บทที่ 9 ตัดสินใจอยู่ต่อ

เมื่อรู้ว่าคุณท่านหม่าพ้นขีดอันตรายแล้ว สองสามีภรรยาตระกูลหม่าทั้งตกใจและดีใจ รีบเดินเข้ามาในห้อง

ใช้เวลาไม่ถึงครึ่งชั่วโมง คุณท่านหม่ากลับฟื้นตัวได้ดีขึ้น ถ้าไม่ใช่หมออัจฉริยะแล้วคืออะไร? !

ซูเหม่ยรู้ถึงความผิดพลาดของตัวเอง เธอกล่าวขอโทษต่อหลัวหยวน " คุณหมอหลัวคะ ขอโทษค่ะ! เมื่อกี้............."

หลัวหยวนส่ายมือ พูดขัดซูเหม่ยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า " ไม่เป็นไรครับ! คุณผู้หญิงหม่าเองก็มีจิตใจเป็นกังวล แต่ตอนนี้คุณท่านหม่าพ้นขีดอันตรายแล้ว โอเค งั้นผมก็ควรต้องไปแล้ว คุณท่านหม่าต้องพักผ่อนอย่างน้อยหนึ่งเดือน ดังนั้นดีที่สุดเดือนนี้อย่าเพิ่งออกจากโรงพยาบาลก่อน"

พูดจบ หลังหยวนเตรียมตัวจะไป

หม่ากงฉีตกใจ เขารีบดึงบัตรใบหนึ่งและนามบัตรออกมาจากกระเป๋า

"คุณหลัว นี่เป็นน้ำใจเล็กๆน้อยๆของผม"

"คุณหม่า..........."

หลัวหยวนขมวดคิ้วเล็กน้อย

หม่ากงฉีรู้ว่าหลัวหยวนต้องเข้าใจผิดแน่ๆ เขาก็เลยรีบพูดอธิบายว่า " คุณหลัว คุณเข้าใจผิดแล้ว! นี่เป็นบัตรวีวีไอพีของคลับเฮ้าส์ในเครือบริษัทของผม สามารถใช้บัตรใบนี้ในการมาใช้บริการที่คลับเฮ้าส์ไห่เยว่ ไม่ต้องเสียค่าใช้จ่ายใดใด กรุณารับไว้เถอะครับ ไม่งั้นเดี๋ยวคุณพ่อของผมท่านตื่นขึ้นมา ท่านจะตำหนิพวกผมสองคนได้ว่าไม่มีมารยาท"

หลัวหยวนลังเลอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นเขาก็รับบัตรวีวีไอพีสีทองที่สวยงาม

เขาไม่ได้เป็นคนยึดติด การที่หม่ากงฉีให้เกียรติพ่อของตัวเอง นี่ถือเป็นวิ่งที่น่าชื่นชม

ถึงแม้อาการของคุณท่านหม่าในตอนนี้คงที่แล้ว แต่เขาต้องพักผ่อนชั่วระยะเวลาหนึ่งร่างกายถึงจะค่อยๆฟื้นฟู

แต่การรักษาหลังจากนี้ก็คงต้องให้เขาเป็นคนดูแล ถ้าเขายังหยิ่งยโสยืนหยัดที่จะปฏิเสธหรือต่อรอง ก็ถือว่าเขาจิตใจคับแคบ

เพียงแค่หลัวหยวนยังไม่รู้จักธุรกิจของหม่ากงฉี

เขาไม่รู้ว่าคลับเฮ้าส์นั้นไม่ได้เป็นสถานที่ที่ใครจะเข้าไปก็ได้

บัตรวีวีไอพีใบนี้ ในเมืองตงไห่ก็มีอยู่แค่ไม่กี่ใบเท่านั้น

นี่เป็นบัตรที่หม่ากงฉีจะให้เฉพาะคนที่เขาต้องการจะติดต่อปฏิสัมพันธ์ด้วยเท่านั้น คนที่ได้รับบัตรใบนี้ไม่ใช่คนธรรมดาทั่วไป ล้วนเป็นคนยิ่งใหญ่ สูงส่ง ร่ำรวย

