บทที่ 15 ต่างคนต่างความคิด
by นักมายากลอัจฉริยะ
09:25,Sep 02,2021
เงียบกริบ——
ในตอนนี้ ผู้คนในห้องก็ต่างเงียบกริบไม่พูดอะไรออกมา
หัวหน้าอู๋เป็นคนยังไง ทุกคนก็ต่างรู้ดี
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เรื่องอื่นไม่ต้องพูดถึง แค่แป๊ะเจี๊ยะอย่างเดียว เขาก็รับไปหลายร้อยหลายพันซองแล้ว
นี่ก็คงเป็นจำนวนที่มากจนน่ากลัวแล้ว
ต้องรู้ว่า คนอย่างเขา เงินแค่สามร้อยห้าร้อย ไม่อยู่ในสายตา
หากมีไม่ถึงสองสามพัน อย่าคิดว่าเขาจะชายตามอง
ยิ่งไปกว่านั้น อยู่ที่นี่ หัวหน้าใช้เอาประโยชน์ส่วนรวมมาใช้ส่วนตนได้อย่างไม่จำกัดอีกด้วย
เมื่อคนรู้จักของเขา มาที่โรงพยาบาล ก็มักจะได้ข้ามคิวที่คนมารอกว่าร้อยคิว เข้ารักษาโดยตรงตลอด
นี่ยังเป็นเพียงแค่น้ำจิ้มเล็ก ๆ จากการกระทำของเขาทั้งหมด
ผู้ชายคนนี้ยังใช้ประโยชน์จากตำแหน่งของเขา ทำร้ายพยาบาลฝึกหัดและหมอฝึกหัดอีกหลายคนด้วย
เพียงแต่เขาปกปิดเรื่องเหล่านี้ได้เก่งมาก แม้ว่าทุกคนรู้ว่ามีข่าวลือ แต่ก็ยังไงก็ไม่มีหลักฐานพิสูจน์อยู่ดี
ประกอบกับคนที่อยู่เบื้องหลังเขาก็มีอำนาจยิ่งใหญ่ ทุกคนจึงเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดปัญหาวุ่นวายกับตัวเอง
อย่างมากที่สุดก็แค่แอบ ๆ คุยกันลับหลัง ไม่มีใครกล้าพูดต่อหน้าเขาสักคน
ทว่าตอนนี้หลัวหยวนกำลังตบหน้าเขาต่อหน้าผู้คนมากมาย ทำเอาทุกคนจึงต่างตื่นตกใจ
แม้ว่าจะแอบปรบมือชื่นชมอยู่ในใจ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะกังวลเรื่องหมอฝึกหัดคนนี้ขึ้นมา
นี่เป็นการหาเรื่องผิดใจกับหัวหน้าอู๋ชัด ๆ!
ชีวิตของหลัวหยวนจบแล้ว จบสิ้นแล้ว!
"หลัวหยวน! คุณพูดว่าอะไรนะ? คุณพูดอีกครั้งสิ!"
หัวหน้าอู๋มองไปที่หลัวหยวนอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ราวกับว่าเขาได้ยินเรื่องไร้สาระที่สุดในโลก
หลัวหยวนมองเขาอย่างเย็นชา พูดคำสี่คำออกมา:
"ผดุง! ธรรม! แทน! สวรรค์!"
ผดุงธรรมแทนสวรรค์
ผดุงธรรมแทนสวรรค์อะไรกัน?
ทางแห่งสวรรค์ถูกบ่อนทำลาย ผู้คนรับคำสั่งปฏิบัติตาม
ทางแห่งโลกนี้ทั้งยากลำบากและอันตราย ผู้คนต่างกู่ร้องให้กำลังใจแก่กัน!
คำว่า "ผดุงธรรมแทนสวรรค์" ถูกใช้อย่างผิด ๆ จากละครโทรทัศน์ห่วย ๆ หลายเรื่อง ทำให้หลายคนสูญเสียความเข้าใจความหมายดั้งเดิมของคำคำนี้ไป
เมื่อมีคนกล่าวสี่คำนี้ออกมา ด้วยความเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ ความเชื่อในหัวใจของเขาก็จะสูงทัดเทียบกับภูผา
ทุกคนรู้สึกว่าน่าเหลือเชื่อมาก แต่สำหรับหลัวหยวนเขากลับรู้สึกสุขใจขึ้นมาอย่างน่าประหลาดใจ
เขามองดูผู้คนตะลึงตาค้างอย่างเย็นชา พูดช้า ๆ ว่า: "ผมรู้ว่าทุกคนกำลังคิดอะไรอยู่ บางที ทุกคนอาจคิดว่าผมหลัวหยวนคนนี้เป็นแค่หมอฝึกหัดธรรมดา ๆ อารมณ์เสียจากที่ทะเลาะกัน ก็เลยพ่นคำพูดบ้า ๆ พวกนี้ออกมา แต่ว่า พวกคุณไม่ต้องห่วง ผมไม่ได้เป็นแบบนั้นครับ"
คำพูดของหลัวหยวนอีกไม่นานก็คงตรงกับความจริงที่กำลังจะเกิดขึ้น
ทางด้านของผู้อำนวยการฮวางก็มองไปข้าง ๆ ด้วยสายตาที่เย็นชา เมื่อได้ยินหลัวหยวนพูดแบบนี้ออกมา ก็รู้ว่าถึงเวลาแล้วที่ตัวเขาจะต้องแสดงท่าทีอะไรออกมาบ้าง
เขาจ้องไปที่หัวหน้าอู๋ที่มีใบหน้าซีดเซียว ในใจก็รู้สึกมีความสุขอย่างน่าประหลาด
ผู้ชายคนนี้ยืมมือคนที่อยู่เบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่พอ มาดูถูกอำนาจของตัวเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เผลอ ๆ แทบจะไม่เห็นเขาในสายตาด้วยซ้ำ
ตอนนี้ ก็เป็นทีของเขาที่จะลงมือบ้างแล้ว!
