บทที่ 1 แพทย์ฝึกหัด
by นักมายากลอัจฉริยะ
09:24,Sep 02,2021
ตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็นจนถึงตอนนี้หิมะยังตกไม่หยุด
เมืองตงไห่ถูกปกคลุมไปด้วยหอมะหนาทั้งเมือง
ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงครึ่งแล้ว เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ที่ทำงานในแผนกผู้ป่วยในของโรงพยาบาลประชาชนเมืองตงไห่ไม่ได้พักผ่อนในเวลาพักกลางวัน แต่กลับยุ่งชุลมุน
เนื่องด้วยอากาศเย็นจัด ผู้ป่วยบางรายมีแนวโน้มที่จะป่วยในช่วงเวลานี้ ดังนั้นจึงมีการแจ้งเตือนอย่างต่อเนื่อง
บวกกับแพทย์ที่ปฏิบัติหน้าที่มีจำนวนจำกัด ทุกคนก็เลยยุ่งกว่าปกติ
หลัวหยวนเป็นแพทย์ฝึกหัดของโรงพยาบาลแห่งนี้ เขาถูกมอบหมายให้อยู่ห้องไอซียู
ว่ากันว่า คนที่มีโอกาสได้เข้ามาฝึกงานที่โรงพยาบาลแห่งนี้ได้ต้องเป็นคนที่เก่งมาก ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดไม่เกินสามเดือนก็จะได้ทำงานที่นี่ต่อ
แต่สำหรับหลัวหยวนที่สามารถได้เข้าไปทำงานในห้องไอซียู ต้องเป็นหัวกะทิของหัวกะทิอีกที
แต่หลัวหยวนฝึกงานมาแล้วครึ่งปีเต็มๆ
ระยะเวลาในการฝึกงานครึ่งปีที่ผ่านมาไม่มีอะไรผิดพลาดเลย แต่เขากลับมองไม่เห็นความหวังที่จะได้เข้าทำงาน
เขาเป็นหมอที่มีหัวใจของความรักและความยุติธรรม
ถึงแม้จะมองไม่เห็นความหวัง หลัวหยวนยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นเทวดาชุดขาวในการช่วยชีวิตผู้ป่วยอย่างจริงจัง
ไม่ใช่เขาไม่รู้เหตุผลที่เขาไม่ได้รับเข้าทำงาน
ไม่ได้เป็นเพราะทักษะในการทำงานของเขามีปัญหา แต่เป็นเพราะบ้านเขาจน
ทำให้ไม่มีความสามารถที่จะประจบประแจงผู้บังคับบัญชา และไม่มีคอนเนคชั่นในการสนับสนุน
และเนื่องจากการมีตัวตนของเขา ทำให้หลานชายของหัวหน้าต้องไปอยู่แผนกผู้ป่วยทั่วไป
เป็นเพราะเหตุผลเหล่านี้ ทำให้เขาไม่สามารถเอาตัวเองออกไปจากคำว่าแพทย์ฝึกหัดได้
ในมือของหลัวหยวนถือสมุดอยู่เล่มหนึ่ง เขาเดินอยู่ด้านหลังหมอเจียง เขาจดบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับอาการของผู้ป่วยอย่างจริงจัง กลัวว่าจะพลาดอะไรไป
"หลัวหยวน ผู้ป่วยที่อยู่ในห้องICU 7เป็นอย่างไรบ้างแล้ว?"
ณ ทางเดิน จู่ๆหมอเจียงก็หันกลับไปถามหลัวหยวน
หลัวหยวนคิดอยู่ครู่หนึ่ง และรีบตอบกลับไปว่า " อาการไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะอยู่ภายใต้การควบคุม แต่ถ้าหากผู้ป่วยเกิดมีอารมณ์ตวามรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา ก็จะเป็นอันตรายมากๆ อ่อใช่ ผลเอ็กซเรย์ออกมาแล้ว หมอเจียงลองดูครับ"
ในขณะที่พูด หลัวหยวนก็หยิบแผ่นเอ็กซเรย์ที่สอดอยู่ในสมุดออกมาและยื่นให้หมอเจียง
หมอเจียงพยักหน้าด้วยความพอใจ และโบกมือ " ไม่ต้องให้ผมดูแล้ว คุณบอกมาเลย!"
หลัวหยวนรู้สึกซาบซึ้งมากสำหรับความเชื่อใจของหมอเจียง
เขาเก็บแผ่นเอ็กซเรย์สอดเข้าไปในสมุดอีกครั้ง "ผู้ป่วยมีการอุดตันของหลอดเลือดหัวใจตีบหลายเส้น แนะนำว่าต้องรีบทำการผ่าตัดบายพาส ผมลองถามญาติของผู้ป่วยแล้ว พวกเขาบอกว่าพวกเขาเตรียมตัวไว้นานแล้ว เพียงแต่.................."
