บทที่ 11 บรรยากาศตึงเครียดก่อนสงครามจะปะทุ
by นักมายากลอัจฉริยะ
09:25,Sep 02,2021
สำหรับชายชราและหญิงชราที่แสนธรรมดาทั้งสองตรงหน้าเขา ในใจหลัวหยวนเต็มไปด้วยความซาบซึ้ง
หากไม่ใช่เพราะมรดกล้ำค่าของหญิงชราหล่นแตก มันคงเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะได้มีโอกาสพบกับพลังอัศจรรย์ในตอนนี้
แม้กระทั่ง วันนี้ที่หลังจากกลับมาโรงพยาบาลทำเรื่องส่งมอบเสร็จสิ้น ตามแผนที่เขาได้คิดไว้นั้น เขาควรจะจากชีวิตนี้ที่อยู่มาห้าปีครึ่งอย่างเงียบ ๆ แล้วเริ่มต้นการเดินทางใหม่ที่ไม่อาจคาดเดาได้
ดังคำกล่าวที่ว่า จงอย่าลืมต้นกำเนิดไม่ว่าจะอยู่แห่งหนใดก็ตาม
ที่จริงตั้งแต่วินาทีที่เขารับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงในร่างกาย หลัวหยวนก็ตัดสินใจแล้ว และต้องไม่ยืนนิ่งดูดาย
โดยเฉพาะเมื่อชายชราและหญิงชราทั้งสองคนที่ไม่มีลูกแล้ว เขาต้องแบกรับภาระหน้าที่ ก็ต้องกตัญญูต่อเขาอย่างที่ควรจะเป็น
แม้ว่าต้องส่งเขาไปตายอย่างที่ควรจะเป็น
เพียงแต่ เขาต้องคิดหาวิธีที่จะทำให้พวกเขายอมรับให้ได้
ไม่อย่างนั้น คนแก่ธรรมดา ๆ อย่างพวกเขา จะไม่ยอมรับ "เจตนาดี" ของตัวเองได้ง่าย ๆ
"คุณลุงเจียงครับ อาการของคุณอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ว่า ความเสี่ยงของโรคหัวใจนั้นไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลย คุณต้องไม่ชะล่าใจนะครับ ตอนนี้ผมมีวิธีที่ไม่ต้องให้คุณผ่าตัด แต่ยังรักษาโรคได้ คุณเชื่อผมไหม?"
คุณลุงเจียงและคุณป้าหลิวต่างตกตะลึง ทั้งสองหันสบตามองกันอย่างรวดเร็ว
แต่เป็นคุณลุงเจียงที่ตอบสนองก่อนขึ้นมาก่อน พูดด้วยรอยยิ้มว่า "คุณบอกมาเถอะ มันคือวิธีอะไรกันล่ะ? ชีวิตของผมมันก็ไร้ค่า แค่คุณจะช่วยรักษาผม ต่อให้มันผิดพลาด เราก็จะไม่เสียใจ "
ขณะที่เขาพูด ก็เหลือบมองภรรยา
ในตอนนี้สติของหญิงชราก็กลับมาแล้ว เธอรีบพยักหน้า: "หมอหลัว เขาเป็นหัวหน้าครอบครัว ทุกอย่างก็ต้องคอยฟังจากเขา อีกอย่าง เราก็ไว้ใจคุณ คุณบอกเถอะว่า มันคือวิธีอะไรกันแน่ เราจะให้ความร่วมมือแน่นอน!"
จู่ๆ หลัวหยวนก็รู้สึกอิจฉาชายชราและหญิงชราทั้งสองคนขึ้นมา
"เป็นแบบนี้ครับ ผมยังไม่ได้กำหนดแผนการรักษาอย่างละเอียดเลย พวกคุณพักรักษาตัวในโรงพยาบาลสักสองสามวันก่อน รอจนกว่าผมจะแน่ใจ แล้วแจ้งให้พวกคุณทราบเป็นยังไงครับ?"
คำพูดของหลัวหยวนยังไม่ทันกล่าวจบ ประตูก็ถูกเปิดออกทันที
หัวหน้าอู๋ เดินเข้ามาด้วยใบหน้าบูดบึ้ง พูดอย่างเคร่งขรึมว่า: "หลัวหยวน คุณคิดจะทำอะไร?! คุณต้องรู้ฐานะตัวเองนะ! คุณยังเป็นแค่หมอฝึกหัดอยู่เลย ตามกฎของโรงพยาบาลเราแล้ว คุณไม่มีสิทธิ์จะกำหนดแผนการรักษาให้ผู้ป่วยเอง!"
หลัวหยวนหันมองดูสีหน้าที่ไม่พอใจของหัวหน้าอู๋ หัวใจของเขาก็กระตุกวูบ
ดูแล้ว เขาจับมือชายชราไม่ได้ด้วยซ้ำ
ตอนนี้มันแตกต่างออกไป ในสายตาหลัวหยวนในตอนนี้เขาไม่ใช่หมอฝึกหัดที่อนาคตอยู่ในกำมือของผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าอีกต่อไป
สำหรับหัวหน้าอู๋แล้ว เขาไม่มีความน่ากลัวและน่ายำเกรงแบบเมื่อก่อนแล้ว
นอกจากนี้ ด้วยคำสัญญาของเหนียนชิงอวิ๋น ไม่ต้องพูดถึงหัวหน้าอู๋เลย แม้แต่ผู้อำนวยการฮวางก็ไม่อาจทำอะไรได้
ถอยหมื่นก้าว ก็ถือว่าหลัวหยวนจะถูกไล่ออกทันที แต่เขาก็มั่นใจว่า เมื่อถึงเวลานั้นต้องเป็นโรงพยาบาลที่เสียใจ ไม่ใช่ตัวเขา
"คุณลุงเจียงกับคุณป้าหลิวต่างก็เป็นผู้ใหญ่ของผม ผมไปดูสองคนนั้น หัวหน้าอู๋มีปัญหาอะไรเหรอครับ?"
