๋มาก่อนแล้ว ดังนั้นเมื่อท่านผู้เฒ่าอู๋ได้ยินหลินเฟิงยืนยันอีกครั้ง ในใจของเขาจึงไม่ได้รู้สึกประหลาดใจอะไร และกลับยอมรับเรื่องนี้ด้วยความสบายใจเป็นอย่างยิ่งเสียด้วยซ้ำ และเมื่อเทียบกันแล้ว ท่านผู้เฒ่าอู๋กลับรู้สึกสนใจอีกเรื่องมากกว่าอีก นั่นก็คือ......
"อัตราความสำเร็จล่ะ? ถ้าให้นายลงมือผ่าตัดฉันด้วยตัวเอง นายมีความมั่นใจอยู่กี่ส่วน?"
มั่นใจกี่ส่วนเหรอ?
หลังจากหลินเฟิงครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง เขาก็ตอบออกมาด้วยเสียงที่ทุ้มต่ำเป็นอย่างยิ่ง "แปดส่วน เป้าหมายในการผ่าตัดในครั้งนี้คือเพื่อแก้ไขหน้าอกด้านซ้ายที่ทรุดลงไปให้ถูกต้อง และยับยั้งไม่ให้มันบีบรัดหัวใจอีกต่อไป ส่วนวิธีการ......ถ้าผมทายไม่ผิดละก็ ก่อนหน้านี้ตอนที่คุณอาอู๋ได้รับบาดเจ็บกระดูกซี่โครงน่าจะหักไปสองสามซี่ และตอนที่ผ่าตัดเมื่อสองสามปีก่อนก็ดูเหมือนว่ากระดูกซี่โครงจะไม่ได้เชื่อมติดกัน ดังนั้น......"
"แผนการผ่าตัดครั้งนี้ที่ผมร่างเอาไว้ในตอนแรกคือใช้วิธีการที่เหมือนกับการผ่าตัดบายพาสหัวใจ ทำบายพาสในหน้าอกของคุณอาอู๋ เพื่อแทนที่กระดูกซี่โครงที่หักไปในหน้าอกด้านซ้ายของคุณอาอู๋ และพยุงหน้าอกด้านซ้ายขึ้นมา ส่วนขั้นตอนที่จะใช้อย่างชัดเจนนั้น ผมจะค่อย ๆ ร่างกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง......"
เมื่อพูดถึงตรงนี้ จู่ ๆ หลินเฟิงก็ตกตะลึงขึ้นมา
เพราะจู่ ๆ เขาก็นึกขึ้นมาได้ว่าเขาในตอนนี้ไม่ใช่ศัลยแพทย์ในโรงพยาบาลเหมือนในชาติก่อนที่มีผู้ช่วยมากมายสามารถช่วยเหลือเขาให้ทำเรื่องที่ซับซ้อนสำเร็จได้อีกแล้ว และเขาในชาตินี้ก็เป็นหานจื้อเฟิงลูกชายคนโตของตระกูลหานที่มีฉายาว่าเศษขยะ
ผู้ช่วยเหรอ?
เขาที่ถูกมองเหมือนกับขยะตั้งแต่ต้นจนจบ จะมีผู้ช่วยจากที่ไหนได้?
แต่ถ้าอยากจะใช้การผ่าตัดมารักษาโรคให้ท่านผู้เฒ่าอู๋จริง ๆ หลินเฟิงก็ไม่มีทางทำสำเร็จโดยอาศัยกำลังของเขาเพียงคนเดียวได้เลย ดังนั้น......
ท่านผู้เฒ่าอู๋สังเกตเห็นว่าหลินเฟิงจิตใจเหม่อลอย ดังนั้นเขาจึงถามออกมาว่า "เป็นอะไร? มีปัญหาอะไรเหรอ?"
หลินเฟิงยิ้มเจื่อน ๆ ออกมา และตอบท่านผู้เฒ่าอู๋ว่า "คุณอาอู๋ ถึงยังไงการผ่าตัดก็เป็นเรื่องที่ไม่สามารถมองข้ามได้แม้แต่นิดเดียว หากเป็นการผ่าตัดทั่วไปก็ช่างมันเถอะ เพียงหาห้องผ่าตัดให้ผมห้องหนึ่ง ผมก็สามารถทำเพียงคนเดียวสำเร็จได้ แต่การผ่าตัดที่ต้องทำให้คุณ สามารถพูดว่าได้ว่าซับซ้อนเป็นอย่างยิ่ง"
"ดังนั้นในด้านการเตรียมการผ่าตัดจึงมีความซับซ้อนพอสมควร แต่กำลังของผมเพียงคนเดียวกลับมีขีดจำกัด ถ้าอาศัยแค่เพียงกำลังของผมเพียงคนเดียว เกรงว่าคงจะต้องใช้เวลาเตรียมการนานมาก ๆ......"
