บทที่ 5 งานเลี้ยงรุ่น
by นักมายากลอัจฉริยะ
09:24,Sep 02,2021
หัวหน้าอู๋มองแผ่นหลังของหัวหน้าพยาบาล และส่งเสียงหึ่ยออกมา
ในโรงพยาบาลนี้ แม้แต่ผู้อำนวยการก็ยังไม่กล้าดูถูกเหยียดหยามเขา ไม่ต้องพูดถึงหัวหน้าพยาบาล!
ส่วนอาการของคุณท่านหม่าก็ไม่มีอะไรน่าห่วง เพียงแค่ต้องนอนดูอาการอีกสองสามวันก็สามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว
มีโอกาสในการสร้างคอนเน็คชั่นที่ดีขนาดนี้ เขาจะปล่อยให้พลาดไปได้อย่างไร
ต่อมา หัวหน้าอู๋ยังไม่ทันได้ทำอะไร จู่ๆเสี่ยงเครื่องวัดหัวใจก็มีเสียงเตือนดังขึ้น
หัวหน้าอู๋ตกใจมาก เขารีบหันกลับไปดู
ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกขนหัวลุก ตัวสั่น เกือบจะล้มลงกับพื้น
เครื่องวัดหัวใจที่คงที่มาโดยตลอดจู่ๆก็มีการเปลี่ยนแปลง
หัวใจเต้นเร็ว ความดันเลือดพุ่งสูงขึ้น และคุณท่านหม่าหายใจมีเสียงดัง มีเลือดไหลออกมาทางปาก!
"เร็ว รีบไปเชิญเหนียนเหล่ามา.................รีบไป!"
เสียงของหัวหน้าอู๋สั่น เขารีบหันไปตะคอกใส่พยาบาลเสี่ยวหยุนที่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี
หยางเสี่ยวหยุนรีบพยักหน้า หลังจากนั้นเธอก็ไปเชิญเหนียนเหล่าและสองสามีภรรยาหม่ากงฉีกลับมาอีกครั้ง
เหนียนเหล่าดูอาการของคุณท่านหม่าและพูดว่า " เกิดอะไรขึ้น? ! ทำไมจู่ๆปอดสำลักน้ำ? ! ใคร ใครเป็นคนให้ผู้ป่วยดื่มน้ำ! วุ่นงายมาก รีบปฐมพยาบาลทันที!"
น้อยมากที่ผู้อำนวยการจะเห็นเหนียนเหล่าคนที่เป็นคนมีวิชาความรู้และดูสง่าจะโกรธขนาดนี้ เมื่อเห็นว่าสถานกรณ์ค่อนข้างเร่งด่วน เขาก็ถามขึ้นมาทันทีว่า " ตกลงเกิดอะไรขึ้น? !"
หัวหน้าอู่ที่ตั้งใจจะยืนเงียบๆ คิดไม่ถึงว่าสายตาของผู้อำนวยการจะมาจ้องอยู่ที่เขา เขารู้แล้วว่าเขาไม่มีทางหนีไปได้ เขาก็เลยพูดติดๆขัดๆว่า " หัวหน้าพยาบาลสั่งให้เธอป้อนสารอาหาร..............."
"ไร้สาระ!" เหนียนชิงอวิ๋นด่าออกมา "ถึงแม้อาการของผู้ป่วยจะคงที่แล้ว แต่ในเมื่อมีอาการถุงลมโป่งพองเฉียบพลัน การรักษาที่สมบูรณ์จะต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว ต่อให้ต้องการจะให้อาหารเสริม ก็ต้องเลือกวิธีการฉีด หัวหน้าพยาบาลหวังจะทำอย่างนี้ได้ยังไง? !"
"ไม่ทราบครับ เธออาจจะวินิจฉัยผิดพลาดมั้ง!" หัวหน้าอู๋พูดติดๆขัดๆ หลังจากนั้นเขาก็หันไปมองพยาบาลเสี่ยวหยุนด้วยสายตาเย็นชา
ในตอนนี้เอง หัวหน้าพยาบาลหวังก็มาถึง
เธอได้ยินคำพูดทั้งหมดของหัวหน้าอู๋แล้ว เธอก็เลยรีบพูดอธิบายว่า " เหนียนเหล่า คุณอย่าไปฟังที่หัวหน้าอู๋พูด เขาเป็นคนสั่งฉันให้บอกเสี่ยวหยุนให้ป้อน !"