หลัวหยวนยืนขึ้น พูดถามด้วยใบหน้าเฉยเมย
เมื่อคุณลุงเจียงได้ยิน เขาก็รีบตามน้ำทันที
"ใช่แล้วล่ะ หลานชายมาเยี่ยมเรามีอะไรที่ผิดเหรอครับ?"
หัวหน้าอู๋พูดอย่างเย้ยหยัน: "แน่นอนว่าไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว! แต่ว่า มันเป็นเวลาทำงาน คุณไม่ได้อยู่ในตำแหน่งของคุณ แต่คุณมาเยี่ยมญาติของตัวเองที่นี่ นี่ทำประโยชน์ต่อสังคมเหรอ ไม่ทำตามกฎเนี่ย?"
หลัวหยวนถอนหายใจ พูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ขึ้น "หัวหน้าอู๋ครับ เมื่อก่อนสิ่งที่ผมเคยทำผิดต่อคุณเป็นผมที่ทำผิดเองจริง ๆ ครับ วันนี้ผมจะขอโทษ ยอมรับผิดกับคุณ ผู้ใหญ่ทั้งหลาย..."
ทว่า ก่อนที่เขาจะพูดจบ หัวหน้าอู๋ก็ยิ้มเย้ยหยันขึ้นอีกครั้ง
"เหอะ เหอะ! หลัวหยวน อย่ามาเล่นลูกไม้กับผมที่นี่! ฉันแค่จะเตือนคุณ ว่าคุณไม่ได้ทำงานในพื้นที่นี้แล้ว คุณควรทำหน้าที่ในแผนกฝังเข็ม อีกอย่าง ฐานะของคุณเป็นแค่หมอฝึกหัด ก็ไม่มีสิทธิ์จะกำหนดแผนการรักษาผู้ป่วยเอง!"
ใบหน้าของหลัวหยวนนิ่งสงบ เขาพูดเยาะเย้ยขึ้น: "หัวหน้าอู๋ ทำไมผมได้ยินมาว่าคุณก็ไม่ได้ทำงานในพื้นที่นี้แล้วเหมือนกันล่ะครับ? คุณควรทำหน้าที่ในแผนกฉุกเฉิน ที่นี่เป็นแผนกผู้ป่วยในนะครับ! ตอนนี้ผมอยู่ที่แผนกฝังเข็มด้วย ถ้าคุณอยากจะยุ่งกับผมมากนัก รบกวนไปแจ้งที่หัวหน้าของผมก่อนที่จะมาโวยวาย!"
"คุณ!" หัวหน้าอู๋หน้าเปลี่ยนเป็นสีเขียวด้วยความโกรธ เขาโดนตอกหน้าจนพูดไม่ออก
เรื่องการย้ายแผนกของเขาก็มีหลายคนเพิ่งจะรู้เท่านั้น แต่น่าเสียดายที่เรื่องนี้มันแพร่กระจายไปทั่วโรงพยาบาลอย่างรวดเร็วแล้ว
เห็นคนที่เคยกลัวเขาจนหัวหดเขากล้าหันมาพูดวิจารณ์เขา เขาก็รู้สึกอับอายมาก
ตอนที่จัดของในสำนักงาน ก็เห็นหลัวหยวนตัวร้ายเดินเข้ามา แล้วก็วิ่งโร่มาสร้างปัญหาให้เขาทันที
ไม่คาดคิดว่าหลัวหยวนก็ไม่ได้จะรับมือได้ง่าย ๆ ดังนั้นเขาใช้ไม้อ่อนจัดการเขา
"โอเค หลัวหยวน ผมจะจำคุณเอาไว้ เดี๋ยวเราก็ได้เจอกันอีก คอยดูกันต่อไปเถอะ!" หัวหน้าอู๋ทิ้งท้ายคำที่ร้ายกาจ หันหลังหมุนตัวกลับออกไปอย่างโกรธเคือง
ขณะนั้น พี่หวังหัวหน้าพยาบาลก็เดินเข้ามาพอดี "หัวหน้าอู๋ ผู้อำนวยการกำลังหาคุณอยู่ค่ะ"
ใบหน้าของหัวหน้าอู๋แข็งทื่อ ร่างกายพลันรู้สึกอ่อนแรง เขารีบกล่าวตอบรับ แล้วจากไปอย่างเร่งรีบ
เมื่อเห็นเขาจากไปด้วยความอับอาย หลัวหยวนแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
แม้ว่าหัวหน้าอู๋จะได้รับมอบหมายให้ดูแลแผนกฉุกเฉิน แต่ฐานะที่เป็นหัวหน้าหมอก็ยังคงอยู่ ประกอบกับเบื้องหลังของเขามีผู้สนับสนุนลับ ๆ ที่อำนาจแสนยิ่งใหญ่ ก็เป็นการหักหน้าจริง ๆ แต่แม้ว่าจะไม่กลัว แต่ก็ทำให้แย่ได้อยู่ดี
"คุณลุงเจียง คุณป้าหลิว ไม่ต้องห่วงนะครับ มีผมอยู่ โรคของคุณลุงเจียงจะต้องหายแน่นอนครับ! อ้อ คุณลุงเจียงครับ คุณควรกินไข่น้อยให้น้อยลง แล้วก็อย่ากินตามใจปากเด็ดขาด มันจะไม่ดีต่อร่างกายของคุณนะครับ"