"เพียงแต่ช่วงนี้หมอผ่าตัดของโรงพยาบาลไม่พอ ใช่มั้ย!" หมอเจียงขมวดคิ้วเล็กน้อย มีสายตาแห่งความโกรธปรากฏขึ้นมาเล็กน้อย
"ใช่ครับ"
" ห่าย น่าเสียดาย!" หมอเจียงถอนหายใจและพูดว่า " ถ้าคุณได้ผ่านการฝึกงานล่ะก็ การผ่าตัดเคสนี้ผมก็จะสามารถเสนอชื่อคุณได้ คุณฝึกงานกับผมมาจะครึ่งปีแล้วใช่มั้ย ความสามารถของคุณผมรู้ดี น่าเสียดาย.....หึ่ย! เหล่าอู๋ ทำเกินไปจริงๆ!"
เขาพูดคำว่าน่าเสียดายติดกันสองครั้ง พูดจนถึงประโยคสุดท้าย สายตาเต็มไปด้วยความโกรธ
แน่นอนว่าเขารู้เหตุผลว่าทำไมหลัวหยวนถึงยังไม่ผ่านการฝึกงาน และเขาก็รู้สึกไม่พอใจหัวหน้าอู๋คนที่มีอำนาจกุมชีวิตของแพทย์ฝึกหัดไว้ในมือ
แต่เขาเองก็เป็นเพียงแค่แพทย์คนหนึ่งเท่านั้น
เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะไปเปลี่ยนแปลงอะไรได้
หมอเจียงถอนหายใจและตบไหล่ของหลัวหยวนเบาๆ พร้อมทั้งพูดปลอบใจว่า " โอเค เป็นทองแท้ยังไงซักวันก็ต้องส่องแสงประกาย อดทนต่ออีกหน่อย อาจจะมีโอกาสก็ได้ เออใช่! อย่าให้ผู้ป่วยต้องรอนานนะ ตอนนี้ผู้อำนวยการอู๋น่าจะไม่มีเคสผ่าตัด คุณไปบอกสภาพอาการให้เขารู้ จำไว้นะ พูดกับเขาดีดีหน่อย"
หลัวหยวนพยักหน้าพร้อมกล่าวขอบคุณ
ที่จริงต่อให้หมอเจียงไม่พูด เขาเองก็ไม่มีทางที่จะไปมีปัญหากับผู้บังคับบัญชาได้ นอกจากเขาไม่อยากทำงานที่นี่แล้ว
หลัวหยวนออกมาจากแผนกICUไปที่ห้องทำงานชั้นสอง ตอนที่เขากำลังจะเคาะประตูอยู่นั้น เขาก็ก็ได้ยินเสียงที่คุ้นหูดังมาจากข้างใน
"หัวหน้าอู๋ นี่เป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆของฉัน ฉันตั้งใจฝากให้คนไปเอามาจากบ้านเกิด นี่เป็นมรดกตกทอดของตระกูลเลยนะ เพื่อมาขอร้องให้คุณช่วยชีวิตสามีของฉัน คุณอย่ารังเกียจเลยนะ.................."
น้ำเสียงค่อนข้างมีอายุ และเป็นน้องเสียงอ้อนวอน
เธอไม่ใช่ใครที่ไหน เธอเป็นภรรยาของผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจ คนที่หมอเจียงและหลัวหยวนพูดถึงเมื่อกี้
"คุณป้า ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณนะ แต่คุณเองก็เห็นแล้วว่าคนไข้ของโรงพยาบาลเยอะมาก ก็ต้องจัดลำดับก่อนหลัง " หัวหน้าอู๋ติดนิสัยพูดเป็นทางการ
หญิงชราพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเหน่อๆของคนตะวันออกเฉียงเหนือว่า " หัวหน้าอู๋ คุณเก่ง คุณช่วยรักษาตาแก่ของฉันด้วยนะ............หมอที่ดูแลตาแก่บอกแล้วว่า ถ้าได้ผ่าตัดยิ่งเร็วยิ่งดี ถ้ายื้อต่อไปก็จะยิ่งเป็นอันตราย เมื่อปีที่แล้วพวกเรามาแล้วครั้งหนึ่ง แต่พวกคุณก็จ่ายยาให้กลับไปกิน นี่ผ่านไปยังไม่ทันถึงปี ยาก็กินตลอดไม่เคยหยุด ครั้งนี้สามีของฉันเกือบจะตายแล้ว ครั้งนี้ที่เขาสามารถอดทนจนมาถึงที่โรงพยาบาลได้ ก็หายใจลำบากมากแล้ว ถ้ายังปล่อยให้ทรมานต่อไป.............."
หัวหน้าอู๋พูดขัดจังหวะการขอร้องของหญิงชราว่า " ใครบอกกับคุณ? ใคร! สามีของคุณอายุหกสิบเจ็ดปีแล้ว ปกติผู้ป่วยที่อายุหกสิบปีขึ้นไปทำการผ่าตัดแบบนี้ก็เสี่ยงกันทั้งนั้น การที่พวกเราทำแบบนี้ ก็เพื่อรับผิดชอบต่อผู้ป่วย! ขออย่าไปเชื่อพวกที่ไม่มีความชำนาญ!"