"ถูกต้อง!" ผู้อำนวยการฮวางดึงความเด็ดเดี่ยวของการเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลออกมา เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า "ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หลัวหยวนไม่ใช่หมอฝึกหัดอีกต่อไป ต่อจากนี้ เขาจะรับผิดชอบตำแหน่งหมอที่ดูแลผู้ป่วยคนนี้ แล้วถ้าคุณเจออุปสรรคหรือมีปัญหาอะไร คุณมาบอกผมได้ตลอดเวลาเลย"
หลัวหยวนมองผู้อำนวยการฮวางด้วยความซาบซึ้ง
ที่จริงแล้ว เขาไม่ได้หวังให้ผู้อำนวยการฮวางจะยืนข้างเขาในสถานการณ์แบบนี้
ทางด้านหัวหน้าอู๋ แม้ว่าในใจเขาจะโมโหสุด ๆ แต่ต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ เขาก็ยังไม่ถึงกับหัวร้อน พึ่งผู้อยู่เบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่พูดตอบโต้ผู้อำนวยการฮวางแรง ๆ
สุดท้าย เขาก็ทำได้เพียงหนีหัวซุกหัวซุน หลบจากสายตาที่เยือกเย็นและเฉียบคมของผู้อำนวยการฮวางเพียงเท่านั้น
ไม่ว่าหน้าของเขาจะหนาแค่ไหน แต่ในสถานการณ์แบบนี้ จะหน้าหนาแล้วไม่เดินหนีออกมาก็ไม่ได้
"เสี่ยวหยู ผมแก่แล้ว ก็เลยไม่มีแรงทำสิ่งที่อยากทำได้ ทำให้รุ่นน้องมองผมเป็นตัวตลก"
ผู้อำนวยการฮวางยิ้มออกมาอีกครั้ง แล้วกล่าวคำพูดประชดประชันตัวเองออกมา
หยูชิงไม่ปริปากพูดอะไรกับผู้อำนวยการฮวาง เธอหันไปมองหลัวหยวนอย่างประหลาดใจ: "รุ่นน้อง คำสั่งก็ประกาศออกมาต่อหน้าคนเยอะขนาดนี้แล้ว นายยังมีความมั่นใจอยู่ไหม?"
หลัวหยวนยิ้มบาง ๆ แล้วพูดว่า: "รุ่นพี่ ตอนนี้ ผมพูดว่าไม่มั่นใจได้ด้วยเหรอครับ?"
"แน่นอนว่าไม่ได้!" หยูชิงขมวดคิ้ว "ถ้าเป็นอย่างนั้น หัวหน้าอู๋ก็ต้องเตะนายออกจากโรงพยาบาล แบบที่แม้แต่คุณลุงฮวาง ก็ช่วยนายไม่ได้"
ผู้อำนวยการฮวางคลี่ยิ้มขมขื่นอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นก็พูดกับหลัวหยวนว่า "เสี่ยวหลัว เรื่องหัวหน้าอู๋ ผมก็ทำอะไรไม่ได้ คุณ...คุณควรระวังเขาด้วยนะ ส่วนผู้ป่วย ผมจะให้คุณรักษาโอเคไหม?"
ในขณะที่เขากำลังพูด สายตาก็จับจ้องไปที่หยูชิงที่ยิ้มแย้ม อย่างมีความนัยตลอด
เมื่อได้ยินแบบนี้ ไม่ว่าหลัวหยวนจะโง่มากขนาดไหนก็เข้าใจว่า ผู้อำนวยการฮวางทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจเตือนหยูชิงถึงภูมิหลังที่ไม่ธรรมดาของหัวหน้าอู๋
แน่นอนว่า ปฏิเสธไม่ได้ที่ผู้อำนวยการฮวางจะไม่จะยืมมือคนอื่นมาจัดการ
แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม ที่จริงหลัวหยวนก็ยังคงอยากจะพึ่งความสามารถของตัวเองเพื่อรับมือหัวหน้าอู๋อยู่แล้ว
แต่สิ่งที่ทำให้หลัวหยวนรู้สึกประหลาดใจก็คือ หรือว่ารุ่นพี่หยูของเขาก็มีฐานะยิ่งใหญ่ด้วยเหรอ?
เพียงแต่ ในตอนนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะถามหยูชิงได้เลย หลัวหยวนทำได้เพียงพยักหน้าแล้วตอบว่า: "ครับ ผู้อำนวยการ ผมจะทำทุกอย่างเต็มที่ ไม่ทำให้คุณต้องขายหน้า"
ผู้อำนวยการฮวางพยักหน้าพอใจ กับท่าทางของหลัวหยวน จากนั้นก็พูดฝากฝังอีกนิดหน่อย แล้วจึงจะจากไป
ทันทีที่เขาจากไป คนอื่น ๆ จะอยู่ที่นี่ต่อก็ดูไม่ดี จึงทยอยเดินออกไปอย่างไม่เต็มใจ
ที่จริงมีหลายคนที่อยากคุยกับหลัวหยวน ฉวยโอกาสนี้ตีสนิทสานสัมพันธ์
แม้ว่าเขาจะทำให้หัวหน้าอู๋ไม่พอใจ แต่เขาก็ยังมีผู้อำนวยการฮวางและเหนียนชิงอวิ๋นผู้มีอำนาจยิ่งใหญ่สองคอยหนุนหลัง
อีกทั้งดูสถานการณ์แล้ว ดอกเตอร์สาวคนสวยอย่างหยูชิงก็ไม่ใช่คนที่จะยอมใครอีกด้วย
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หลัวหยวนดูไม่ธรรมดาเช่นกัน
ในห้องผู้ป่วยนอกจากผู้ป่วยและพยาบาลประจำผู้รับผิดชอบดูแลผู้ป่วยแล้ว ก็เหลือแค่หลัวหยวนและหยูชิงอยู่เท่านั้น
ทว่าจู่ ๆ ก็มีคนที่แสนคุ้นเคยเคาะประตูและก้าวเข้ามา
พี่หวัง!
ทันใดนั้นหลัวหยวนก็นึกขึ้นได้ว่า เขามีนัดบอดตอนเที่ยงวันนี้
พี่หวังอยากจะแนะนำผู้หญิงให้มาเป็นแฟนกับเขา...