เมื่อเห็นหลัวหยวนพูดแบบนี้ คุณลุงเจียงก็อดไม่ได้ที่จะหน้าแดงขึ้นมา ในขณะที่เขากำลังจะพูดอะไรขึ้นมา หลัวหยวนก็หันหลังเดินจากไปแล้ว
ไม่ใช่เพราะสาเหตุอื่นใด แต่ที่จริงเป็นเพราะเขาเห็นพี่หวังทำท่าเหมือนจะพูดอะไรกับเขา จึงรีบออกไป ก่อนที่เขาจะเปิดปากพูดอะไร
ในห้องทำงานของผู้อำนวยการ มีหัวหน้าอู๋ และผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในโรงพยาบาลกว่าสิบคนมารวมตัว
คนเหล่านี้ ต่างก็มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันอย่างดี
ที่ตงไห่ แม้แต่ในระบบเครือข่ายอนามัยและการรักษาพยาบาลของจังหวัดและเมืองโดยรอบ ก็ยังมีชื่อเสียงกระฉ่อน
แม้กระทั่ง ยังมีบุคคลที่มีชื่อเสียงที่เป็นที่รู้จักทั้งในและนอกประเทศอีกด้วย
พวกเขาไม่ได้มีแค่ความรู้เชิงทฤษฎีที่แน่นจัดเต็มเท่านั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ พวกเขามีประสบการณ์มากมาย
เพียงแต่ คนที่นั่งตำแหน่งหัวหน้า กลับเป็นสาวสวยอายุน้อย
เธอสวมชุดสูทกระโปรงสีดำ อวดโฉมรูปร่างที่สมบูรณ์แบบ
แว่นตาสีทองที่ทำขึ้นอย่างประณีตที่อยู่บนสันจมูกนั้นรับกับความเฉลียวฉลาดของเธอ โดยเฉพาะดวงตาหลังเลนส์ที่ในบางครั้งก็ส่องแสงประกายวาววับออกมา
"ผู้อำนวยการฮวาง โรคนี้มันชักจะแปลกเกินไปแล้วนะ ผมก็เคยได้ยินเป็นครั้งแรก ไม่ได้ศึกษามาก่อน ผมคิดว่า สาเหตุของโรคนี้ เกิดมาจากทางจิตใจมากกว่าทางกายภาพ คุณหยูเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา ไม่ลองให้เธอบอกทุกคนเกี่ยวกับอาการหลักของโรคนี้ก่อนล่ะครับ?"
ผู้อำนวยการฮวางพยักหน้าช้าๆ: "เพื่อนของฉันคนนี้ได้ผ่านสงครามของเวียดนามในปี 1979 ตอนนั้น เธอเป็นหนึ่งในผู้ช่วย แล้วก็เป็นเพื่อนแท้ของผม เสี่ยวหยู คุณพูดออกมาเถอะโรคนี้ มีวิธีรักษาไหม จะรักษาได้ยังไง"
ดอกเตอร์หญิงหน้าตาสะสวยในชุดสูทกระโปรงสีดำยิ้มเล็กน้อย ขยับแว่นของเธอ: "ฉันรู้เกี่ยวกับอาการของผู้ป่วยแล้ว โดยทั่วไปวินิจฉัยว่าได้ว่าเป็นโรคชอบกินของแปลก ถึงโรคนี้จะหาได้ยาก แต่ก็มีรายงานในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่แสดงให้เห็นว่าผู้ป่วยชอบกินของแปลก ๆ เช่น ดิน กาว หรือแม้แต่สิ่งสกปรก จนถึงตอนนี้ ผู้เชี่ยวชาญทั้งชาวจีนและต่างชาติ ก็ยังไม่มีเคสที่ประสบความสำเร็จในการรักษาโรคนี้เลย"
ผู้อำนวยการฮวางพยักหน้า แตะไมโครโฟน แล้วมองหน้าทุกคนในที่ประชุม: "ทุกท่านที่อยู่ตรงนี้ เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับแนวหน้าของประเทศ ขอให้ทุกท่านแสดงความคิดเห็นหน่อยครับ"
เมื่อทุกคนได้ยิน ก็ต่างพากันส่ายหัว
ใบหน้าของผู้อำนวยการฮวางแสดงถึงความผิดหวัง: "เมื่อวานนี้ ครอบครัวของเขาโทรมาหาผม ขอให้ผมรักษาโรคนี้ให้เขา พวกเขาบอกว่าคราวนี้เขากินก้นบุหรี่เข้าไป ตอนนี้มันเกินควบคุมแล้ว เขาอาหารเป็นพิษขั้นรุนแรง ต้องนำตัวส่งไปยังโรงพยาบาลในทันที ทุกท่านช่วยกันคิดวิธีกันอีกได้ไหมครับ? ฮวางโม่วขอร้องทุกท่าน!"