การที่เขาให้บัตรใบนี้กับหลัวหยวน นอกจากจะเป็นการขอบคุณที่เขาช่วยชีวิตพ่อเอาไว้แล้ว ที่จริงยังมีอีกหนึ่งจุดประสงค์

เขารู้จักอาการป่วยของพ่อเป็นอย่างดี เขาไปหาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญมาทั่วประเทศแล้ว มีแต่คนบอกว่าทำได้เพียงรักษาตามอาการ ไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้

และเมื่อมันกำเริบขึ้นมาอีกก็จะเป็นอันตรายอย่างมาก มีโอกาสน้อยที่จะกู้คืน

แต่เมื่อมาถึงมือของหลัวหยวน นอกจากจะรักษาอาการที่กำเริบได้แล้ว พักผ่อนเพียงแค่หนึ่งเดือนก็สามารถหายเป็นปกติได้!

คนกินอาหารหลากหลายชนิด ใครๆก็ไม่สามารถหลบหนีการป่วยได้

การที่ได้รู้จักหมอเก่งๆ ไม่เพีงแต่เป็นการปกป้องตัวเองและครอบครัว แต่ในช่วงเวลาที่เหมาะสม ยังเป็นการขยายเครือข่ายทรัพยากรได้อีกด้วย

ผู้อำนวยการฮวางเดินมาด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยยิ้ม เขายิ้มและพูดว่า " เสี่ยวหลัว คิดไม่ถึง คิดไม่ถึงจริงๆเลยนะ! ว่าโรงพยาบาลของเราจะมีหมอฝีมือยอดเยี่ยมอยู่ คนเก่งๆเกือบจะถูกใครบางคนฝังไว้! ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป คุณผ่านการฝึกงานแล้ว! ผมว่าความสามารถของคุณ สามารถเป็นแพทย์ของโรงพยาบาลเราได้แบบเต็มตัวแล้ว!"

เมื่อเห็นผู้อำนวยการฮวางที่เปลี่ยนสีหน้าท่าทางได้อย่างรวเร็ว หลัวหยวนก็รู้สึกรังเกียจ

เขาพูดนิ่งๆว่า " ขอบคุณความหวังดีของผู้อำนวยการฮวางมากๆครับ แต่คนที่ไม่รักษากฎระเบียบอย่างผม จะมารับหน้าที่ในตำแหน่งนี้ได้อย่างไรกัน? ! ผมว่า คุณหาคนอื่นที่มีความสามารถมาทำดีกว่าครับ!"

พูดจบ หลัวหยวนก็ไม่สนใจผู้อำนวยการฮวางที่ยืนอับอายอยู่ตรงนั้นอีก เขารีบเดินออกไป

ในตอนนี้เอง เหนียนชิงอวิ๋นก็เดินเข้ามา " เสี่ยวหลัว มีเวลามั้ย? ออกไปเดินเล่นกับผมหน่อยเป็นไง?"

เหนียนเหล่า.................

หลัวหยวนชะงักไป เขาพยักหน้า และเดินตามหลังเหนียนเหล่าออกไปจากห้องพักผู้ป่วย

ใบหน้าผู้อำนวยการฮวางเต็มไปด้วยความอับอาย จู่ๆสายตาของเขาก็เหลือบไปเห็นหัวหน้าอู๋ เขาโกรธขึ้นมาทันที

แต่เมื่อนึกถึงคนเบื้องหลังที่สนับสนุนหัวหน้าอู๋อยู่ ผู้อำนวยการฮวางก็เลยไม่สามารถฉีกหน้าหัวหน้าอู่ได้โดยตรง เขาก็เลยยิ้มเจื่อนๆ และพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งๆว่า " หัวหน้าอู๋ ปีนี้คุณอายุสามสิบเจ็ดหรือว่าสามสิบแปด?"

