บทที่ 7 วุ่นวายขึ้นมา
by หลานโยวรู
09:12,May 24,2021
สองวันต่อมา ฮองเฮาก็นำคนมา บอกว่าหยุนชางตกลงมาจากตำหนักจนบาดเจ็บและตำหนักยังไฟไหม้ เกรงว่าจะเป็นเพราะมีสิ่งอัปมงคล จึงให้คนไปที่อารมหลิงหยุนเชิญนักพรตชรามาเพื่อสะเดาะเคราะห์ให้แก่หยุนชาง
ตอนที่ฮองเฮามาถึงหยุนชางเพิ่งกินอาหารเช้าและกำลังคิดที่จะงีบหลับสักพัก ก็ได้ยินเสียงคำนับดังมาจากด้านนอก หยุนชางหาวและขยิบตาให้ฉิงยี ฉิงยีจึงถอยออกไปอย่างเงียบๆ
หยุนชางจึงออกจากตำหนักเดินเข้าไปหาฮองเฮา "เสด็จแม่ เสด็จแม่ นี่มันอะไรกันเพคะ? เสียงดังจังเลย ชางเอ๋อร์ยังอยากนอนต่อ เสียงดังขนาดนี้ข้อนอนไม่หลับแล้ว... " จากนั้นนางก็หาวอีกครั้ง
"น้องหญิง เจ้าเป็นถึงองค์หญิงรอง ที่นี่มีนางกำนัลและขันทีมากมายมองเจ้าอยู่ เจ้าไม่ใส่ใจกิริยาเช่นนี้ ระวังจะถูกเหล่ามามาผู้สอนพวกนั้นจับไปเรียนรู้มารยาทอีกนะ..."
เสียงขององค์หญิงหัวจิ้งดังขึ้นทำให้หยุนชางหันศีรษะไปและเห็นองค์หญิงหัวจิ้งสวมชุดสีฟ้าอ่อนยืนอยู่ด้านหลังของฮองเฮา มุมกระโปรงของนางปักลายกลีบดอกท้ออย่างประณีต ปิ่นปักผมหยกเขียวพิสุทธิ์ติดกับพู่ระย้าลูกปัดสีเงินเนื้อดี นางกำลังจะอายุครบเกณฑ์แล้ว รูปลักษณ์ก็มีแล้ว เอวของนางคอดราวหลิ่ว ไหล่ตั้งตรง รอยยิ้มดวงตาต่างก็งดงาม
หยุนชางยิ้มเล็กน้อย ไม่แปลกใจที่สามีของเธอในชาติก่อนจะปฏิบัติกับนางเช่นนั้นและปีนขึ้นเตียงของหัวจิ้ง นางช่างงามเสียจริง
หยุนชางยิ้มและกล่าวว่า "พี่หญิงก็มาด้วย... "
หัวจิ้งพยักหน้ารับและก้าวมาข้างหน้าเล็กน้อยเพื่อจับมือของหยุนชาง "น้องหญิง ข้าได้ยินว่านักพรตเต๋ามีพลังมากกว่าการเล่นกลพื้นบ้าน ข้าจึงอยากมาดูเรื่องน่าตื่นเต้นนี้ด้วย น้องหญิงไหนๆก็ตื่นแล้วงั้นก็มาดูด้วยกันเถอะ"
ตอนที่นางเข้ามาจับมือ หยุนชางก็ยิ้มอย่างเย็นชา เมื่อได้ยินเธอพูดกับตัวเองด้วยความรักเช่นนี้ ในใจก็ยิ่งโกรธขึ้นไปอีก มาดูเรื่องตื่นเต้น เกรงว่าสิ่งที่หัวจิ้งอยากดูน่าจะเป็นนางเสียมากกว่า
หยุนชางไม่ได้แสดงมันออกมา นางเพียงแค่ยิ้มและกล่าวว่า "ดีเจ้าค่ะ ในเมื่อพี่หญิงบอกว่ามันน่าสนุกมันก็ต้องสนุกมากแน่ๆ" จากนั้นนางก็มองไปที่ฮองเฮาครั้งและเห็นว่าวันนี้นางสวมเสื้อคลุมหงส์พร้อมกับกระโปรงยาวลากพื้นด้านหลัง นางดูหรูหราสง่างาม ขณะนี้นางกำลังมองมาที่นางและหัวจิ้งด้วยรอยยิ้มของมารดาผู้อ่อนโยน