ขณะที่เขาพูด เขาก็ยืนขึ้น กำหมัดไปทางผู้เชี่ยวชาญ
ทว่า ที่ประชุมก็เงียบเป็นเป่าสาก
ในตอนนี้ บรรยากาศก็อึมครึมสุด ๆ
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครพูดออกมา ดอกเตอร์สาวก็ยิ้มอย่างขมขื่น แล้วทำลายความเงียบ: "ผู้อำนวยการฮวาง ดูเหมือนว่า เราจะทำได้แค่ล้างกระเพาะก่อน แล้วค่อยรักษาตามอาการค่ะ ฉันให้คำปรึกษาทางด้านจิตใจสำหรับผู้ป่วยได้ชั่วคราว แต่ไม่แน่อาจได้ผล แล้วถ้าจำเป็นจริง ๆ ก็ใช้ยาลดอาการปวดได้ค่ะ"
ในขณะนั้น จู่ ๆ หัวหน้าอู๋ก็พูดขึ้นว่า: "ผู้อำนวยการฮวางครับ ผมนึกถึงใครบางคนขึ้นมา บางที เขาอาจมีวิธีรักษาครับ"
ผู้อำนวยการฮวางขมวดคิ้วจนเห็นได้ชัด
เขาเห็นชัด ๆ ว่า ตอนที่หัวหน้าอู๋พูดแบบนี้ขึ้น มุมปากก็กระตุกแสดงถึงการเยาะเย้ยขึ้น
"ใครล่ะ?" ผู้อำนวยการฮวางถาม
โดยไม่ทันคาดคิด หัวหน้าอู๋ไม่ได้พูดออกมาตรง ๆ ว่าเขาแนะนำใคร แต่กลับพูดว่า: "แม้ว่าคนคนนี้จะหยิ่งไปสักหน่อย แต่เขาก็มีความสามารถ อีกอย่าง ผู้อำนวยการฮวางคุณก็รู้จักเขาด้วย"
"คุณหมายถึงหลัวหยวนเหรอ?" ในดวงตาของผู้อำนวยการฮวางปรากฏถึงความประหลาดใจ
เพียงแต่ แทบจะในวินาที เขาเข้าใจความหมายของหัวหน้าอู๋ทันที
ทว่า เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่หลัวหยวนปฏิเสธตัวเองในตอนนั้น ก็ทำให้เขาโกรธขึ้นมา
ในเมื่อเหนียนชิงอวิ๋นแนะนำหลัวหยวนอย่างสุด ๆ งั้นก็ให้เขามาลองดูสักหน่อย
ถ้าหลัวหยวนสามารถรักษาเพื่อนเก่าของเขาได้จริง ๆ ทุกคนก็จะไม่สนใจทัศนคติที่มีตัวเองแล้ว แล้วเขาจะตอบตกลงกับคำขอของเหนียนชิงอวิ๋นด้วย
ไม่อย่างนั้น ก็ทำได้แค่ขอโทษเท่านั้น เขาก็ถือโอกาสพายเรือตามน้ำ ปิดปากของเหนียนชิงอวิ๋นไว้
"ใช่ เขาเองล่ะ" หัวหน้าอู๋ยิ้ม
บทสนทนาของทั้งสองดังเข้าหูของผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ข้าง ๆ ทุกคนก็พลันรู้สึกงุนงง
หลัวหยวน...
ไม่เคยได้ยินชื่อนี้เลย!
จึงมีคนถามขึ้น
หมอหลัวคนนี้เป็นใครยิ่งใหญ่มาจากไหนกันแน่!
ก่อนที่ผู้อำนวยการฮวางจะพูดได้อ้าปากพูด หัวหน้าอู๋ก็ตอบอย่างทันที "หมอหลัวไม่ใช่คนยิ่งใหญ่อะไรหรอก จริงๆ แล้วเขาเป็นหมอฝึกหัดที่ยังไม่ได้เป็นหมอประจำหลังจากเรียนจบมหาลัยการแพทย์มาครึ่งปีแล้วเท่านั้นเอง เมื่อคืนก่อน ผมและผู้อำนวยการฮวางเห็นมาด้วยตาเราเอง ว่าเขาสามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยอายุ 60 ที่มีภาวะสมองขาดเลือดจากเส้นหลอดเลือดตีบที่เกือบจะเป็นอัมพาตจากเงื้อมมือยมทูตได้ เพียงแค่พึ่งการนวดแผนจีนและการฝังเข็มเท่านั้น"
เมื่อทุกคนได้ฟัง พวกเขาก็หันมองไปที่ผู้อำนวยการฮวางโดยไม่รู้ตัว
แม้ว่าผู้อำนวยการฮวางจะรู้ดีว่าความคิดของหัวหน้าอู๋คืออะไร แต่เขาพยักหน้ารับอย่างช่วยไม่ได้
ในตอนนี้ ทุกคนต่างรู้สึกประหลาดใจอย่างบอกไม่ถูก
ผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการที่อยู่ที่นี่ต่างเป็นแพทย์แผนตะวันตก แม้ว่าจะมีบางคนที่รู้จักการฝังเข็มและการนวดแผนจีนอยู่บ้าง แต่พวกเขาก็ต่างใช้การผสมผสานระหว่างแพทย์แผนจีนและตะวันตกเข้าด้วยกัน
สำหรับพวกเขาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการฝังเข็มหรือการนวดแผนจีน กระทั่งใบสั่งยาแผนจีน ส่วนใหญ่ถือเป็นศาสตร์จอมปลอมต้มตุ๋นคนเพียงเท่านั้น
แต่ตอนนี้กลับได้ยินคนในแวดวงสองคนพูดถึงเรื่องนี้ว่าราวกับเป็นเรื่องในจินตนาการ พวกเขาก็พูดแสดงความคิดเห็นกันมากมายทันที