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หลัวหยวนก็ขมวดคิ้ว
เขากระแอมหลังจากนั้นก็เคาะประตู และเดินเข้าไปในห้องทำงาน
"หัวหน้าครับ ผมเองครับ ผมเป็นคนพูด!" หลัวหยวนพูด
"อะไรของคุณ?! หึ่ย โรงพยาบาลยุ่งขนาดนี้ คุณมาวุ่นวายอะไร โอเค คุณป้า ผมรับทราบอาการของสามีของคุณแล้ว ตอนนี้ผมต้องไปประชุม ผมต้องขอตัวก่อน"
เมื่อพูดจบ หัวหน้าอู๋ก็จ้องมาที่หลัวหยวนแรงๆ
หลังจากนั้นก็ลุกขึ้นเตรียมตัวจะเดินออกไป
หลัวหยวนตัวสั่น ไม่ได้พูดอะไร
แต่เมื่อเขาเหลือบตาไปเห็นหญิงชราร้องไห้น้ำตาไหล เขาก็รู้สึกโกรธขึ้นมา
ทั้งๆที่มีโอกาส แต่ก็พยายามที่จะยื้อไว้ ทำให้เกิดการล่าช้าในการรักษา
ไม่ใช่เพราะว่าไม่ได้ยัดเงินให้คุณหรอกหรอ? !
ไม่รู้มีความกล้ามาจากไหน หลัวหยวนเดินเข้าไปขวางหน้าหัวหน้าอู๋
"ทำอะไร หลัวหยวน! หลบไป รีบหลบไปเดี๋ยวนี้!" สายตาของหลัวหยวนทำให้หัวหน้าอู๋ต้องถอยหลังกลับไป
"หัวหน้าอู๋ครับ อาการป่วยของคุณตาเจียงอยู่ในภาวะวิกฤต ไม่สามารถยื้อต่อไปได้อีกแล้ว! ถ้าปล่อยไปแบบนี้ต่อไปล่ะก็ มันก็จะยิ่งแย่ลง ยาที่จ่ายไปหนึ่งปีก็ไม่ช่วยอะไรอีกแล้ว จำเป็ต้องผ่าตัดทำบายพาส ไม่งั้น................."
หลัวหยวนยังไม่ทันพูดจบ หัวหน้าอู๋ที่ตั้งตัวได้ก็พูดขัดขึ้นมา
"ไม่งั้นจะเป็นอย่างไร? ! คุณมีสิทธิ์มาอบรมสั่งสอนผมตั้งแต่เมื่อไหร่แล้ว? ! คุณก็แค่แพทย์ฝึกหัดตัวเล็กๆคนหนึ่ง คุณกล้ามาพูดแบบนี้กับผู้อำนวยการ คุณกำลังสงสัยในวิชาชีพของผมหรอ? ! หึ่ย น่าตลก น่าตลกจริงๆ!"
หลัวหยวนรู้สึกว่าคำพูดของตัวเองไม่น่าตลกเลยซักนิด แต่คำตอบที่ได้รับจากหัวหน้าอู๋ต่างหากที่น่าตลกมากๆ
แต่ต้องพยายามมีสติ
หลัวหยวนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับอารมณ์ และพยายามใช้น้ำเสียงปกติพูดออกไปว่า "หัวหน้าอู๋ครับ ผมไม่ได้จะมาต่อต้านคุณ เพียงแค่................."
"หลบไปเดี่ยวนี้!"หัวหน้าอู๋พูดขัดหลัวหยวนขึ้นมา "คนไข้ของโรงพยาบาลจำนวนมากที่รอการผ่าตัด ต้องให้ผมมาทำให้ทุกเคสเลยหรือไง? ! หึ่ย เป็นแพทย์ฝึกหัดมาตั้งครึ่งปี ไม่มีการพัฒนาอะไรเลย สร้างแต่เรื่อง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณไปทำงานที่แผนกฝังเข็มแล้วกัน!"
พูดจบ หัวหน้าอู๋ก็ผลักเขาไปอีกด้านหนึ่ง หลังจากนั้นก็ปิดประตูอย่างแรง
เผล้ง!
ประตูบังเอิญไปโดนแขนของหญิงชรา ทำให้กล่องที่อยู่ในมือสั่น และตกลงบนพื้นอย่างจัง ทำให้มีเสียงเครื่องลายครามแตก
"มรดกตกทอดของตระกูล........... "มรดกตกทอดของตระกูล........แตกแล้ว ทำไมถึงแตกได้ล่ะ! เห้อ! จบแล้ว จบแล้ว จบสิ้นแล้! ตาแก่ ฉันต้องขอโทษด้วยนะ ขอโทษด้วย ฮือ ฮือ ฮือ................"
หญิงชราค่อยๆคุกเข่าลงบนพื้น นั่งมองเครื่องลายครามที่แตกอยู่บนพื้น และส่งเสียงร้องสะอึกสะอื้น
หัวหน้าอู๋หันกลับมา ทำสีหน้ารังเกียจ
"คุณป้า ก็แค่เครื่องลายครามเก่าๆเท่านั้นเอง อย่ามาพูดว่าเป็นมรดกตกทอดเลย! หึ่ย สองร้อยหยวนนี้ถือว่าผมให้ก็แล้วกัน ถือเป็นค่าเสียหาย! แก่จนจะลงโลงขนาดนี้แล้ว จะเอาเงินเยอะๆไปทำอะไรอีก ! คุณไม่ต้องไปดื้นรนหาทางอะไรแล้วนะ เดี่ยวถึงคิวสามีของคุณก็จะได้ผ่าตัดเอง!"
