บทที่ 4 ไม่มีอะไรที่ต้องรู้สึกผิด

"เอ่อ............."

ผู้อำนวยการจะไปรู้ได้ไงว่าหลัวหยวนคือใคร เขาก็เลยไม่รู้จะตอบอย่างไรดี

หัวหน้าอู๋เข้าใจความหมายของซูเหม่ยผิด เขารีบเดินไปหาหลัวหยวนที่นั่งพิงเก้าอี้อยู่และพูดตำหนิว่า :

"วุ่นวาย! วุ่นวายจริงๆ! หลัวหยวน คุณเป็นแค่แพทย์ฝึกหัด ยังไม่ผ่านการฝึกงาน ทำไมถึงออกมารักษาผู้ป่วยโดยไม่ได้รับอนุญาต? ! ยังโชคดีที่ไม่ได้เกิดเรื่องอะไรขึ้น ไม่งั้นคุณจะรับผิดชอบได้มั้ย? ! ตอนนี้ รีบไปซะ ไปเขียนรายงานความผิดพลาดของตัวเองมาให้ผม"

หลัวหยวนหมดแรง และไม่อยากจะพูดอธิบายอะไร เขาก็เลยไม่สนใจ

หัวหน้าอู๋ส่งเสียงหึ่ยด้วยความเย็นชา และหันหน้ามา สีหน้าเปลี่ยนเป็นมีรอยยิ้ม " ประธานหม่าครับ ถึงแม้เขาจะเป็นแค่แพทย์ฝึกหัด แต่เป็นคนที่มีเทคนิคที่ดี ยังดีที่ผมมาทัน เมื่อให้คำแนะนำกับเขา ทุกอย่างก็เลยปลอดภัย ช่วยให้คุณท่านหม่าผ่านช่วงอันตรายมาได้ ตอนนี้คุณท่านหม่ากำลังนอนอหลับอยู่ เพื่อความมั่นใจ ผมคิดว่าจำเป็นต้องให้ท่านนอนดูอาการที่นี่ซักสองสามวัน พวกเราจะจัดการให้ดีที่สุดเพื่อทำให้สุขภาพของคุณท่านหม่าแข็งแรง"

เมื่อหัวหน้าอู๋พูดจบ สีหน้าของทุกคนก็เปลี่ยน

คิ้วของหม่ากงฉีขยับ เขากำลังจะระเบิด

แต่เขาเป็นนักธุรกิจที่มีประสบการณ์ช่ำชอง เขารีบระงับความโกรธอย่างรวดเร็ว และพยายามพูดด้วยน้ำเสียงปกติว่า " ผู้อำนวยการฮวาง ตกลงอาการป่วยของพ่อผมเป็นอย่างไรบ้าง? เกิดอะไรขึ้นกับโรงพยาบาลของคุณ? การเจ็บป่วยเร่งด่วนแบบนี้ ทำไมถึงให้แพทย์ฝึกหัดเป็นคนช่วยชีวิต? หรือว่าโรงพยาบาลของคุณมีเงินไม่พอ ทำให้ไม่สามารถให้บริการสุขภาพที่ดีได้อย่างเพียงพอ? ถ้าเป็นแบบนี้ ผมจะพิจารณาให้ฝ่ายการลงทุนพัฒนาแผนการสนับสนุนสำหรับโรงพยาบาลของคุณในปีนี้ !"

ผู้อำนวยการฮวางจะฟังความหมายแฝงในคำพูดของหม่ากงฉีงไม่ออกได้อย่างไรกัน ว่าเขาพูดเหน็บแนม

ไห่เทียนกรุ๊ปให้การสนับนุนโรงพยาบาลจำนวนมาก ในแต่ละปีให้การสนับสนุนอุปกรณ์การแพทย์หลายร้อยล้าน ไม่มีทางที่จะมองข้ามได้

หลัวหยวน!

ในขณะเดียวกันผู้อำนวยการฮวางก็จ้องแรงๆไปยังหัวหน้าอู๋

แต่หัวหน้าอู๋มีสีหน้าเย็นชา ไม่รู้สึกกลัว

ผู้อำนวยการฮวางรู้ว่า การที่หัวหน้าอู๋กล้าพูดแบบนี ก็เพราะแบ็คหลังที่สนับสนุนเขาอยู่

ถึงแม้ผู้อำนวยการฮวางจะรู้สึกโกรธมาก แต่ก็ไม่มีทางที่จะระบายความโกรธใส่เขาได้

หลัวหยวนใช่มั้ย!