ทว่า ในเมื่อพวกเขาคิดหาวิธีที่ดีกว่านี้ไม่ได้แล้ว ไม่ช้าทุกคนก็ต้องตอบตกลงเป็นมติเอกฉันท์ และคาดหวังที่จะพบกับหลัวหยวนเพื่อลองทำการรักษา
พวกเขาก็ยังอยากรู้อีกว่า หมอฝึกหัดที่ชื่อว่าหลัวหยวนคนนี้ จะแค่โชคดี เหมือนกับแมวตาบอดจับหนูที่ตายแล้วได้ หรือเขาเก่งจริง ๆ กันแน่
หากไม่ใช่เพราะมรดกล้ำค่าของหญิงชราหล่นแตก มันคงเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะได้มีโอกาสพบกับพลังอัศจรรย์ในตอนนี้
แม้กระทั่ง วันนี้ที่หลังจากกลับมาโรงพยาบาลทำเรื่องส่งมอบเสร็จสิ้น ตามแผนที่เขาได้คิดไว้นั้น เขาควรจะจากชีวิตนี้ที่อยู่มาห้าปีครึ่งอย่างเงียบ ๆ แล้วเริ่มต้นการเดินทางใหม่ที่ไม่อาจคาดเดาได้
ดังคำกล่าวที่ว่า จงอย่าลืมต้นกำเนิดไม่ว่าจะอยู่แห่งหนใดก็ตาม
ที่จริงตั้งแต่วินาทีที่เขารับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงในร่างกาย หลัวหยวนก็ตัดสินใจแล้ว และต้องไม่ยืนนิ่งดูดาย
โดยเฉพาะเมื่อชายชราและหญิงชราทั้งสองคนที่ไม่มีลูกแล้ว เขาต้องแบกรับภาระหน้าที่ ก็ต้องกตัญญูต่อเขาอย่างที่ควรจะเป็น
แม้ว่าต้องส่งเขาไปตายอย่างที่ควรจะเป็น
เพียงแต่ เขาต้องคิดหาวิธีที่จะทำให้พวกเขายอมรับให้ได้
ไม่อย่างนั้น คนแก่ธรรมดา ๆ อย่างพวกเขา จะไม่ยอมรับ "เจตนาดี" ของตัวเองได้ง่าย ๆ
"คุณลุงเจียงครับ อาการของคุณอยู่ในเกณฑ์ดี แต่ว่า ความเสี่ยงของโรคหัวใจนั้นไม่ใช่เรื่องเล็ก ๆ เลย คุณต้องไม่ชะล่าใจนะครับ ตอนนี้ผมมีวิธีที่ไม่ต้องให้คุณผ่าตัด แต่ยังรักษาโรคได้ คุณเชื่อผมไหม?"
คุณลุงเจียงและคุณป้าหลิวต่างตกตะลึง ทั้งสองหันสบตามองกันอย่างรวดเร็ว
แต่เป็นคุณลุงเจียงที่ตอบสนองก่อนขึ้นมาก่อน พูดด้วยรอยยิ้มว่า "คุณบอกมาเถอะ มันคือวิธีอะไรกันล่ะ? ชีวิตของผมมันก็ไร้ค่า แค่คุณจะช่วยรักษาผม ต่อให้มันผิดพลาด เราก็จะไม่เสียใจ "
ขณะที่เขาพูด ก็เหลือบมองภรรยา
ในตอนนี้สติของหญิงชราก็กลับมาแล้ว เธอรีบพยักหน้า: "หมอหลัว เขาเป็นหัวหน้าครอบครัว ทุกอย่างก็ต้องคอยฟังจากเขา อีกอย่าง เราก็ไว้ใจคุณ คุณบอกเถอะว่า มันคือวิธีอะไรกันแน่ เราจะให้ความร่วมมือแน่นอน!"
จู่ๆ หลัวหยวนก็รู้สึกอิจฉาชายชราและหญิงชราทั้งสองคนขึ้นมา
"เป็นแบบนี้ครับ ผมยังไม่ได้กำหนดแผนการรักษาอย่างละเอียดเลย พวกคุณพักรักษาตัวในโรงพยาบาลสักสองสามวันก่อน รอจนกว่าผมจะแน่ใจ แล้วแจ้งให้พวกคุณทราบเป็นยังไงครับ?"
คำพูดของหลัวหยวนยังไม่ทันกล่าวจบ ประตูก็ถูกเปิดออกทันที
หัวหน้าอู๋ เดินเข้ามาด้วยใบหน้าบูดบึ้ง พูดอย่างเคร่งขรึมว่า: "หลัวหยวน คุณคิดจะทำอะไร?! คุณต้องรู้ฐานะตัวเองนะ! คุณยังเป็นแค่หมอฝึกหัดอยู่เลย ตามกฎของโรงพยาบาลเราแล้ว คุณไม่มีสิทธิ์จะกำหนดแผนการรักษาให้ผู้ป่วยเอง!"
หลัวหยวนหันมองดูสีหน้าที่ไม่พอใจของหัวหน้าอู๋ หัวใจของเขาก็กระตุกวูบ
ดูแล้ว เขาจับมือชายชราไม่ได้ด้วยซ้ำ
ตอนนี้มันแตกต่างออกไป ในสายตาหลัวหยวนในตอนนี้เขาไม่ใช่หมอฝึกหัดที่อนาคตอยู่ในกำมือของผู้ชายที่ยืนอยู่ตรงหน้าอีกต่อไป
สำหรับหัวหน้าอู๋แล้ว เขาไม่มีความน่ากลัวและน่ายำเกรงแบบเมื่อก่อนแล้ว
นอกจากนี้ ด้วยคำสัญญาของเหนียนชิงอวิ๋น ไม่ต้องพูดถึงหัวหน้าอู๋เลย แม้แต่ผู้อำนวยการฮวางก็ไม่อาจทำอะไรได้
ถอยหมื่นก้าว ก็ถือว่าหลัวหยวนจะถูกไล่ออกทันที แต่เขาก็มั่นใจว่า เมื่อถึงเวลานั้นต้องเป็นโรงพยาบาลที่เสียใจ ไม่ใช่ตัวเขา
"คุณลุงเจียงกับคุณป้าหลิวต่างก็เป็นผู้ใหญ่ของผม ผมไปดูสองคนนั้น หัวหน้าอู๋มีปัญหาอะไรเหรอครับ?"
