บทที่ 14 บ้านตระกูลถัง
by เหว่ยไหลเค่อฉี
09:36,Feb 23,2022
ชาติก่อนหลินเฟิงจบการศึกษามาจากมหาวิทยาลัยชื่อดังด้วยผลการเรียนที่ดีเป็นพิเศษ และในขณะที่เขาทำงานในโรงพยาบาลมาหลายปีเพื่อสั่งสมประสบการณ์การเป็นหมอให้เพียงพอ เขาก็ได้ทำการศึกษาวิจัยที่ทำให้ทั่วทั้งโลกต้องสั่นสะเทือนสำเร็จได้เพียงลำพัง และความสำเร็จแบบนี้ก็เพียงที่จะทำให้หลินเฟิงมีระดับความรู้ในด้านการแพทย์ลึกซึ้งมาก ๆ
และสาเหตุที่หลินเฟิงบอกว่าเขามีความมั่นใจในวิชาแพทย์ของตัวเองอย่างแท้จริงก็ไม่ใช่เพราะว่าเขาอวดดี แต่เป็นเพราะว่าเขามีความมั่นใจในวิชาแพทย์ของตัวเองอย่างแท้จริง และต่อให้เขาเปลี่ยนร่างไปแล้ว แต่ระดับความรู้และความเข้าใจต่อด้านการแพทย์ในชาติก่อนก็ยังคงสลักอยู่ในวิญญาณของหลินเฟิงอย่างลึกซึ้ง
บางทีอาจเป็นเพราะสังเกตเห็นถึงความมั่นใจที่เข้มแข็งในน้ำเสียงของหลินเฟิง บวกกับก่อนหน้านี้หลินเฟิงก็ได้แสดงวิชาแพทย์ที่ยอดเยี่ยมออกมาจริง ๆ ท่านผู้เฒ่าอู๋ถึงได้เลือกที่จะเชื่อชายหนุ่มที่ไม่มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้ง
"ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม รีบไปทำมาสักใบน่าจะดีกว่า และถ้าสองวันนี้นายมีเวลาว่าง ก็รีบให้คุณอาหยังพานายไปทำสักใบเถอะ ส่วนการเตรียมการผ่าตัดและห้องผ่าตัดที่นายพูดถึง......"
ไม่รอให้ท่านผู้เฒ่าอู๋จัดการ นายกเทศมนตรีหยังก็เปิดปากพูดออกมา
"ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมไม่ได้เป็นปัญหาอะไร ฉันจะโทรไปสั่งให้คนเตรียมการเอาไว้ให้นาย ส่วนเรื่องห้องผ่าตัดก็จัดการได้ง่าย ๆ นายเลือกจากโรงพยาบาลแต่ละแห่งในเมืองเยียนของพวกเราได้ตามสบาย ฉันคิดว่าผู้บริหารของโรงพยาบาลแต่ละแห่งคงจะไว้หน้าฉันด้วยความยินดี และให้พวกเรายืมห้องผ้าตัดมาใช้ ส่วนเรื่องของผู้ช่วย......นายต้องการผู้ช่วยแบบไหน ฉันจะได้ไปติดต่อโรงพยาบาลแต่ละแห่ง และให้พวกเขารวบรวมคนสักเล็กน้อย"
"ปัญหาที่นายกังวลเหล่านั้นไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร นายมุ่งมั่นเตรียมการรักษาโรคให้คุณอาอู๋ของนายก็พอแล้ว"
พลังของอำนาจช่างแข็งแกร่งจริง ๆ นายกเทศมนตรีหยังพูดแค่คำสองคำก็สามารถแก้ไขเรื่องราวที่หลินเฟิงจนปัญญาได้แล้ว
ไม่มีผู้ช่วยเหรอ?
ง่ายมาก ๆ ฉันหาให้นายก็พอแล้ว เมืองเยียนมีโรงพยาบาลตั้งมากมาย และคิดดูแล้วแต่ละที่ก็คงจะไว้หน้าให้กับตำแหน่งนายกเทศมนตรีของเขา
ไม่มีห้องผ่าตัดเหรอ?