เหนียนเหล่าส่งเสียงหึ่ยออกมา และเริ่มปฐมพยาบาลทันที
เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หม่ากงฉีก็โกรธจนแทบจะฆ่าคน
เขาถลึงตาใส่หัวหน้าอู๋ อยากจะถลกหนังของเขาออกมา
แพทย์ที่มีทักษะไม่ดีฆ่าคนด้วยการใช้ยาผิด
มาถึงวันนี้ เขาเพิ่งจะได้เข้าใจคำสุภาษิตคำนี้
แต่ในตอนนี้การช่วยชีวิตคนคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ตอนนี้เขาก็เลยไม่มีเวลามาคิดว่าใครถูกใครผิด หม่ากงฉีรีบหันไปพูดกับผู้อำนวยการว่า " ผู้อำนวยการฮวาง รีบคิดหาวิธี พ่อของผมเพิ่งจะอายุหกสิบสองเองนะ!"
ผู้อำนวยการฮวางรีบพูดปลอบใจว่า " เหนียนเหล่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ ปอดสำลักน้ำไม่ใช่ปัญหายาก ประธานหม่าไม่ต้องเป็นกังวลไป"
เขาพููดไปด้วย มองเหนียนชิงอวิ๋นที่ขมวดคิ้วด้วยความกลุ้มใจไปด้วย
ที่จริง ผู้อำนวยการเองก็ไม่ค่อยมั่นใจ
เพียงแค่เหนียนชิงอวิ๋นรักษาด้วยตัวเอง ยังไงก็ต้องมีโอกาส
ผ่านไปไม่นาน เหนียนเหล่าก็หยุดการปฐมพยาบาล หม่ากงฉีเดินเข้าไปดู
เหนียนชิงอวิ๋นถอดหน้ากากอนามัยออก ถอนหายใจและพูดว่า " ประธานหม่า ภาวะปอดสำลักน้ำตอนนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ตอนนี้เขาหมดสติไปอีกครั้ง ถ้าจะเข้ารับการผ่าตัดจะค่อนข้างเสี่ยง ให้อภัยผมด้วย ผมไม่มีความสามารถมากพอ พวกคุณลองไปหาแพทย์ฝึกหัดที่ชื่อหลัวหยวนคนเมื่อกี้มา เขาอาจจะมีวิธีทางอื่น"
สีหน้าของหม่ากงฉีเคร่งขรึม เขาพยักหน้า และหันหน้าไปพูดกับผู้อำนวยการฮวางว่า " ต้องรบกวนผู้อำนวยการช่วยจัดการให้หน่อยครับ ช่วยเชิญหมอหลัวหยวนมาทันทีเลย"
"ต้องรีบหน่อยนะครับ คุณท่านหม่าอยู่ในภาวะวิกฤติ เกรงว่าจะยื้อไว้ได้ไม่นาน!" เหนียนชิงอวิ๋นรีบพูดเสริม
ผู้อำนวยการฮวางตัวแข็งทื่อ หน้าดำคร่ำเครียด เขาลังเลไม่พูดอะไร
ต่อให้หม่ากงฉีจะเป็นคนเก็บอารมณ์ได้ดี แต่สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นไม่ค่อยดีเท่าไหร่แล้ว
ซุเหม่ยเองก็มีสีหน้าเย็นชา เธอถามว่า " ผู้อำนวยการฮวางคะ ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? มีอะไรลำบากใจมั้ยคะ?"
"เมื่อกี้..........เมื่อกี้เขาเพิ่งโดนไล่ออก!" ผู้อำนวยการฮวางพูดติดๆขัดๆ
หัวหน้าอู๋ชะงักไป หลังจากนั้นก็มีร่องรอยของความสุขในดวงตาของเขา เขารีบพูดขึ้นมาว่า " ผู้อำนวยการครับ ถึงแม้หลัวหยวนจะทำผิดกฏไป แต่เขาก็เป็นคนที่เก่งมาก เดิมทีผมตั้งใจไว้ว่าสิ้นเดือนนี้ผมจะให้เขาผ่านการฝึกงานมาทำงานได้เต็มตัว เห้อ น่าเสียดาย น่าเสียดายจริงๆ!"
หม่ากงฉียืนนิ่ง เขาหันไปมองใบหน้าที่เหยเกของผู้อำนวยการฮวางด้วยสีหน้าเย็นชา และพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า " ผู้อำนวยการฮวาง ถ้าพ่อของผมเป็นอะไรไป คุณเตรียมกลับไปใช้ชีวิตเกษียณที่บ้านได้เลย!"