หยุนชางยิ้มและหันกลับมา "ข้าเกรงว่าจะต้องใช้เวลาอีกสักพักในการปัดเป่า เสด็จแม่กับเสด็จพี่ยืนอยู่คงจะเหนื่อยมาก ใครไปเอาเก้าอี้สามตัวมาจากตำหนัก"
ขันทียกเก้าอี้เข้ามา หยุนชางหันกลับไปขอบคุณเล็กน้อย "เสด็จแม่ พี่หญิง มานั่งดูกันเถอะ" และนางก็นั่งลงเอง
หยุนชางเห็นว่าคิ้วของราชินีฮองเฮาย่นเล็กน้อย แต่เพียงชั่วครู่มันก็ยืดออกในทันทีทำให้คนอื่นมองไม่เห็น หยุนชางยิ้มเล็กน้อยและมองฉิงยีที่ยืนอยู่ข้างๆ
ฉิงยีเห็นหยุนชางกวาดสายตามาที่นาง ฉิงยีก็สั่นหัวเล็กน้อยจากนั้นก็หมุนตัวจากไป
หยุนชางขมวดคิ้วเล็กน้อย ในสวนขันทีคนหนึ่งเตรียมเชิงเทียนเสร็จแล้ว นักพรตเต๋าลงมือประทับตรา ชักดาบของเขาออกมาต่อหน้าเชิงเทียนและหลับตาสวดมนต์ออกมาประโยคหนึ่งพลางสั่นระฆังในมือซ้ายอีกครั้งและเริ่มพิธีสะเดาะเคราะห์
"ผีมีความสุขอยู่ในโลกคนเป็น เทพยดาจงเกิด ผีร้ายจงสิ้น เทพยดามักโชคดี เหล่าผีสางมักโชคร้าย... " นักพรตเต๋าพึมพำสวดมนต์อยู่เป็นเวลานาน ก่อนที่จะจิบน้ำในชามที่อยู่บนโต๊ะที่วางเชิงเทียน เขาชักดาบออกมาอีกครั้ง หยิบกระดาษยันต์สองสามแผ่นมาเผาแล้วพ่นน้ำใส่ กระดาษยันต์ลุกไหม้อย่างรุนแรงในพริบตาและกลิ่นหอมของไม้จันทน์ก็กระจายออกมา
หยุนชางหลับตาหายใจเข้าลึก แต่นางตกใจอย่างรุนแรง ไม่ถูกต้อง นักพรตเต๋าไม่ใช้ไม้จันทน์
แม่สามีของนางในชาติก่อนเป็นผู้ศรัทธาในศาสนาพุทธ เพื่อที่จะทำให้นางพอใจ หยุนชางจึงได้เรียนรู้บางอย่างไปพร้อมกัน แม้ว่านางจะไม่ค่อยเชี่ยวชาญแต่นางก็รู้ว่ามีเพียงชาวพุทธเท่านั้นที่ใช้ไม้จันทน์ ในขณะที่ลัทธิเต๋าจะใช้ไม้กฤษณา แต่กลิ่นไม้จันทน์นี้นางดมไม่ผิดแน่
ฉิงยีปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางเหล่านางกำนัล หยุนชางเห็นนางพยักหน้าให้ตัวเองเล็กน้อย รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของหยุนชาง หลังจากที่องค์หญิงหัวจิ้งได้กลิ่นหอมของไม้จันทน์ลอยอยู่ก็ลอบมองนาง
ที่แท้กลิ่นหอมนี้เป็นกุญแจสำคัญ
หยุนชางคลับคล้ายคลับคลาว่าได้ยินเสียงแปลกๆลอยมาจากนอกตำหนัก ในใจก็ความคาดหวังอันเลือนลาง ไม่รู้ว่าอีกครู่หนึ่งจักรพรรดินีผู้ทรงคุณธรรมและองค์หญิงหัวจิ้งผู้ประพฤติตัวดีจะมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างไร
เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ หยุนชางก็กุมขมับ เพียงแค่ยกมือขึ้นนางก็ได้ยินเสียงขององค์หญิงหัวจิ้ง "น้องหญิงเป็นอะไรไป? ไม่สบายหรือเปล่า?"