หลัวหยวนยืนขึ้น พูดถามด้วยใบหน้าเฉยเมย
เมื่อคุณลุงเจียงได้ยิน เขาก็รีบตามน้ำทันที
"ใช่แล้วล่ะ หลานชายมาเยี่ยมเรามีอะไรที่ผิดเหรอครับ?"
หัวหน้าอู๋พูดอย่างเย้ยหยัน: "แน่นอนว่าไม่มีปัญหาอะไรอยู่แล้ว! แต่ว่า มันเป็นเวลาทำงาน คุณไม่ได้อยู่ในตำแหน่งของคุณ แต่คุณมาเยี่ยมญาติของตัวเองที่นี่ นี่ทำประโยชน์ต่อสังคมเหรอ ไม่ทำตามกฎเนี่ย?"
หลัวหยวนถอนหายใจ พูดด้วยน้ำเสียงเรียบ ๆ ขึ้น "หัวหน้าอู๋ครับ เมื่อก่อนสิ่งที่ผมเคยทำผิดต่อคุณเป็นผมที่ทำผิดเองจริง ๆ ครับ วันนี้ผมจะขอโทษ ยอมรับผิดกับคุณ ผู้ใหญ่ทั้งหลาย..."
ทว่า ก่อนที่เขาจะพูดจบ หัวหน้าอู๋ก็ยิ้มเย้ยหยันขึ้นอีกครั้ง
"เหอะ เหอะ! หลัวหยวน อย่ามาเล่นลูกไม้กับผมที่นี่! ฉันแค่จะเตือนคุณ ว่าคุณไม่ได้ทำงานในพื้นที่นี้แล้ว คุณควรทำหน้าที่ในแผนกฝังเข็ม อีกอย่าง ฐานะของคุณเป็นแค่หมอฝึกหัด ก็ไม่มีสิทธิ์จะกำหนดแผนการรักษาผู้ป่วยเอง!"
ใบหน้าของหลัวหยวนนิ่งสงบ เขาพูดเยาะเย้ยขึ้น: "หัวหน้าอู๋ ทำไมผมได้ยินมาว่าคุณก็ไม่ได้ทำงานในพื้นที่นี้แล้วเหมือนกันล่ะครับ? คุณควรทำหน้าที่ในแผนกฉุกเฉิน ที่นี่เป็นแผนกผู้ป่วยในนะครับ! ตอนนี้ผมอยู่ที่แผนกฝังเข็มด้วย ถ้าคุณอยากจะยุ่งกับผมมากนัก รบกวนไปแจ้งที่หัวหน้าของผมก่อนที่จะมาโวยวาย!"
"คุณ!" หัวหน้าอู๋หน้าเปลี่ยนเป็นสีเขียวด้วยความโกรธ เขาโดนตอกหน้าจนพูดไม่ออก
เรื่องการย้ายแผนกของเขาก็มีหลายคนเพิ่งจะรู้เท่านั้น แต่น่าเสียดายที่เรื่องนี้มันแพร่กระจายไปทั่วโรงพยาบาลอย่างรวดเร็วแล้ว
เห็นคนที่เคยกลัวเขาจนหัวหดเขากล้าหันมาพูดวิจารณ์เขา เขาก็รู้สึกอับอายมาก
ตอนที่จัดของในสำนักงาน ก็เห็นหลัวหยวนตัวร้ายเดินเข้ามา แล้วก็วิ่งโร่มาสร้างปัญหาให้เขาทันที
ไม่คาดคิดว่าหลัวหยวนก็ไม่ได้จะรับมือได้ง่าย ๆ ดังนั้นเขาใช้ไม้อ่อนจัดการเขา
"โอเค หลัวหยวน ผมจะจำคุณเอาไว้ เดี๋ยวเราก็ได้เจอกันอีก คอยดูกันต่อไปเถอะ!" หัวหน้าอู๋ทิ้งท้ายคำที่ร้ายกาจ หันหลังหมุนตัวกลับออกไปอย่างโกรธเคือง
ขณะนั้น พี่หวังหัวหน้าพยาบาลก็เดินเข้ามาพอดี "หัวหน้าอู๋ ผู้อำนวยการกำลังหาคุณอยู่ค่ะ"
ใบหน้าของหัวหน้าอู๋แข็งทื่อ ร่างกายพลันรู้สึกอ่อนแรง เขารีบกล่าวตอบรับ แล้วจากไปอย่างเร่งรีบ
เมื่อเห็นเขาจากไปด้วยความอับอาย หลัวหยวนแอบถอนหายใจด้วยความโล่งอก
แม้ว่าหัวหน้าอู๋จะได้รับมอบหมายให้ดูแลแผนกฉุกเฉิน แต่ฐานะที่เป็นหัวหน้าหมอก็ยังคงอยู่ ประกอบกับเบื้องหลังของเขามีผู้สนับสนุนลับ ๆ ที่อำนาจแสนยิ่งใหญ่ ก็เป็นการหักหน้าจริง ๆ แต่แม้ว่าจะไม่กลัว แต่ก็ทำให้แย่ได้อยู่ดี
"คุณลุงเจียง คุณป้าหลิว ไม่ต้องห่วงนะครับ มีผมอยู่ โรคของคุณลุงเจียงจะต้องหายแน่นอนครับ! อ้อ คุณลุงเจียงครับ คุณควรกินไข่น้อยให้น้อยลง แล้วก็อย่ากินตามใจปากเด็ดขาด มันจะไม่ดีต่อร่างกายของคุณนะครับ"
