บทที่ 14 คุณกล้าเดิมพันไหม
by นักมายากลอัจฉริยะ
09:25,Sep 02,2021
"ล้างกระเพาะก่อน แล้วค่อยฉีด 15...ไม่สิ ค่อยฉีด MDL16455 10 ซีซี ต้านการแพ้ รุ่นพี่คุณคิดว่าแบบนี้โอเคไหม?"
หลัวหยวนพูดขึ้นเชิงสอบถาม ท่าทางเหมือนกับนักเรียนกำลังปรึกษากับอาจารย์
หยูชิงผงะไปครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้าอย่างพึงพอใจ เธอยิ้มตาหยีไปทางหลัวหยวน แล้วพูดกึ่งจริงจังกึ่งล้อเล่นขึ้นว่า "ดูแล้ว เหมือนนักบวชลัทธิเต๋าผู้นี้จะมีวิสัยทัศน์ที่ดีเลยล่ะนะ ผสมผสานระหว่างการแพทย์ตะวันตกและแพทย์แผนจีนได้ลงตัวสุด ๆ คงจะไม่มีใครเหมาะสมไปกว่านายแล้ว แถมยังใช้วิธีการรักษาโรคดีที่สุด แต่มีผลต่อคนไข้น้อยที่สุด ดีมาก ดีมากจริง ๆ!"
การที่เขาได้รับการยอมรับจากหยูชิง สำหรับหลัวหยวนแล้ว เป็นสิ่งที่มีความหมายมากอย่างไม่ต้องสงสัย
อย่างน้อย ในด้านของแพทย์แผนปัจจุบัน ระดับของเขาก็ไม่ถึงกับแย่จนเกินไป
ตอนที่หยูชิงยิ้มนั้นดูดีมาก ฟันที่เรียงสวย และขาวสะอาดสะอ้านของเธอให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติกับคนที่พบเห็น
เป็นเพราะฟันที่เปล่งประกาย รอยยิ้มของเธอจึงทำให้ผู้คนทั้งรู้สึกได้ใกล้ชิด แล้วก็รู้สึกห่างไกลไปได้เช่นกัน
แล้วดูเหมือนเธอจะเคยชินกับการเอามือทั้งสองข้างสอดเข้าไปในกระเป๋าเสื้อกาวน์สีขาว
หลัวหยวนรู้สึกมาตลอดว่าสาวสวยในชุดสูทกระโปรงสวมทับเสื้อกาวน์สีขาว เป็นอะไรที่เข้ากันมาก
โดยเฉพาะกับหยูชิง ที่ชอบเอามือล้วงกระเป๋าเสื้อกาวน์ตัวใหญ่ เกณฑ์ของผู้หญิงที่ทั้งสวยทั้งฉลาดได้ยกระดับถึงขีดสุดแล้ว
หลัวหยวนที่จดจ่ออยู่กับผู้ป่วย เขาไม่รู้สึกเลยว่า ตอนนี้ในห้องพักผู้ป่วยแออัดไปด้วยผู้คนจำนวนมากเสียแล้ว
ไม่ใช่เพียงแค่คนที่ยืนอยู่ข้างในห้องเท่านั้น กระทั่งด้านนอก ก็ยังมีคนจำนวนมากเช่นกัน
คนที่ยืนอยู่ในห้อง ส่วนใหญ่เป็นหัวหน้าศัลยแพทย์ในโรงพยาบาล
ในกลุ่มคนเหล่านั้น ก็ยังมีหัวหน้าอู๋และหมอเจียงซึ่งเป็นกระดูกสันหลังของโรงพยาบาลด้วย
ภายในห้องผู้ป่วย ทุกคนต่างถกเถียงแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน
เสียงส่วนใหญ่ก็ต่างสงสัยเกี่ยวกับทักษะลมปราณของหลัวหยวน
ผู้คนมากกว่าครึ่ง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหลัวหยวนเป็นใครมาจากไหน
ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา ตัวตนของหลัวหยวนในโรงพยาบาลนั้นจืดจางจนน่าสงสารจริง ๆ
"ผู้อำนวยการฮวาง ถ้าผมเดาไม่ผิด เมื่อกี้นี้คนคนนี้น่าจะเป็นคนที่ใช้วิธีการนวดแผนจีนใช่ไหมครับ?"
คนที่พูดคือหยางเว่ย หลัวหยวนที่อยู่ในโรงพยาบาลมานานกว่าครึ่งปี พอเห็นเขาก็จำได้ทันที
หยางเว่ยเป็นผู้ช่วยคนสำคัญภายใต้การดูแลของหัวหน้าอู๋ ว่ากันว่าทั้งสองคนเป็นญาติที่สนิทชิดเชื้อกันอีกด้วย
แน่นอนว่า ในโรงพยาบาล เรื่องนี้เป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น ทั้งสองคนก็ต่างไม่ได้ออกปากยอมรับ
แต่ว่ามีเรื่องหนึ่งที่แน่นอนคือ ความสัมพันธ์อันดีระหว่างเขากับหัวหน้าอู๋นั้น ทำให้เขาเป็นเด็กเส้นอย่างแน่นอน
แล้ว จู่ ๆ เขาก็โผล่ออกมาตอนนี้ ดูเหมือนว่าจะมีใครสั่งการอยู่อีกด้วย
"ใช่แล้ว พูดให้ถูกก็คือ เป็นทักษะการนวดแผนจีนโบราณ" หยูชิงตอบคำถามของหยางเว่ยแทนผู้อำนวยการฮวาง
"คนนี้คือ... " หยางเว่ยมองหยูชิงด้วยสายตาที่นิ่งอึ้งตกตะลึงในความงามของเธอ
"ฉันชื่อหยูชิง!" หยูชิงพูดอย่างเรียบ ๆ
"หยูชิง…" หยางเว่ยพูดทวนชื่อเธอซ้ำ ก่อนจะสะดุ้งโหยง "คุณ...คุณคือรุ่นพี่หยูเหรอ?!"