หยุนชางพยักหน้าและพูดว่า "ข้าไม่รู้ว่าทำไม กลิ่นนี้ทำให้ข้ารู้สึกไม่สบาย รู้สึกว่าในหัวของข้ามีเสียงวิ้งๆ... " ขณะที่นางพูดนางก็ฝืนยิ้มให้ฮองเฮาและหัวจิ้ง "เสด็จแม่ พี่หญิง ชางเอ๋อร์รู้สึกไม่สบายนิดหน่อย ข้าขอตัวไปพักก่อน"
ฮองเฮาพยักหน้าอย่างไร้ความรู้สึก แต่หัวจิ้งจะมองดูโอกาสดีๆแบบนี้หลุดมือไปได้อย่างไรจึงกล่าวอย่างรวดเร็วว่า "แต่นักพรตยังทำพิธีไม่เสร็จเลย เจ้านั่งเป็นเพื่อนเสด็จแม่อีกสักพักเถอะ"
หยุนชางมองไปที่หัวจิ้งอย่างฝืนๆและโบกมือ "ไม่ล่ะ ไม่ล่ะ ชางเอ๋อร์ปวดหัวหนักมาก ข้าขอไปพักผ่อนก่อนเถอะ" จากนั้นนางก็เดินไปหาฉิงยี หลังจากกวักมือเรียก ฉิงยีก็รีบก้าวเข้ามาพยุงนาง ทั้งสองกำลังจะเดินไปที่ตำหนักด้านในแต่ก็ได้ยินเสียงนักพรตตะโกน "ขับไล่สิ่งชั่วร้าย ปกป้องชีวิต ปกป้องร่างกาย มีสตินึกรู้ จิตใจสงบสุข
จิตวิญญาณนิรันดร์ จิตวิญญาณไม่เศร้าโศก เป็นไปตามกฏธรรมชาติ!"
ทันทีที่สิ้นเสียง หยุนชางก็ยังไม่ได้ตอบสนองใดๆ เพียงรู้สึกได้ถึงลมที่พัดกระโชกและดาบที่อยู่ในสายตาของนางเท่านั้น
หยุนชางขมวดคิ้ว แต่ฉิงยีลุกขึ้นก่อน "บังอาจ! เจ้าต้องการสังหารองค์หญิงหยุนชางแห่งแคว้นหนิงหรือ?"
ทุกคนจึงได้สติขึ้น แต่กลับไม่มีใครก้าวขึ้นมา หลังจากนั้นไม่นาน ฮองเฮาจึงเอ่ยปาก "ท่านนักพรต พบอะไรหรือไม่?"
นักพรตเต๋ามองไปที่หยุนชางอย่างเย็นชาพร้อมกับแค่นเสียง เขาหยิบยันต์จากโต๊ะมาแปะลงบนหน้าผากของหยุนชาง "ที่ตำหนักชิงซินแห่งนี้กลับเงียบสงบ เพียงแต่มองค์หญิงหยุนชางมีวิญญาณที่ไม่ถูกต้องอยู่ในร่างของนาง ข้าแปะยันต์บนตัวของนางเพื่อระงับวิญญาณร้ายแล้วข้าจึงจะปัดเป่าได้... "
หยุนชางได้กลิ่นของไม้จันทน์นั้นแรงขึ้นเรื่อยๆจากกระดาษยันตร์ หยุนชางยิ้มบางๆ ยกมือขึ้นมาดึงกระดาษยัตร์ที่เต็มไปด้วยกลิ่นไม้จันท์นั้นและโยนมันไปที่นักพรตเต๋า "วิญญาณชั่วร้ายอะไรกัน ข้าอยากจะให้เสด็จพ่อมาตรวจดูนักว่าเจ้ามากจากไหน เสด็จแม่ อย่าหลงกลเจ้าพรตจอมปลอมนี่เลย... "
ก่อนที่เสียงจะจบลงก็ได้ยินเสียงดังมาจากด้านนอกประตู ทุกคนมองไปที่หยุนชางและไม่ได้ให้ความสนใจในตอนแรก แต่เสียงผิดปกตินั้นดังขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนจึงมองออกไปนอกสวน พวกเขาเห็นร่างหลายร่างกระพริบและวิ่งเข้ามาหาทุกคนที่อยู่ในสวน ฉิงยีกำลังพยุงหยุนชางรีบพานางถอยหลังออกมาซ่อนตัวที่ข้างหลังต้นไม้
