บทที่ 15 ความโกรธ
by เหว่ยไหลเค่อฉี
09:36,Feb 23,2022
พริบตาที่มองเห็นเงาร่างของหลินเฟิง ถังจิ้งชูก็คิดจะอธิบายกับเขาตามจิตใต้สำนึกว่าตัวเองกับซี่ยวี่เหอเพียงจะไปเข้าร่วมกิจกรรมบางอย่างด้วยกันเท่านั้น
แต่เพิ่งจะเปิดปากพูดออกมา จู่ ๆ ถังจิ้งชูก็รู้สึกว่าตัวเองไม่มีความจำเป็นต้องอธิบายอะไรกับผู้ชายขยะคนนี้เลย ดังนั้นเธอจึงส่งเสียงหึออกมาครั้งหนึ่ง และเดินเฉียดไหล่ของหลินเฟิงไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ
ซี่ยวี่เหอก็มองเห็นหลินเฟิงด้วยเช่นกัน และดวงตาที่ยั่วเย้าของเขาก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขาคิดจะพูดอะไรบางอย่างกับหลินเฟิง แต่เขากลับไม่มีเวลา เพราะหลังจากที่ถังจิ้งชูเดินเฉียดไหล่ของหลินเฟิงไป เธอก็เดินตรงไปข้างหน้าโดยไม่ได้หยุดลง ดังนั้นซี่ยวี่เหอจึงทำได้เพียงเดินผ่านหลินเฟิงไปอย่างรีบร้อน และไล่ตามถังจิ้งชูไปข้างหน้า
การที่คนสามคนเดินเฉียดไหล่กันเช่นนี้ สำหรับถังจิ้งชูกับซี่ยวี่เหอแล้ว หลินเฟิงจึงเป็นเหมือนกับอากาศที่ไม่ได้มีอยู่ก้อนหนึ่ง เพราะพวกเขาไม่ได้รู้สึกถึงการมีอยู่แม้แต่นิดเดียว
ฝีเท้าของหลินเฟิงหยุดลงทันที สีหน้าบนใบหน้าของเขาดูเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม และเขาก็หันกลับไปอย่างช้า ๆ
"ฉันสั่งให้เธอหยุดเดิน"
หลินเฟิงมองไปที่เงาหลังของถังจิ้งชูพร้อมกับตะโกนออกมา
เห็นได้ชัดว่าถังจิ้งชูกับซี่ยวี่เหอได้ยินคำพูดของหลินเฟิง แต่เธอกลับไม่ได้หยุดเดินเพราะได้ยินคำพูดนั้น ฝีเท้าของเธอเพียงหยุดลงชั่วขณะหนึ่ง และหลังจากนั้นเธอก็เดินตรงต่อไปโดยไม่ได้หันกลับมามองอีก
แต่ซี่ยวี่เหอกลับหันมามองหลินเฟิง และในดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยการยั่วเย้าและเหน็บแนม
ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะจงใจยั่วโมโหหลินเฟิงหรือไม่ จู่ ๆ ซี่ยวี่เหอที่เดินเคียงไหล่กับถังจิ้งชูถึงได้ยื่นมือของตัวเองออกมา และจับมือของถังจิ้งชูเอาไว้ในตอนที่เธอยังไม่ได้ตอบสนองออกมา
นี่ทำให้ถังจิ้งชูตกตะลึง แต่หลังจากที่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็ปล่อยให้ซี่ยวี่เหอจับมือน้อย ๆ ของตัวเองเอาไว้อย่างเงียบ ๆ และไม่ได้สะบัดมันออก
รอยยิ้มที่ฝืนปั้นออกมาบนใบหน้าของหลินเฟิงหายไปจนหมด และสายตาของเขาก็ยิ่งเย็นยะเยือกขึ้นมา
"ฉันสั่งให้เธอหยุดเดิน"
ถังจิ้งชูไม่มีการตอบสนองอะไร และเดินตามซี่ยวี่เหอไปยังรถเก๋งสีดำคันหนึ่งที่จอดอยู่ตรงหน้าประตูบ้านของตระกูลถังตั้งนานแล้ว
"วู้"
หลินเฟิงพ่นลมหายใจออกมายาว ๆ ครั้งหนึ่ง เงียบไปชั่วขณะหนึ่ง และหลังจากนั้นเขาก็เปิดปากพูดออกมาดัง ๆ ทันทีว่า "ซี่ยวี่เหอ มือของนายที่จับจิ้งชูเอาไว้เมื่อกี้คือมือขวา ฉันไม่สนว่านายจะเชื่อหรือไม่ แต่ภายในหนึ่งเดือน นายจะไม่มีทางใช้มือขวาของตัวเองได้อีกไปตลอดชีวิต ดังนั้น......ฉันจึงหวังว่านายจะหวงแหนหนึ่งเดือนที่แม่นางทั้งห้าจะอยู่เป็นเพื่อนนายเป็นครั้งสุดท้ายเอาไว้ให้ดี"
"ฉันหานจื้อเฟิงพูดจา แต่ไหนแต่ไรมาพูดได้ก็ต้องทำได้!"