เมื่อเห็นหลัวหยวนกับหยูชิงยืนอยู่ด้วยกัน ในดวงตาของพี่หวังก็แสดงความประหลาดใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด
แต่ว่า เธอก็เก็บอาการได้อย่างรวดเร็ว แล้วพูดอย่างยิ้ม ๆ ว่า "หลัวหยวน ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณ ยืมตัวคุณไปคุยด้วยหน่อยได้ไหม?"
ขณะที่เธอกำลังพูด สายตาก็เหลือบมองหยูชิงทั้งตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ
ดูเหมือนกำลังสังเกตปฏิกิริยาของเธอ
หยูชิงอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจู่ ๆ เธอก็ยิ้มขึ้น: "ในเมื่อมีเรื่องจะคุยกัน งั้นก็ไปเถอะ!"
แน่นอนว่าหลัวหยวนรู้ดีว่าทำไมพี่หวังถึงมาหาเขา
ถ้าหยูชิงไม่ปรากฏตัวขึ้นมา บางทีเขาอาจจะยังรับมือได้
ในเมื่อ พี่หวังก็หวังดี แล้วก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่จะไปเจอกับลูกพี่ลูกน้องของเธอ
อีกอย่าง ถ้ามีข่าวลือแพร่ออกไป คนอื่นจะคิดว่าตัวเขารับปากแล้วทำไม่ได้อีกด้วย
แต่ตอนนี้คนรักในฝันของตัวเขาก็มาอยู่เคียงข้างเขาแล้ว จะให้เขาทิ้งเธอไปนัดบอด เขาก็ทำไม่ได้
ดังนั้น หลัวหยวนเหมือนโดนผีสิงปากพูดออกไปว่า: "รุ่นพี่ ไปด้วยกันเถอะครับ!"
"ไปด้วยกันเหรอ?" หยูชิงรู้สึกประหลาดใจ
หลัวหยวนไม่สนใจสีหน้าที่เปลี่ยนไปของพี่หวัง เขายิ้มแล้วพูดอธิบายว่า: "จริง ๆ แล้ว พี่หวังวางแผนจะแนะนำลูกพี่ลูกน้องของเธอให้ผมรู้จักน่ะครับ ยังไงนี่ก็เที่ยงแล้ว เราก็มาทานข้าวด้วยกันเถอะ! ว่าไปแล้ว ครั้งสุดท้ายที่เราไปทานข้าวด้วยกัน มันก็ผ่านไปครึ่งปีกว่าแล้วเนอะ"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ พี่หวังก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมา
เธอก็รู้ถึงฐานะของหยูชิง เดิมทีคิดว่าหลัวหยวนชวนเธอตามมารยาท แต่พอฟังน้ำเสียงของเขา ทั้งสองก็ดูเหมือนจะสนิทสนมกันมาก
ในตอนนี้ พี่หวังก็ไม่รู้จะพูดอะไรออกมา เธอจึงได้แต่มองดูปฏิกิริยาของหยูชิงเท่านั้น
"คิกๆ เห็น ๆ อยู่ว่าจะไปนัดบอด ยังจะเอารุ่นพี่ไปด้วยอีก นายอยากจะประหยัดเงินหรือไง หรือไม่รู้งานจริง ๆ เนี่ย?"
ได้ยินหยูชิงพูดอย่างนี้ พี่หวังก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
น่าเสียดาย ที่ดีใจยังไม่ถึงสองวินาที ก็ได้ยินหยูชิงพูดขึ้น: "คิด ๆ ดูแล้ว ฉันก็แทบจะไม่มีเพื่อนในเมืองตงไห่เลย ในเมื่อรุ่นน้องหลัวใจดีชวนฉันจะปฏิเสธได้ยังไง งั้นฉันจะไปทานข้าวด้วยแล้วเป็นแม่สื่อช่วยจับคู่ให้นะ!"
เป็นแม่สื่อจับคู่ให้...
พี่หวังรู้สึกอึดอัดใจมาก
คิดในใจว่าสุดท้ายแล้วใครกันที่ไม่รู้งานกันแน่
แต่ว่า ในเมื่อดอกเตอร์หยูพูดอย่างนั้นแล้ว เธอก็ไม่มีทางพูดปฏิเสธออกมาได้
ในตอนนี้พี่หวังได้แต่ปั้นหน้ายิ้มแย้ม: "เป็นเกียรติของฉันและลูกพี่ลูกน้อง ที่ดอกเตอร์หยูผู้มีชื่อเสียงถึงต่างประเทศจะมาทานข้าวด้วยกัน"
หลัวหยวนอึ้งไปครู่หนึ่ง
เดิมทีเขาตั้งใจจะพูดถึงหยูชิงขึ้นมา ส่งซิกให้พี่หวังรู้ทันว่าเขาเปลี่ยนใจแล้ว
อย่างน้อย ผ่านวันนี้ไปก่อนค่อยว่ากันใหม่ก็แล้วกัน
คิดไม่ถึงว่าหยูชิงจะแสดงท่าทีอ้อม ๆ ว่าเธออยากไปทานข้าวฟรี แล้วพี่หวังก็ตอบรับอย่างมีความสุขอีกด้วย
ดูเหมือนว่า แม้ว่าจะเป็นการทานข้าวฟรีก็ต้องใช้เทคนิคเช่นกัน
นี่เป็นครั้งแรกที่หลัวหยวน เห็นหยูชิงพูดอะไรแบบนี้ออกมา
มันก็ช่าง...
หน้าด้านหน้าทนที่สุด!
สิ่งที่ทำให้หลัวหยวนงงที่สุดคือ คนปกติทั่วไป จะหลีกเลี่ยงโอกาสแบบนี้ให้มากที่สุด
ยังไง การไปเป็นกขค.มันก็ทำให้รู้สึกไม่ดีอยู่ดี
ไม่รู้จริง ๆ ว่าหยูชิงกำลังคิดอะไรอยู่ ตัวเขาจะไปนัดบอด เธอก็หน้าระรื่นเข้ามาร่วมวงด้วยซะงั้น
นี่ก็เพียงเพราะอยากกินฟรีงั้นเหรอ?
ไม่ใช่ชัด ๆ!