ไม่รู้ว่าโผล่มาจากไหน คนที่ไม่รู้จักที่สูงที่ต่ำ

ต่อให้คุณมั่นใจกี่ร้อยกี่พันเปอร์เซ็นต์ แต่ก็ไม่ถึงกับต้องให้แพทย์ฝึกหัดอย่างคุณมาช่วยชีวิตผู้ป่วย!

เพียงแค่ชั่ววูบ ผู้อำนวยการฮวางก็ตัดสินโทษหลัวหยวนในใจ

ส่วนเหนียนเหล่าก็ยืนดูสถานการณ์ด้วยความเย็นชาอยู่ข้างๆ เหมือนเขาจะพอรู้ว่ามันเกิดอะไรขึ้นแล้ว เขาก็เลยพูดขึ้นมาว่า " หัวหน้าพยาบาลหวัง รายงานผลการตรวจของผู้ป่วยหล่ะ? บางทีอาการป่วยอาจจะไม่ได้รุนแรงขนาดนั้นก็ได้"

หัวหน้าอู๋ไม่กล้าทำอะไรบู่มบ่ามต่อหน้าผู้เชี่ยวชาญอย่างเหนียนชิงอวิ๋น เพราะผู้ที่สนับสนุนเบื้องหลังของเขายิ่งใหญ่มาก เขาก็เลยเรียกเหนียนเหล่าอย่างให้ความเคารพ เช่น คุณเหล่า หรือเรียกว่าอาจารย์

หัวหน้าอู๋ก็เลยดึงรายงานผลการตรวจมาจากมือของหัวหน้าพยาบาล

และเอารายงานมาอ่าน เหนียนเหล่าเห็นแล้วก็มีสีหน้าที่ไม่ค่อยดีนัก

ในรายงานเห็นได้ชัดว่า อาการของคุณท่านหม่ารุนแรงมาก ต่อให้เป็นเขา เขาก็จะใ้ทำการผ่าตัด

แต่ถึงแม้เขาจะเป็นคนผ่าตัดด้วยตัวเอง ก็ยัง50:50

แต่แพทย์ฝึกหัดคนที่ชื่อหลัวหยวนไม่รู้ไปโชคดีมาจากไหน สามารถช่วยชีวิตคุณท่านหม่าในช่วงเวลาคับขันได้

"เหนียนเหล่า คุณพ่อของผมตกลงเป็นอย่างไรบ้าง?"

หม่ากงฉีเองก็รู้เบื้องหลังของเหนียนชิงอวิ๋นดี เขารู้ว่าไม่ควรมีปัญหาด้วย เขาก็เลยถามด้วยความสุภาพ

เหนียนชิงอวิ๋นลังเลอยู่ครู่หนึ่ง หลังจากนั้นก็พูดด้วยความเคร่งขรึมว่า " ประธานหม่า อาการป่วยของคุณพ่อคุณค่อนข้างซับซ้อน เกรงว่าต้องเข้ารับการตรวจอย่างละเอียดก่อน ไม่แน่อาจจะต้องเข้ารับการผ่าตัด"

เขาเองก็รู้สึกกลัดกลุ้มใจ ผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรงขนาดนี้ไม่ได้รับการผ่าตัดแล้วจะอาการดีขึ้นได้อย่างไร?

เมื่อได้ยินคำพูดนี้ สีหน้าของหม่ากงฉีก็เคร่งขรึมขึ้น

เมื่อซูเหม่ยเห็นปฏิกิริยาของสามี เธอก็รู้ได้ทันทีว่าเขาไม่พอใจ แต่เธอไม่กล้าระเบิดใส่เหนียนชิงอวิ๋น เธอก็เลยหันไปหาผู้อำนวยการและพูดว่า " ผู้อำนวยการฮวาง งั้นรบกวนคุณหน่อยก็แล้วกัน รีบเตรียมการผ่าตัดเถอะ! ถ้าหากว่าเหนียนเหล่าพอจะสละเวลาได้ ก็รบกวนให้มาช่วยพ่อตาของฉันด้วย! ถ้าหากว่าขาดเหลืออุปกรณ์การแพทย์ชิ้นไหน และพวกเราสามารถช่วยเหลือได้ ให้รีบบอกทันที!"

คำพูดของซูเหม่ยฟังดูเหมือนกำลังปรึกษา แต่ใครบ้างหล่ะที่จะดูไม่ออกว่าในคำพูดนั้นแฝงคำสั่งอยู่

ในตอนนี้เอง เสียงของหลัวหยวนก็ดังขึ้น " ผู้ป่วยไม่ได้มีปัญหาใหญ่อะไรแล้ว ไม่จำเป็นต้องผ่าตัด อย่างไรก็ตามเพื่อความปลอดภัย ผมแนะนำว่าให้นอนพักฟื้นที่โรงพยาบาลครึ่งเดือน"

ฝึ่บ!