สิ่งที่หลินเฟิงต้องเตรียมในการผ่าตัดของท่านผู้เฒ่าไม่ได้มีเพียงขั้นตอนในการผ่าตัดเท่านั้น แต่สิ่งที่ยิ่งต้องเตรียมมากกว่าก็คือสะพานที่จะก่อขึ้นในหน้าอกและภาพเอกซเรย์ที่ตรวจโครงสร้างหน้าอกของท่านผู้เฒ่าอู๋เป็นต้น หลังจากนั้นเขาจึงจะสามารถกำหนดขั้นตอนโดยละเอียดของการผ่าตัดได้ แต่สิ่งเหล่านี้ไม่ว่ายังไงหลินเฟิงก็ไม่มีทางทำสำเร็จแค่เพียงคนเดียวได้
ดังนั้นต่อให้เวลานี้หลินเฟิงจะเข้าใจดีว่าควรจะรักษาโรคของท่านผู้เฒ่าอู๋ยังไง เขาก็ไม่มีทางที่จะดำเนินแผนการได้แม้แต่นิดเดียว
แผนการรักษาโรคที่ครุ่นคิดอยู่นาน สุดท้ายก็เป็นเพียงการคุยโวโอ้อวดครั้งหนึ่งเท่านั้น......
"นายจะบอกว่า ตอนนี้นายไม่มีแม้แต่ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมเหรอ?"
ภายใต้การจ้องมองด้วยสายตาที่แปลกประหลาดของท่านผู้เฒ่าอู๋และนายกเทศมนตรีหยัง หลินเฟิงจึงพยักหน้าพร้อมกับยิ้มเจื่อน ๆ
นี่ทำให้นายกเทศมนตรีหยังกับท่านผู้เฒ่าอู๋อดไม่ได้ที่จะมองหน้ากันเลิ่กลั่ก โดยเฉพาะอย่างยิ่งท่านผู้เฒ่าอู๋ บนใบหน้าของเขามีสีหน้าที่ซับซ้อนเป็นอย่างยิ่งไหลทะลักออกมา และไม่ว่ายังไงท่านผู้เฒ่าอู๋ก็ไม่เข้าใจ ว่าแท้จริงแล้วเมื่อกี้ตัวเองถูกคำสาปอะไร ถึงได้เชื่ออย่างไร้เหตุผลว่าชายหนุ่มที่อยู่ตรงหน้าดูเหมือนกับมีวิชาแพทย์ที่ยอดเยี่ยมมาก ๆ แต่จริง ๆ แล้วเขากลับไม่มีแม้แต่ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมเสียด้วยซ้ำ
แต่สิ่งที่บ้ายิ่งกว่าก็คือ เขายังมีความคิดที่จะให้ชายหนุ่มคนนี้ลงมือผ่าตัดให้ตัวเองอีกด้วย......
ให้ชายหนุ่มที่ไม่มีแม้แต่ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมมาลงมือผ่าตัดให้ตัวเองเหรอ?
นี่......
รนหาที่ตายก็ไม่จำเป็นต้องหาแบบนี้!
บางทีอาจเป็นเพราะว่านายกเทศมนตรีหยังสังเกตเห็นว่าสีหน้าของท่านผู้เฒ่าอู๋ค่อย ๆ เปลี่ยนเป็นไม่น่ามองมากขึ้นก็ได้ เขาถึงได้รีบร้อนออกมาไกล่เกลี่ยทันที
"ท่านผู้เฒ่าอู๋วางใจเถอะ แม้ว่าจื้อเฟิงจะไม่มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมอะไร แต่วิชาแพทย์ของเขากลับไม่มีปัญหาอะไร ก่อนหน้านี้โรคประหลาดของภรรยาของผมก็ได้เขาฝังเข็มให้ถึงได้รักษาหาย แต่ที่มหัศจรรย์ยิ่งกว่าก็คือ แม่ยายของผมที่ถูกโรงพยาบาลออกใบมรณบัตรให้แล้ว ก็ได้จื้อเฟิงฝังเข็มช่วยชีวิตกลับมาด้วยเช่นกัน!"
"ดังนั้นคุณก็วางใจเถอะ วิชาแพทย์ของหานจื้อเฟิงคนนี้ไม่มีปัญหาอะไรแน่นอน เขาก็แค่ไม่มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมเท่านั้น"
ส่วนหลินเฟิงก็ยิ้มออกมาเล็กน้อย ก้มหน้ามองมือของตัวเองและส่ายหน้าพร้อมกับพูดว่า "ก็แค่ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมแผ่นหนึ่งเท่านั้น คนที่มีไม่แน่ว่าจะสามารถรักษาคนได้ ส่วนคนที่ไม่มีก็ไม่แน่ว่าจะไม่สามารถรักษาคนได้ คุณอาอู๋วางใจเถอะ ผมมีความมั่นใจต่อวิชาแพทย์ของตัวเองอย่างแท้จริง"
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.webreadapp.com All rights reserved