เมื่อเห็นหลัวหยวนพูดแบบนี้ คุณลุงเจียงก็อดไม่ได้ที่จะหน้าแดงขึ้นมา ในขณะที่เขากำลังจะพูดอะไรขึ้นมา หลัวหยวนก็หันหลังเดินจากไปแล้ว
ไม่ใช่เพราะสาเหตุอื่นใด แต่ที่จริงเป็นเพราะเขาเห็นพี่หวังทำท่าเหมือนจะพูดอะไรกับเขา จึงรีบออกไป ก่อนที่เขาจะเปิดปากพูดอะไร
ในห้องทำงานของผู้อำนวยการ มีหัวหน้าอู๋ และผู้ทรงอิทธิพลที่สุดในโรงพยาบาลกว่าสิบคนมารวมตัว
คนเหล่านี้ ต่างก็มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันอย่างดี
ที่ตงไห่ แม้แต่ในระบบเครือข่ายอนามัยและการรักษาพยาบาลของจังหวัดและเมืองโดยรอบ ก็ยังมีชื่อเสียงกระฉ่อน
แม้กระทั่ง ยังมีบุคคลที่มีชื่อเสียงที่เป็นที่รู้จักทั้งในและนอกประเทศอีกด้วย
พวกเขาไม่ได้มีแค่ความรู้เชิงทฤษฎีที่แน่นจัดเต็มเท่านั้น สิ่งที่สำคัญที่สุดคือ พวกเขามีประสบการณ์มากมาย
เพียงแต่ คนที่นั่งตำแหน่งหัวหน้า กลับเป็นสาวสวยอายุน้อย
เธอสวมชุดสูทกระโปรงสีดำ อวดโฉมรูปร่างที่สมบูรณ์แบบ
แว่นตาสีทองที่ทำขึ้นอย่างประณีตที่อยู่บนสันจมูกนั้นรับกับความเฉลียวฉลาดของเธอ โดยเฉพาะดวงตาหลังเลนส์ที่ในบางครั้งก็ส่องแสงประกายวาววับออกมา
"ผู้อำนวยการฮวาง โรคนี้มันชักจะแปลกเกินไปแล้วนะ ผมก็เคยได้ยินเป็นครั้งแรก ไม่ได้ศึกษามาก่อน ผมคิดว่า สาเหตุของโรคนี้ เกิดมาจากทางจิตใจมากกว่าทางกายภาพ คุณหยูเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านจิตวิทยา ไม่ลองให้เธอบอกทุกคนเกี่ยวกับอาการหลักของโรคนี้ก่อนล่ะครับ?"
ผู้อำนวยการฮวางพยักหน้าช้าๆ: "เพื่อนของฉันคนนี้ได้ผ่านสงครามของเวียดนามในปี 1979 ตอนนั้น เธอเป็นหนึ่งในผู้ช่วย แล้วก็เป็นเพื่อนแท้ของผม เสี่ยวหยู คุณพูดออกมาเถอะโรคนี้ มีวิธีรักษาไหม จะรักษาได้ยังไง"
ดอกเตอร์หญิงหน้าตาสะสวยในชุดสูทกระโปรงสีดำยิ้มเล็กน้อย ขยับแว่นของเธอ: "ฉันรู้เกี่ยวกับอาการของผู้ป่วยแล้ว โดยทั่วไปวินิจฉัยว่าได้ว่าเป็นโรคชอบกินของแปลก ถึงโรคนี้จะหาได้ยาก แต่ก็มีรายงานในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ส่วนใหญ่แสดงให้เห็นว่าผู้ป่วยชอบกินของแปลก ๆ เช่น ดิน กาว หรือแม้แต่สิ่งสกปรก จนถึงตอนนี้ ผู้เชี่ยวชาญทั้งชาวจีนและต่างชาติ ก็ยังไม่มีเคสที่ประสบความสำเร็จในการรักษาโรคนี้เลย"
ผู้อำนวยการฮวางพยักหน้า แตะไมโครโฟน แล้วมองหน้าทุกคนในที่ประชุม: "ทุกท่านที่อยู่ตรงนี้ เป็นผู้เชี่ยวชาญระดับแนวหน้าของประเทศ ขอให้ทุกท่านแสดงความคิดเห็นหน่อยครับ"
เมื่อทุกคนได้ยิน ก็ต่างพากันส่ายหัว
ใบหน้าของผู้อำนวยการฮวางแสดงถึงความผิดหวัง: "เมื่อวานนี้ ครอบครัวของเขาโทรมาหาผม ขอให้ผมรักษาโรคนี้ให้เขา พวกเขาบอกว่าคราวนี้เขากินก้นบุหรี่เข้าไป ตอนนี้มันเกินควบคุมแล้ว เขาอาหารเป็นพิษขั้นรุนแรง ต้องนำตัวส่งไปยังโรงพยาบาลในทันที ทุกท่านช่วยกันคิดวิธีกันอีกได้ไหมครับ? ฮวางโม่วขอร้องทุกท่าน!"