"ฉันจะทำให้นายรู้ว่า ผู้หญิงของหานจื้อเฟิง ไม่ใช่ว่าใครก็สามารถแตะต้องได้!"
พูดจบหลินเฟิงก็หมุนตัวเดินไปยังบ้านตระกูลถังโดยไม่สนใจว่าถังจิ้งชูกับซี่ยวี่เหอจะมีการตอบสนองยังไง
เมื่อซี่ยวี่เหอกับถังจิ้งชูที่กำลังจะขึ้นรถได้ยินคำพูดของหลินเฟิง พวกเขาก็ทยอยกันตกตะลึง
ถังจิ้งชูยังคงไม่ได้หันกลับไป แต่เธอกลับสะบัดมือของซี่ยวี่เหอออกตามจิตใต้สำนึก และหลังจากที่ยืนตะลึงอยู่ตรงที่เดิมอยู่นาน เธอถึงได้หันกลับไปมองเงาหลังของหลินเฟิงที่เดินเข้าไปในบ้านตระกูลถังครั้งหนึ่ง และก้าวขึ้นไปบนรถด้วยจิตใจที่รู้สึกแปลกประหลาด
แต่ซี่ยวี่เหอกลับหันไปมองหลินเฟิงทันทีที่เสียงของหลินเฟิงดังขึ้นมา และที่เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาตอบโต้หรือเหน็บแนมหลินเฟิงก็เป็นเพราะว่าพริบตาที่เขาหันไป เขาเห็นความเย็นยะเยือกที่ไม่ได้ปิดบังอะไรในดวงตาคู่นั้นของหลินเฟิง และพริบตานั้นซี่ยวี่เหอก็รู้สึกเพียงแค่ว่าร่างหายของตัวเองหนาวไปหมด และเกิดภาพลวงตาราวกับตัวเองจะต้องสูญเสียมือขวาไปจริง ๆ
ดูเหมือนเขาจะสังเกตเห็นว่าคุณชายเศษขยะของตระกูลหานคนนั้นไม่ได้กำลังล้อเล่นกับตัวเองอยู่
แต่ซี่ยวี่เหอก็นึกขึ้นมาได้ทันทีว่าคนที่พูดประโยคเมื่อกี้เป็นคุณชายเศษขยะของตระกูลหาน ถึงสายตาเมื่อกี้ของเขาจะเย็นยะเยือกจนทำให้คนรู้สึกหวาดกลัว แต่สุดท้ายก็ไม่มีทางเปลี่ยนความจริงที่ว่าเขาเป็นคุณชายเศษขยะของตระกูลหานได้
ดังนั้นซี่ยวี่เหอจึงส่งเสียงหึออกมาครั้งหนึ่งด้วยความเหยียดหยาม "หึ เศษขยะก็ยังคงเป็นเศษขยะ ถึงเขาจะโชคดีมีความสัมพันธ์กับนายกเทศมนตรี แต่เขาก็ยังคงเป็นเศษขยะชิ้นหนึ่ง นอกจากพูดคำพูดเหี้ยมโหดที่ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว เขาก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว"
พูดจบซี่ยวี่เหอก็ก้าวตามถังจิ้งชูขึ้นไปบนรถ หลังจากนั้นรถเก๋งสีดำก็แล่นออกไปพร้อมกับเสียงของเครื่องยนต์ที่ดังสะเทือนเลื่อนลั่น
หลินเฟิงที่เดินมาถึงประตูวิลล่าของตระกูลถังคล้ายกับรู้สึกได้เล็กน้อย ฝีเท้าของของเขาจึงหยุดลงทันที หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็หันไปมองรถเก๋งสีดำที่แล่นออกไปคันนั้น และใบหน้าของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มที่ขมขื่นมาก ๆ ออกมา
เขากลับมาถึงบ้านของผู้หญิงที่ทำให้เขาคิดถึงตลอดเวลา แต่จู่ ๆ กลับพบว่าผู้หญิงที่ทำให้เขาคิดถึงตลอดเวลาไม่ได้อยู่บ้าน และออกไปที่ไหนกับผู้ชายคนอื่นก็ไม่รู้ สำหรับผู้ชายคนหนึ่ง คงไม่มีอะไรโศกเศร้ากว่าเรื่องแบบนี้แล้วใช่ไหม?