"อะไรกัน? คุณจบจากมหาวิทยาลัยการแพทย์ตงไห่ด้วยเหรอ" หยูชิงฝืนยิ้ม
"ใช่แล้ว ผมเป็นรุ่นน้องของคุณสามรุ่นครับ" หยางเว่ยละล่ำละลักตอบ
แค่ก ๆ !
ทันใดนั้นก็มีเสียงไอดังเบา ๆ ขึ้นสองครั้ง
จู่ ๆ หยางเว่ยก็กลับมาได้สติ เขารีบพูดขึ้นว่า: "ยังไงก็ตาม รุ่นพี่หยู คุณอาจจะยังไม่รู้นะครับ โรงพยาบาลของเรามีกฎชัดเจนว่า แผนการช่วยเหลือทั้งหมดต้องเป็นไปตามแผนการรักษาทางหลักวิทยาศาสตร์และหลักเหตุผล การที่หมอฝึกหัดอย่างหลัวหยวนมาทำให้ผู้ป่วยอ้วก แถมยังสั่งยามั่ว ๆ แบบนี้ มันถือว่าไม่เป็นไปตามกฎ! ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา มันก็จะไม่ดีนะครับ"
หลัวหยวนเย้ยหยันอยู่ในใจ ตวัดสายตาเหลือบมองหัวหน้าอู๋อย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่า แม้ว่าผู้ชายคนนี้จะมีใบหน้าที่สงบนิ่ง แต่รอยยิ้มที่มุมปากของเขาก็ไม่อาจหลุดรอดสายตาของหลัวหยวนไปได้
จริงที่ว่าถ้าตีงูไม่ตาย สุดท้ายมันวกกลับมาทำร้าย!
ดูเหมือนว่าตัวเขาจะไร้เดียงสาเกินไป
เมื่อกี้เขาก็เพิ่งยับยั้งชั่งใจควบคุมอารมณ์ตอนที่อยู่ในห้องทำงาน ไม่พูดอะไรแย่ ๆ ออกมาต่อหน้าผู้อำนวยการ แบบนี้ก็ถือว่าเขาปล่อยหัวหน้าอู๋ไปแล้ว ตอนแรกก็คิดว่าเขาจะยอมรามือ คาดไม่ถึงว่า คนคนนี้ยังคงผูกใจเจ็บอยู่อีก
ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็อย่ามาโทษหลัวหยวนว่าโหดเหี้ยมก็แล้วกัน!
"หมอหยาง กฎเป็นสิ่งตายตัว แต่คนมีชีวิตนะครับ ไม่ว่าจะเป็นการแพทย์แผนจีนหรือแผนตะวันตก ตราบใดที่มันช่วยชีวิตคนได้ มันก็ถือเป็นทักษะทางการแพทย์ที่ดีครับ" หลัวหยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
เห็นได้ชัดว่าหยูชิงไม่คุ้นเคยกับสถานการณ์ในโรงพยาบาล และเธอคงทนได้ไม่นาน อย่างมากคงไม่เกินสองวันเธอก็น่าจะไปแล้ว หลัวหยวนไม่อยากหาเรื่องให้เธอ ดังนั้นเขาจึงพูดอธิบายออกไป
หยางเว่ยเห็นหลัวหยวนตอบแบบนี้ เขาก็หัวเราะเยาะ : "หลัวหยวน ดูเหมือนว่าคุณเป็นหมอฝึกหัดที่มีความมั่นใจมากเลยนะ!"
หลัวหยวนระงับความโกรธไว้ในใจ ตอบอย่างใจเย็นว่า: "ผมแค่พูดความจริงเท่านั้นเอง หรือว่าหมอหยางมีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้ล่ะครับ?"
จะตีงูก็ต้องตีให้แม่น จะพูดอะไรก็ต้องจับจุดสำคัญให้ได้
คำพูดแสกหน้าของหลัวหยวน ทำให้หยางเว่ยที่ไม่ทันตัวรับมือไม่ทัน
ทว่า หยางเว่ยที่เป็นถึงลูกกระจ๊อกของหัวหน้าอู๋ เป็นธรรมดาที่เขายังมีทักษะการรับมืออยู่บ้าง
หลังจากหยุดคิดไปครู่หนึ่ง เขาก็เปิดปากพูดขึ้น: "แน่นอนว่าผมมีวิธีอยู่แล้ว! การแสดงปาหี่ง่าย ๆ ของคุณ มันก็ใช้ได้แค่ชั่วคราวเท่านั้นแหละ อีกไม่นานผมก็จะคิดแผนการรักษาออกมาได้ แต่ว่านะ ที่นี่คือโรงพยาบาลอันดับหนึ่งของเมืองตงไห่ แถมยังติดอันดับประเทศด้วย ไม่รู้ว่าคนที่ไม่มีความสามารถ ไม่ทำตามกฎแบบคุณเข้ามาได้ยังไง เหอะ คนที่คัดเลือกนี่นับวันก็ยิ่งทำงานไม่ได้เรื่องจริง ๆ!"
หยางเว่ยเหลือบมองหมอเจียง
เห็นได้ชัดว่า หยางเว่ยรู้ว่าหมอเจียงกำลังเข้ามาแทนที่ตำแหน่งในตอนนี้ของหัวหน้าอู๋ เขาจึงจงใจยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด
เพียงแต่ว่า คำพูดของหลัวหยวนทำให้เขาเหมือนถูกฟ้าผ่าดังเปรี้ยง
"ผมจำได้ว่าครั้งแรกที่มารายงานตัวที่โรงพยาบาล คนที่คัดเลือกก็เป็นหัวหน้าอู๋นะครับ คุณพูดว่า ผมเข้ามาได้ยังไงงั้นเหรอ?"