หัวหน้าอู๋สัมผัสถึงแววตาแปลกๆของผู้อำนวยการฮวาง แต่เขก็ตอบกลับไปว่า "ยังมีอีกสองเดือนก็จะครบสามสิบแปดครับ"

"ใกล้จะสามสิบแปดแล้วนะ! อายุก็ไม่น้อยแล้ว ภาระหน้าที่ของโรงพยาบาลหนักและมีความกดดัน อืม เดี๋ยวผมจะพิจารณาหาคนมาช่วยแบ่งเบาภาระคุณหน่อย จะได้ไม่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นอีก ความเสี่ยงที่เกิดขึ้นในการรักษา"

หัวหน้าอู่ตกใจ ตอนที่เขากำลังจะพูดอะไรขึ้นมานั้น ก็ถูกผู้อำนวยการฮวางขัดไว้ว่า " ผมตัดสินใจแล้วว่าผมจะมอบงานที่แผนกผู้ป่วยในให้หมอเจียง ต่อไปคุณก็แค่ดูแลแผนกฉุกเฉินแล้วกัน คุณมีประสบการณ์การทำงานมากมาย มีคุณคอยรับมืออยู่จะได้ไม่มีปัญหา"

เขาไม่ให้โอกาสหัวหน้าอู๋ได้อ้าปากพูดอะไร เมื่อผู้อำนวยการฮวางพูดประโยคนี้จบ เขาก็เดินออกไปทันที

หัวหน้าอู๋รู้สึกเสียใจ

ถูกเนรเทศไปอยู่แผนกอย่างแผนกฉุกเฉิน การที่เขาจะประจบประแจงหรือรับเงินใต้โต๊ะมันก็ไม่ได้ง่ายเหมือนอยู่แผนกผู้ป่วยในอีกแล้ว

เขารู้ว่าผู้อำนวยการฮวางไม่ชอบเขา แต่ก็คิดไม่ถึงเลยว่า ผู้อำนวยการฮวางจะทำแบบนี้กับเขา

อีกอย่าง เนื่องจากเกี่ยวข้องกับตระกูลหม่า เกรงว่าคนที่คอยสนับสนุนเขาอยู่เบื้องหลังเองก็กลัว คงไม่กล้ายื่นมือเข้ามาช่วย

อีกทั้งวิธีการจัดการของผู้อำนวยการฮวางก็ลึกซึ้งมาก ไม่ได้จัดการถึงขั้นที่สุด

อย่างน้อยในสายตาของคนอื่น แผนกฉุกเฉินถือเป็นแผนกที่มีความสำคัญมาก

เขาก็เลยไม่มีทางที่จะบอกคนที่สนับสนุนเขาอยู่เบื้องหลังได้ว่า ที่เขาไม่อยากไปแผนกฉุกเฉินพราะรับเงินใต้โต๊ะได้หน่อย?

อีกอย่างไม่ว่าความมีจิตใจและคุณธรรมของแพทย์ของเขาจะเป็นอย่างไร แต่การรักษาผู้ป่วยของหัวหน้าอู๋ก็มีความสามารถในระดับหนึ่ง

การที่เขาได้อยู่ในตำแหน่งหัวหน้าของโรงพยาบาลแห่งนี้ ส่วนหนึ่งก็เป็นเพราะความสามารถของเขาด้วย

ส่วนเรื่องการได้รับผลประโยชน์ ก็ต้องมีความสามารถส่วนหนึ่งด้วยถึงได้มา

ถ้าจัดวางให้เขาไปทำงานที่มีเวลาว่างมากๆ แบบนั้นก็ถือว่าเสียดายของ

อีกทั้งไม่รู้จะพูดออกไปอย่างไร

หลัวหยวนในตอนนี้เขาเดินอยู่ข้างๆเหนียนเหล่าอย่างเงียบๆ

"เสี่ยวหลัว ทำไมคุณถึงเลือกเรียนแพทย์? " เหยียนชิงอวิ๋นถามขึ้นมา

"เพื่อรักษาผู้ป่วยและช่วยชีวิตคนที่กำลังจะตายด้วยหัวใจที่เมตตาของแพทย์ครับ หลัวหยวนพูดออกมาประโยคหนึ่งแล้วเงียบไป หลังจากนั้นก็พูดเสริมขึ้นมาอีกประโยคหนึ่งว่า " และผมต้องการฟื้นฟูแพทย์แผนจีนครับ"

"หา? ดูท่าทางคุณจะมั่นใจในแพทย์แผนจีนมากๆ " เหนียนชิงอวิ๋นพูดยิ้มๆ

"ครับ!"