พูดจบ หัวหน้าอู๋ก็ขว้างเงินสองร้อยหยวนมา และเขาก็จากไป
เมื่อเห็นลักษณะท่าทางเสียใจของหญิงชรา ทำให้หลัวหยวนคิดถึงแม่ของเขาที่จากไปแล้ว
เดิมทีเขาอยากจะหลับตา จะได้ไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น
แต่เสียงร้องไห้ของหญิงชราดังลอดเข้ามาในหูของเขา ทำให้เขาต้องใจอ่อน
หญิงชรานั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น มือที่หยิบเครื่องลายครามขึ้นมาสั่นไหว
มือข้างหนึ่งยื่นออกไป ค่อยๆจับมือที่มีอายุอย่างเบาๆ
เสียงที่คุ้นหูดังขึ้น " คุณป้าครับ คุณป้าไม่ต้องเก็บแล้ว กลับห้องผู้ป่วยไปก่อน เดี๋ยวผมเก็บให้เอง"
หญิงชราเงยหน้าขึ้นมา ริมฝีปากสั่น ดวงตาขุ่นมัวจ้องมาที่หลัวหยวน " คุณหมอหลัว นี่เป็นมรดกตกทอดของตระกูลป้าจริงๆนะ! คุณก็รู้ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำมันแตกเพื่อหลอกเอาเงิน ที่เอามาครั้งนี้ ก็เพราะกลัวว่าเงินค่ารักษาตาแก่จะไม่พอ ห่าย จบแล้ว แตกแล้ว แตกหมดแล้ว...................."
หลัวหยวนมองหญิงชราที่ร้องไห้ด้วยความสงสาร เขาขมวดคิ้วเงียบอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า " คุณป้าพอจะจำเบอร์โทรศัพท์ลูกสาวหรือว่าลูกชายได้บ้างมั้ย เดี๋ยวผมโทรหาพวกเขาให้ ให้พวกเขามาช่วยคุณป้าจัดการ"
ปกติหลัวหยวนจะเจอกับหญิงชราแค่บังเอิญ ส่วนใหญ่ก็แค่เป็นหมอที่ช่วยดูแลสามีของเธอ ไม่ค่อยได้พูดคุยอะไรกับเธอมากนัก
ซึ่งการช่วยพูดของเขา ทำให้หัวหน้าอู๋ไม่พอใจ ส่งผลให้เขาต้องย้ายไปอยู่แผนกฝังเข็ม ตอนนี้เขาก็เลยไม่มีวิธีทางไหนที่จะช่วยหญิงชราได้อีก
เขาไม่สามารถสูญเสียหน้าที่การงานได้
ที่บ้านยังมีน้องชายรอเงินค่าเทอมจากเขาอยู่!
"ไม่มี ไม่มีเหลือซักคนแล้ว! ตายกันหมดแล้ว ตอนที่ขุดเหมืองแร่ถูกเหมืองแร่ถล่มทับ ลูกๆทั้งสามคนตายหมดไม่มีเหลือซักคน!.........."
หลัวหยวนตกตะลึง
เขามองดูหญิงชราที่นั่งตัวสั่นไหวอยู่บนทางเดิน สุดท้ายเขาก็ตัดใจไม่ได้
หลัวหยวนก้มหน้าลง ผ่านไปครู่ใหญ่เขาถอนหายใจ และคุกเข่าลงไป ยื่นมือไปหยิบชิ้นส่วนเครื่องลายครามขึ้นมา แต่เขาไม่ทันได้ระวัง ปลายนิ้วของเขาโดนบาดเป็นแผล
"ใส่เข้าไปในปาก รีบใส่เข้าไปในปาก.................." หญิงชรารีบพูดขึ้นมา
เมื่อหลัวหยนเห็นท่าทีของหญิงชราแล้ว เขาก็ทำตามอย่างขัดไม่ได้
ในฐานะที่เรียนจบหมอ แน่นอนว่าการกระทำแบบนี้ไม่ได้มีข้อดีอะไร
แต่ในเมื่อหญิงชราบอกให้เขาทำ เขาก็ทำตาม ไม่ทำให้หญิงชรารู้สึกเป็นห่วง
แต่ตอนที่นิ้วมือของหลัวหยวนแตะที่ริมฝีปาก เขาก็รู้สึกร้อนวูบ
และเขาก็ค่อยๆรู้สึกสับสน
สายตามองเห็นแสงเป็นเส้นๆ
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที ดวงตาของหลัวหยวนก็มืดมิด เขาหมดสติไป
กว่าหลัวหยวนจะได้สติขึ้นมาอีกครั้ง เขารู้สึกแปลกๆ
นี่ผมไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย!
มีเรื่องประหลาดแบบนี้เกิดขึ้นในโลกด้วยหรอ...............................