เดิมทีหัวหน้าอู๋ตัดสินใจว่าจะดูอยู่เงียบ ๆ คิดไม่ถึงว่าตัวเองหลบเลี่ยงจากการถูกพาดพิงไปไม่ได้
เขาเหลือบมองที่หยางเว่ยแวบหนึ่ง แล้วแสร้งทำตัวเป็นคนดี พูดด้วยรอยยิ้มว่า "พอแล้ว ๆ ทั้งสองคนหยุดทะเลาะกันได้แล้ว ทุกคนก็เป็นหมอในโรงพยาบาล มีเป้าหมายร่วมกันคือหาวิธีรักษาที่ดีที่สุดเพื่อช่วยผู้ป่วย จะทะเลาะกันให้ได้อะไรขึ้นมาล่ะ! หลัวหยวน วันนี้เราทุกคนมาเพื่อเรียนรู้วิธีการรักษาที่หมอหยูชิงเอากลับมาจากต่างประเทศนะ คุณทำแบบนี้ก็เท่ากับทำให้พวกเรามาเสียเที่ยวแล้วไม่ใช่เหรอ?"
"ทำไม หรือว่าหัวหน้าอู๋ มีปัญหากับการรักษาของผมมันเหรอครับ?"
หัวหน้าอู๋พอได้ยิน ก็เอาแต่ยิ้มแล้วไม่พูดอะไรออกมา
ผลก็คือ เขาไม่กล้าพูดจาเหลวไหลออกมาอีก
ผ่านไปครู่ใหญ่ ด้านหยางเว่ยจึงเริ่มตอบโต้ เขาพูดขึ้นว่า "หลัวหยวน คุณอย่าได้คืบจะเอาศอกสิ คุณคิดว่าตัวเองรักษาผู้ป่วยโรคอาหารเป็นพิษได้ดีขนาดนั้นเลยเหรอครับ? ทุกคนที่นี่ก็มีประสบการณ์ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ จะผ่าตัดอะไรก็ไม่คณามือทั้งนั้น การที่คุณแสดงปาหี่ง่าย ๆ ออกมา มันดูไม่เจียมตัวเลยนะ "
"งั้นหมอหยาง เรามาเดิมพันกันหน่อยไหมครับ?" หลัวหยวนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน สายตาไม่ได้ปกปิดถึงการดูถูกเหยียดหยามเลยสักนิด
เมื่อหยางเว่ยได้ยิน ก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็พลันรู้สึกโมโหขึ้น
เพียงแต่ว่า ต่อหน้าคนเยอะขนาดนี้ ถ้าจะโมโหฟึดฟัดออกมาก็ถือไม่ฉลาดนัก
ดังนั้น เขาจึงรีบระงับโทสะไว้ในใจ แสดงท่าทีที่นิ่งสงบออกมา คลี่ยิ้มแล้วถามว่า "เดิมพันอะไรล่ะ?"
"ผมจะรักษาโรคของเขา แบบหายขาด แล้วไม่กลับมาเป็นซ้ำอีก!"
คำพูดของหลัวหยวนทำให้ผู้คนต่างตกตะลึง คาดไม่ถึงว่าเขาจะกล้าพูดอย่างมั่นใจว่าตัวเองจะรักษาโรคประหลาดที่แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้อย่างหยูชิงยังหาทางรักษาไม่ได้ แถมยังย้ำอีกว่าจะรักษาให้หายขาด ไม่กลับมาเป็นซ้ำอีก ทำเอาหัวหน้าอู๋รู้สึกอึ้งไปชั่วขณะ
แต่เขาก็ยังมั่นใจว่าแม้หลัวหยวนจะมีความสามารถ แต่เขาก็ขีดจำกัดเช่นกัน
ดังนั้น เขาไม่เชื่อเด็ดขาดว่าจะมีคนทำได้ โดยเฉพาะเด็กหนุ่มแบบนี้ ที่ซ่อนความสามารถตัวเองเอาไว้ ไม่โชว์ฝีมือออกมา ตลอดครึ่งปีมานี้
"หลัวหยวน คุณหมายความว่ายังไง เมื่อกี้ตอนที่อยู่ในห้องผู้อำนวยการ ผู้อำนวยการก็ถามคุณว่ามีวิธีรักษาหรือเปล่า คุณยัง..."
เขาพูดยังไม่ทันจบ ก็ถูกหยูชิงก็จ้องเขม็งกลับมา
หัวหน้าอู๋รู้สึกกลัวหยูชิงมาก
ถ้าทำให้เธอไม่พอใจขึ้นมา ตัวเองคงไม่ตายดีแน่
หยูชิงมองไปที่หลัวหยวนอย่างสงสัย แล้วถามขึ้น: "หลัวหยวน นายมีวิธีรักษาโรคชอบกินของแปลกจริงเหรอ?"
ชีวิตจะตายอยู่ในความมืด หรือเจิดจรัสกลมกลืนอยู่ในแสงสว่าง!
ในตอนนี้ ไม่ใช่เวลาที่ต้องมาคิดเล็กคิดน้อยอีกแล้ว
สภาพแวดล้อมการทำงานที่ทนเก็บกดมากว่าครึ่งปี หลัวหยวนได้รับมันมากพอแล้ว
วันนี้ เขาอยากจะบอกกับทุกคนว่า หลัวหยวนคนนี้ไม่ใช่หมอฝึกหัดที่ใคร ๆ จะรังแกได้อีกต่อไป!
"รุ่นพี่ ผมมีวิธีจริง ๆ ครับ!" แม้เสียงของหลัวหยวนไม่ได้ดังมาก แต่ก็ทำให้คนที่โถงทางเดินได้ยินเขาชัดเจน
"หลัวหยวน คุณต้องคิดให้ดี ๆ นะ ผู้ป่วยรายนี้มีไม่ใช่คนธรรมดา ๆ คุณจะเข้ามาวุ่นวายง่าย ๆ ได้ยังไง..."