เมื่อเป็นแบบนี้ ในใจของทั้งสามก็จมอยู่กับความคิดของตัวเอง แต่ภายนอกกลับทั้งพูดคุยทั้งหัวเราะคิกคักออกจากห้องผู้ป่วยไป
คนที่ไม่รู้เรื่องนี้ คงคิดว่าหยูชิงกับพี่หวังเป็นเพื่อนเก่าที่รู้จักกันมาหลายปีด้วยซ้ำ
หลัวหยวนสังเกตเห็นว่า พี่หวังที่ดูอึดอัดมากในตอนแรก ตอนนี้ไม่ได้มีท่าทางอึดอัดและปิดกั้นหยูชิงอีกต่อไปแล้ว
บางทีในสายตาของพี่หวัง การสานสัมพันธ์ที่ดีกับคนที่มีตำแหน่งสูงอย่างหยูชิง ไม่ใช่เรื่องที่หาได้ง่าย ๆ
หลัวหยวนบอกตัวเองว่า นี่แหละคือชีวิต!
แม้หมดหนทาง แต่ยังเต็มไปด้วยโอกาสมากมาย
คนอย่างพี่หวัง เป็นคนที่รู้จักคว้าโอกาส
นั่งรถยนต์ของพี่หวังได้ไม่นาน ก็มาถึงร้านอาหารฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียงมานานในเมืองตงไห่
ซึ่งพี่หวังจองโต๊ะไว้เรียบร้อยก่อนแล้ว เป็นโต๊ะติดริมหน้าต่าง บรรยากาศเงียบสงบ
แม้ว่าภายนอกหลัวหยวนจะนิ่ง ๆ แต่ลึก ๆ ในใจเขาก็รู้สึกกังวลไม่น้อย
พูดตามตรง เขาก็เคยทานอาหารฝรั่งมาก่อน
แต่จะเคยกินในร้านคาเฟ่ที่ผสมผสานสไตล์จีนและตะวันตกเข้าด้วยกัน
กินสเต๊กหนึ่งจานกับน้ำผลไม้หนึ่งแก้ว
อย่างมากก็เพิ่มซุปกับเค้กผลไม้ชิ้นเล็ก ๆ
เพียงแต่ในตอนนี้ ในตาของเขาเห็นแต่คนที่สุภาพบุรุษในชุดสูทและรองเท้าหนัง ทุกอิริยาบถเผยให้เห็นท่าทางชนชั้นสูงอย่างเป็นธรรมชาติไม่ปรุงแต่ง นี่ทำให้หลัวหยวนรู้สึกว่าเขาไม่เข้ากับที่นี่เลย
สมกับเป็นร้านอาหารตะวันตกที่มีชื่อเสียงโด่งดังในตงไห่ การตกแต่งภายในร้านดูหรูหราอลังการ ไม่ดูเชยเลยสักนิด
ดูเหมือนว่า ลูกพี่ลูกน้องของพี่หวังจะให้ความสำคัญกับนัดบอดครั้งนี้มาก!
แต่ช่างน่าเสียดาย ที่คราวนี้ชะตาลิขิตให้เธอต้องผิดหวัง
หลัวหยวนนึกภาพไม่ออกจริงๆ ว่าหญิงสาวที่ยังไม่ปรากฏตัวจะมีเสน่ห์และความงามแบบไหนถึงจะเทียบได้กับหยูชิงที่อยู่ข้างๆ เขาได้
อย่างน้อย ในใจของเขา ก็นึกภาพผู้หญิงอื่นไม่ออกนอกเหนือจากหยูชิง!
ทั้งสามคนเพิ่งจะนั่งลง ลูกพี่ลูกน้องของพี่หวังที่มาช้ากว่าก็มาถึง
"ขอโทษนะคะ ฉันมาเพิ่งออกมาจากห้องฉุกเฉิน เลยมาช้า!"
คนเดินมาข้างหน้า เป็นสาวสวยคนหนึ่ง ที่มีส่วนสูงราว 165 เซนติเมตรเมตร หน้าตาดูสะสวยอ่อนหวาน
ถ้าหยูชิงเป็นสาวงามในเมืองที่เต็มไปด้วยออร่าแล้ว สาวสวยตรงหน้าคนนี้คงเป็นสาวน้อยหน้าหวานที่อยู่บ้านข้าง ๆ เธอ
เพียงแต่ว่า เมื่อเธอเห็นหยูชิงที่ยืนอยู่ข้างหลัวหยวน เธอก็พลันชะงักขึ้นมา
เห็นได้ชัดว่า ฉากตรงหน้าเธออยู่นอกเหนือฉากในบทของเธอ
เธอไม่คิดคาดคิดว่า การพบกันในวันนี้จะมีฉากเช่นนี้ด้วย
ผู้หญิงที่นั่งข้างหลัวหยวนดูดีมาก จนทำให้ความมั่นใจของเธอพลันมลายกลายเป็นภาพลวงตาไปชั่วครู่!