ตอนที่ฮองเฮามาถึงหยุนชางเพิ่งกินอาหารเช้าและกำลังคิดที่จะงีบหลับสักพัก ก็ได้ยินเสียงคำนับดังมาจากด้านนอก หยุนชางหาวและขยิบตาให้ฉิงยี ฉิงยีจึงถอยออกไปอย่างเงียบๆ
หยุนชางจึงออกจากตำหนักเดินเข้าไปหาฮองเฮา "เสด็จแม่ เสด็จแม่ นี่มันอะไรกันเพคะ? เสียงดังจังเลย ชางเอ๋อร์ยังอยากนอนต่อ เสียงดังขนาดนี้ข้อนอนไม่หลับแล้ว... " จากนั้นนางก็หาวอีกครั้ง
"น้องหญิง เจ้าเป็นถึงองค์หญิงรอง ที่นี่มีนางกำนัลและขันทีมากมายมองเจ้าอยู่ เจ้าไม่ใส่ใจกิริยาเช่นนี้ ระวังจะถูกเหล่ามามาผู้สอนพวกนั้นจับไปเรียนรู้มารยาทอีกนะ..."
เสียงขององค์หญิงหัวจิ้งดังขึ้นทำให้หยุนชางหันศีรษะไปและเห็นองค์หญิงหัวจิ้งสวมชุดสีฟ้าอ่อนยืนอยู่ด้านหลังของฮองเฮา มุมกระโปรงของนางปักลายกลีบดอกท้ออย่างประณีต ปิ่นปักผมหยกเขียวพิสุทธิ์ติดกับพู่ระย้าลูกปัดสีเงินเนื้อดี นางกำลังจะอายุครบเกณฑ์แล้ว รูปลักษณ์ก็มีแล้ว เอวของนางคอดราวหลิ่ว ไหล่ตั้งตรง รอยยิ้มดวงตาต่างก็งดงาม
หยุนชางยิ้มเล็กน้อย ไม่แปลกใจที่สามีของเธอในชาติก่อนจะปฏิบัติกับนางเช่นนั้นและปีนขึ้นเตียงของหัวจิ้ง นางช่างงามเสียจริง
หยุนชางยิ้มและกล่าวว่า "พี่หญิงก็มาด้วย... "
หัวจิ้งพยักหน้ารับและก้าวมาข้างหน้าเล็กน้อยเพื่อจับมือของหยุนชาง "น้องหญิง ข้าได้ยินว่านักพรตเต๋ามีพลังมากกว่าการเล่นกลพื้นบ้าน ข้าจึงอยากมาดูเรื่องน่าตื่นเต้นนี้ด้วย น้องหญิงไหนๆก็ตื่นแล้วงั้นก็มาดูด้วยกันเถอะ"
ตอนที่นางเข้ามาจับมือ หยุนชางก็ยิ้มอย่างเย็นชา เมื่อได้ยินเธอพูดกับตัวเองด้วยความรักเช่นนี้ ในใจก็ยิ่งโกรธขึ้นไปอีก มาดูเรื่องตื่นเต้น เกรงว่าสิ่งที่หัวจิ้งอยากดูน่าจะเป็นนางเสียมากกว่า
หยุนชางไม่ได้แสดงมันออกมา นางเพียงแค่ยิ้มและกล่าวว่า "ดีเจ้าค่ะ ในเมื่อพี่หญิงบอกว่ามันน่าสนุกมันก็ต้องสนุกมากแน่ๆ" จากนั้นนางก็มองไปที่ฮองเฮาครั้งและเห็นว่าวันนี้นางสวมเสื้อคลุมหงส์พร้อมกับกระโปรงยาวลากพื้นด้านหลัง นางดูหรูหราสง่างาม ขณะนี้นางกำลังมองมาที่นางและหัวจิ้งด้วยรอยยิ้มของมารดาผู้อ่อนโยน
หยุนชางยิ้มและหันกลับมา "ข้าเกรงว่าจะต้องใช้เวลาอีกสักพักในการปัดเป่า เสด็จแม่กับเสด็จพี่ยืนอยู่คงจะเหนื่อยมาก ใครไปเอาเก้าอี้สามตัวมาจากตำหนัก"