ขณะที่เขาพูด เขาก็ยืนขึ้น กำหมัดไปทางผู้เชี่ยวชาญ
ทว่า ที่ประชุมก็เงียบเป็นเป่าสาก
ในตอนนี้ บรรยากาศก็อึมครึมสุด ๆ
เมื่อเห็นว่าไม่มีใครพูดออกมา ดอกเตอร์สาวก็ยิ้มอย่างขมขื่น แล้วทำลายความเงียบ: "ผู้อำนวยการฮวาง ดูเหมือนว่า เราจะทำได้แค่ล้างกระเพาะก่อน แล้วค่อยรักษาตามอาการค่ะ ฉันให้คำปรึกษาทางด้านจิตใจสำหรับผู้ป่วยได้ชั่วคราว แต่ไม่แน่อาจได้ผล แล้วถ้าจำเป็นจริง ๆ ก็ใช้ยาลดอาการปวดได้ค่ะ"
ในขณะนั้น จู่ ๆ หัวหน้าอู๋ก็พูดขึ้นว่า: "ผู้อำนวยการฮวางครับ ผมนึกถึงใครบางคนขึ้นมา บางที เขาอาจมีวิธีรักษาครับ"
ผู้อำนวยการฮวางขมวดคิ้วจนเห็นได้ชัด
เขาเห็นชัด ๆ ว่า ตอนที่หัวหน้าอู๋พูดแบบนี้ขึ้น มุมปากก็กระตุกแสดงถึงการเยาะเย้ยขึ้น
"ใครล่ะ?" ผู้อำนวยการฮวางถาม
โดยไม่ทันคาดคิด หัวหน้าอู๋ไม่ได้พูดออกมาตรง ๆ ว่าเขาแนะนำใคร แต่กลับพูดว่า: "แม้ว่าคนคนนี้จะหยิ่งไปสักหน่อย แต่เขาก็มีความสามารถ อีกอย่าง ผู้อำนวยการฮวางคุณก็รู้จักเขาด้วย"
"คุณหมายถึงหลัวหยวนเหรอ?" ในดวงตาของผู้อำนวยการฮวางปรากฏถึงความประหลาดใจ
เพียงแต่ แทบจะในวินาที เขาเข้าใจความหมายของหัวหน้าอู๋ทันที
ทว่า เมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่หลัวหยวนปฏิเสธตัวเองในตอนนั้น ก็ทำให้เขาโกรธขึ้นมา
ในเมื่อเหนียนชิงอวิ๋นแนะนำหลัวหยวนอย่างสุด ๆ งั้นก็ให้เขามาลองดูสักหน่อย
ถ้าหลัวหยวนสามารถรักษาเพื่อนเก่าของเขาได้จริง ๆ ทุกคนก็จะไม่สนใจทัศนคติที่มีตัวเองแล้ว แล้วเขาจะตอบตกลงกับคำขอของเหนียนชิงอวิ๋นด้วย
ไม่อย่างนั้น ก็ทำได้แค่ขอโทษเท่านั้น เขาก็ถือโอกาสพายเรือตามน้ำ ปิดปากของเหนียนชิงอวิ๋นไว้
"ใช่ เขาเองล่ะ" หัวหน้าอู๋ยิ้ม
บทสนทนาของทั้งสองดังเข้าหูของผู้เชี่ยวชาญที่อยู่ข้าง ๆ ทุกคนก็พลันรู้สึกงุนงง
หลัวหยวน...
ไม่เคยได้ยินชื่อนี้เลย!
จึงมีคนถามขึ้น
หมอหลัวคนนี้เป็นใครยิ่งใหญ่มาจากไหนกันแน่!
ก่อนที่ผู้อำนวยการฮวางจะพูดได้อ้าปากพูด หัวหน้าอู๋ก็ตอบอย่างทันที "หมอหลัวไม่ใช่คนยิ่งใหญ่อะไรหรอก จริงๆ แล้วเขาเป็นหมอฝึกหัดที่ยังไม่ได้เป็นหมอประจำหลังจากเรียนจบมหาลัยการแพทย์มาครึ่งปีแล้วเท่านั้นเอง เมื่อคืนก่อน ผมและผู้อำนวยการฮวางเห็นมาด้วยตาเราเอง ว่าเขาสามารถช่วยชีวิตผู้ป่วยอายุ 60 ที่มีภาวะสมองขาดเลือดจากเส้นหลอดเลือดตีบที่เกือบจะเป็นอัมพาตจากเงื้อมมือยมทูตได้ เพียงแค่พึ่งการนวดแผนจีนและการฝังเข็มเท่านั้น"
เมื่อทุกคนได้ฟัง พวกเขาก็หันมองไปที่ผู้อำนวยการฮวางโดยไม่รู้ตัว
แม้ว่าผู้อำนวยการฮวางจะรู้ดีว่าความคิดของหัวหน้าอู๋คืออะไร แต่เขาพยักหน้ารับอย่างช่วยไม่ได้
ในตอนนี้ ทุกคนต่างรู้สึกประหลาดใจอย่างบอกไม่ถูก
ผู้เชี่ยวชาญและนักวิชาการที่อยู่ที่นี่ต่างเป็นแพทย์แผนตะวันตก แม้ว่าจะมีบางคนที่รู้จักการฝังเข็มและการนวดแผนจีนอยู่บ้าง แต่พวกเขาก็ต่างใช้การผสมผสานระหว่างแพทย์แผนจีนและตะวันตกเข้าด้วยกัน
สำหรับพวกเขาแล้ว ไม่ว่าจะเป็นการฝังเข็มหรือการนวดแผนจีน กระทั่งใบสั่งยาแผนจีน ส่วนใหญ่ถือเป็นศาสตร์จอมปลอมต้มตุ๋นคนเพียงเท่านั้น
แต่ตอนนี้กลับได้ยินคนในแวดวงสองคนพูดถึงเรื่องนี้ว่าราวกับเป็นเรื่องในจินตนาการ พวกเขาก็พูดแสดงความคิดเห็นกันมากมายทันที
ทว่า ในเมื่อพวกเขาคิดหาวิธีที่ดีกว่านี้ไม่ได้แล้ว ไม่ช้าทุกคนก็ต้องตอบตกลงเป็นมติเอกฉันท์ และคาดหวังที่จะพบกับหลัวหยวนเพื่อลองทำการรักษา
พวกเขาก็ยังอยากรู้อีกว่า หมอฝึกหัดที่ชื่อว่าหลัวหยวนคนนี้ จะแค่โชคดี เหมือนกับแมวตาบอดจับหนูที่ตายแล้วได้ หรือเขาเก่งจริง ๆ กันแน่
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.webreadapp.com All rights reserved