พูดจบ เขาก็หันไปสั่งลูกน้องให้ออกตามหาหลัวหยวนทันที
ผู้อำนวยการฮวางขาอ่อนแรง นั่งลงไปกองกับพื้น
เขาหันไปมองหัวหน้าอู๋ด้วยความขมขื่น
หลัวหยวนกลับไปที่ห้องทำงาน เขาถอดเสื้อกาวน์สีขาว สวมชุดลำลองและเดินออกจากโรงพยาบาล
เขากลับไปที่หอพักเล็กๆแคบๆแต่ค่อนข้างเงียบ หลัวหยวนนั่งมองหิมะที่ยังตกไม่หยุดอย่างเงียบๆ เขากำหมัดแน่น
ลมเย็นกับเกล็ดหิมะทำให้เขาสงบลง
วันนี้เขาถูกไล่ออกเพราะความเชื่อในอาชีพสูงส่งของแพทย์ จุดมุ่งหมายในการเป็นหมอที่ดีไกลออกไป
ครอบครัวของหลัวหยวนยากจน เขามีน้องชายสามคน น้องสาวอีกสองคน
บ้านเกิดของเขาตั้งอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆที่ห่างไกลในภาคใต้ของจีน ถนนเพิ่งสร้างเสร็จเมื่อปีที่แล้ว
ถนนกว้างสามเมตรห้าสิบ รถคันเล็กๆสองคันสวนกันยังยากเลย
เขาเป็นคนเดียวในหมู่บ้านที่ได้เรียนมหาวิทยาลัย ครอบครัวทั้งครอบครัวฝากภาระไว้กับเขา จึงได้ส่งเขาที่เป็นลูกชายคนโตเข้ามาเรียนในเมือง
หลัวหยวนไม่อยากทำให้ครอบครัวต้องผิดหวัง
แต่ในตอนนี้ เขาโดนผู้อำนวยการฮวางไล่ออกแล้ว!
ผมต้องการบินให้ไกลกว่าเดิม....................
จู่ๆเสี้ยงโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงก็ดังขึ้น
หลัวหยวนหยิบโทรศัพท์โนเกียเก่าๆออกมา เมื่อเห็นว่าใครโทรมา เขาก็ชะงักไปเล็กน้อย
เป็นเธอได้อย่างไร................
เขากดรับสาย ได้ยินเสียงอ่อนหวานดังลอดสายมา " หลัวหยวน ฉันคือเจียงเชี่ยน นายเลิกงานแล้วยัง?"
"เจียงเชี่ยน มีธุระอะไรมั้ย?" หลัวหยวนถาม
เจียงเชี่ยนเป็นเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยของหลัวหยวน เธอหน้าตาน่ารัก และตอนเรียนมหาวิทยาลัยเธอเคยจีบหลัวหยวน
ตอนนั้นหลัวหยวนเป็นเหมือนแสงสว่าง เขาเป็นนักเรียนที่โดดเด่นของมหาวิทยาลัย เป็นนักเรียนที่มีพรสวรรค์ที่ได้รับการยกย่อง
ไม่งั้นเขาก็คงไม่ได้รับการเสนอชื่อจากศาสตราจารย์ให้มาฝึกงานที่โรงพยาบาลประชาชนเมืองตงไห่
เพียงแค่ตั้งแต่เรียนจบมา ตั้งแต่ที่หลัวหยวนปฏิเสธเธอไปครั้งที่สิบเอ็ด เธอก็ไม่ได้ติดต่อหลัวหยวนมาอีกเลย
มาวันนี้หลัวหยวนที่เป็นโสดมาโดยตลอดก็ยังไม่สนใจเจียงเชี่ยน
ไม่ใช่อะไรหรอก เพราะว่าในมหาวิทยาลัยชื่อเสียงของเจียงเชี่ยนไม่ค่อยดีเท่าไหร่
เปลี่ยนแฟนมาหกคนภายในหนึ่งเทอม หลัวหยวนไม่อยากจะเชื่อ
สำหรับเจียงเชี่ยนแล้ว หลัวหยวนรักษาระยะห่างมาโดยตลอด
เขาไม่ต้องการมีความสัมพันธ์กับเธอไปในด้านนั้น
นักเรียนครอบครัวยากจนที่มาจากหมู่บ้านห่างไกลอย่างเขา มาคบกับผู้หญิงที่ชอบแต่งตัวใช้ชีวิตสนุกๆอย่างเธอคงไม่รอด!