ทุกคนต่างหันหน้าไปมองหลัวหยวน และนึกถึงคำพูดที่หัวหน้าอู่เพิ่งพูดไปเมื่อกี้

ผู้ชายที่อยู่ตรงหน้า เป็นเพียงแค่แพทย์ฝึกหัด แต่เขากล้าพูดคำพูดนี้ออกมา

แต่หม่ากงฉีควบคุมตัวเองได้ดีมาก เขาเพียงแค่มองหลัวหยวนด้วยความเย็นชา และรีบเดินเข้าห้องไอซียูไป

กลุ่มคนพวกนั้นก็รีบเดินตามไปทันที

ตอนที่หัวหน้าอู๋เดินผ่านหลัวหยวน เขาก็พูดตำหนิด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า " หลัวหยวน ใครให้อำนาจคุณในการช่วยชีวิตผู้ป่วย? ! คุณท่านหม่าไม่ใช่คนธรรมดา หากเกิดอะไรขึ้นมา คุณจะรับผิดชอบได้มั้ย? ! หึย ถ้าคุณจะเป็นจะตายเพีงคนเดียวมันไม่เป็นอะไร แต่นี่มาทำให้โรงพยาบาลต้องมาลำบากไปด้วย และช่วยระวังคำพูดของคุณด้วย!"

หลัวหยวนรู้จุดประสงค์ของหัวหน้าอู๋ดี เขาต้องการให้หลัวหยวนหุบปาก หลังจากนั้นตัวเขาเองจะได้หาความดีความชอบสบายๆ!

แต่หลัวหยวนในตอนนี้ เขามีความมั่นใจมากขึ้น เขาจะยอมให้หัวหน้าอู๋สมความปราถนาได้อย่างไรกัน

หลัวหยวนพูดด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า " ผู้ป่วยไม่เป็นอะไรแล้ว ถ้าหากมีปัญหาอะไรหล่ะก็ ผมก็จะรับผิดชอบเอง ไม่จำเป็นต้องลำบากหัวหน้าอู๋!"

แก้มของหัวหน้าอู๋นูนออกมา เขามองหลัวหยวนและหัวเราะเย็นชา " ไม่เป็นอะไร? ! อาการของผู้ป่วย ต่อให้เหนียนเหล่าเป็นคนรักษาด้วยตัวเองก็อาจจะไม่รอด คุณก็แค่แพทย์ฝึกหัด เพียงแค่โชคดี ทำให้ผู้ป่วยสามารถฟื้นขึ้นมาได้ แถมยังพูดว่าให้นอนโรงพยาบาลอีกครึ่งเดือนก็จะสามารถฟื้นตัวได้? หึ่ย! ผมหล่ะอยากจะถามคุณหน่อย ภาวะสมองขาดเลือดจะรักษาได้อย่างไร? !"

หลังจากที่หัวหน้าอู๋พูดประโยคนี้ทิ้งท้ายไว้ เขาก็เดินเข้าไปในห้องไอซียู

ผู้อำนวยการฮวางที่เดินเป็นคนสุดท้ายมองแผ่นหลังของหัวหน้าอู๋ด้วยความไม่พอใจ หลังจากนั้นเขาก็หันมามองหลัวหยวน และพูดด้วยความเย็นชาว่า " หลัวหยวน ไม่ว่าคนที่สนับสนุนคุณจะเป็นใคร รีบเก็บข้าวของและออกไปซะ!"

หลัวหยวนรู้แล้วว่าผลจะออกมาเป็นแบบนี้ เขายิ้มเย็นชา ถอดบัตรทำงานที่เหน็บที่หน้าอกออกและทิ้งมัน

แผะ!

บัตรทำงานที่หุ้มด้วยพลาสติกตกลงบนพื้น หลัวหยวนพูดด้วยน้ำเสียงนิ่งเรียบว่า " ผู้อำนวยการฮวาง ความเมตตากรุณาของแพทย์! ผม หลัวหยวน ช่วยชีวิตคน ไม่ต้องการความชื่นชม แต่ไม่มีอะไรที่ต้องรู้สึกผิด! คุณให้ผมไป ผมก็จะไป!"

เมื่อพูดจบประโยคนี้ หลัวหยวนก็เดินออกไป

"คุณ..............."