ขันทียกเก้าอี้เข้ามา หยุนชางหันกลับไปขอบคุณเล็กน้อย "เสด็จแม่ พี่หญิง มานั่งดูกันเถอะ" และนางก็นั่งลงเอง
หยุนชางเห็นว่าคิ้วของราชินีฮองเฮาย่นเล็กน้อย แต่เพียงชั่วครู่มันก็ยืดออกในทันทีทำให้คนอื่นมองไม่เห็น หยุนชางยิ้มเล็กน้อยและมองฉิงยีที่ยืนอยู่ข้างๆ
ฉิงยีเห็นหยุนชางกวาดสายตามาที่นาง ฉิงยีก็สั่นหัวเล็กน้อยจากนั้นก็หมุนตัวจากไป
หยุนชางขมวดคิ้วเล็กน้อย ในสวนขันทีคนหนึ่งเตรียมเชิงเทียนเสร็จแล้ว นักพรตเต๋าลงมือประทับตรา ชักดาบของเขาออกมาต่อหน้าเชิงเทียนและหลับตาสวดมนต์ออกมาประโยคหนึ่งพลางสั่นระฆังในมือซ้ายอีกครั้งและเริ่มพิธีสะเดาะเคราะห์
"ผีมีความสุขอยู่ในโลกคนเป็น เทพยดาจงเกิด ผีร้ายจงสิ้น เทพยดามักโชคดี เหล่าผีสางมักโชคร้าย... " นักพรตเต๋าพึมพำสวดมนต์อยู่เป็นเวลานาน ก่อนที่จะจิบน้ำในชามที่อยู่บนโต๊ะที่วางเชิงเทียน เขาชักดาบออกมาอีกครั้ง หยิบกระดาษยันต์สองสามแผ่นมาเผาแล้วพ่นน้ำใส่ กระดาษยันต์ลุกไหม้อย่างรุนแรงในพริบตาและกลิ่นหอมของไม้จันทน์ก็กระจายออกมา
หยุนชางหลับตาหายใจเข้าลึก แต่นางตกใจอย่างรุนแรง ไม่ถูกต้อง นักพรตเต๋าไม่ใช้ไม้จันทน์
แม่สามีของนางในชาติก่อนเป็นผู้ศรัทธาในศาสนาพุทธ เพื่อที่จะทำให้นางพอใจ หยุนชางจึงได้เรียนรู้บางอย่างไปพร้อมกัน แม้ว่านางจะไม่ค่อยเชี่ยวชาญแต่นางก็รู้ว่ามีเพียงชาวพุทธเท่านั้นที่ใช้ไม้จันทน์ ในขณะที่ลัทธิเต๋าจะใช้ไม้กฤษณา แต่กลิ่นไม้จันทน์นี้นางดมไม่ผิดแน่
ฉิงยีปรากฏตัวขึ้นท่ามกลางเหล่านางกำนัล หยุนชางเห็นนางพยักหน้าให้ตัวเองเล็กน้อย รอยยิ้มปรากฏขึ้นที่มุมปากของหยุนชาง หลังจากที่องค์หญิงหัวจิ้งได้กลิ่นหอมของไม้จันทน์ลอยอยู่ก็ลอบมองนาง
ที่แท้กลิ่นหอมนี้เป็นกุญแจสำคัญ
หยุนชางคลับคล้ายคลับคลาว่าได้ยินเสียงแปลกๆลอยมาจากนอกตำหนัก ในใจก็ความคาดหวังอันเลือนลาง ไม่รู้ว่าอีกครู่หนึ่งจักรพรรดินีผู้ทรงคุณธรรมและองค์หญิงหัวจิ้งผู้ประพฤติตัวดีจะมีปฏิกิริยาตอบสนองอย่างไร
เมื่อคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้ หยุนชางก็กุมขมับ เพียงแค่ยกมือขึ้นนางก็ได้ยินเสียงขององค์หญิงหัวจิ้ง "น้องหญิงเป็นอะไรไป? ไม่สบายหรือเปล่า?"