ทางด้านหัวหน้าอู๋กลับเป็นฝ่ายที่กังวลขึ้นมาแทน
เพราะหัวหน้าอู๋เห็นความแน่วแน่ในสายตาของหลัวหยวน ซึ่งแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขามีความมั่นใจมาก
หลัวหยวนเหลือบมองหัวหน้าอู๋ด้วยความเย็นชา จากนั้นจึงเหลือบมองหยางเว่ยที่ตะลึงตาค้าง แล้วจึงหัวเราะเยาะออกมา
หลัวหยวนพลันเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน เขาไม่เจียมเนื้อเจียมตัวแบบแต่ก่อน แถมยังพูดจาอย่างเย่อหยิ่งขึ้น: "เดิมพันกับหยางเว่ยที่มีตำแหน่งเล็ก ๆ มันก็ไม่มีความหมายอะไร ถ้าอย่างนั้น หัวหน้าอู๋ ผมจะเดิมพันกับคุณ คุณกล้ารับเดิมพันไหมครับ?"
"อะไรล่ะ? เดิมพันอะไร?"
หัวหน้าอู๋รู้สึกประหลาดใจ
หลัวหยวนหัวเราะเย้ยหยันขึ้นก่อนพูดว่า : "หัวหน้าอู๋ คุณเลิกเสแสร้งได้แล้ว ครึ่งปีที่ผ่านมา เพราะผมให้แป๊ะเจี๊ยะคุณน้อย คุณก็เลยกดขี่ผมมาตลอด เรื่องนี้ ผมก็เข้าใจดี แล้วก็ยอมรับความจริงข้อนี้ด้วย แต่ว่า วันนี้คุณไม่ควรใช้ความปลอดภัยของผู้ป่วยเป็นข้ออ้าง เพื่อโจมตีผม ผมเป็นหมอ ผมมีจรรยาบรรณในอาชีพของตัวเอง หัวใจที่เมตตาของแพทย์ ผมไม่อนุญาตให้ใครเอาความต้องการส่วนตัวมาละเลยสุขภาพและชีวิตของผู้ป่วย!"
หัวหน้าอู๋ไม่รู้ว่าจรรยาบรรณในอาชีพของหลัวหยวนคืออะไร เขาถามขึ้นด้วยสีหน้าที่ขุ่นเคือง: "หลัวหยวน คุณหมายความว่ายังไงกันแน่!
"ที่ผมพูดไปก็ชัดเจนแล้วนะครับ ผมต้องการเดิมพันกับคุณหัวหน้าอู๋ ถ้าผมรักษาโรคนี้ได้ หัวหน้าอู๋จะต้องลาออก! โรงพยาบาลประชาชนของเราไม่ต้องการหนอนแมลงแบบคุณ!"
หัวหน้าอู๋เป็นคนยังไง เขาจะตอบตกลงกับการเดิมพันเช่นนี้ได้ยังไงกัน?!
อย่าพูดว่าตอนนี้หลัวหยวนมั่นใจมากเลย เดิมทีตัวเขาก็ไม่ได้มั่นใจที่จะคว้าชัยชนะมาสักนิด แต่ถึงจะรู้ว่าหลัวหยวนไม่ได้มีความมั่นใจ แต่เขาก็จะไม่มีวันใช้อนาคตของเขาเป็นเดิมพันแน่นอน
เขาพูดอย่างไม่ไยดีขึ้นว่า: "หลัวหยวน คุณไม่คิดว่าตัวเองไร้เดียงสาเกินไปหน่อยเหรอไง?"
หลัวหยวนจ้องมองเขา ด้วยสีหน้าเรียบเฉย : "ถ้าคุณไม่ยอมลาออกไปก็ไม่เป็นไรครับ เพราะตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ตราบใดที่ผมหลัวหยวนอยู่ในโรงพยาบาลนี้ ก็จะทำให้คุณหัวหน้าอู๋ไม่มีที่ยืน! "
เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนี้ พวกเขาก็อดที่จะรู้สึกเหลือเชื่อไม่ได้
พวกเขาไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าหลัวหยวนไปเอาความมั่นใจมาจากไหน
เขาเป็นหมอฝึกหัดธรรมดา ๆ แม้ว่าเขาจะเป็นเพื่อนเก่ากับหยูชิง แล้วก็มีความสามารถอยู่บ้าง แต่เขามีสิทธิ์อะไรมาบีบให้หัวหน้าอู๋ที่เป็นเจ้าถิ่นอยู่มานานในโรงพยาบาลนี้ไม่มีที่ยืนได้ล่ะ?!
หัวหน้าอู๋รู้สึกว่าตัวเองเหมือนอยู่ในกองเพลิง เขามองหลัวหยวนด้วยใบหน้าเย็นเยียบ: "หลัวหยวน คุณกำลังพูดอะไรอยู่! กรุณาระวังคำพูดของคุณด้วย!"
หลัวหยวนส่งเสียงหึออกมาอย่างเย็นชา ก้าวไปข้างหน้า มองหัวหน้าอู๋ด้วยแววตาที่เป็นประกาย "หัวหน้าอู๋ลืมสิ่งที่ตัวเองทำมาหลายปีแล้วเหรอครับ? ก่อนหน้านี้ ผมแค่แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น แต่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผมจะไม่เห็นหนอนแมลงอย่างคุณอยู่ในตำแหน่งที่สูงส่งอีก แล้วก็ไม่ให้คุณมากำหนดชะตาชีวิตผมอีก!"