เมืองตงไห่ถูกปกคลุมไปด้วยหอมะหนาทั้งเมือง
ตอนนี้เป็นเวลาเที่ยงครึ่งแล้ว เจ้าหน้าที่ทางการแพทย์ที่ทำงานในแผนกผู้ป่วยในของโรงพยาบาลประชาชนเมืองตงไห่ไม่ได้พักผ่อนในเวลาพักกลางวัน แต่กลับยุ่งชุลมุน
เนื่องด้วยอากาศเย็นจัด ผู้ป่วยบางรายมีแนวโน้มที่จะป่วยในช่วงเวลานี้ ดังนั้นจึงมีการแจ้งเตือนอย่างต่อเนื่อง
บวกกับแพทย์ที่ปฏิบัติหน้าที่มีจำนวนจำกัด ทุกคนก็เลยยุ่งกว่าปกติ
หลัวหยวนเป็นแพทย์ฝึกหัดของโรงพยาบาลแห่งนี้ เขาถูกมอบหมายให้อยู่ห้องไอซียู
ว่ากันว่า คนที่มีโอกาสได้เข้ามาฝึกงานที่โรงพยาบาลแห่งนี้ได้ต้องเป็นคนที่เก่งมาก ถ้าไม่มีอะไรผิดพลาดไม่เกินสามเดือนก็จะได้ทำงานที่นี่ต่อ
แต่สำหรับหลัวหยวนที่สามารถได้เข้าไปทำงานในห้องไอซียู ต้องเป็นหัวกะทิของหัวกะทิอีกที
แต่หลัวหยวนฝึกงานมาแล้วครึ่งปีเต็มๆ
ระยะเวลาในการฝึกงานครึ่งปีที่ผ่านมาไม่มีอะไรผิดพลาดเลย แต่เขากลับมองไม่เห็นความหวังที่จะได้เข้าทำงาน
เขาเป็นหมอที่มีหัวใจของความรักและความยุติธรรม
ถึงแม้จะมองไม่เห็นความหวัง หลัวหยวนยังคงมุ่งมั่นที่จะเป็นเทวดาชุดขาวในการช่วยชีวิตผู้ป่วยอย่างจริงจัง
ไม่ใช่เขาไม่รู้เหตุผลที่เขาไม่ได้รับเข้าทำงาน
ไม่ได้เป็นเพราะทักษะในการทำงานของเขามีปัญหา แต่เป็นเพราะบ้านเขาจน
ทำให้ไม่มีความสามารถที่จะประจบประแจงผู้บังคับบัญชา และไม่มีคอนเนคชั่นในการสนับสนุน
และเนื่องจากการมีตัวตนของเขา ทำให้หลานชายของหัวหน้าต้องไปอยู่แผนกผู้ป่วยทั่วไป
เป็นเพราะเหตุผลเหล่านี้ ทำให้เขาไม่สามารถเอาตัวเองออกไปจากคำว่าแพทย์ฝึกหัดได้
ในมือของหลัวหยวนถือสมุดอยู่เล่มหนึ่ง เขาเดินอยู่ด้านหลังหมอเจียง เขาจดบันทึกข้อมูลเกี่ยวกับอาการของผู้ป่วยอย่างจริงจัง กลัวว่าจะพลาดอะไรไป
"หลัวหยวน ผู้ป่วยที่อยู่ในห้องICU 7เป็นอย่างไรบ้างแล้ว?"
ณ ทางเดิน จู่ๆหมอเจียงก็หันกลับไปถามหลัวหยวน
หลัวหยวนคิดอยู่ครู่หนึ่ง และรีบตอบกลับไปว่า " อาการไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ถึงแม้ว่าตอนนี้จะอยู่ภายใต้การควบคุม แต่ถ้าหากผู้ป่วยเกิดมีอารมณ์ตวามรู้สึกตื่นเต้นขึ้นมา ก็จะเป็นอันตรายมากๆ อ่อใช่ ผลเอ็กซเรย์ออกมาแล้ว หมอเจียงลองดูครับ"
ในขณะที่พูด หลัวหยวนก็หยิบแผ่นเอ็กซเรย์ที่สอดอยู่ในสมุดออกมาและยื่นให้หมอเจียง
หมอเจียงพยักหน้าด้วยความพอใจ และโบกมือ " ไม่ต้องให้ผมดูแล้ว คุณบอกมาเลย!"
หลัวหยวนรู้สึกซาบซึ้งมากสำหรับความเชื่อใจของหมอเจียง
เขาเก็บแผ่นเอ็กซเรย์สอดเข้าไปในสมุดอีกครั้ง "ผู้ป่วยมีการอุดตันของหลอดเลือดหัวใจตีบหลายเส้น แนะนำว่าต้องรีบทำการผ่าตัดบายพาส ผมลองถามญาติของผู้ป่วยแล้ว พวกเขาบอกว่าพวกเขาเตรียมตัวไว้นานแล้ว เพียงแต่.................."
"เพียงแต่ช่วงนี้หมอผ่าตัดของโรงพยาบาลไม่พอ ใช่มั้ย!" หมอเจียงขมวดคิ้วเล็กน้อย มีสายตาแห่งความโกรธปรากฏขึ้นมาเล็กน้อย
"ใช่ครับ"
" ห่าย น่าเสียดาย!" หมอเจียงถอนหายใจและพูดว่า " ถ้าคุณได้ผ่านการฝึกงานล่ะก็ การผ่าตัดเคสนี้ผมก็จะสามารถเสนอชื่อคุณได้ คุณฝึกงานกับผมมาจะครึ่งปีแล้วใช่มั้ย ความสามารถของคุณผมรู้ดี น่าเสียดาย.....หึ่ย! เหล่าอู๋ ทำเกินไปจริงๆ!"