ผู้อำนวยการฮวางโกรธจนตัวสั่น

เมื่อดูเครื่องวัดเห็นชีพจรที่คงที่ของคุณท่านหม่าแล้ว เหนียนชิงอวิ๋นรู้สึกตกใจ

ผู้ป่วยหายใจปกติ ใบหน้ามีเลือดฝาด ตัวชี้วัดทั้งหมดมีแนวโน้มที่จะคงที่มีเสถียรภาพ

"เป็นไงบ้างแล้ว?"

เมื่อเห็นว่าเหนียนเหล่าไม่พูดอะไร และเห็นว่าคุณพ่อนอนหลับตาสนิทอยู่บนเตียง หม่ากงฉีก็รู้สึกกังวล

เหนียนเหล่าพูดว่า " ตอนนี้อาการผู้ป่วยคงที่แล้ว ไม่น่าจะมีปัญหาอะไร แพทย์ฝึกหัดคนที่ชื่อหลัวหยวน ไม่เลวเลยจริงๆ ! เป็นเด็กรุ่นใหม่ที่มีความสามารถ มีความสามารถจริงๆ! ถ้าไม่ใช่เพราะเขา เกรงว่าคุณท่านหม่าอาจจะต้องเดิมพันด้วยชีวิต!"

หม่ากงฉีรู้สึกถอนหายใจและพูดว่า " ในที่สุดผมก็ต้องขอบคุณโรงพยาบาลของคุณ มิฉะนั้นอาจจะได้รับผลที่ไม่ดีก็เป็นได้"

ซูเหม่ยรีบพูดขึ้นมาว่า " งั้นคุณพ่อจะมีอาการข้างเคียงอะไรหลังจากนี้มั้ย? เมื่อกี้คุณหมอคนนั้นบอกว่าต้องดูอาการที่โรงพยาบาลอีกครึ่งเดือนหนิ! ไม่รู้ว่าต้องมีอะไรที่ต้องการให้พวกเราให้ความร่วมมือมั้ย?"

เหนียนเหล่าเคร่งขรึมขึ้นและพูดว่า " ตัวชี้วัดทั้งหมดเป็นปกติ ถ้าไม่ได้ดูผลการตรวจก่อนหน้านี้ ยากที่จะเชื่อว่าคุณท่านหม่ามีภาวะสมองขาดเลือดทับซ้อนกับถุงลมโป่งพองเฉียบพลัน แต่ตอนนี้ ถุงลมโป่งพองได้รับการรักษาอย่างถูกต้องแล้ว และสัญญาณของภาวะสมองขาดเลือดก็ค่อยๆหายไป คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไรแล้ว"

"น่าจะ................" สีหน้าของซูเหม่ยเคร่งขรึมขึ้น เธอขมวดคิ้ว " เหนียนเหล่า ขนาดหมอที่มีชื่อเสียงมากอย่างคุณก็ไม่สามารถให้คำตอบที่แน่นอนกับพวกเราหรอ?"

เหนียนเหล่าเข้าใจความรู้สึกญาติของผู้ป่วยเป็นอย่างดี เขาก็เลยไม่ได้สนใจกับคำพูดของซูเหม่ย เขาพูดด้วยน้ำเสียงอ่อนโยนว่า " อาการป่วยของคุณท่านหม่ารุนแรงมาก อายุก็มากแล้ว ภาวะสมองขาดเลือดพวกโรคหลอดเลือดหัวใจและสมองเป็นโรคที่มีความเปลี่ยนแปลงสูงมาก จำเป็นต้องดูอาการรยะหนึ่งถึงจะสามารถสรุปได้"

ดูเหมือนซูเหม่ยกำลังจะพูดอะไรต่อ จู่ๆคุณท่านหม่าก็กระแอมขึ้นและลืมตาขึ้นมา เอาดึงตัวครอบอ็อกซิเจนออก " ฉันไม่เป็นอะไร กงฉี พ่อไม่เป็นอะไรแล้ว! แพทย์หนุ่มคนเมื่อกี้หล่ะ? ทำไมถึงไม่อยู่ที่นี่?"

"แพทย์หนุ่ม? คุณท่านหมายถึงแพทย์ฝึกหัดที่ชื่อหลัวหยวนหรอครับ? " หัวหน้าอู๋รีบพูดขึ้นมา "ผมว่ากล่าวตักเตือนเขาไปแล้ว เป็นแค่แพทย์ฝึกหัดตัวเล็ๆกล้าดียังไงมารักษาด้วยตัวเอง โชคดีที่ผมมาทันเวลา แต่คุณท่านยังโชคดีก็เลยปลอดภัย!"