พี่หวังคิดไว้ก่อนตั้งนานแล้วว่าผลจะเป็นเช่นนี้ ในใจเธอลอบถอนหายใจ เธอเก็บอาการดึงลูกพี่ลูกน้องที่กำลังยืนอึ้ง แล้วพูดขึ้นว่า: "มาเลยหลัวหยวน ฉันจะแนะนำให้พวกคุณรู้จัก นี่คือลูกพี่ลูกน้องของฉันฉางเวย"
หลัวหยวนไอแห้ง ๆ ก่อนที่จะยื่นมือออกมา: "สวัสดีครับ ผมหลัวหยวน ดูเหมือนว่า เราเคยเจอกันที่โรงพยาบาลมาก่อนแล้วนะครับ"
"สวัสดีค่ะ" ฉางเวยยื่นมือออกไป จับหลัวหยวนเบา ๆ แล้วปล่อยมือในทันที
หลังจากนั้น บรรยากาศก็กลับมาเงียบกริบอีกครั้ง
ในตอนนี้ ผู้คนในห้องก็ต่างเงียบกริบไม่พูดอะไรออกมา
หัวหน้าอู๋เป็นคนยังไง ทุกคนก็ต่างรู้ดี
ตลอดหลายปีที่ผ่านมา เรื่องอื่นไม่ต้องพูดถึง แค่แป๊ะเจี๊ยะอย่างเดียว เขาก็รับไปหลายร้อยหลายพันซองแล้ว
นี่ก็คงเป็นจำนวนที่มากจนน่ากลัวแล้ว
ต้องรู้ว่า คนอย่างเขา เงินแค่สามร้อยห้าร้อย ไม่อยู่ในสายตา
หากมีไม่ถึงสองสามพัน อย่าคิดว่าเขาจะชายตามอง
ยิ่งไปกว่านั้น อยู่ที่นี่ หัวหน้าใช้เอาประโยชน์ส่วนรวมมาใช้ส่วนตนได้อย่างไม่จำกัดอีกด้วย
เมื่อคนรู้จักของเขา มาที่โรงพยาบาล ก็มักจะได้ข้ามคิวที่คนมารอกว่าร้อยคิว เข้ารักษาโดยตรงตลอด
นี่ยังเป็นเพียงแค่น้ำจิ้มเล็ก ๆ จากการกระทำของเขาทั้งหมด
ผู้ชายคนนี้ยังใช้ประโยชน์จากตำแหน่งของเขา ทำร้ายพยาบาลฝึกหัดและหมอฝึกหัดอีกหลายคนด้วย
เพียงแต่เขาปกปิดเรื่องเหล่านี้ได้เก่งมาก แม้ว่าทุกคนรู้ว่ามีข่าวลือ แต่ก็ยังไงก็ไม่มีหลักฐานพิสูจน์อยู่ดี
ประกอบกับคนที่อยู่เบื้องหลังเขาก็มีอำนาจยิ่งใหญ่ ทุกคนจึงเก็บเรื่องนี้เป็นความลับ เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้เกิดปัญหาวุ่นวายกับตัวเอง
อย่างมากที่สุดก็แค่แอบ ๆ คุยกันลับหลัง ไม่มีใครกล้าพูดต่อหน้าเขาสักคน
ทว่าตอนนี้หลัวหยวนกำลังตบหน้าเขาต่อหน้าผู้คนมากมาย ทำเอาทุกคนจึงต่างตื่นตกใจ
แม้ว่าจะแอบปรบมือชื่นชมอยู่ในใจ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะกังวลเรื่องหมอฝึกหัดคนนี้ขึ้นมา
นี่เป็นการหาเรื่องผิดใจกับหัวหน้าอู๋ชัด ๆ!
ชีวิตของหลัวหยวนจบแล้ว จบสิ้นแล้ว!
"หลัวหยวน! คุณพูดว่าอะไรนะ? คุณพูดอีกครั้งสิ!"
หัวหน้าอู๋มองไปที่หลัวหยวนอย่างไม่เชื่อสายตาตัวเอง ราวกับว่าเขาได้ยินเรื่องไร้สาระที่สุดในโลก
หลัวหยวนมองเขาอย่างเย็นชา พูดคำสี่คำออกมา:
"ผดุง! ธรรม! แทน! สวรรค์!"
ผดุงธรรมแทนสวรรค์
ผดุงธรรมแทนสวรรค์อะไรกัน?
ทางแห่งสวรรค์ถูกบ่อนทำลาย ผู้คนรับคำสั่งปฏิบัติตาม
ทางแห่งโลกนี้ทั้งยากลำบากและอันตราย ผู้คนต่างกู่ร้องให้กำลังใจแก่กัน!
คำว่า "ผดุงธรรมแทนสวรรค์" ถูกใช้อย่างผิด ๆ จากละครโทรทัศน์ห่วย ๆ หลายเรื่อง ทำให้หลายคนสูญเสียความเข้าใจความหมายดั้งเดิมของคำคำนี้ไป
เมื่อมีคนกล่าวสี่คำนี้ออกมา ด้วยความเด็ดเดี่ยวเช่นนี้ ความเชื่อในหัวใจของเขาก็จะสูงทัดเทียบกับภูผา
ทุกคนรู้สึกว่าน่าเหลือเชื่อมาก แต่สำหรับหลัวหยวนเขากลับรู้สึกสุขใจขึ้นมาอย่างน่าประหลาดใจ
เขามองดูผู้คนตะลึงตาค้างอย่างเย็นชา พูดช้า ๆ ว่า: "ผมรู้ว่าทุกคนกำลังคิดอะไรอยู่ บางที ทุกคนอาจคิดว่าผมหลัวหยวนคนนี้เป็นแค่หมอฝึกหัดธรรมดา ๆ อารมณ์เสียจากที่ทะเลาะกัน ก็เลยพ่นคำพูดบ้า ๆ พวกนี้ออกมา แต่ว่า พวกคุณไม่ต้องห่วง ผมไม่ได้เป็นแบบนั้นครับ"
คำพูดของหลัวหยวนอีกไม่นานก็คงตรงกับความจริงที่กำลังจะเกิดขึ้น
ทางด้านของผู้อำนวยการฮวางก็มองไปข้าง ๆ ด้วยสายตาที่เย็นชา เมื่อได้ยินหลัวหยวนพูดแบบนี้ออกมา ก็รู้ว่าถึงเวลาแล้วที่ตัวเขาจะต้องแสดงท่าทีอะไรออกมาบ้าง
เขาจ้องไปที่หัวหน้าอู๋ที่มีใบหน้าซีดเซียว ในใจก็รู้สึกมีความสุขอย่างน่าประหลาด
ผู้ชายคนนี้ยืมมือคนที่อยู่เบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่พอ มาดูถูกอำนาจของตัวเขาซ้ำแล้วซ้ำเล่า เผลอ ๆ แทบจะไม่เห็นเขาในสายตาด้วยซ้ำ
ตอนนี้ ก็เป็นทีของเขาที่จะลงมือบ้างแล้ว!