"ถึงแม้ว่าผมจะสนับสนุนการรวมกันของการแพทย์ตะวันตกและแพทย์แผนจีน แต่ส่วนใหญ่ก็มักจะเอนเอียงไปทางแพทย์ตะวันตกมากกว่า การแพทย์แผนจีนกว้างขวางและลึกซึ้ง แต่ความรู้วิธีการรักษาและยาสืบทอดมาสู่หมอรุ่นหลังมีไม่เยอะ " เหนียนชิงอวิ๋นค่อยๆเดินออกไปไกล

"เหนียนเหล่า ผมมีความมั่นใจว่าจะส่งเสริมและฟื้นฟูการแพทย์แผนจีนได้ " หลัวหยวนพูดด้วยความมั่นใจ

เขามีความเชื่อมั่น

โดยอาศัยความรู้แพทย์แผนจีนที่อยู่ในหัวของเขา เขาเชื่อว่าขอแค่เขาสามารถผสมผสานและเชื่อมโยงกัน และได้ฝึกฝีไม้ลายมือ จะต้องทำให้การแพทย์แผนจีนโดดเด่นขึ้นมาได้ ทำให้ผู้คนได้รู้จักการแพทย์แผนจีนใหม่อีกครั้งหนึ่ง

"ดี ในเมื่อคุณมีความมั่นใจขนาดนั้น งั้นคุณก็ไม่ควรต้องไป " จู่ๆเหนียนชิงอวิ๋นก็หยุดเดิน และพูดขึ้นมายิ้มๆ

"เหนียนเหล่า คุณรู้แล้วหรอ?" หลัวหยวนถาม

เหนียนชิงอวิ๋นอายุใกล้จะหกสิบปีแล้ว เป็นคนที่น่าเคารพนับถือ เขามีชื่อเสียงมากในโรงพยาบาลแห่งนี้

ถึงแม้เขาจะเป็นแค่รองผู้อำนวยการ แต่คนที่คุ้นเคยกับระบบโรงพยาบาลก็จะรู้ว่า ตำแหน่งรองผู้อำนวยการไม่ต้องเข้ามายุ่งเกี่ยวกับการบริหาร

อีกทั้งความสามารถของเหยียนชิงอวิ๋นก็อยู่ในระดับสูง เขามีชื่อเสียงที่สุดในระบบการแพทย์ของประเทศ มีผู้ป่วยจากทั่วประเทศจำนวนมากที่ชื่นชมเขาและมาต่อคิวรอการรักษาจากเขา

ด้วยเหตุนี้ เขาจึงมีเวลาน้อยมากที่จะมาสนใจเรื่องในแต่ละวันของโรงพยาบาล

"ห่าย หน้าต่างมีรูประตูมีช่อง" เหนียนชิงอวิ๋นถอนหายใจและพูดว่า " ตอนนั้น ผมเองก็เหมือนกับคุณ คิดว่าตัวเองมีทักษะทางการแพทย์ที่ดี ก็จะไม่มีใครมาทำอะไรได้ แต่ตอนนี้มาคิดๆดูแล้ว บางความคิดก็ค่อนข้างไร้เดียงสา ดังนั้นหลายปีที่ผ่านมานี้ ผมตัดสินใจแล้ว ทำอะไรที่มีความก้าวหน้าและประสบความสำเร็จ"