"หลัวหยวน เป็นไงบ้าง ช่วงนี้สบายดีมั้ย?" เจียงเชี่ยนถามยิ้มๆ
หลัวหยวนขมวดคิ้ว
สถานการณ์ปัจจุบันของเขาค่อนข้างพูดยาก
และเขาเองก็ไม่รู้ว่าเจียงเชี่ยนโทรมา ตกลงมีธุระอะไรกันแน่
เขาพูดแบบสบายๆว่า " ก็เหมือนเดิม ยังวุ่นวายเหมือนเดิม!"
"ตั้งแต่พวกเราเรียนจบมา นานมากแล้วที่ไม่ได้สังสรรค์กัน เป็นไง พอมีเวลาว่างบ้างมั้ย ออกมากินข้าวด้วยกัน? สถานที่อยู่ห่างจากที่นายอยู่ไม่ไกล อยู่ที่โรงแรมตงไห่นี่เอง"
หลัวหยวนยิ้มเจื่อน รีบพูดปฏิเสธออกไปว่า " อย่าเลย ไม้โอกาสหน้า............"
แต่เขายังไม่ทันพูดจบ เจียงเี่ยนก็พูดขัดขึ้นมา
"นายเข้าใจผิดแล้วมั้ง ฉันหมายความว่า วันนี้เป็นครั้งแรกที่พวกเราจะเลี้ยงรุ่นกัน เพื่อนๆมากันค่อนข้างครบเลย นายเองก็มาสนุกกันเถอะ!"
ไม่ยอมให้หลัวหยวนได้ปฏิเสธ ดูเหมือนเจียงเชี่ยนจะเจอกับใครซักคน เธอเลยบอกว่าจะส่งที่อยู่ของโรงแรมให้ทางข้อความ แล้วเธอก็วางสายไป
การเลี้ยงรุ่นของเพื่อนๆสำหรับหลัวหยวนแล้ว จะไปหรือไม่ไปก็ได้
แต่ในเมื่อเจียงเชี่ยนพูดมาซะขนาดนี้แล้ว หลัวหยวนจะไม่ไปก็ไม่ได้
ซึ่งรู้ดีว่าการไปงานเลี้ยงรุ่นจะมีตัวละครอยู่สองแบบ คือคนที่ใช้ชีวิตประสบความสำเร็จค่อยชี้นำโน่นนี่ และคนที่ตลกๆสนุกสนาน
พูดไปพูดมา เขาเองก็ไม่ได้เจอเพื่อนๆมานานมากแล้ว
ไปดูหน่อยก็ดี
อย่างน้อยก็มีซักคนสองคนที่สามารถพูดคุยกันได้
บางทีเขาอาจจะต้องบอกลาเมืองที่คุ้นเคยและอาจจะไม่คุ้นเคยเมืองนี้ไปก็ได้
เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย หลังจากที่สวมเสื้อกันหนาวแล้ว เขาก็หยิบกระเป๋าเงินขึ้นมาและหยิบเงินเดือนจำนวนสองเดือนใส่ในกระเป๋า หลังจากนั้นก็ออกจากห้อง
เนื่องด้วยเป็นช่วงเวลาคับขัน บวกกับมีหิมะตกติดกันหลายวัน ทำให้การจราจรติดขัด หลัวหยวนก็เลยไม่ได้มีความคิดที่จะนั่งแท็กซี่
เพราะยังไงสถานที่นัดเจอกันก็อยู่ที่โรงแรมตงไห่ ซึ่งระยะท่างห่างจากที่เขาอยู่เป็นเวลาประมาณสิบกว่านาที เขาก็เลยเลือกที่จะเดินเท้าไป ถือเป็นการผ่อนคลายอารมณ์
ท้องฟ้าอึมครึมที่มีหิมะลอยไปมา กระทบเข้ากับใบหน้าทำให้รู้สึกเจ็บเล็กน้อย
ตอนที่เขามาถึงโรงแรมที่นัดหมาย เป็นเวลาหกโมงสี่สิบนาทีแล้ว
หลัวหยวนดูตามข้อความที่เจียงเชี่ยนส่งมาทำให้เขาหาห้องจัดเลี้ยงเจออย่างรวดเร็ว เขายืนอยู่หน้าประตูสูดลมหายใจเข้าเบาๆ หลังจากนั้นก็ค่อยๆเคาะประตูและเดินเข้าไป
สิ่งที่เหนือความคาดหมายของหลัวหยวนก็คือ เพื่อนๆที่มาในครั้งนี้ไม่น้อยเลย มาแทบจะทุกคน
บรรยากาศภายในห้องคึกคักมาก ทุกคนมีความกระตือรือร้น ทั้งดื่มทั้งกินกันอย่างสนุกสนาน
ในตอนนั้นไม่มีใครสังเกตเห็นว่าหลัวหยวนเดินเข้ามาในห้องแล้ว
"หลัวหยวน ทำไมนายเพิ่งจะมา มาๆๆๆ มาสาย ต้องโดนทำโทษสามแก้ว"
จนกระทั่งเขาหาที่นั่งได้ ก็มีเสียงที่คุ้นหูดังขึ้น
เขาก็เลยหันไปตามทิศทางของเสียง หลัวหยวนชะงักไป
นี่คือเจียงเชี่ยน? !