ยังคงเป็นประโยคเดิม หาให้ก็พอแล้ว
ถ้าหลินเฟิงไปแก้ปัญหาเหล่านี้ด้วยตัวเอง ด้วยฐานะลูกชายคนโตเศษขยะอันดับหนึ่งของเมืองเยียนในปัจจุบันของเขา เกรงว่าตลอดชีวิตก็คงไม่มีทางเตรียมการสิ่งเหล่านี้สำเร็จได้ แต่สำหรับนายกเทศมนตรีหยังแล้ว เพียงใช้เวลาพูดแค่สองสามคำ ปัญหาทุกอย่างก็ถูกแก้ไขไปอย่างง่ายดาย
นี่ทำให้หลินเฟิงอดที่จะส่งเสียงอุทานออกมาในใจครั้งหนึ่งไม่ได้ อำนาจช่างเป็นพลังที่แข็งแกร่งจริง ๆ
สำหรับการจัดการที่ต่อเนื่องกันของนายกเทศมนตรีหยัง เห็นได้ชัดว่าท่านผู้เฒ่าอู๋เคยชินไปตั้งนานแล้ว แต่เมื่อเห็นว่านายกเทศมนตรีหยังเตรียมการมากมายเช่นนี้เพื่อให้หลินเฟิงรักษาโรคให้ตัวเอง ใบหน้าของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มขอบคุณออกมา
"เช่นนั้นก็รบกวนเหล่าหยังแล้ว ครั้งนี้รบกวนนายแล้วจริง ๆ"
นายกเทศมนตรีหยังหัวเราะฮา ๆ และโบกมือ
"ท่านผู้เฒ่าอู๋เกรงใจแล้ว สามารถช่วยเหลือคุณได้นับว่าเป็นโชคดีของผม ไม่มีอะไรให้ต้องขอบคุณหรอก"
ถึงปากจะบอกว่าไม่มีอะไรให้ต้องขอบคุณ แต่หลินเฟิงกลับจับแววตาที่แฝงความหมายอื่น ๆ จากดวงตาของนายกเทศมนตรีหยังได้อย่างชัดเจน หลังจากนั้นหลินเฟิงก็หันไปมองท่านผู้เฒ่าอู๋ และเขาก็ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจอะไรที่ได้เห็นแววตาซาบซึ้งจากในดวงตาของท่านผู้เฒ่าอู๋
เห็นได้ชัดว่าสองคนนี้ได้ทำการซื้อขายของเหล่าบุคคลระดับสูงบางอย่างสำเร็จผ่านการแลกเปลี่ยนสายตาที่เรียบง่ายแล้ว
หลินเฟิงที่ก่อนหน้านี้ยังคงอุทานว่ามีอำนาจช่างดีจริง ๆ แอบส่ายหน้าในใจอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเทียบกับอำนาจที่แข็งแกร่งแล้ว หลินเฟิงรู้สึกว่าตัวเองยังคงเพลิดเพลินกับชีวิตที่มีอิสระมากกว่า สำหรับวงการราชการที่ทุกย่างก้าวล้วนเป็นกระดานหมากรุกและเป็นควันปืนที่คิดจะฆ่าหรือไร้รูปร่างแบบนั้น เห็นได้ชัดว่าไม่เหมาะกับคนที่เอ้อระเหยลอยชายจนเคยชินแบบเขา
ดังนั้นความปรารถนานิดหน่อยที่มีต่ออำนาจในใจของหลินเฟิงจึงหายไปอย่างไร้ร่องรอยไปชั่วขณะหนึ่ง
และเวลานี้จู่ ๆ นายกเทศมนตรีหยังก็หันมากำชับกับหลินเฟิงว่า "จื้อเฟิง ช่วงเวลาหลังจากนี้นายแค่มุ่งมั่นรักษาโรคให้ท่านผู้เฒ่าอู๋และเตรียมการผ่าตัดให้พร้อมก็พอ ส่วนเรื่องอื่น ๆ นายไม่จำเป็นต้องครุ่นคิด และหากมีปัญหาอะไรนายก็แค่มาบอกฉันโดยตรงก็พอ ฉันจะหาคนมาแก้ไขให้เอง"
"ครับ ผมเข้าใจแล้ว คุณอาหยัง"
หลินเฟิงพยักหน้าพร้อมกับยิ้มออกมา
......
หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง หลินเฟิงก็นั่งรถพอร์เชอสีดำที่เป็นที่นิยมของนายกเทศมนตรีอีกครั้ง ผ่านด่านชั้นแล้วชั้นเล่า และออกไปจากที่พักอาศัยของท่านผู้เฒ่าอู๋
เดิมทีนายกเทศมนตรีหยังคิดจะให้หลินเฟิงอยู่ที่นี่ เพื่อจะได้สะดวกต่อการรักษาโรคให้ท่านผู้เฒ่าอู๋ แต่เขากลับถูกหลินเฟิงปฏิเสธ ส่วนเหตุผลที่ปฏิเสธนั้น......
และเหตุผลภายนอกที่หลินเฟิงหยิบออกมาก็คือ ต้องการเตรียมความพร้อมในการผ่าตัดของท่านผู้เฒ่าอู๋กับเหล่าคุณหมอที่โรงพยาบาลต่าง ๆ เรียกมา เพื่อจะได้สะดวกในการปรึกษาหารือเรื่องขั้นตอนโดยละเอียดของการผ่าตัด
แต่จริง ๆ แล้วเหตุผลที่หลินเฟิงไม่ยินดีที่จะอยู่ในเขตที่อยู่อาศัยที่ได้รับการป้องกันอย่างเข้มงวดของท่านผู้เฒ่าอู๋และยืนกรานที่จะออกมาก็คือ......
หลังจากผ่านมาประมาณครึ่งชั่วโมงกว่า รถพอร์เชอสีดำก็จนลงตรงนอกบ้านของตระกูลถัง ส่วนหลินเฟิงก็ปฏิเสธคำเชิญที่จะให้ไปทานข้าวเย็นด้วยกันกับภรรยาของนายกเทศมนตรีที่บ้านของเขาครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยใบหน้ายิ้มแย้มที่ออกมาจากภายในใจ และลงมาจากรถพอร์เชอความว่องไว
เหตุผลที่สามารถทำให้ผู้ชายคนหนึ่งยืนกรานที่จะกลับบ้านได้ ต้องเป็นเพราะผู้หญิงที่อยู่ในบ้านแน่นอน
และสาเหตุที่หลินเฟิงยืนกรานที่จะกลับมายังบ้านตระกูลถัง ก็เป็นเพราะผู้หญิงที่อยู่ในบ้านด้วยเช่นกัน
แต่ใครจะคิดว่าเมื่อลงมาจากรถพอร์เชอสีดำของนายกเทศมนตรีแล้ว หลินเฟิงจะเห็นเงาร่างที่คุ้นตาเดินออกมาจากบ้านตระกูลถังกับผู้ชายคนหนึ่งอย่างช้า ๆ นั่นก็คือ......
ถังจิ้งชูกับซี่ยวี่เหอคุณชายตระกูลซี่......
พริบตาที่เห็นเงาร่างสองร่างนั้นได้ชัดเจน ในใจของหลินเฟิงก็มีเปลวไฟแห่งความโมโหที่ไม่สามารถบรรยายได้ลุกขึ้นมาเกือบจะทันที
ระหว่างถังจิ้งชูกับซี่ยวี่เหอไม่ได้มีการกระทำที่สนิทสนมเกินไปอะไร พวกเขาเพียงแค่เดินเคียงไหล่ออกมาจากบ้านตระกูลถังและคุยกันเล็กน้อยบ่อย ๆ เท่านั้น แต่เมื่อฉากนี้เข้ามาอยู่ในดวงตาของหลินเฟิง กลับมองเห็นราวกับคนที่ตัวเองรักที่สุดเดินควงแขนกับคนอื่นอยู่ริมถนนใหญ่ และนี่ทำให้หลินเฟิงรู้สึกโกรธเป็นอย่างยิ่ง
หลินเฟิงรู้ดีว่าความโกรธนี้เรียกว่าความอิจฉาริษยา
ตั้งแต่เขากับถังจิ้งชูแต่งงานกันมา ถังจิ้งชูก็ไม่เคยออกไปเดินเล่นกับเขาแม้แต่ครั้งเดียว ไม่ ไม่ใช่แค่เดินเล่น นอกจากการเดินออกมาจากบ้านตระกูลถังด้วยกันในตอนที่พวกเขาสองคนแต่งงานกันแล้ว เวลาอื่นเขากับถังจิ้งชูก็ไม่เคยเดินออกมาจากบ้านตระกูลถังด้วยกันแม้แต่ครั้งเดียว!