คุณท่านหม่ามองหัวหน้าอู๋ด้วยความไม่พอใจ " คุณเป็นใคร?"

"ผมชื่ออู๋หย่ง เป็นหัวหน้าหมอของโรงพยาบาล รับหน้าที่ดูแลเคสของท่านครับ" หัวหน้าอู๋รีบบอกชื่อตัวเอง กล่าวด้วยใบหน้าที่ประจบสอพลอ

เมื่อกี้ตอนที่คุณท่านหม่าหมดสติไป เขาพยายามผลักภาระหน้าที่ แต่ตอนนี้อาการปลอดภัยแล้ว แน่นอนว่าเขาต้องการที่จะหาวิธีที่จะทำให้มีความสัมพันธ์ที่ดี

แต่คุณท่านหม่าเป็นคนที่มองอะไรปรุโปร่ง

คุณท่านหม่ามองหัวหน้าอู๋และยิ้มเย็นชา และหันหน้าไปพูดกับหม่ากงฉีว่า " กงฉี! ลูกต้องไปขอบคุณคุณหมอหนุ่มคนเมื่อกี้ เห้อ หลายปีที่ผ่านมา เสมหะที่อยู่ในคอแทบจะฆ่าฉันตายแล้ว ตอนนี้ดีขึ้นแล้ว สบายใจมากเลย! เออใช่ ฉันต้องการนัดเขา.......ไม่ ต้องการเชิญเขามารักษาฉันหลังจากนี้! เทคนิคการรักษาของหมอคนนี้เยี่ยมยอดจริงๆ แค่เขากดไหล่ของฉัน ฉันก็หลับไปเลย!"

เมื่อหัวหน้าอู๋ได้ยิน ตัวเขาก็แข็งทื่อ ไม่พูดอะไรขึ้นมาอีก

"คุณพ่อสบายใจได้ครับ เดี่ยวผมจะแจ้งผู้อำนวยการให้เขาจัดการให้หมอหลัวหยวนเป็นหมอรักษาคุณพ่อ คุณพ่อพักผ่อนก่อนนะครับ เดี๋ยวผมไปจัดการตอนนี้เลย" หม่ากงฉีเป็นคนกตัญญู พูดจากับพ่ออย่างสุภาพ และรีบไปจัดการทันที

ถึงแม้หัวหน้าอู๋จะถูกคุณท่านหม่ามองข้าม แต่หัวหน้าอู๋ก็ไม่มีทางปล่อยโอกาสในการสร้างปฏิสัมพันธ์กับคนมีอำนาจอย่างนี้ เขารอจนคุณท่านหม่าได้ย้ายไปอยู่ห้องพักผู้ป่วยที่หรูหราแล้ว เขาก็พูดกับพยาบาลเสี่ยวหยุนว่า " เสี่ยวหยุน เดี๋ยวให้แร่สารอาหารแก่คุณท่านด้วยนะ"

หัวหน้าพยาบาลหวังขมวดคิ้ว และพูดด้วยความลังเลว่า " แต่หลัวหยวนกำชับไว้แล้วว่าคืนนี้คุณท่านหม่าไม่สาสมารถดื่มน้ำได้"

เมื่อหัวหน้าอู๋เห็นว่าภรรยาของหม่ากงฉีเดินออกจากห้องไอซียูไปแล้ว เขาก็หันหน้าไปจ้องหัวหน้าพยาบาลด้วยความไม่พอใจ และพูดว่า " หลัวหยวน หลัวหยวนอีกแล้ว! ตกลงว่าเขาเป็นหัวหน้าหรือว่าผมเป็นหัวหน้า? ! ******* นี่เป็นคำสั่ง!"

หัวหน้าพยาบาลโกรธมาก

น่าเสียดายที่เธอระงับความโกรธนี้ได้อย่างรวดเร็ว

หัวหน้าอู๋มีเบื้องหลังที่แข็งแกร่ง มีอำนาจในโรงพยาบาลนี้ และเขาก็เป็นคนขี้ฟ้อง หลายๆคนที่ซวยเพราะมีปัญหากับเขา

เมื่อชั่งน้ำหนักดูแล้ว เธอคิดว่าการให้สารอาหารไม่ได้เป็นปัญหาใหญ่อะไร

ตอนนี้เธอก็เลยกัดฟันอดทน และยอมให้พยาบาลเสี่ยวอวิ๋นป้อนสารอาหารเข้าปากคุณท่านหม่า หลังจากนั้นเธอก็พูดกำชับงานนิดหน่อยแล้วก็ออกไป

Unduh App untuk lanjut membaca

Daftar Isi

755