เดิมทีตอนเรียนมหาวิทยาลัยเจียงเชี่ยนแต่งหน้าเว่อวังอลังการมากอยู่แล้ว แต่เมื่อเทียบกับตอนปัจจุบัน มันไมเหมือนกันเลย
เนื่องจากเสียงทักมายของเจียงเชี่ยน ทำให้สายตาของทุกคนต่างตกมาอยู่ที่หลัวหยวน
หลัวหยวนกำมือแน่นด้วยความเขินอาย " ต้องขอโทษทุกคนด้วย เดี๋ยวจะดื่มสามแก้ว ถือเป็นการทำโทษ!"
เมื่อทุกคนเห็นหลัวหยวนพูดอย่างนั้น ต่างก็ต้องตกใจ
เพราะต่างก็รู้ว่า หลัวหยวนในสายตาของเพื่อนๆทุกคน เขาเป็นคนที่เรียนแต่หนังสือเรียนจนสมองเสียไปแล้ว ไม่ค่อยคบค้าสมาคมกับใคร การที่เขาออกตัวดื่มเหล้าเป็นการทำโทษตัวเอง จึงดูไม่เหมือนนิสัยของเขา
ดูเหมือนหลัวหยวนจะรู้ว่าทุกคนกำลังคิดอะไรอยู่ เขาก็เลยไม่พูดอะไรมาก หยิบเหล้าขึ้นมา และดื่มติดต่อกันสามแก้ว
หลังจากดื่มเหล้าติดต่อกันสามแก้วเสร็จแล้ว เขารู้สึกร้อนท้อง
แต่ผ่านไปไม่นาน กลิ่นของเหล้าก็ปะปนกับความเย็นของลมหายใจ ทำให้กลิ่นหายไป
ถึงแม้หลัวหยวนจะสัมผัสได้ถึงความแปลก แต่เขาก็ไม่มีสีหน้าท่าทางอะไร
ได้ยินเสียงเพื่อนคนหนึ่งปรบมือและถามขึ้นมาว่า " หลัวหยวน ดูจากท่าทางของนายแล้ว ช่วงนี้ชีวิตน่าจะดีไม่เลวเลยนะ! ฝึกดื่มมาแล้ว ดื่มติดกันตั้งสามแก้ว ไม่มีสีหน้าอาการอะไรเลย ดีมาก!"
"แน่นอนอยู่แล้ว" ไม่ทันรอให้หลัวหยวนได้อ้าปากพูด ก็มีคนแย่งพูดไปแล้ว " หลังจากที่หลัวหยวนเรียนจบ ศาสตราจารย์โอวหยางก็เสนอชื่อของเขาให้ไปฝึกงานที่โรงพยาบาลประชาชนเมืองตงไห่ เป็นไงบ้าง หลัวหยวน ดูท่าทางนายคงได้รับเข้าทำงานเต็มตัวแล้ว คงได้เงินเดือนประมาณนี้เลยสินะ?"
คนที่พูดก็คือหวังเหล่ย เพื่อนที่อยู่หอห้องติดกัน เขาชูนิ้วสองนิ้วขึ้นมา ความหมายก็เพื่อถามว่าหลัวหยวนได้เงินเดือนเดือนละสองหมืนหยวนเลยใช่มั้ย
ถึงแม้หลัวหยวนจะเตรียมใจไว้ก่อนแล้ว แต่เขาเองก็ยังตั้งตัวไม่ทัน
เขาก็เลยไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี
เขาไม่สามารถพูดได้ว่าตัวเองยังไม่ผ่านการฝึกงานเลย แต่ละเดือนได้เงินเดือนแค่สามพันหยวน และก่อนหน้านี้เมื่อสองชั่วโมงที่แล้วเขาเพิ่งถูกผู้อำนวยการไล่ออก!