หลัวหยวนพูดขึ้นเชิงสอบถาม ท่าทางเหมือนกับนักเรียนกำลังปรึกษากับอาจารย์
หยูชิงผงะไปครู่หนึ่ง แล้วพยักหน้าอย่างพึงพอใจ เธอยิ้มตาหยีไปทางหลัวหยวน แล้วพูดกึ่งจริงจังกึ่งล้อเล่นขึ้นว่า "ดูแล้ว เหมือนนักบวชลัทธิเต๋าผู้นี้จะมีวิสัยทัศน์ที่ดีเลยล่ะนะ ผสมผสานระหว่างการแพทย์ตะวันตกและแพทย์แผนจีนได้ลงตัวสุด ๆ คงจะไม่มีใครเหมาะสมไปกว่านายแล้ว แถมยังใช้วิธีการรักษาโรคดีที่สุด แต่มีผลต่อคนไข้น้อยที่สุด ดีมาก ดีมากจริง ๆ!"
การที่เขาได้รับการยอมรับจากหยูชิง สำหรับหลัวหยวนแล้ว เป็นสิ่งที่มีความหมายมากอย่างไม่ต้องสงสัย
อย่างน้อย ในด้านของแพทย์แผนปัจจุบัน ระดับของเขาก็ไม่ถึงกับแย่จนเกินไป
ตอนที่หยูชิงยิ้มนั้นดูดีมาก ฟันที่เรียงสวย และขาวสะอาดสะอ้านของเธอให้ความรู้สึกเป็นธรรมชาติกับคนที่พบเห็น
เป็นเพราะฟันที่เปล่งประกาย รอยยิ้มของเธอจึงทำให้ผู้คนทั้งรู้สึกได้ใกล้ชิด แล้วก็รู้สึกห่างไกลไปได้เช่นกัน
แล้วดูเหมือนเธอจะเคยชินกับการเอามือทั้งสองข้างสอดเข้าไปในกระเป๋าเสื้อกาวน์สีขาว
หลัวหยวนรู้สึกมาตลอดว่าสาวสวยในชุดสูทกระโปรงสวมทับเสื้อกาวน์สีขาว เป็นอะไรที่เข้ากันมาก
โดยเฉพาะกับหยูชิง ที่ชอบเอามือล้วงกระเป๋าเสื้อกาวน์ตัวใหญ่ เกณฑ์ของผู้หญิงที่ทั้งสวยทั้งฉลาดได้ยกระดับถึงขีดสุดแล้ว
หลัวหยวนที่จดจ่ออยู่กับผู้ป่วย เขาไม่รู้สึกเลยว่า ตอนนี้ในห้องพักผู้ป่วยแออัดไปด้วยผู้คนจำนวนมากเสียแล้ว
ไม่ใช่เพียงแค่คนที่ยืนอยู่ข้างในห้องเท่านั้น กระทั่งด้านนอก ก็ยังมีคนจำนวนมากเช่นกัน
คนที่ยืนอยู่ในห้อง ส่วนใหญ่เป็นหัวหน้าศัลยแพทย์ในโรงพยาบาล
ในกลุ่มคนเหล่านั้น ก็ยังมีหัวหน้าอู๋และหมอเจียงซึ่งเป็นกระดูกสันหลังของโรงพยาบาลด้วย
ภายในห้องผู้ป่วย ทุกคนต่างถกเถียงแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกัน
เสียงส่วนใหญ่ก็ต่างสงสัยเกี่ยวกับทักษะลมปราณของหลัวหยวน
ผู้คนมากกว่าครึ่ง ไม่รู้ด้วยซ้ำว่าหลัวหยวนเป็นใครมาจากไหน
ในช่วงครึ่งปีที่ผ่านมา ตัวตนของหลัวหยวนในโรงพยาบาลนั้นจืดจางจนน่าสงสารจริง ๆ
"ผู้อำนวยการฮวาง ถ้าผมเดาไม่ผิด เมื่อกี้นี้คนคนนี้น่าจะเป็นคนที่ใช้วิธีการนวดแผนจีนใช่ไหมครับ?"
คนที่พูดคือหยางเว่ย หลัวหยวนที่อยู่ในโรงพยาบาลมานานกว่าครึ่งปี พอเห็นเขาก็จำได้ทันที
หยางเว่ยเป็นผู้ช่วยคนสำคัญภายใต้การดูแลของหัวหน้าอู๋ ว่ากันว่าทั้งสองคนเป็นญาติที่สนิทชิดเชื้อกันอีกด้วย
แน่นอนว่า ในโรงพยาบาล เรื่องนี้เป็นเพียงข่าวลือเท่านั้น ทั้งสองคนก็ต่างไม่ได้ออกปากยอมรับ
แต่ว่ามีเรื่องหนึ่งที่แน่นอนคือ ความสัมพันธ์อันดีระหว่างเขากับหัวหน้าอู๋นั้น ทำให้เขาเป็นเด็กเส้นอย่างแน่นอน
แล้ว จู่ ๆ เขาก็โผล่ออกมาตอนนี้ ดูเหมือนว่าจะมีใครสั่งการอยู่อีกด้วย
"ใช่แล้ว พูดให้ถูกก็คือ เป็นทักษะการนวดแผนจีนโบราณ" หยูชิงตอบคำถามของหยางเว่ยแทนผู้อำนวยการฮวาง
"คนนี้คือ... " หยางเว่ยมองหยูชิงด้วยสายตาที่นิ่งอึ้งตกตะลึงในความงามของเธอ
"ฉันชื่อหยูชิง!" หยูชิงพูดอย่างเรียบ ๆ
"หยูชิง…" หยางเว่ยพูดทวนชื่อเธอซ้ำ ก่อนจะสะดุ้งโหยง "คุณ...คุณคือรุ่นพี่หยูเหรอ?!"
"อะไรกัน? คุณจบจากมหาวิทยาลัยการแพทย์ตงไห่ด้วยเหรอ" หยูชิงฝืนยิ้ม
"ใช่แล้ว ผมเป็นรุ่นน้องของคุณสามรุ่นครับ" หยางเว่ยละล่ำละลักตอบ
แค่ก ๆ !