เขาพูดคำว่าน่าเสียดายติดกันสองครั้ง พูดจนถึงประโยคสุดท้าย สายตาเต็มไปด้วยความโกรธ
แน่นอนว่าเขารู้เหตุผลว่าทำไมหลัวหยวนถึงยังไม่ผ่านการฝึกงาน และเขาก็รู้สึกไม่พอใจหัวหน้าอู๋คนที่มีอำนาจกุมชีวิตของแพทย์ฝึกหัดไว้ในมือ
แต่เขาเองก็เป็นเพียงแค่แพทย์คนหนึ่งเท่านั้น
เขาไม่มีสิทธิ์ที่จะไปเปลี่ยนแปลงอะไรได้
หมอเจียงถอนหายใจและตบไหล่ของหลัวหยวนเบาๆ พร้อมทั้งพูดปลอบใจว่า " โอเค เป็นทองแท้ยังไงซักวันก็ต้องส่องแสงประกาย อดทนต่ออีกหน่อย อาจจะมีโอกาสก็ได้ เออใช่! อย่าให้ผู้ป่วยต้องรอนานนะ ตอนนี้ผู้อำนวยการอู๋น่าจะไม่มีเคสผ่าตัด คุณไปบอกสภาพอาการให้เขารู้ จำไว้นะ พูดกับเขาดีดีหน่อย"
หลัวหยวนพยักหน้าพร้อมกล่าวขอบคุณ
ที่จริงต่อให้หมอเจียงไม่พูด เขาเองก็ไม่มีทางที่จะไปมีปัญหากับผู้บังคับบัญชาได้ นอกจากเขาไม่อยากทำงานที่นี่แล้ว
หลัวหยวนออกมาจากแผนกICUไปที่ห้องทำงานชั้นสอง ตอนที่เขากำลังจะเคาะประตูอยู่นั้น เขาก็ก็ได้ยินเสียงที่คุ้นหูดังมาจากข้างใน
"หัวหน้าอู๋ นี่เป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆของฉัน ฉันตั้งใจฝากให้คนไปเอามาจากบ้านเกิด นี่เป็นมรดกตกทอดของตระกูลเลยนะ เพื่อมาขอร้องให้คุณช่วยชีวิตสามีของฉัน คุณอย่ารังเกียจเลยนะ.................."
น้ำเสียงค่อนข้างมีอายุ และเป็นน้องเสียงอ้อนวอน
เธอไม่ใช่ใครที่ไหน เธอเป็นภรรยาของผู้ป่วยที่เป็นโรคหัวใจ คนที่หมอเจียงและหลัวหยวนพูดถึงเมื่อกี้
"คุณป้า ผมเข้าใจความรู้สึกของคุณนะ แต่คุณเองก็เห็นแล้วว่าคนไข้ของโรงพยาบาลเยอะมาก ก็ต้องจัดลำดับก่อนหลัง " หัวหน้าอู๋ติดนิสัยพูดเป็นทางการ
หญิงชราพูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเหน่อๆของคนตะวันออกเฉียงเหนือว่า " หัวหน้าอู๋ คุณเก่ง คุณช่วยรักษาตาแก่ของฉันด้วยนะ............หมอที่ดูแลตาแก่บอกแล้วว่า ถ้าได้ผ่าตัดยิ่งเร็วยิ่งดี ถ้ายื้อต่อไปก็จะยิ่งเป็นอันตราย เมื่อปีที่แล้วพวกเรามาแล้วครั้งหนึ่ง แต่พวกคุณก็จ่ายยาให้กลับไปกิน นี่ผ่านไปยังไม่ทันถึงปี ยาก็กินตลอดไม่เคยหยุด ครั้งนี้สามีของฉันเกือบจะตายแล้ว ครั้งนี้ที่เขาสามารถอดทนจนมาถึงที่โรงพยาบาลได้ ก็หายใจลำบากมากแล้ว ถ้ายังปล่อยให้ทรมานต่อไป.............."
หัวหน้าอู๋พูดขัดจังหวะการขอร้องของหญิงชราว่า " ใครบอกกับคุณ? ใคร! สามีของคุณอายุหกสิบเจ็ดปีแล้ว ปกติผู้ป่วยที่อายุหกสิบปีขึ้นไปทำการผ่าตัดแบบนี้ก็เสี่ยงกันทั้งนั้น การที่พวกเราทำแบบนี้ ก็เพื่อรับผิดชอบต่อผู้ป่วย! ขออย่าไปเชื่อพวกที่ไม่มีความชำนาญ!"