"เหนียนเหล่า คุณต้องการให้ผมอยู่ต่อหรอ?" หลัวหยวนถาม

เรื่องราวของเหนียนชิงอวิ๋น หลัวหยวนเคยได้ยินคนอื่นพูดมาบ้างแล้ว

เดิมทีเขาเป็นแพทย์รักษาผู้นำที่ยิ่งใหญ่ของเมืองจิงเฉิง แต่ไม่รู้ว่าไปมีปัญหาอะไรกับใคร เขาก็เลยโดนเนรเทศมาอยู่ที่เมืองตงไห่

"ใช่ ผมหวังว่าคุณจะอยู่ต่อ โรงพยาบาลของเราต้องการคนมีความสามารถแบบคุณ ผู้ป่วยของเราก็ต้องการหมอที่มีทักษะดีแบบคุณ อยู่ที่นี่ ผมพอที่จะช่วยปกป้องคุณเพื่อให้คุณพัฒนาได้อย่างถูกต้อง เพื่อให้คุณสามารถใช้ทักษะทางการแพทย์ของคุณได้อย่างเต็มที่ " เหนียนชิงอวิ๋นมองหลัวหยวนด้วยสายตาเปล่งประกาย คำพูดที่เต็มไปด้วยความจริงใจ

หลัวหยวนคิดไม่ถึงว่า คนที่มีชื่อเสียงอย่างเหนียนชิงอวิ๋นจะเป็นคนที่มาพูดเกลี้ยกล่อมโน้มน้าว ให้ตนเองอยู่ต่อ?

หลัวหยวนคิดและยิ้มเจื่อนๆ

เมื่อเห็นว่าหลัวหยวนดูเหมือนจะลังเล เหนียนชิงอวิ๋นก็ขมวดคิ้วและพูดว่า " เสี่ยวหลัว คุณคงไม่คิดว่าผมมาพูดเกลี้ยกล่อมโน้มน้าวหรอกนะ? ผมไม่ได้ทำงานแค่ที่โรงพยาบาลประชาชนเมืองตงไห่แห่งนี้ ที่โรงพยาบาลตงไห่ซานเจี่ย ผมเองก็ทำงานที่นั่นด้วย แต่ผมคิดว่ามีเพียงโรงพยาบาลประชาชนเมืองตงไห่ที่เป็นสถานที่ที่ดีที่สุด ผมก็เลยอยากจะให้คุณอยู่ที่นี่ต่อ ก็เพราะไม่อยากให้แพทย์หนุ่มๆที่มีฝีมือเพราะเรื่องการแพ้และชนะ ต้องได้รับโทษไปอยู่ที่อื่น"

"แต่ เหนียนเหล่า................"

"เสี่ยวหลัว คุณฟังผมพูดให้จบก่อน!" เหนียนชิงอวิ๋นพูดต่อว่า " ผมรู้ จากความสามารถของคุณ ไม่ว่าคุณจะไปทำงานที่โรงพยาบาลเอกชน หรือว่าจะไปเปิดคลินิกของตัวเอง หรือแม้กระทั่งจะไปเป็นหมอประจำตัวให้กับคนร่ำรวยอย่างเช่นหม่ากงฉี คุณก็คงได้ผลตอบแทนไม่น้อย แต่คุณจะไม่มีวันได้ใช้สิ่งที่คุณได้เรียนรู้ในอาชีพของคุณ และยิ่งไม่สามารถตอบสนองความต้องการของคุณได้ ในเรื่องการส่งเสิรมการแพทย์แผนจีนของประเทศเรา คุณเข้าใจมั้ย? ทุกสิ่งทุกอย่างบนโลกใบนี้ขึ้นอยู่กับต้นทุน มันไม่ใช่เพียงเพราะตัวคุณเองทำมันได้ดีพอ แล้วจะมีทักษะทางธุรกิจที่ดี จะมีชื่อเสียงโด่งดัง มันก็เหมือนกับคุณในวันนี้ ฝึกงานมาครึ่งปีเต็มๆยังไม่ผ่านซักที เป็นเพราะความสามารถของคุณไม่พองั้นหรอ? ดังนั้น คุณจำเป็นต้องการสถานที่ที่ดี!"