แต่ในเวลานี้ถังจิ้งชูกลับเดินเคียงไหล่ออกมาจากบ้านตระกูลถังด้วยกันกับซี่ยวี่เหอพร้อมกับพูดและหัวเราะไปด้วย แล้วนี่จะให้หลินเฟิงยอมรับมันได้ยังไง
ดังนั้นหลินเฟิงจึงสูดลมหายใจเข้าไปลึก ๆ สองสามครั้ง ฝืนปรับอารมณ์ของตัวเอง และหลังจากนั้นก็เดินออกไปต้อนรับถังจิ้งชูกับซี่ยวี่เหอด้วยใบหน้ายิ้มแย้มที่ดูแล้วถือว่าอบอุ่น
และอาจเป็นเพราะว่ากำลังโกรธ หลังจากหลินเฟิงลงมาจากรถ เขาจึงไม่ได้รู้สึกว่ารถพอร์เชอสีดำที่อยู่ข้างหลังของเขาไม่ได้จากไปไหน และยังจอดอยู่ตรงที่เดิม
นายกเทศมนตรีที่อยู่บนรถจ้องมองหลินเฟิงที่กำลังเดินไปหาถังจิ้งชูอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับครุ่นคิดในใจอยู่ครู่หนึ่ง
ในที่สุดเวลานี้ถังจิ้งชูที่เดินออกมาจากบ้านตระกูลถังด้วยกันกับซี่ยวี่เหอก็เห็นหลินเฟิงที่เดินเข้ามาหาพวกเขาสองคนแล้ว
"หานจื้อเฟิง ฉัน......"
และสาเหตุที่หลินเฟิงบอกว่าเขามีความมั่นใจในวิชาแพทย์ของตัวเองอย่างแท้จริงก็ไม่ใช่เพราะว่าเขาอวดดี แต่เป็นเพราะว่าเขามีความมั่นใจในวิชาแพทย์ของตัวเองอย่างแท้จริง และต่อให้เขาเปลี่ยนร่างไปแล้ว แต่ระดับความรู้และความเข้าใจต่อด้านการแพทย์ในชาติก่อนก็ยังคงสลักอยู่ในวิญญาณของหลินเฟิงอย่างลึกซึ้ง
บางทีอาจเป็นเพราะสังเกตเห็นถึงความมั่นใจที่เข้มแข็งในน้ำเสียงของหลินเฟิง บวกกับก่อนหน้านี้หลินเฟิงก็ได้แสดงวิชาแพทย์ที่ยอดเยี่ยมออกมาจริง ๆ ท่านผู้เฒ่าอู๋ถึงได้เลือกที่จะเชื่อชายหนุ่มที่ไม่มีใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมที่อยู่ตรงหน้าอีกครั้ง
"ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรม รีบไปทำมาสักใบน่าจะดีกว่า และถ้าสองวันนี้นายมีเวลาว่าง ก็รีบให้คุณอาหยังพานายไปทำสักใบเถอะ ส่วนการเตรียมการผ่าตัดและห้องผ่าตัดที่นายพูดถึง......"