"ถูกต้อง!" ผู้อำนวยการฮวางดึงความเด็ดเดี่ยวของการเป็นผู้อำนวยการโรงพยาบาลออกมา เขาพูดด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่นว่า "ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป หลัวหยวนไม่ใช่หมอฝึกหัดอีกต่อไป ต่อจากนี้ เขาจะรับผิดชอบตำแหน่งหมอที่ดูแลผู้ป่วยคนนี้ แล้วถ้าคุณเจออุปสรรคหรือมีปัญหาอะไร คุณมาบอกผมได้ตลอดเวลาเลย"
หลัวหยวนมองผู้อำนวยการฮวางด้วยความซาบซึ้ง
ที่จริงแล้ว เขาไม่ได้หวังให้ผู้อำนวยการฮวางจะยืนข้างเขาในสถานการณ์แบบนี้
ทางด้านหัวหน้าอู๋ แม้ว่าในใจเขาจะโมโหสุด ๆ แต่ต่อหน้าผู้คนมากมายเช่นนี้ เขาก็ยังไม่ถึงกับหัวร้อน พึ่งผู้อยู่เบื้องหลังที่ยิ่งใหญ่พูดตอบโต้ผู้อำนวยการฮวางแรง ๆ
สุดท้าย เขาก็ทำได้เพียงหนีหัวซุกหัวซุน หลบจากสายตาที่เยือกเย็นและเฉียบคมของผู้อำนวยการฮวางเพียงเท่านั้น
ไม่ว่าหน้าของเขาจะหนาแค่ไหน แต่ในสถานการณ์แบบนี้ จะหน้าหนาแล้วไม่เดินหนีออกมาก็ไม่ได้
"เสี่ยวหยู ผมแก่แล้ว ก็เลยไม่มีแรงทำสิ่งที่อยากทำได้ ทำให้รุ่นน้องมองผมเป็นตัวตลก"
ผู้อำนวยการฮวางยิ้มออกมาอีกครั้ง แล้วกล่าวคำพูดประชดประชันตัวเองออกมา
หยูชิงไม่ปริปากพูดอะไรกับผู้อำนวยการฮวาง เธอหันไปมองหลัวหยวนอย่างประหลาดใจ: "รุ่นน้อง คำสั่งก็ประกาศออกมาต่อหน้าคนเยอะขนาดนี้แล้ว นายยังมีความมั่นใจอยู่ไหม?"
หลัวหยวนยิ้มบาง ๆ แล้วพูดว่า: "รุ่นพี่ ตอนนี้ ผมพูดว่าไม่มั่นใจได้ด้วยเหรอครับ?"
"แน่นอนว่าไม่ได้!" หยูชิงขมวดคิ้ว "ถ้าเป็นอย่างนั้น หัวหน้าอู๋ก็ต้องเตะนายออกจากโรงพยาบาล แบบที่แม้แต่คุณลุงฮวาง ก็ช่วยนายไม่ได้"
ผู้อำนวยการฮวางคลี่ยิ้มขมขื่นอย่างช่วยไม่ได้ จากนั้นก็พูดกับหลัวหยวนว่า "เสี่ยวหลัว เรื่องหัวหน้าอู๋ ผมก็ทำอะไรไม่ได้ คุณ...คุณควรระวังเขาด้วยนะ ส่วนผู้ป่วย ผมจะให้คุณรักษาโอเคไหม?"
ในขณะที่เขากำลังพูด สายตาก็จับจ้องไปที่หยูชิงที่ยิ้มแย้ม อย่างมีความนัยตลอด
เมื่อได้ยินแบบนี้ ไม่ว่าหลัวหยวนจะโง่มากขนาดไหนก็เข้าใจว่า ผู้อำนวยการฮวางทั้งตั้งใจและไม่ตั้งใจเตือนหยูชิงถึงภูมิหลังที่ไม่ธรรมดาของหัวหน้าอู๋
แน่นอนว่า ปฏิเสธไม่ได้ที่ผู้อำนวยการฮวางจะไม่จะยืมมือคนอื่นมาจัดการ
แต่ไม่ว่ายังไงก็ตาม ที่จริงหลัวหยวนก็ยังคงอยากจะพึ่งความสามารถของตัวเองเพื่อรับมือหัวหน้าอู๋อยู่แล้ว
แต่สิ่งที่ทำให้หลัวหยวนรู้สึกประหลาดใจก็คือ หรือว่ารุ่นพี่หยูของเขาก็มีฐานะยิ่งใหญ่ด้วยเหรอ?
เพียงแต่ ในตอนนี้เป็นไปไม่ได้ที่จะถามหยูชิงได้เลย หลัวหยวนทำได้เพียงพยักหน้าแล้วตอบว่า: "ครับ ผู้อำนวยการ ผมจะทำทุกอย่างเต็มที่ ไม่ทำให้คุณต้องขายหน้า"
ผู้อำนวยการฮวางพยักหน้าพอใจ กับท่าทางของหลัวหยวน จากนั้นก็พูดฝากฝังอีกนิดหน่อย แล้วจึงจะจากไป
ทันทีที่เขาจากไป คนอื่น ๆ จะอยู่ที่นี่ต่อก็ดูไม่ดี จึงทยอยเดินออกไปอย่างไม่เต็มใจ
ที่จริงมีหลายคนที่อยากคุยกับหลัวหยวน ฉวยโอกาสนี้ตีสนิทสานสัมพันธ์
แม้ว่าเขาจะทำให้หัวหน้าอู๋ไม่พอใจ แต่เขาก็ยังมีผู้อำนวยการฮวางและเหนียนชิงอวิ๋นผู้มีอำนาจยิ่งใหญ่สองคอยหนุนหลัง
อีกทั้งดูสถานการณ์แล้ว ดอกเตอร์สาวคนสวยอย่างหยูชิงก็ไม่ใช่คนที่จะยอมใครอีกด้วย
เมื่อเปรียบเทียบกันแล้ว หลัวหยวนดูไม่ธรรมดาเช่นกัน
ในห้องผู้ป่วยนอกจากผู้ป่วยและพยาบาลประจำผู้รับผิดชอบดูแลผู้ป่วยแล้ว ก็เหลือแค่หลัวหยวนและหยูชิงอยู่เท่านั้น
ทว่าจู่ ๆ ก็มีคนที่แสนคุ้นเคยเคาะประตูและก้าวเข้ามา
พี่หวัง!
ทันใดนั้นหลัวหยวนก็นึกขึ้นได้ว่า เขามีนัดบอดตอนเที่ยงวันนี้
พี่หวังอยากจะแนะนำผู้หญิงให้มาเป็นแฟนกับเขา...