หลัวหยวนคิดไม่ถึงว่าผู้อาวุโสในวงการการแพทย์ คนที่เขาให้ความเคารพนับถือจะมาพูดคำพูดพวกนี้ให้เขาฟัง ทำให้เขารู้สึกซาบซึ้ง

"เหนียนเหล่า ผมฟังคุณ!" หลัวหยวนสูดลมหายใจเข้าลึกๆ และค่อยๆพูดออกมา

เหนียนชิงอวิ๋นพยักหน้าด้วยความพอใจ " เสี่ยวหลัว ขอบคุณมากๆที่คุณยอมรับในคำแนะนำของผม ผมจะให้ผู้อำนวยการฮวางจัดให้คุณมีคุณสมบัติเป็นหัวหน้าโรงพยาบาลแพทย์แผนจีน อยู่ที่แผนกผู้ป่วยวิกฤติ และคุณก็ใช้ตำแหน่งแพทย์ แบบนี้ยิ่งจะช่วยให้คุณก้าวหน้าได้มากขึ้น"

เมื่อพูดประโยคนี้จบ เหนียนชิงอวิ๋นก็เดินไปที่ตึกบริหาร

หลัวหยวนเหนื่อยมาครึ่งคืนแล้ว โดยเฉพาะหมดแรงไปกับการใช้พลังฉีในการรักษาคุณท่านหม่า ก็เลยทำให้หลัวหยวนรู้สึกเหนื่อหล้ามาก

กลับมาถึงหอพัก เขาล้มหัวลงนอน

เขารู้สึกตัวขึ้นมาอีกที มองดูนาฬิกา เพิ่งจะหกโมงสิบห้านาที ฟ้ายังไม่ทันสว่าง

ดีที่ในตอนนี้ หิมะหยุดตกแล้ว

หลัวหยวนขัดสมาธินั่งสมาธิบนเตียง เขาปิดตา จมูกและหัวใจ ฝึกสมาธิตามวิธีจิ่วต้วนจิน

เขารู้สึกว่ามีพลีงฉีอยู่ในร่างกายของเขา เหมือนมีลมเพิ่มขึ้นที่จุดฉีไห่ซึ่งเป็นจุดที่อยู่บริเวณท้อง

หลังจากนั้นเขาก็เดินออกจากห้อง เดินมาที่สวนเล็กๆ ออกมาฝึกวิชาวิชาอู่ฉินซี่

ขนาดหลัวหยวนเป็นคนเคร่งขรึม เขายังรู้สึกตื่นเต้น

ลมที่ระเบิดอยู่ในร่างกายในตำแหน่งจุดฉีไห่ มันไหลไปตามเส้นทั้งแปด ทำให้รู้สึกสดชื่นนกระปรี้กระเปร่า ราวกับว่าร่างกายเต็มไปด้วยพลังที่ไม่มีที่สิ้นสุด

ดูท่าทางวิชาจิ่วต้วนจินและวิชาอู่ฉินซี่เจ้ากันได้ดีมาก

ทั้งสองวิชาต่างก็ส่งเสริมกันและกัน มันเป็นสิ่งดีดีที่ผสมผสานได้อย่างลงตัว!

เขาลองแอบตรวจสอบลมปราณที่บริเวณจุดฉีไห่

ถึงแม้จะยังบางเบาอยู่ แต่เขาเชื่อว่าถ้าฝึกแบบนี้ไปเรื่อยๆ เกรงว่าคงไม่ถึงครึ่งปี เขาจะสามารถเตรียมความพร้อมเบื้องต้นสำหรับการฝึกวิชาเก้าการเปลี่ยนแปลงของไหมเทพพระเจ้าได้

เมื่อเตรียมความพร้อมทุกอย่างเสร็จแล้ว เขาก็จะสามารถค้นหาสิ่งที่เขาต้องการจากชิ้นส่วนความทรงจำ เพื่อหาวิธีที่เหมาะสมในการฝึกวิชาที่น่าอัศจรรย์อย่างวิชาเก้าการเปลี่ยนแปลงของไหมเทพพระเจ้า

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

755