และที่ทำให้หลินเฟิงรู้สึกจำใจที่สุดก็คือ สำหรับเรื่องแบบนี้ เขาในตอนนี้ไม่มีทางเลือกแม้แต่นิดเดียว เพราะไม่ว่าจะเป็นในสายตาของผู้หญิงที่เขาคิดถึงตลอดเวลาหรือว่าสายตาของคนอื่น เขาในตอนนี้ ก็เป็นเพียงผู้ชายเศษขยะคนหนึ่งเท่านั้น......
"รอก่อนเถอะ พวกคุณรอก่อนเถอะ ไม่นานหรอก ฉันจะต้องทำให้ทุกคนไม่กล้าที่จะเรียกฉันว่าเศษขยะอีก!"
"และต้องทำให้พวกคุณรู้ว่า ถังจิ้งชูเป็นผู้หญิงของฉันหานจื้อเฟิง!"
หลังจากกลับมาถึงบ้านตระกูลถัง หลินเฟิงก็ไม่ได้รู้สึกกลัดกลุ้มเพราะเรื่องของถังจิ้งชูนานจนเกินไป แป๊บเดียวเขาก็สามารถสยบความโกรธที่เกิดขึ้นมาเพราะถังจิ้งชูกับซี่ยวี่เหอได้ และย้ายความสนใจไปยังเรื่องอื่น ซึ่งเรื่องนั้นก็คือ......การเตรียมการผ่าตัดของท่านผู้เฒ่าอู๋
การผ่าตัดให้ผู้ป่วยไม่ใช่เรื่องง่ายอะไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นการผ่าตัดที่เหมือนกับที่ต้องทำให้ท่านผู้เฒ่าอู๋หลังจากนี้ ซึ่งเกี่ยวกับหัวใจอวัยวะที่สำคัญที่สุดในร่างกายมนุษย์ ในกระบวนการผ่าตัดจึงยิ่งต้องระมัดระวังและรอบคอบ และไม่สามารถประมาทเลินเล่อได้แม้แต่นิดเดียว
มิฉะนั้นเกรงว่าการไม่ระมัดระวังแค่เพียงนิดเดียวก็อาจจะทำให้การผ่าตัดล้มเหลวได้ ถึงขนาดที่ท่านผู้เฒ่าอู๋อาจจะเสียชีวิตเพราะเหตุนี้ก็ได้ และเมื่อถึงเวลานั้น ต่อให้หลินเฟิงจะสนิทสนมกับนายกเทศมนตรีหยังมากกว่านี้ ก็เกรงว่าคงต้องจ่ายค่าตอบแทนที่ยับเยินเป็นอย่างยิ่งเพราะเหตุนี้อยู่ดี ดังนั้นหลินเฟิงจึงต้องเตรียมการผ่าตัดในครั้งนี้ให้สมบูรณ์
แม้ว่าเวลานี้หลินเฟิงจะไม่มีความช่วยเหลือของคุณหมอคนอื่น เขาจึงไม่มีทางวางแผนที่ละเอียดรอบคอบให้กับการผ่าตัดที่ต้องทำให้กับท่านผู้เฒ่าอู๋หลังจากนี้เพียงลำพังได้ แต่เขาก็ยังสามารถเตรียมขั้นตอนผ่าตัดและการจัดการทั้งหมดโดยส่วนใหญ่ได้
หลังจากสงบอารมณ์ลงแล้ว หลินเฟิงก็ทักทายกับคุณพ่อถัง กลับไปยังห้องของตัวเอง เปิดคอมพิวเตอร์ลงซอฟต์แวร์ที่ใช้เฉพาะทางการแพทย์ และหลังจากปรับภาพแบบร่างกายมนุษย์เรียบร้อยแล้ว เขาก็เริ่มเตรียมรายละเอียดในการผ่าตัดด้วยจิตใจที่มุ่งมั่น