ในโรงพยาบาลนี้ แม้แต่ผู้อำนวยการก็ยังไม่กล้าดูถูกเหยียดหยามเขา ไม่ต้องพูดถึงหัวหน้าพยาบาล!
ส่วนอาการของคุณท่านหม่าก็ไม่มีอะไรน่าห่วง เพียงแค่ต้องนอนดูอาการอีกสองสามวันก็สามารถออกจากโรงพยาบาลได้แล้ว
มีโอกาสในการสร้างคอนเน็คชั่นที่ดีขนาดนี้ เขาจะปล่อยให้พลาดไปได้อย่างไร
ต่อมา หัวหน้าอู๋ยังไม่ทันได้ทำอะไร จู่ๆเสี่ยงเครื่องวัดหัวใจก็มีเสียงเตือนดังขึ้น
หัวหน้าอู๋ตกใจมาก เขารีบหันกลับไปดู
ทันใดนั้น เขาก็รู้สึกขนหัวลุก ตัวสั่น เกือบจะล้มลงกับพื้น
เครื่องวัดหัวใจที่คงที่มาโดยตลอดจู่ๆก็มีการเปลี่ยนแปลง
หัวใจเต้นเร็ว ความดันเลือดพุ่งสูงขึ้น และคุณท่านหม่าหายใจมีเสียงดัง มีเลือดไหลออกมาทางปาก!
"เร็ว รีบไปเชิญเหนียนเหล่ามา.................รีบไป!"
เสียงของหัวหน้าอู๋สั่น เขารีบหันไปตะคอกใส่พยาบาลเสี่ยวหยุนที่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี
หยางเสี่ยวหยุนรีบพยักหน้า หลังจากนั้นเธอก็ไปเชิญเหนียนเหล่าและสองสามีภรรยาหม่ากงฉีกลับมาอีกครั้ง
เหนียนเหล่าดูอาการของคุณท่านหม่าและพูดว่า " เกิดอะไรขึ้น? ! ทำไมจู่ๆปอดสำลักน้ำ? ! ใคร ใครเป็นคนให้ผู้ป่วยดื่มน้ำ! วุ่นงายมาก รีบปฐมพยาบาลทันที!"
น้อยมากที่ผู้อำนวยการจะเห็นเหนียนเหล่าคนที่เป็นคนมีวิชาความรู้และดูสง่าจะโกรธขนาดนี้ เมื่อเห็นว่าสถานกรณ์ค่อนข้างเร่งด่วน เขาก็ถามขึ้นมาทันทีว่า " ตกลงเกิดอะไรขึ้น? !"
หัวหน้าอู่ที่ตั้งใจจะยืนเงียบๆ คิดไม่ถึงว่าสายตาของผู้อำนวยการจะมาจ้องอยู่ที่เขา เขารู้แล้วว่าเขาไม่มีทางหนีไปได้ เขาก็เลยพูดติดๆขัดๆว่า " หัวหน้าพยาบาลสั่งให้เธอป้อนสารอาหาร..............."
"ไร้สาระ!" เหนียนชิงอวิ๋นด่าออกมา "ถึงแม้อาการของผู้ป่วยจะคงที่แล้ว แต่ในเมื่อมีอาการถุงลมโป่งพองเฉียบพลัน การรักษาที่สมบูรณ์จะต้องใช้เวลาในการฟื้นตัว ต่อให้ต้องการจะให้อาหารเสริม ก็ต้องเลือกวิธีการฉีด หัวหน้าพยาบาลหวังจะทำอย่างนี้ได้ยังไง? !"
"ไม่ทราบครับ เธออาจจะวินิจฉัยผิดพลาดมั้ง!" หัวหน้าอู๋พูดติดๆขัดๆ หลังจากนั้นเขาก็หันไปมองพยาบาลเสี่ยวหยุนด้วยสายตาเย็นชา
ในตอนนี้เอง หัวหน้าพยาบาลหวังก็มาถึง
เธอได้ยินคำพูดทั้งหมดของหัวหน้าอู๋แล้ว เธอก็เลยรีบพูดอธิบายว่า " เหนียนเหล่า คุณอย่าไปฟังที่หัวหน้าอู๋พูด เขาเป็นคนสั่งฉันให้บอกเสี่ยวหยุนให้ป้อน !"