เมื่อเห็นหลัวหยวนกับหยูชิงยืนอยู่ด้วยกัน ในดวงตาของพี่หวังก็แสดงความประหลาดใจออกมาอย่างเห็นได้ชัด
แต่ว่า เธอก็เก็บอาการได้อย่างรวดเร็ว แล้วพูดอย่างยิ้ม ๆ ว่า "หลัวหยวน ฉันมีเรื่องจะคุยกับคุณ ยืมตัวคุณไปคุยด้วยหน่อยได้ไหม?"
ขณะที่เธอกำลังพูด สายตาก็เหลือบมองหยูชิงทั้งตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ
ดูเหมือนกำลังสังเกตปฏิกิริยาของเธอ
หยูชิงอึ้งอยู่ครู่หนึ่ง แล้วจู่ ๆ เธอก็ยิ้มขึ้น: "ในเมื่อมีเรื่องจะคุยกัน งั้นก็ไปเถอะ!"
แน่นอนว่าหลัวหยวนรู้ดีว่าทำไมพี่หวังถึงมาหาเขา
ถ้าหยูชิงไม่ปรากฏตัวขึ้นมา บางทีเขาอาจจะยังรับมือได้
ในเมื่อ พี่หวังก็หวังดี แล้วก็ไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่จะไปเจอกับลูกพี่ลูกน้องของเธอ
อีกอย่าง ถ้ามีข่าวลือแพร่ออกไป คนอื่นจะคิดว่าตัวเขารับปากแล้วทำไม่ได้อีกด้วย
แต่ตอนนี้คนรักในฝันของตัวเขาก็มาอยู่เคียงข้างเขาแล้ว จะให้เขาทิ้งเธอไปนัดบอด เขาก็ทำไม่ได้
ดังนั้น หลัวหยวนเหมือนโดนผีสิงปากพูดออกไปว่า: "รุ่นพี่ ไปด้วยกันเถอะครับ!"
"ไปด้วยกันเหรอ?" หยูชิงรู้สึกประหลาดใจ
หลัวหยวนไม่สนใจสีหน้าที่เปลี่ยนไปของพี่หวัง เขายิ้มแล้วพูดอธิบายว่า: "จริง ๆ แล้ว พี่หวังวางแผนจะแนะนำลูกพี่ลูกน้องของเธอให้ผมรู้จักน่ะครับ ยังไงนี่ก็เที่ยงแล้ว เราก็มาทานข้าวด้วยกันเถอะ! ว่าไปแล้ว ครั้งสุดท้ายที่เราไปทานข้าวด้วยกัน มันก็ผ่านไปครึ่งปีกว่าแล้วเนอะ"
เมื่อได้ยินเช่นนี้ พี่หวังก็ไม่กล้าที่จะพูดอะไรออกมา
เธอก็รู้ถึงฐานะของหยูชิง เดิมทีคิดว่าหลัวหยวนชวนเธอตามมารยาท แต่พอฟังน้ำเสียงของเขา ทั้งสองก็ดูเหมือนจะสนิทสนมกันมาก
ในตอนนี้ พี่หวังก็ไม่รู้จะพูดอะไรออกมา เธอจึงได้แต่มองดูปฏิกิริยาของหยูชิงเท่านั้น
"คิกๆ เห็น ๆ อยู่ว่าจะไปนัดบอด ยังจะเอารุ่นพี่ไปด้วยอีก นายอยากจะประหยัดเงินหรือไง หรือไม่รู้งานจริง ๆ เนี่ย?"
ได้ยินหยูชิงพูดอย่างนี้ พี่หวังก็ถอนหายใจออกมาด้วยความโล่งอก
น่าเสียดาย ที่ดีใจยังไม่ถึงสองวินาที ก็ได้ยินหยูชิงพูดขึ้น: "คิด ๆ ดูแล้ว ฉันก็แทบจะไม่มีเพื่อนในเมืองตงไห่เลย ในเมื่อรุ่นน้องหลัวใจดีชวนฉันจะปฏิเสธได้ยังไง งั้นฉันจะไปทานข้าวด้วยแล้วเป็นแม่สื่อช่วยจับคู่ให้นะ!"
เป็นแม่สื่อจับคู่ให้...
พี่หวังรู้สึกอึดอัดใจมาก
คิดในใจว่าสุดท้ายแล้วใครกันที่ไม่รู้งานกันแน่
แต่ว่า ในเมื่อดอกเตอร์หยูพูดอย่างนั้นแล้ว เธอก็ไม่มีทางพูดปฏิเสธออกมาได้
ในตอนนี้พี่หวังได้แต่ปั้นหน้ายิ้มแย้ม: "เป็นเกียรติของฉันและลูกพี่ลูกน้อง ที่ดอกเตอร์หยูผู้มีชื่อเสียงถึงต่างประเทศจะมาทานข้าวด้วยกัน"
หลัวหยวนอึ้งไปครู่หนึ่ง
เดิมทีเขาตั้งใจจะพูดถึงหยูชิงขึ้นมา ส่งซิกให้พี่หวังรู้ทันว่าเขาเปลี่ยนใจแล้ว
อย่างน้อย ผ่านวันนี้ไปก่อนค่อยว่ากันใหม่ก็แล้วกัน
คิดไม่ถึงว่าหยูชิงจะแสดงท่าทีอ้อม ๆ ว่าเธออยากไปทานข้าวฟรี แล้วพี่หวังก็ตอบรับอย่างมีความสุขอีกด้วย
ดูเหมือนว่า แม้ว่าจะเป็นการทานข้าวฟรีก็ต้องใช้เทคนิคเช่นกัน
นี่เป็นครั้งแรกที่หลัวหยวน เห็นหยูชิงพูดอะไรแบบนี้ออกมา
มันก็ช่าง...
หน้าด้านหน้าทนที่สุด!
สิ่งที่ทำให้หลัวหยวนงงที่สุดคือ คนปกติทั่วไป จะหลีกเลี่ยงโอกาสแบบนี้ให้มากที่สุด
ยังไง การไปเป็นกขค.มันก็ทำให้รู้สึกไม่ดีอยู่ดี
ไม่รู้จริง ๆ ว่าหยูชิงกำลังคิดอะไรอยู่ ตัวเขาจะไปนัดบอด เธอก็หน้าระรื่นเข้ามาร่วมวงด้วยซะงั้น
นี่ก็เพียงเพราะอยากกินฟรีงั้นเหรอ?