หลินเฟิงในชาติก่อนเป็นคนที่จริงจังและบ้างานเป็นอย่างยิ่ง เกือบทุกครั้งที่เขาทำงาน เขาล้วนไม่หลับไม่นอนทั้งวันทั้งคืน จนกว่างานที่อยู่ในมือของเขาจะได้รับการแก้ไข เขาจึงจะพักผ่อนดี ๆ ครั้งหนึ่ง และเพราะการบ้างานแบบนี้ของเขา หลินเฟิงจึงได้รับความรู้ที่ยอดเยี่ยมในขอบเขตทางการแพทย์ได้
และหลังจากที่กลับมาเกิดใหม่ในร่างของหานจื้อเฟิงคุณชายตระกูลหาน ท่าทีต่อการทำงานของหลินเฟิงก็ยังคงไม่ได้เปลี่ยนไป
เมื่อเริ่มทำงานขึ้นมาแล้ว ก่อนที่งานจะสำเร็จ หลินเฟิงก็แทบจะไม่รู้สึกถึงการไหลของเวลาเลย และตั้งแต่ตอนที่นั่งลงตรงหน้าคอมพิวเตอร์ เวลาก็ได้กลายเป็นความคิดที่เลือนรางอย่างถึงที่สุดสำหรับหลินเฟิงแล้ว
เวลาค่อย ๆ ไหลไป เสียงเคาะของคีร์บอร์ดและเสียงคลิกของเมาส์ดังขึ้นมาในห้องอย่างต่อเนื่อง และดวงตาของหลินเฟิงก็สะท้อนแสงที่ส่องมาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ ราวกับดวงตาที่สามารถส่องแสงได้
แต่เพิ่งจะเปิดปากพูดออกมา จู่ ๆ ถังจิ้งชูก็รู้สึกว่าตัวเองไม่มีความจำเป็นต้องอธิบายอะไรกับผู้ชายขยะคนนี้เลย ดังนั้นเธอจึงส่งเสียงหึออกมาครั้งหนึ่ง และเดินเฉียดไหล่ของหลินเฟิงไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ
ซี่ยวี่เหอก็มองเห็นหลินเฟิงด้วยเช่นกัน และดวงตาที่ยั่วเย้าของเขาก็แสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขาคิดจะพูดอะไรบางอย่างกับหลินเฟิง แต่เขากลับไม่มีเวลา เพราะหลังจากที่ถังจิ้งชูเดินเฉียดไหล่ของหลินเฟิงไป เธอก็เดินตรงไปข้างหน้าโดยไม่ได้หยุดลง ดังนั้นซี่ยวี่เหอจึงทำได้เพียงเดินผ่านหลินเฟิงไปอย่างรีบร้อน และไล่ตามถังจิ้งชูไปข้างหน้า
การที่คนสามคนเดินเฉียดไหล่กันเช่นนี้ สำหรับถังจิ้งชูกับซี่ยวี่เหอแล้ว หลินเฟิงจึงเป็นเหมือนกับอากาศที่ไม่ได้มีอยู่ก้อนหนึ่ง เพราะพวกเขาไม่ได้รู้สึกถึงการมีอยู่แม้แต่นิดเดียว
ฝีเท้าของหลินเฟิงหยุดลงทันที สีหน้าบนใบหน้าของเขาดูเหมือนจะยิ้มแต่ก็ไม่ยิ้ม และเขาก็หันกลับไปอย่างช้า ๆ
"ฉันสั่งให้เธอหยุดเดิน"
หลินเฟิงมองไปที่เงาหลังของถังจิ้งชูพร้อมกับตะโกนออกมา