ทันใดนั้นก็มีเสียงไอดังเบา ๆ ขึ้นสองครั้ง
จู่ ๆ หยางเว่ยก็กลับมาได้สติ เขารีบพูดขึ้นว่า: "ยังไงก็ตาม รุ่นพี่หยู คุณอาจจะยังไม่รู้นะครับ โรงพยาบาลของเรามีกฎชัดเจนว่า แผนการช่วยเหลือทั้งหมดต้องเป็นไปตามแผนการรักษาทางหลักวิทยาศาสตร์และหลักเหตุผล การที่หมอฝึกหัดอย่างหลัวหยวนมาทำให้ผู้ป่วยอ้วก แถมยังสั่งยามั่ว ๆ แบบนี้ มันถือว่าไม่เป็นไปตามกฎ! ถ้าเกิดอะไรขึ้นมา มันก็จะไม่ดีนะครับ"
หลัวหยวนเย้ยหยันอยู่ในใจ ตวัดสายตาเหลือบมองหัวหน้าอู๋อย่างรวดเร็ว
แน่นอนว่า แม้ว่าผู้ชายคนนี้จะมีใบหน้าที่สงบนิ่ง แต่รอยยิ้มที่มุมปากของเขาก็ไม่อาจหลุดรอดสายตาของหลัวหยวนไปได้
จริงที่ว่าถ้าตีงูไม่ตาย สุดท้ายมันวกกลับมาทำร้าย!
ดูเหมือนว่าตัวเขาจะไร้เดียงสาเกินไป
เมื่อกี้เขาก็เพิ่งยับยั้งชั่งใจควบคุมอารมณ์ตอนที่อยู่ในห้องทำงาน ไม่พูดอะไรแย่ ๆ ออกมาต่อหน้าผู้อำนวยการ แบบนี้ก็ถือว่าเขาปล่อยหัวหน้าอู๋ไปแล้ว ตอนแรกก็คิดว่าเขาจะยอมรามือ คาดไม่ถึงว่า คนคนนี้ยังคงผูกใจเจ็บอยู่อีก
ในเมื่อเป็นแบบนี้ งั้นก็อย่ามาโทษหลัวหยวนว่าโหดเหี้ยมก็แล้วกัน!
"หมอหยาง กฎเป็นสิ่งตายตัว แต่คนมีชีวิตนะครับ ไม่ว่าจะเป็นการแพทย์แผนจีนหรือแผนตะวันตก ตราบใดที่มันช่วยชีวิตคนได้ มันก็ถือเป็นทักษะทางการแพทย์ที่ดีครับ" หลัวหยวนกล่าวด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น
เห็นได้ชัดว่าหยูชิงไม่คุ้นเคยกับสถานการณ์ในโรงพยาบาล และเธอคงทนได้ไม่นาน อย่างมากคงไม่เกินสองวันเธอก็น่าจะไปแล้ว หลัวหยวนไม่อยากหาเรื่องให้เธอ ดังนั้นเขาจึงพูดอธิบายออกไป
หยางเว่ยเห็นหลัวหยวนตอบแบบนี้ เขาก็หัวเราะเยาะ : "หลัวหยวน ดูเหมือนว่าคุณเป็นหมอฝึกหัดที่มีความมั่นใจมากเลยนะ!"
หลัวหยวนระงับความโกรธไว้ในใจ ตอบอย่างใจเย็นว่า: "ผมแค่พูดความจริงเท่านั้นเอง หรือว่าหมอหยางมีวิธีอื่นที่ดีกว่านี้ล่ะครับ?"
จะตีงูก็ต้องตีให้แม่น จะพูดอะไรก็ต้องจับจุดสำคัญให้ได้
คำพูดแสกหน้าของหลัวหยวน ทำให้หยางเว่ยที่ไม่ทันตัวรับมือไม่ทัน
ทว่า หยางเว่ยที่เป็นถึงลูกกระจ๊อกของหัวหน้าอู๋ เป็นธรรมดาที่เขายังมีทักษะการรับมืออยู่บ้าง
หลังจากหยุดคิดไปครู่หนึ่ง เขาก็เปิดปากพูดขึ้น: "แน่นอนว่าผมมีวิธีอยู่แล้ว! การแสดงปาหี่ง่าย ๆ ของคุณ มันก็ใช้ได้แค่ชั่วคราวเท่านั้นแหละ อีกไม่นานผมก็จะคิดแผนการรักษาออกมาได้ แต่ว่านะ ที่นี่คือโรงพยาบาลอันดับหนึ่งของเมืองตงไห่ แถมยังติดอันดับประเทศด้วย ไม่รู้ว่าคนที่ไม่มีความสามารถ ไม่ทำตามกฎแบบคุณเข้ามาได้ยังไง เหอะ คนที่คัดเลือกนี่นับวันก็ยิ่งทำงานไม่ได้เรื่องจริง ๆ!"
หยางเว่ยเหลือบมองหมอเจียง
เห็นได้ชัดว่า หยางเว่ยรู้ว่าหมอเจียงกำลังเข้ามาแทนที่ตำแหน่งในตอนนี้ของหัวหน้าอู๋ เขาจึงจงใจยกเรื่องนี้ขึ้นมาพูด
เพียงแต่ว่า คำพูดของหลัวหยวนทำให้เขาเหมือนถูกฟ้าผ่าดังเปรี้ยง
"ผมจำได้ว่าครั้งแรกที่มารายงานตัวที่โรงพยาบาล คนที่คัดเลือกก็เป็นหัวหน้าอู๋นะครับ คุณพูดว่า ผมเข้ามาได้ยังไงงั้นเหรอ?"