หยุนชางพยักหน้าและพูดว่า "ข้าไม่รู้ว่าทำไม กลิ่นนี้ทำให้ข้ารู้สึกไม่สบาย รู้สึกว่าในหัวของข้ามีเสียงวิ้งๆ... " ขณะที่นางพูดนางก็ฝืนยิ้มให้ฮองเฮาและหัวจิ้ง "เสด็จแม่ พี่หญิง ชางเอ๋อร์รู้สึกไม่สบายนิดหน่อย ข้าขอตัวไปพักก่อน"
ฮองเฮาพยักหน้าอย่างไร้ความรู้สึก แต่หัวจิ้งจะมองดูโอกาสดีๆแบบนี้หลุดมือไปได้อย่างไรจึงกล่าวอย่างรวดเร็วว่า "แต่นักพรตยังทำพิธีไม่เสร็จเลย เจ้านั่งเป็นเพื่อนเสด็จแม่อีกสักพักเถอะ"
หยุนชางมองไปที่หัวจิ้งอย่างฝืนๆและโบกมือ "ไม่ล่ะ ไม่ล่ะ ชางเอ๋อร์ปวดหัวหนักมาก ข้าขอไปพักผ่อนก่อนเถอะ" จากนั้นนางก็เดินไปหาฉิงยี หลังจากกวักมือเรียก ฉิงยีก็รีบก้าวเข้ามาพยุงนาง ทั้งสองกำลังจะเดินไปที่ตำหนักด้านในแต่ก็ได้ยินเสียงนักพรตตะโกน "ขับไล่สิ่งชั่วร้าย ปกป้องชีวิต ปกป้องร่างกาย มีสตินึกรู้ จิตใจสงบสุข
จิตวิญญาณนิรันดร์ จิตวิญญาณไม่เศร้าโศก เป็นไปตามกฏธรรมชาติ!"
ทันทีที่สิ้นเสียง หยุนชางก็ยังไม่ได้ตอบสนองใดๆ เพียงรู้สึกได้ถึงลมที่พัดกระโชกและดาบที่อยู่ในสายตาของนางเท่านั้น
หยุนชางขมวดคิ้ว แต่ฉิงยีลุกขึ้นก่อน "บังอาจ! เจ้าต้องการสังหารองค์หญิงหยุนชางแห่งแคว้นหนิงหรือ?"
ทุกคนจึงได้สติขึ้น แต่กลับไม่มีใครก้าวขึ้นมา หลังจากนั้นไม่นาน ฮองเฮาจึงเอ่ยปาก "ท่านนักพรต พบอะไรหรือไม่?"
นักพรตเต๋ามองไปที่หยุนชางอย่างเย็นชาพร้อมกับแค่นเสียง เขาหยิบยันต์จากโต๊ะมาแปะลงบนหน้าผากของหยุนชาง "ที่ตำหนักชิงซินแห่งนี้กลับเงียบสงบ เพียงแต่มองค์หญิงหยุนชางมีวิญญาณที่ไม่ถูกต้องอยู่ในร่างของนาง ข้าแปะยันต์บนตัวของนางเพื่อระงับวิญญาณร้ายแล้วข้าจึงจะปัดเป่าได้... "
หยุนชางได้กลิ่นของไม้จันทน์นั้นแรงขึ้นเรื่อยๆจากกระดาษยันตร์ หยุนชางยิ้มบางๆ ยกมือขึ้นมาดึงกระดาษยัตร์ที่เต็มไปด้วยกลิ่นไม้จันท์นั้นและโยนมันไปที่นักพรตเต๋า "วิญญาณชั่วร้ายอะไรกัน ข้าอยากจะให้เสด็จพ่อมาตรวจดูนักว่าเจ้ามากจากไหน เสด็จแม่ อย่าหลงกลเจ้าพรตจอมปลอมนี่เลย... "
ก่อนที่เสียงจะจบลงก็ได้ยินเสียงดังมาจากด้านนอกประตู ทุกคนมองไปที่หยุนชางและไม่ได้ให้ความสนใจในตอนแรก แต่เสียงผิดปกตินั้นดังขึ้นเรื่อยๆ ทุกคนจึงมองออกไปนอกสวน พวกเขาเห็นร่างหลายร่างกระพริบและวิ่งเข้ามาหาทุกคนที่อยู่ในสวน ฉิงยีกำลังพยุงหยุนชางรีบพานางถอยหลังออกมาซ่อนตัวที่ข้างหลังต้นไม้
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.webreadapp.com All rights reserved