เหนียนเหล่าส่งเสียงหึ่ยออกมา และเริ่มปฐมพยาบาลทันที
เมื่อเห็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น หม่ากงฉีก็โกรธจนแทบจะฆ่าคน
เขาถลึงตาใส่หัวหน้าอู๋ อยากจะถลกหนังของเขาออกมา
แพทย์ที่มีทักษะไม่ดีฆ่าคนด้วยการใช้ยาผิด
มาถึงวันนี้ เขาเพิ่งจะได้เข้าใจคำสุภาษิตคำนี้
แต่ในตอนนี้การช่วยชีวิตคนคือสิ่งที่สำคัญที่สุด ตอนนี้เขาก็เลยไม่มีเวลามาคิดว่าใครถูกใครผิด หม่ากงฉีรีบหันไปพูดกับผู้อำนวยการว่า " ผู้อำนวยการฮวาง รีบคิดหาวิธี พ่อของผมเพิ่งจะอายุหกสิบสองเองนะ!"
ผู้อำนวยการฮวางรีบพูดปลอบใจว่า " เหนียนเหล่าเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านนี้ ปอดสำลักน้ำไม่ใช่ปัญหายาก ประธานหม่าไม่ต้องเป็นกังวลไป"
เขาพููดไปด้วย มองเหนียนชิงอวิ๋นที่ขมวดคิ้วด้วยความกลุ้มใจไปด้วย
ที่จริง ผู้อำนวยการเองก็ไม่ค่อยมั่นใจ
เพียงแค่เหนียนชิงอวิ๋นรักษาด้วยตัวเอง ยังไงก็ต้องมีโอกาส
ผ่านไปไม่นาน เหนียนเหล่าก็หยุดการปฐมพยาบาล หม่ากงฉีเดินเข้าไปดู
เหนียนชิงอวิ๋นถอดหน้ากากอนามัยออก ถอนหายใจและพูดว่า " ประธานหม่า ภาวะปอดสำลักน้ำตอนนี้พ้นขีดอันตรายแล้ว แต่ตอนนี้เขาหมดสติไปอีกครั้ง ถ้าจะเข้ารับการผ่าตัดจะค่อนข้างเสี่ยง ให้อภัยผมด้วย ผมไม่มีความสามารถมากพอ พวกคุณลองไปหาแพทย์ฝึกหัดที่ชื่อหลัวหยวนคนเมื่อกี้มา เขาอาจจะมีวิธีทางอื่น"
สีหน้าของหม่ากงฉีเคร่งขรึม เขาพยักหน้า และหันหน้าไปพูดกับผู้อำนวยการฮวางว่า " ต้องรบกวนผู้อำนวยการช่วยจัดการให้หน่อยครับ ช่วยเชิญหมอหลัวหยวนมาทันทีเลย"
"ต้องรีบหน่อยนะครับ คุณท่านหม่าอยู่ในภาวะวิกฤติ เกรงว่าจะยื้อไว้ได้ไม่นาน!" เหนียนชิงอวิ๋นรีบพูดเสริม
ผู้อำนวยการฮวางตัวแข็งทื่อ หน้าดำคร่ำเครียด เขาลังเลไม่พูดอะไร
ต่อให้หม่ากงฉีจะเป็นคนเก็บอารมณ์ได้ดี แต่สีหน้าของเขาก็เปลี่ยนเป็นไม่ค่อยดีเท่าไหร่แล้ว
ซุเหม่ยเองก็มีสีหน้าเย็นชา เธอถามว่า " ผู้อำนวยการฮวางคะ ตกลงมันเกิดอะไรขึ้นกันแน่? มีอะไรลำบากใจมั้ยคะ?"
"เมื่อกี้..........เมื่อกี้เขาเพิ่งโดนไล่ออก!" ผู้อำนวยการฮวางพูดติดๆขัดๆ
หัวหน้าอู๋ชะงักไป หลังจากนั้นก็มีร่องรอยของความสุขในดวงตาของเขา เขารีบพูดขึ้นมาว่า " ผู้อำนวยการครับ ถึงแม้หลัวหยวนจะทำผิดกฏไป แต่เขาก็เป็นคนที่เก่งมาก เดิมทีผมตั้งใจไว้ว่าสิ้นเดือนนี้ผมจะให้เขาผ่านการฝึกงานมาทำงานได้เต็มตัว เห้อ น่าเสียดาย น่าเสียดายจริงๆ!"