ไม่รอให้ท่านผู้เฒ่าอู๋จัดการ นายกเทศมนตรีหยังก็เปิดปากพูดออกมา
"ใบประกอบวิชาชีพเวชกรรมไม่ได้เป็นปัญหาอะไร ฉันจะโทรไปสั่งให้คนเตรียมการเอาไว้ให้นาย ส่วนเรื่องห้องผ่าตัดก็จัดการได้ง่าย ๆ นายเลือกจากโรงพยาบาลแต่ละแห่งในเมืองเยียนของพวกเราได้ตามสบาย ฉันคิดว่าผู้บริหารของโรงพยาบาลแต่ละแห่งคงจะไว้หน้าฉันด้วยความยินดี และให้พวกเรายืมห้องผ้าตัดมาใช้ ส่วนเรื่องของผู้ช่วย......นายต้องการผู้ช่วยแบบไหน ฉันจะได้ไปติดต่อโรงพยาบาลแต่ละแห่ง และให้พวกเขารวบรวมคนสักเล็กน้อย"
"ปัญหาที่นายกังวลเหล่านั้นไม่นับว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร นายมุ่งมั่นเตรียมการรักษาโรคให้คุณอาอู๋ของนายก็พอแล้ว"
พลังของอำนาจช่างแข็งแกร่งจริง ๆ นายกเทศมนตรีหยังพูดแค่คำสองคำก็สามารถแก้ไขเรื่องราวที่หลินเฟิงจนปัญญาได้แล้ว
ไม่มีผู้ช่วยเหรอ?
ง่ายมาก ๆ ฉันหาให้นายก็พอแล้ว เมืองเยียนมีโรงพยาบาลตั้งมากมาย และคิดดูแล้วแต่ละที่ก็คงจะไว้หน้าให้กับตำแหน่งนายกเทศมนตรีของเขา
ไม่มีห้องผ่าตัดเหรอ?
ยังคงเป็นประโยคเดิม หาให้ก็พอแล้ว
ถ้าหลินเฟิงไปแก้ปัญหาเหล่านี้ด้วยตัวเอง ด้วยฐานะลูกชายคนโตเศษขยะอันดับหนึ่งของเมืองเยียนในปัจจุบันของเขา เกรงว่าตลอดชีวิตก็คงไม่มีทางเตรียมการสิ่งเหล่านี้สำเร็จได้ แต่สำหรับนายกเทศมนตรีหยังแล้ว เพียงใช้เวลาพูดแค่สองสามคำ ปัญหาทุกอย่างก็ถูกแก้ไขไปอย่างง่ายดาย
นี่ทำให้หลินเฟิงอดที่จะส่งเสียงอุทานออกมาในใจครั้งหนึ่งไม่ได้ อำนาจช่างเป็นพลังที่แข็งแกร่งจริง ๆ
สำหรับการจัดการที่ต่อเนื่องกันของนายกเทศมนตรีหยัง เห็นได้ชัดว่าท่านผู้เฒ่าอู๋เคยชินไปตั้งนานแล้ว แต่เมื่อเห็นว่านายกเทศมนตรีหยังเตรียมการมากมายเช่นนี้เพื่อให้หลินเฟิงรักษาโรคให้ตัวเอง ใบหน้าของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มขอบคุณออกมา
"เช่นนั้นก็รบกวนเหล่าหยังแล้ว ครั้งนี้รบกวนนายแล้วจริง ๆ"
นายกเทศมนตรีหยังหัวเราะฮา ๆ และโบกมือ
"ท่านผู้เฒ่าอู๋เกรงใจแล้ว สามารถช่วยเหลือคุณได้นับว่าเป็นโชคดีของผม ไม่มีอะไรให้ต้องขอบคุณหรอก"
ถึงปากจะบอกว่าไม่มีอะไรให้ต้องขอบคุณ แต่หลินเฟิงกลับจับแววตาที่แฝงความหมายอื่น ๆ จากดวงตาของนายกเทศมนตรีหยังได้อย่างชัดเจน หลังจากนั้นหลินเฟิงก็หันไปมองท่านผู้เฒ่าอู๋ และเขาก็ไม่ได้รู้สึกประหลาดใจอะไรที่ได้เห็นแววตาซาบซึ้งจากในดวงตาของท่านผู้เฒ่าอู๋
เห็นได้ชัดว่าสองคนนี้ได้ทำการซื้อขายของเหล่าบุคคลระดับสูงบางอย่างสำเร็จผ่านการแลกเปลี่ยนสายตาที่เรียบง่ายแล้ว