ไม่ใช่ชัด ๆ!
เมื่อเป็นแบบนี้ ในใจของทั้งสามก็จมอยู่กับความคิดของตัวเอง แต่ภายนอกกลับทั้งพูดคุยทั้งหัวเราะคิกคักออกจากห้องผู้ป่วยไป
คนที่ไม่รู้เรื่องนี้ คงคิดว่าหยูชิงกับพี่หวังเป็นเพื่อนเก่าที่รู้จักกันมาหลายปีด้วยซ้ำ
หลัวหยวนสังเกตเห็นว่า พี่หวังที่ดูอึดอัดมากในตอนแรก ตอนนี้ไม่ได้มีท่าทางอึดอัดและปิดกั้นหยูชิงอีกต่อไปแล้ว
บางทีในสายตาของพี่หวัง การสานสัมพันธ์ที่ดีกับคนที่มีตำแหน่งสูงอย่างหยูชิง ไม่ใช่เรื่องที่หาได้ง่าย ๆ
หลัวหยวนบอกตัวเองว่า นี่แหละคือชีวิต!
แม้หมดหนทาง แต่ยังเต็มไปด้วยโอกาสมากมาย
คนอย่างพี่หวัง เป็นคนที่รู้จักคว้าโอกาส
นั่งรถยนต์ของพี่หวังได้ไม่นาน ก็มาถึงร้านอาหารฝรั่งเศสที่มีชื่อเสียงมานานในเมืองตงไห่
ซึ่งพี่หวังจองโต๊ะไว้เรียบร้อยก่อนแล้ว เป็นโต๊ะติดริมหน้าต่าง บรรยากาศเงียบสงบ
แม้ว่าภายนอกหลัวหยวนจะนิ่ง ๆ แต่ลึก ๆ ในใจเขาก็รู้สึกกังวลไม่น้อย
พูดตามตรง เขาก็เคยทานอาหารฝรั่งมาก่อน
แต่จะเคยกินในร้านคาเฟ่ที่ผสมผสานสไตล์จีนและตะวันตกเข้าด้วยกัน
กินสเต๊กหนึ่งจานกับน้ำผลไม้หนึ่งแก้ว
อย่างมากก็เพิ่มซุปกับเค้กผลไม้ชิ้นเล็ก ๆ
เพียงแต่ในตอนนี้ ในตาของเขาเห็นแต่คนที่สุภาพบุรุษในชุดสูทและรองเท้าหนัง ทุกอิริยาบถเผยให้เห็นท่าทางชนชั้นสูงอย่างเป็นธรรมชาติไม่ปรุงแต่ง นี่ทำให้หลัวหยวนรู้สึกว่าเขาไม่เข้ากับที่นี่เลย
สมกับเป็นร้านอาหารตะวันตกที่มีชื่อเสียงโด่งดังในตงไห่ การตกแต่งภายในร้านดูหรูหราอลังการ ไม่ดูเชยเลยสักนิด
ดูเหมือนว่า ลูกพี่ลูกน้องของพี่หวังจะให้ความสำคัญกับนัดบอดครั้งนี้มาก!
แต่ช่างน่าเสียดาย ที่คราวนี้ชะตาลิขิตให้เธอต้องผิดหวัง
หลัวหยวนนึกภาพไม่ออกจริงๆ ว่าหญิงสาวที่ยังไม่ปรากฏตัวจะมีเสน่ห์และความงามแบบไหนถึงจะเทียบได้กับหยูชิงที่อยู่ข้างๆ เขาได้
อย่างน้อย ในใจของเขา ก็นึกภาพผู้หญิงอื่นไม่ออกนอกเหนือจากหยูชิง!
ทั้งสามคนเพิ่งจะนั่งลง ลูกพี่ลูกน้องของพี่หวังที่มาช้ากว่าก็มาถึง
"ขอโทษนะคะ ฉันมาเพิ่งออกมาจากห้องฉุกเฉิน เลยมาช้า!"
คนเดินมาข้างหน้า เป็นสาวสวยคนหนึ่ง ที่มีส่วนสูงราว 165 เซนติเมตรเมตร หน้าตาดูสะสวยอ่อนหวาน
ถ้าหยูชิงเป็นสาวงามในเมืองที่เต็มไปด้วยออร่าแล้ว สาวสวยตรงหน้าคนนี้คงเป็นสาวน้อยหน้าหวานที่อยู่บ้านข้าง ๆ เธอ
เพียงแต่ว่า เมื่อเธอเห็นหยูชิงที่ยืนอยู่ข้างหลัวหยวน เธอก็พลันชะงักขึ้นมา
เห็นได้ชัดว่า ฉากตรงหน้าเธออยู่นอกเหนือฉากในบทของเธอ
เธอไม่คิดคาดคิดว่า การพบกันในวันนี้จะมีฉากเช่นนี้ด้วย
ผู้หญิงที่นั่งข้างหลัวหยวนดูดีมาก จนทำให้ความมั่นใจของเธอพลันมลายกลายเป็นภาพลวงตาไปชั่วครู่!
พี่หวังคิดไว้ก่อนตั้งนานแล้วว่าผลจะเป็นเช่นนี้ ในใจเธอลอบถอนหายใจ เธอเก็บอาการดึงลูกพี่ลูกน้องที่กำลังยืนอึ้ง แล้วพูดขึ้นว่า: "มาเลยหลัวหยวน ฉันจะแนะนำให้พวกคุณรู้จัก นี่คือลูกพี่ลูกน้องของฉันฉางเวย"
หลัวหยวนไอแห้ง ๆ ก่อนที่จะยื่นมือออกมา: "สวัสดีครับ ผมหลัวหยวน ดูเหมือนว่า เราเคยเจอกันที่โรงพยาบาลมาก่อนแล้วนะครับ"
"สวัสดีค่ะ" ฉางเวยยื่นมือออกไป จับหลัวหยวนเบา ๆ แล้วปล่อยมือในทันที
หลังจากนั้น บรรยากาศก็กลับมาเงียบกริบอีกครั้ง
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.webreadapp.com All rights reserved