เมื่อได้ยินคำพูดนี้ หลัวหยวนก็ขมวดคิ้ว
เขากระแอมหลังจากนั้นก็เคาะประตู และเดินเข้าไปในห้องทำงาน
"หัวหน้าครับ ผมเองครับ ผมเป็นคนพูด!" หลัวหยวนพูด
"อะไรของคุณ?! หึ่ย โรงพยาบาลยุ่งขนาดนี้ คุณมาวุ่นวายอะไร โอเค คุณป้า ผมรับทราบอาการของสามีของคุณแล้ว ตอนนี้ผมต้องไปประชุม ผมต้องขอตัวก่อน"
เมื่อพูดจบ หัวหน้าอู๋ก็จ้องมาที่หลัวหยวนแรงๆ
หลังจากนั้นก็ลุกขึ้นเตรียมตัวจะเดินออกไป
หลัวหยวนตัวสั่น ไม่ได้พูดอะไร
แต่เมื่อเขาเหลือบตาไปเห็นหญิงชราร้องไห้น้ำตาไหล เขาก็รู้สึกโกรธขึ้นมา
ทั้งๆที่มีโอกาส แต่ก็พยายามที่จะยื้อไว้ ทำให้เกิดการล่าช้าในการรักษา
ไม่ใช่เพราะว่าไม่ได้ยัดเงินให้คุณหรอกหรอ? !
ไม่รู้มีความกล้ามาจากไหน หลัวหยวนเดินเข้าไปขวางหน้าหัวหน้าอู๋
"ทำอะไร หลัวหยวน! หลบไป รีบหลบไปเดี๋ยวนี้!" สายตาของหลัวหยวนทำให้หัวหน้าอู๋ต้องถอยหลังกลับไป
"หัวหน้าอู๋ครับ อาการป่วยของคุณตาเจียงอยู่ในภาวะวิกฤต ไม่สามารถยื้อต่อไปได้อีกแล้ว! ถ้าปล่อยไปแบบนี้ต่อไปล่ะก็ มันก็จะยิ่งแย่ลง ยาที่จ่ายไปหนึ่งปีก็ไม่ช่วยอะไรอีกแล้ว จำเป็ต้องผ่าตัดทำบายพาส ไม่งั้น................."
หลัวหยวนยังไม่ทันพูดจบ หัวหน้าอู๋ที่ตั้งตัวได้ก็พูดขัดขึ้นมา
"ไม่งั้นจะเป็นอย่างไร? ! คุณมีสิทธิ์มาอบรมสั่งสอนผมตั้งแต่เมื่อไหร่แล้ว? ! คุณก็แค่แพทย์ฝึกหัดตัวเล็กๆคนหนึ่ง คุณกล้ามาพูดแบบนี้กับผู้อำนวยการ คุณกำลังสงสัยในวิชาชีพของผมหรอ? ! หึ่ย น่าตลก น่าตลกจริงๆ!"
หลัวหยวนรู้สึกว่าคำพูดของตัวเองไม่น่าตลกเลยซักนิด แต่คำตอบที่ได้รับจากหัวหน้าอู๋ต่างหากที่น่าตลกมากๆ
แต่ต้องพยายามมีสติ
หลัวหยวนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อระงับอารมณ์ และพยายามใช้น้ำเสียงปกติพูดออกไปว่า "หัวหน้าอู๋ครับ ผมไม่ได้จะมาต่อต้านคุณ เพียงแค่................."
"หลบไปเดี่ยวนี้!"หัวหน้าอู๋พูดขัดหลัวหยวนขึ้นมา "คนไข้ของโรงพยาบาลจำนวนมากที่รอการผ่าตัด ต้องให้ผมมาทำให้ทุกเคสเลยหรือไง? ! หึ่ย เป็นแพทย์ฝึกหัดมาตั้งครึ่งปี ไม่มีการพัฒนาอะไรเลย สร้างแต่เรื่อง ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณไปทำงานที่แผนกฝังเข็มแล้วกัน!"
พูดจบ หัวหน้าอู๋ก็ผลักเขาไปอีกด้านหนึ่ง หลังจากนั้นก็ปิดประตูอย่างแรง
เผล้ง!
ประตูบังเอิญไปโดนแขนของหญิงชรา ทำให้กล่องที่อยู่ในมือสั่น และตกลงบนพื้นอย่างจัง ทำให้มีเสียงเครื่องลายครามแตก
"มรดกตกทอดของตระกูล........... "มรดกตกทอดของตระกูล........แตกแล้ว ทำไมถึงแตกได้ล่ะ! เห้อ! จบแล้ว จบแล้ว จบสิ้นแล้! ตาแก่ ฉันต้องขอโทษด้วยนะ ขอโทษด้วย ฮือ ฮือ ฮือ................"
หญิงชราค่อยๆคุกเข่าลงบนพื้น นั่งมองเครื่องลายครามที่แตกอยู่บนพื้น และส่งเสียงร้องสะอึกสะอื้น
หัวหน้าอู๋หันกลับมา ทำสีหน้ารังเกียจ
"คุณป้า ก็แค่เครื่องลายครามเก่าๆเท่านั้นเอง อย่ามาพูดว่าเป็นมรดกตกทอดเลย! หึ่ย สองร้อยหยวนนี้ถือว่าผมให้ก็แล้วกัน ถือเป็นค่าเสียหาย! แก่จนจะลงโลงขนาดนี้แล้ว จะเอาเงินเยอะๆไปทำอะไรอีก ! คุณไม่ต้องไปดื้นรนหาทางอะไรแล้วนะ เดี่ยวถึงคิวสามีของคุณก็จะได้ผ่าตัดเอง!"