เห็นได้ชัดว่าถังจิ้งชูกับซี่ยวี่เหอได้ยินคำพูดของหลินเฟิง แต่เธอกลับไม่ได้หยุดเดินเพราะได้ยินคำพูดนั้น ฝีเท้าของเธอเพียงหยุดลงชั่วขณะหนึ่ง และหลังจากนั้นเธอก็เดินตรงต่อไปโดยไม่ได้หันกลับมามองอีก
แต่ซี่ยวี่เหอกลับหันมามองหลินเฟิง และในดวงตาของเขาก็เต็มไปด้วยการยั่วเย้าและเหน็บแนม
ก็ไม่รู้ว่าเป็นเพราะจงใจยั่วโมโหหลินเฟิงหรือไม่ จู่ ๆ ซี่ยวี่เหอที่เดินเคียงไหล่กับถังจิ้งชูถึงได้ยื่นมือของตัวเองออกมา และจับมือของถังจิ้งชูเอาไว้ในตอนที่เธอยังไม่ได้ตอบสนองออกมา
นี่ทำให้ถังจิ้งชูตกตะลึง แต่หลังจากที่ลังเลอยู่ครู่หนึ่ง เธอก็ปล่อยให้ซี่ยวี่เหอจับมือน้อย ๆ ของตัวเองเอาไว้อย่างเงียบ ๆ และไม่ได้สะบัดมันออก
รอยยิ้มที่ฝืนปั้นออกมาบนใบหน้าของหลินเฟิงหายไปจนหมด และสายตาของเขาก็ยิ่งเย็นยะเยือกขึ้นมา
"ฉันสั่งให้เธอหยุดเดิน"
ถังจิ้งชูไม่มีการตอบสนองอะไร และเดินตามซี่ยวี่เหอไปยังรถเก๋งสีดำคันหนึ่งที่จอดอยู่ตรงหน้าประตูบ้านของตระกูลถังตั้งนานแล้ว
"วู้"
หลินเฟิงพ่นลมหายใจออกมายาว ๆ ครั้งหนึ่ง เงียบไปชั่วขณะหนึ่ง และหลังจากนั้นเขาก็เปิดปากพูดออกมาดัง ๆ ทันทีว่า "ซี่ยวี่เหอ มือของนายที่จับจิ้งชูเอาไว้เมื่อกี้คือมือขวา ฉันไม่สนว่านายจะเชื่อหรือไม่ แต่ภายในหนึ่งเดือน นายจะไม่มีทางใช้มือขวาของตัวเองได้อีกไปตลอดชีวิต ดังนั้น......ฉันจึงหวังว่านายจะหวงแหนหนึ่งเดือนที่แม่นางทั้งห้าจะอยู่เป็นเพื่อนนายเป็นครั้งสุดท้ายเอาไว้ให้ดี"
"ฉันหานจื้อเฟิงพูดจา แต่ไหนแต่ไรมาพูดได้ก็ต้องทำได้!"
"ฉันจะทำให้นายรู้ว่า ผู้หญิงของหานจื้อเฟิง ไม่ใช่ว่าใครก็สามารถแตะต้องได้!"
พูดจบหลินเฟิงก็หมุนตัวเดินไปยังบ้านตระกูลถังโดยไม่สนใจว่าถังจิ้งชูกับซี่ยวี่เหอจะมีการตอบสนองยังไง
เมื่อซี่ยวี่เหอกับถังจิ้งชูที่กำลังจะขึ้นรถได้ยินคำพูดของหลินเฟิง พวกเขาก็ทยอยกันตกตะลึง
ถังจิ้งชูยังคงไม่ได้หันกลับไป แต่เธอกลับสะบัดมือของซี่ยวี่เหอออกตามจิตใต้สำนึก และหลังจากที่ยืนตะลึงอยู่ตรงที่เดิมอยู่นาน เธอถึงได้หันกลับไปมองเงาหลังของหลินเฟิงที่เดินเข้าไปในบ้านตระกูลถังครั้งหนึ่ง และก้าวขึ้นไปบนรถด้วยจิตใจที่รู้สึกแปลกประหลาด