เดิมทีหัวหน้าอู๋ตัดสินใจว่าจะดูอยู่เงียบ ๆ คิดไม่ถึงว่าตัวเองหลบเลี่ยงจากการถูกพาดพิงไปไม่ได้
เขาเหลือบมองที่หยางเว่ยแวบหนึ่ง แล้วแสร้งทำตัวเป็นคนดี พูดด้วยรอยยิ้มว่า "พอแล้ว ๆ ทั้งสองคนหยุดทะเลาะกันได้แล้ว ทุกคนก็เป็นหมอในโรงพยาบาล มีเป้าหมายร่วมกันคือหาวิธีรักษาที่ดีที่สุดเพื่อช่วยผู้ป่วย จะทะเลาะกันให้ได้อะไรขึ้นมาล่ะ! หลัวหยวน วันนี้เราทุกคนมาเพื่อเรียนรู้วิธีการรักษาที่หมอหยูชิงเอากลับมาจากต่างประเทศนะ คุณทำแบบนี้ก็เท่ากับทำให้พวกเรามาเสียเที่ยวแล้วไม่ใช่เหรอ?"
"ทำไม หรือว่าหัวหน้าอู๋ มีปัญหากับการรักษาของผมมันเหรอครับ?"
หัวหน้าอู๋พอได้ยิน ก็เอาแต่ยิ้มแล้วไม่พูดอะไรออกมา
ผลก็คือ เขาไม่กล้าพูดจาเหลวไหลออกมาอีก
ผ่านไปครู่ใหญ่ ด้านหยางเว่ยจึงเริ่มตอบโต้ เขาพูดขึ้นว่า "หลัวหยวน คุณอย่าได้คืบจะเอาศอกสิ คุณคิดว่าตัวเองรักษาผู้ป่วยโรคอาหารเป็นพิษได้ดีขนาดนั้นเลยเหรอครับ? ทุกคนที่นี่ก็มีประสบการณ์ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ จะผ่าตัดอะไรก็ไม่คณามือทั้งนั้น การที่คุณแสดงปาหี่ง่าย ๆ ออกมา มันดูไม่เจียมตัวเลยนะ "
"งั้นหมอหยาง เรามาเดิมพันกันหน่อยไหมครับ?" หลัวหยวนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย้ยหยัน สายตาไม่ได้ปกปิดถึงการดูถูกเหยียดหยามเลยสักนิด
เมื่อหยางเว่ยได้ยิน ก็ชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็พลันรู้สึกโมโหขึ้น
เพียงแต่ว่า ต่อหน้าคนเยอะขนาดนี้ ถ้าจะโมโหฟึดฟัดออกมาก็ถือไม่ฉลาดนัก
ดังนั้น เขาจึงรีบระงับโทสะไว้ในใจ แสดงท่าทีที่นิ่งสงบออกมา คลี่ยิ้มแล้วถามว่า "เดิมพันอะไรล่ะ?"
"ผมจะรักษาโรคของเขา แบบหายขาด แล้วไม่กลับมาเป็นซ้ำอีก!"
คำพูดของหลัวหยวนทำให้ผู้คนต่างตกตะลึง คาดไม่ถึงว่าเขาจะกล้าพูดอย่างมั่นใจว่าตัวเองจะรักษาโรคประหลาดที่แม้แต่ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้อย่างหยูชิงยังหาทางรักษาไม่ได้ แถมยังย้ำอีกว่าจะรักษาให้หายขาด ไม่กลับมาเป็นซ้ำอีก ทำเอาหัวหน้าอู๋รู้สึกอึ้งไปชั่วขณะ
แต่เขาก็ยังมั่นใจว่าแม้หลัวหยวนจะมีความสามารถ แต่เขาก็ขีดจำกัดเช่นกัน
ดังนั้น เขาไม่เชื่อเด็ดขาดว่าจะมีคนทำได้ โดยเฉพาะเด็กหนุ่มแบบนี้ ที่ซ่อนความสามารถตัวเองเอาไว้ ไม่โชว์ฝีมือออกมา ตลอดครึ่งปีมานี้
"หลัวหยวน คุณหมายความว่ายังไง เมื่อกี้ตอนที่อยู่ในห้องผู้อำนวยการ ผู้อำนวยการก็ถามคุณว่ามีวิธีรักษาหรือเปล่า คุณยัง..."
เขาพูดยังไม่ทันจบ ก็ถูกหยูชิงก็จ้องเขม็งกลับมา
หัวหน้าอู๋รู้สึกกลัวหยูชิงมาก
ถ้าทำให้เธอไม่พอใจขึ้นมา ตัวเองคงไม่ตายดีแน่
หยูชิงมองไปที่หลัวหยวนอย่างสงสัย แล้วถามขึ้น: "หลัวหยวน นายมีวิธีรักษาโรคชอบกินของแปลกจริงเหรอ?"
ชีวิตจะตายอยู่ในความมืด หรือเจิดจรัสกลมกลืนอยู่ในแสงสว่าง!
ในตอนนี้ ไม่ใช่เวลาที่ต้องมาคิดเล็กคิดน้อยอีกแล้ว
สภาพแวดล้อมการทำงานที่ทนเก็บกดมากว่าครึ่งปี หลัวหยวนได้รับมันมากพอแล้ว
วันนี้ เขาอยากจะบอกกับทุกคนว่า หลัวหยวนคนนี้ไม่ใช่หมอฝึกหัดที่ใคร ๆ จะรังแกได้อีกต่อไป!
"รุ่นพี่ ผมมีวิธีจริง ๆ ครับ!" แม้เสียงของหลัวหยวนไม่ได้ดังมาก แต่ก็ทำให้คนที่โถงทางเดินได้ยินเขาชัดเจน
"หลัวหยวน คุณต้องคิดให้ดี ๆ นะ ผู้ป่วยรายนี้มีไม่ใช่คนธรรมดา ๆ คุณจะเข้ามาวุ่นวายง่าย ๆ ได้ยังไง..."