หลินเฟิงที่ก่อนหน้านี้ยังคงอุทานว่ามีอำนาจช่างดีจริง ๆ แอบส่ายหน้าในใจอยู่ครู่หนึ่ง เมื่อเทียบกับอำนาจที่แข็งแกร่งแล้ว หลินเฟิงรู้สึกว่าตัวเองยังคงเพลิดเพลินกับชีวิตที่มีอิสระมากกว่า สำหรับวงการราชการที่ทุกย่างก้าวล้วนเป็นกระดานหมากรุกและเป็นควันปืนที่คิดจะฆ่าหรือไร้รูปร่างแบบนั้น เห็นได้ชัดว่าไม่เหมาะกับคนที่เอ้อระเหยลอยชายจนเคยชินแบบเขา
ดังนั้นความปรารถนานิดหน่อยที่มีต่ออำนาจในใจของหลินเฟิงจึงหายไปอย่างไร้ร่องรอยไปชั่วขณะหนึ่ง
และเวลานี้จู่ ๆ นายกเทศมนตรีหยังก็หันมากำชับกับหลินเฟิงว่า "จื้อเฟิง ช่วงเวลาหลังจากนี้นายแค่มุ่งมั่นรักษาโรคให้ท่านผู้เฒ่าอู๋และเตรียมการผ่าตัดให้พร้อมก็พอ ส่วนเรื่องอื่น ๆ นายไม่จำเป็นต้องครุ่นคิด และหากมีปัญหาอะไรนายก็แค่มาบอกฉันโดยตรงก็พอ ฉันจะหาคนมาแก้ไขให้เอง"
"ครับ ผมเข้าใจแล้ว คุณอาหยัง"
หลินเฟิงพยักหน้าพร้อมกับยิ้มออกมา
......
หลังจากนั้นประมาณครึ่งชั่วโมง หลินเฟิงก็นั่งรถพอร์เชอสีดำที่เป็นที่นิยมของนายกเทศมนตรีอีกครั้ง ผ่านด่านชั้นแล้วชั้นเล่า และออกไปจากที่พักอาศัยของท่านผู้เฒ่าอู๋
เดิมทีนายกเทศมนตรีหยังคิดจะให้หลินเฟิงอยู่ที่นี่ เพื่อจะได้สะดวกต่อการรักษาโรคให้ท่านผู้เฒ่าอู๋ แต่เขากลับถูกหลินเฟิงปฏิเสธ ส่วนเหตุผลที่ปฏิเสธนั้น......
และเหตุผลภายนอกที่หลินเฟิงหยิบออกมาก็คือ ต้องการเตรียมความพร้อมในการผ่าตัดของท่านผู้เฒ่าอู๋กับเหล่าคุณหมอที่โรงพยาบาลต่าง ๆ เรียกมา เพื่อจะได้สะดวกในการปรึกษาหารือเรื่องขั้นตอนโดยละเอียดของการผ่าตัด
แต่จริง ๆ แล้วเหตุผลที่หลินเฟิงไม่ยินดีที่จะอยู่ในเขตที่อยู่อาศัยที่ได้รับการป้องกันอย่างเข้มงวดของท่านผู้เฒ่าอู๋และยืนกรานที่จะออกมาก็คือ......
หลังจากผ่านมาประมาณครึ่งชั่วโมงกว่า รถพอร์เชอสีดำก็จนลงตรงนอกบ้านของตระกูลถัง ส่วนหลินเฟิงก็ปฏิเสธคำเชิญที่จะให้ไปทานข้าวเย็นด้วยกันกับภรรยาของนายกเทศมนตรีที่บ้านของเขาครั้งแล้วครั้งเล่าด้วยใบหน้ายิ้มแย้มที่ออกมาจากภายในใจ และลงมาจากรถพอร์เชอความว่องไว
เหตุผลที่สามารถทำให้ผู้ชายคนหนึ่งยืนกรานที่จะกลับบ้านได้ ต้องเป็นเพราะผู้หญิงที่อยู่ในบ้านแน่นอน
และสาเหตุที่หลินเฟิงยืนกรานที่จะกลับมายังบ้านตระกูลถัง ก็เป็นเพราะผู้หญิงที่อยู่ในบ้านด้วยเช่นกัน
แต่ใครจะคิดว่าเมื่อลงมาจากรถพอร์เชอสีดำของนายกเทศมนตรีแล้ว หลินเฟิงจะเห็นเงาร่างที่คุ้นตาเดินออกมาจากบ้านตระกูลถังกับผู้ชายคนหนึ่งอย่างช้า ๆ นั่นก็คือ......