แต่ซี่ยวี่เหอกลับหันไปมองหลินเฟิงทันทีที่เสียงของหลินเฟิงดังขึ้นมา และที่เขาไม่ได้พูดอะไรออกมาตอบโต้หรือเหน็บแนมหลินเฟิงก็เป็นเพราะว่าพริบตาที่เขาหันไป เขาเห็นความเย็นยะเยือกที่ไม่ได้ปิดบังอะไรในดวงตาคู่นั้นของหลินเฟิง และพริบตานั้นซี่ยวี่เหอก็รู้สึกเพียงแค่ว่าร่างหายของตัวเองหนาวไปหมด และเกิดภาพลวงตาราวกับตัวเองจะต้องสูญเสียมือขวาไปจริง ๆ
ดูเหมือนเขาจะสังเกตเห็นว่าคุณชายเศษขยะของตระกูลหานคนนั้นไม่ได้กำลังล้อเล่นกับตัวเองอยู่
แต่ซี่ยวี่เหอก็นึกขึ้นมาได้ทันทีว่าคนที่พูดประโยคเมื่อกี้เป็นคุณชายเศษขยะของตระกูลหาน ถึงสายตาเมื่อกี้ของเขาจะเย็นยะเยือกจนทำให้คนรู้สึกหวาดกลัว แต่สุดท้ายก็ไม่มีทางเปลี่ยนความจริงที่ว่าเขาเป็นคุณชายเศษขยะของตระกูลหานได้
ดังนั้นซี่ยวี่เหอจึงส่งเสียงหึออกมาครั้งหนึ่งด้วยความเหยียดหยาม "หึ เศษขยะก็ยังคงเป็นเศษขยะ ถึงเขาจะโชคดีมีความสัมพันธ์กับนายกเทศมนตรี แต่เขาก็ยังคงเป็นเศษขยะชิ้นหนึ่ง นอกจากพูดคำพูดเหี้ยมโหดที่ไม่มีประโยชน์อะไรแล้ว เขาก็ทำอะไรไม่ได้แล้ว"
พูดจบซี่ยวี่เหอก็ก้าวตามถังจิ้งชูขึ้นไปบนรถ หลังจากนั้นรถเก๋งสีดำก็แล่นออกไปพร้อมกับเสียงของเครื่องยนต์ที่ดังสะเทือนเลื่อนลั่น
หลินเฟิงที่เดินมาถึงประตูวิลล่าของตระกูลถังคล้ายกับรู้สึกได้เล็กน้อย ฝีเท้าของของเขาจึงหยุดลงทันที หลังจากนั้นครู่หนึ่งเขาก็หันไปมองรถเก๋งสีดำที่แล่นออกไปคันนั้น และใบหน้าของเขาก็ปรากฏรอยยิ้มที่ขมขื่นมาก ๆ ออกมา
เขากลับมาถึงบ้านของผู้หญิงที่ทำให้เขาคิดถึงตลอดเวลา แต่จู่ ๆ กลับพบว่าผู้หญิงที่ทำให้เขาคิดถึงตลอดเวลาไม่ได้อยู่บ้าน และออกไปที่ไหนกับผู้ชายคนอื่นก็ไม่รู้ สำหรับผู้ชายคนหนึ่ง คงไม่มีอะไรโศกเศร้ากว่าเรื่องแบบนี้แล้วใช่ไหม?
และที่ทำให้หลินเฟิงรู้สึกจำใจที่สุดก็คือ สำหรับเรื่องแบบนี้ เขาในตอนนี้ไม่มีทางเลือกแม้แต่นิดเดียว เพราะไม่ว่าจะเป็นในสายตาของผู้หญิงที่เขาคิดถึงตลอดเวลาหรือว่าสายตาของคนอื่น เขาในตอนนี้ ก็เป็นเพียงผู้ชายเศษขยะคนหนึ่งเท่านั้น......
"รอก่อนเถอะ พวกคุณรอก่อนเถอะ ไม่นานหรอก ฉันจะต้องทำให้ทุกคนไม่กล้าที่จะเรียกฉันว่าเศษขยะอีก!"
"และต้องทำให้พวกคุณรู้ว่า ถังจิ้งชูเป็นผู้หญิงของฉันหานจื้อเฟิง!"