พูดจบ หัวหน้าอู๋ก็ขว้างเงินสองร้อยหยวนมา และเขาก็จากไป
เมื่อเห็นลักษณะท่าทางเสียใจของหญิงชรา ทำให้หลัวหยวนคิดถึงแม่ของเขาที่จากไปแล้ว
เดิมทีเขาอยากจะหลับตา จะได้ไม่เห็นสิ่งที่เกิดขึ้น
แต่เสียงร้องไห้ของหญิงชราดังลอดเข้ามาในหูของเขา ทำให้เขาต้องใจอ่อน
หญิงชรานั่งคุกเข่าอยู่บนพื้น มือที่หยิบเครื่องลายครามขึ้นมาสั่นไหว
มือข้างหนึ่งยื่นออกไป ค่อยๆจับมือที่มีอายุอย่างเบาๆ
เสียงที่คุ้นหูดังขึ้น " คุณป้าครับ คุณป้าไม่ต้องเก็บแล้ว กลับห้องผู้ป่วยไปก่อน เดี๋ยวผมเก็บให้เอง"
หญิงชราเงยหน้าขึ้นมา ริมฝีปากสั่น ดวงตาขุ่นมัวจ้องมาที่หลัวหยวน " คุณหมอหลัว นี่เป็นมรดกตกทอดของตระกูลป้าจริงๆนะ! คุณก็รู้ ฉันไม่ได้ตั้งใจจะทำมันแตกเพื่อหลอกเอาเงิน ที่เอามาครั้งนี้ ก็เพราะกลัวว่าเงินค่ารักษาตาแก่จะไม่พอ ห่าย จบแล้ว แตกแล้ว แตกหมดแล้ว...................."
หลัวหยวนมองหญิงชราที่ร้องไห้ด้วยความสงสาร เขาขมวดคิ้วเงียบอยู่ครู่หนึ่งและพูดว่า " คุณป้าพอจะจำเบอร์โทรศัพท์ลูกสาวหรือว่าลูกชายได้บ้างมั้ย เดี๋ยวผมโทรหาพวกเขาให้ ให้พวกเขามาช่วยคุณป้าจัดการ"
ปกติหลัวหยวนจะเจอกับหญิงชราแค่บังเอิญ ส่วนใหญ่ก็แค่เป็นหมอที่ช่วยดูแลสามีของเธอ ไม่ค่อยได้พูดคุยอะไรกับเธอมากนัก
ซึ่งการช่วยพูดของเขา ทำให้หัวหน้าอู๋ไม่พอใจ ส่งผลให้เขาต้องย้ายไปอยู่แผนกฝังเข็ม ตอนนี้เขาก็เลยไม่มีวิธีทางไหนที่จะช่วยหญิงชราได้อีก
เขาไม่สามารถสูญเสียหน้าที่การงานได้
ที่บ้านยังมีน้องชายรอเงินค่าเทอมจากเขาอยู่!
"ไม่มี ไม่มีเหลือซักคนแล้ว! ตายกันหมดแล้ว ตอนที่ขุดเหมืองแร่ถูกเหมืองแร่ถล่มทับ ลูกๆทั้งสามคนตายหมดไม่มีเหลือซักคน!.........."
หลัวหยวนตกตะลึง
เขามองดูหญิงชราที่นั่งตัวสั่นไหวอยู่บนทางเดิน สุดท้ายเขาก็ตัดใจไม่ได้
หลัวหยวนก้มหน้าลง ผ่านไปครู่ใหญ่เขาถอนหายใจ และคุกเข่าลงไป ยื่นมือไปหยิบชิ้นส่วนเครื่องลายครามขึ้นมา แต่เขาไม่ทันได้ระวัง ปลายนิ้วของเขาโดนบาดเป็นแผล
"ใส่เข้าไปในปาก รีบใส่เข้าไปในปาก.................." หญิงชรารีบพูดขึ้นมา
เมื่อหลัวหยนเห็นท่าทีของหญิงชราแล้ว เขาก็ทำตามอย่างขัดไม่ได้
ในฐานะที่เรียนจบหมอ แน่นอนว่าการกระทำแบบนี้ไม่ได้มีข้อดีอะไร
แต่ในเมื่อหญิงชราบอกให้เขาทำ เขาก็ทำตาม ไม่ทำให้หญิงชรารู้สึกเป็นห่วง
แต่ตอนที่นิ้วมือของหลัวหยวนแตะที่ริมฝีปาก เขาก็รู้สึกร้อนวูบ
และเขาก็ค่อยๆรู้สึกสับสน
สายตามองเห็นแสงเป็นเส้นๆ
หลังจากนั้นไม่กี่วินาที ดวงตาของหลัวหยวนก็มืดมิด เขาหมดสติไป
กว่าหลัวหยวนจะได้สติขึ้นมาอีกครั้ง เขารู้สึกแปลกๆ
นี่ผมไม่ได้ฝันไปใช่มั้ย!
มีเรื่องประหลาดแบบนี้เกิดขึ้นในโลกด้วยหรอ...............................
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.webreadapp.com All rights reserved