ถังจิ้งชูกับซี่ยวี่เหอคุณชายตระกูลซี่......
พริบตาที่เห็นเงาร่างสองร่างนั้นได้ชัดเจน ในใจของหลินเฟิงก็มีเปลวไฟแห่งความโมโหที่ไม่สามารถบรรยายได้ลุกขึ้นมาเกือบจะทันที
ระหว่างถังจิ้งชูกับซี่ยวี่เหอไม่ได้มีการกระทำที่สนิทสนมเกินไปอะไร พวกเขาเพียงแค่เดินเคียงไหล่ออกมาจากบ้านตระกูลถังและคุยกันเล็กน้อยบ่อย ๆ เท่านั้น แต่เมื่อฉากนี้เข้ามาอยู่ในดวงตาของหลินเฟิง กลับมองเห็นราวกับคนที่ตัวเองรักที่สุดเดินควงแขนกับคนอื่นอยู่ริมถนนใหญ่ และนี่ทำให้หลินเฟิงรู้สึกโกรธเป็นอย่างยิ่ง
หลินเฟิงรู้ดีว่าความโกรธนี้เรียกว่าความอิจฉาริษยา
ตั้งแต่เขากับถังจิ้งชูแต่งงานกันมา ถังจิ้งชูก็ไม่เคยออกไปเดินเล่นกับเขาแม้แต่ครั้งเดียว ไม่ ไม่ใช่แค่เดินเล่น นอกจากการเดินออกมาจากบ้านตระกูลถังด้วยกันในตอนที่พวกเขาสองคนแต่งงานกันแล้ว เวลาอื่นเขากับถังจิ้งชูก็ไม่เคยเดินออกมาจากบ้านตระกูลถังด้วยกันแม้แต่ครั้งเดียว!
แต่ในเวลานี้ถังจิ้งชูกลับเดินเคียงไหล่ออกมาจากบ้านตระกูลถังด้วยกันกับซี่ยวี่เหอพร้อมกับพูดและหัวเราะไปด้วย แล้วนี่จะให้หลินเฟิงยอมรับมันได้ยังไง
ดังนั้นหลินเฟิงจึงสูดลมหายใจเข้าไปลึก ๆ สองสามครั้ง ฝืนปรับอารมณ์ของตัวเอง และหลังจากนั้นก็เดินออกไปต้อนรับถังจิ้งชูกับซี่ยวี่เหอด้วยใบหน้ายิ้มแย้มที่ดูแล้วถือว่าอบอุ่น
และอาจเป็นเพราะว่ากำลังโกรธ หลังจากหลินเฟิงลงมาจากรถ เขาจึงไม่ได้รู้สึกว่ารถพอร์เชอสีดำที่อยู่ข้างหลังของเขาไม่ได้จากไปไหน และยังจอดอยู่ตรงที่เดิม
นายกเทศมนตรีที่อยู่บนรถจ้องมองหลินเฟิงที่กำลังเดินไปหาถังจิ้งชูอย่างเงียบ ๆ พร้อมกับครุ่นคิดในใจอยู่ครู่หนึ่ง
ในที่สุดเวลานี้ถังจิ้งชูที่เดินออกมาจากบ้านตระกูลถังด้วยกันกับซี่ยวี่เหอก็เห็นหลินเฟิงที่เดินเข้ามาหาพวกเขาสองคนแล้ว
"หานจื้อเฟิง ฉัน......"
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.webreadapp.com All rights reserved