ทางด้านหัวหน้าอู๋กลับเป็นฝ่ายที่กังวลขึ้นมาแทน
เพราะหัวหน้าอู๋เห็นความแน่วแน่ในสายตาของหลัวหยวน ซึ่งแสดงออกอย่างชัดเจนว่าเขามีความมั่นใจมาก
หลัวหยวนเหลือบมองหัวหน้าอู๋ด้วยความเย็นชา จากนั้นจึงเหลือบมองหยางเว่ยที่ตะลึงตาค้าง แล้วจึงหัวเราะเยาะออกมา
หลัวหยวนพลันเปลี่ยนไปราวกับเป็นคนละคน เขาไม่เจียมเนื้อเจียมตัวแบบแต่ก่อน แถมยังพูดจาอย่างเย่อหยิ่งขึ้น: "เดิมพันกับหยางเว่ยที่มีตำแหน่งเล็ก ๆ มันก็ไม่มีความหมายอะไร ถ้าอย่างนั้น หัวหน้าอู๋ ผมจะเดิมพันกับคุณ คุณกล้ารับเดิมพันไหมครับ?"
"อะไรล่ะ? เดิมพันอะไร?"
หัวหน้าอู๋รู้สึกประหลาดใจ
หลัวหยวนหัวเราะเย้ยหยันขึ้นก่อนพูดว่า : "หัวหน้าอู๋ คุณเลิกเสแสร้งได้แล้ว ครึ่งปีที่ผ่านมา เพราะผมให้แป๊ะเจี๊ยะคุณน้อย คุณก็เลยกดขี่ผมมาตลอด เรื่องนี้ ผมก็เข้าใจดี แล้วก็ยอมรับความจริงข้อนี้ด้วย แต่ว่า วันนี้คุณไม่ควรใช้ความปลอดภัยของผู้ป่วยเป็นข้ออ้าง เพื่อโจมตีผม ผมเป็นหมอ ผมมีจรรยาบรรณในอาชีพของตัวเอง หัวใจที่เมตตาของแพทย์ ผมไม่อนุญาตให้ใครเอาความต้องการส่วนตัวมาละเลยสุขภาพและชีวิตของผู้ป่วย!"
หัวหน้าอู๋ไม่รู้ว่าจรรยาบรรณในอาชีพของหลัวหยวนคืออะไร เขาถามขึ้นด้วยสีหน้าที่ขุ่นเคือง: "หลัวหยวน คุณหมายความว่ายังไงกันแน่!
"ที่ผมพูดไปก็ชัดเจนแล้วนะครับ ผมต้องการเดิมพันกับคุณหัวหน้าอู๋ ถ้าผมรักษาโรคนี้ได้ หัวหน้าอู๋จะต้องลาออก! โรงพยาบาลประชาชนของเราไม่ต้องการหนอนแมลงแบบคุณ!"
หัวหน้าอู๋เป็นคนยังไง เขาจะตอบตกลงกับการเดิมพันเช่นนี้ได้ยังไงกัน?!
อย่าพูดว่าตอนนี้หลัวหยวนมั่นใจมากเลย เดิมทีตัวเขาก็ไม่ได้มั่นใจที่จะคว้าชัยชนะมาสักนิด แต่ถึงจะรู้ว่าหลัวหยวนไม่ได้มีความมั่นใจ แต่เขาก็จะไม่มีวันใช้อนาคตของเขาเป็นเดิมพันแน่นอน
เขาพูดอย่างไม่ไยดีขึ้นว่า: "หลัวหยวน คุณไม่คิดว่าตัวเองไร้เดียงสาเกินไปหน่อยเหรอไง?"
หลัวหยวนจ้องมองเขา ด้วยสีหน้าเรียบเฉย : "ถ้าคุณไม่ยอมลาออกไปก็ไม่เป็นไรครับ เพราะตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ตราบใดที่ผมหลัวหยวนอยู่ในโรงพยาบาลนี้ ก็จะทำให้คุณหัวหน้าอู๋ไม่มีที่ยืน! "
เมื่อทุกคนได้ยินเช่นนี้ พวกเขาก็อดที่จะรู้สึกเหลือเชื่อไม่ได้
พวกเขาไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าหลัวหยวนไปเอาความมั่นใจมาจากไหน
เขาเป็นหมอฝึกหัดธรรมดา ๆ แม้ว่าเขาจะเป็นเพื่อนเก่ากับหยูชิง แล้วก็มีความสามารถอยู่บ้าง แต่เขามีสิทธิ์อะไรมาบีบให้หัวหน้าอู๋ที่เป็นเจ้าถิ่นอยู่มานานในโรงพยาบาลนี้ไม่มีที่ยืนได้ล่ะ?!
หัวหน้าอู๋รู้สึกว่าตัวเองเหมือนอยู่ในกองเพลิง เขามองหลัวหยวนด้วยใบหน้าเย็นเยียบ: "หลัวหยวน คุณกำลังพูดอะไรอยู่! กรุณาระวังคำพูดของคุณด้วย!"
หลัวหยวนส่งเสียงหึออกมาอย่างเย็นชา ก้าวไปข้างหน้า มองหัวหน้าอู๋ด้วยแววตาที่เป็นประกาย "หัวหน้าอู๋ลืมสิ่งที่ตัวเองทำมาหลายปีแล้วเหรอครับ? ก่อนหน้านี้ ผมแค่แกล้งทำเป็นไม่รู้ไม่เห็น แต่ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป ผมจะไม่เห็นหนอนแมลงอย่างคุณอยู่ในตำแหน่งที่สูงส่งอีก แล้วก็ไม่ให้คุณมากำหนดชะตาชีวิตผมอีก!"
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.webreadapp.com All rights reserved