หลังจากกลับมาถึงบ้านตระกูลถัง หลินเฟิงก็ไม่ได้รู้สึกกลัดกลุ้มเพราะเรื่องของถังจิ้งชูนานจนเกินไป แป๊บเดียวเขาก็สามารถสยบความโกรธที่เกิดขึ้นมาเพราะถังจิ้งชูกับซี่ยวี่เหอได้ และย้ายความสนใจไปยังเรื่องอื่น ซึ่งเรื่องนั้นก็คือ......การเตรียมการผ่าตัดของท่านผู้เฒ่าอู๋
การผ่าตัดให้ผู้ป่วยไม่ใช่เรื่องง่ายอะไร โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นการผ่าตัดที่เหมือนกับที่ต้องทำให้ท่านผู้เฒ่าอู๋หลังจากนี้ ซึ่งเกี่ยวกับหัวใจอวัยวะที่สำคัญที่สุดในร่างกายมนุษย์ ในกระบวนการผ่าตัดจึงยิ่งต้องระมัดระวังและรอบคอบ และไม่สามารถประมาทเลินเล่อได้แม้แต่นิดเดียว
มิฉะนั้นเกรงว่าการไม่ระมัดระวังแค่เพียงนิดเดียวก็อาจจะทำให้การผ่าตัดล้มเหลวได้ ถึงขนาดที่ท่านผู้เฒ่าอู๋อาจจะเสียชีวิตเพราะเหตุนี้ก็ได้ และเมื่อถึงเวลานั้น ต่อให้หลินเฟิงจะสนิทสนมกับนายกเทศมนตรีหยังมากกว่านี้ ก็เกรงว่าคงต้องจ่ายค่าตอบแทนที่ยับเยินเป็นอย่างยิ่งเพราะเหตุนี้อยู่ดี ดังนั้นหลินเฟิงจึงต้องเตรียมการผ่าตัดในครั้งนี้ให้สมบูรณ์
แม้ว่าเวลานี้หลินเฟิงจะไม่มีความช่วยเหลือของคุณหมอคนอื่น เขาจึงไม่มีทางวางแผนที่ละเอียดรอบคอบให้กับการผ่าตัดที่ต้องทำให้กับท่านผู้เฒ่าอู๋หลังจากนี้เพียงลำพังได้ แต่เขาก็ยังสามารถเตรียมขั้นตอนผ่าตัดและการจัดการทั้งหมดโดยส่วนใหญ่ได้
หลังจากสงบอารมณ์ลงแล้ว หลินเฟิงก็ทักทายกับคุณพ่อถัง กลับไปยังห้องของตัวเอง เปิดคอมพิวเตอร์ลงซอฟต์แวร์ที่ใช้เฉพาะทางการแพทย์ และหลังจากปรับภาพแบบร่างกายมนุษย์เรียบร้อยแล้ว เขาก็เริ่มเตรียมรายละเอียดในการผ่าตัดด้วยจิตใจที่มุ่งมั่น
หลินเฟิงในชาติก่อนเป็นคนที่จริงจังและบ้างานเป็นอย่างยิ่ง เกือบทุกครั้งที่เขาทำงาน เขาล้วนไม่หลับไม่นอนทั้งวันทั้งคืน จนกว่างานที่อยู่ในมือของเขาจะได้รับการแก้ไข เขาจึงจะพักผ่อนดี ๆ ครั้งหนึ่ง และเพราะการบ้างานแบบนี้ของเขา หลินเฟิงจึงได้รับความรู้ที่ยอดเยี่ยมในขอบเขตทางการแพทย์ได้
และหลังจากที่กลับมาเกิดใหม่ในร่างของหานจื้อเฟิงคุณชายตระกูลหาน ท่าทีต่อการทำงานของหลินเฟิงก็ยังคงไม่ได้เปลี่ยนไป
เมื่อเริ่มทำงานขึ้นมาแล้ว ก่อนที่งานจะสำเร็จ หลินเฟิงก็แทบจะไม่รู้สึกถึงการไหลของเวลาเลย และตั้งแต่ตอนที่นั่งลงตรงหน้าคอมพิวเตอร์ เวลาก็ได้กลายเป็นความคิดที่เลือนรางอย่างถึงที่สุดสำหรับหลินเฟิงแล้ว
เวลาค่อย ๆ ไหลไป เสียงเคาะของคีร์บอร์ดและเสียงคลิกของเมาส์ดังขึ้นมาในห้องอย่างต่อเนื่อง และดวงตาของหลินเฟิงก็สะท้อนแสงที่ส่องมาจากหน้าจอคอมพิวเตอร์ ราวกับดวงตาที่สามารถส่องแสงได้
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.webreadapp.com All rights reserved