หม่ากงฉียืนนิ่ง เขาหันไปมองใบหน้าที่เหยเกของผู้อำนวยการฮวางด้วยสีหน้าเย็นชา และพูดด้วยน้ำเสียงเคร่งขรึมว่า " ผู้อำนวยการฮวาง ถ้าพ่อของผมเป็นอะไรไป คุณเตรียมกลับไปใช้ชีวิตเกษียณที่บ้านได้เลย!"
พูดจบ เขาก็หันไปสั่งลูกน้องให้ออกตามหาหลัวหยวนทันที
ผู้อำนวยการฮวางขาอ่อนแรง นั่งลงไปกองกับพื้น
เขาหันไปมองหัวหน้าอู๋ด้วยความขมขื่น
หลัวหยวนกลับไปที่ห้องทำงาน เขาถอดเสื้อกาวน์สีขาว สวมชุดลำลองและเดินออกจากโรงพยาบาล
เขากลับไปที่หอพักเล็กๆแคบๆแต่ค่อนข้างเงียบ หลัวหยวนนั่งมองหิมะที่ยังตกไม่หยุดอย่างเงียบๆ เขากำหมัดแน่น
ลมเย็นกับเกล็ดหิมะทำให้เขาสงบลง
วันนี้เขาถูกไล่ออกเพราะความเชื่อในอาชีพสูงส่งของแพทย์ จุดมุ่งหมายในการเป็นหมอที่ดีไกลออกไป
ครอบครัวของหลัวหยวนยากจน เขามีน้องชายสามคน น้องสาวอีกสองคน
บ้านเกิดของเขาตั้งอยู่ในหมู่บ้านเล็กๆที่ห่างไกลในภาคใต้ของจีน ถนนเพิ่งสร้างเสร็จเมื่อปีที่แล้ว
ถนนกว้างสามเมตรห้าสิบ รถคันเล็กๆสองคันสวนกันยังยากเลย
เขาเป็นคนเดียวในหมู่บ้านที่ได้เรียนมหาวิทยาลัย ครอบครัวทั้งครอบครัวฝากภาระไว้กับเขา จึงได้ส่งเขาที่เป็นลูกชายคนโตเข้ามาเรียนในเมือง
หลัวหยวนไม่อยากทำให้ครอบครัวต้องผิดหวัง
แต่ในตอนนี้ เขาโดนผู้อำนวยการฮวางไล่ออกแล้ว!
ผมต้องการบินให้ไกลกว่าเดิม....................
จู่ๆเสี้ยงโทรศัพท์ที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงก็ดังขึ้น
หลัวหยวนหยิบโทรศัพท์โนเกียเก่าๆออกมา เมื่อเห็นว่าใครโทรมา เขาก็ชะงักไปเล็กน้อย
เป็นเธอได้อย่างไร................
เขากดรับสาย ได้ยินเสียงอ่อนหวานดังลอดสายมา " หลัวหยวน ฉันคือเจียงเชี่ยน นายเลิกงานแล้วยัง?"
"เจียงเชี่ยน มีธุระอะไรมั้ย?" หลัวหยวนถาม
เจียงเชี่ยนเป็นเพื่อนสมัยเรียนมหาวิทยาลัยของหลัวหยวน เธอหน้าตาน่ารัก และตอนเรียนมหาวิทยาลัยเธอเคยจีบหลัวหยวน
ตอนนั้นหลัวหยวนเป็นเหมือนแสงสว่าง เขาเป็นนักเรียนที่โดดเด่นของมหาวิทยาลัย เป็นนักเรียนที่มีพรสวรรค์ที่ได้รับการยกย่อง
ไม่งั้นเขาก็คงไม่ได้รับการเสนอชื่อจากศาสตราจารย์ให้มาฝึกงานที่โรงพยาบาลประชาชนเมืองตงไห่
เพียงแค่ตั้งแต่เรียนจบมา ตั้งแต่ที่หลัวหยวนปฏิเสธเธอไปครั้งที่สิบเอ็ด เธอก็ไม่ได้ติดต่อหลัวหยวนมาอีกเลย
มาวันนี้หลัวหยวนที่เป็นโสดมาโดยตลอดก็ยังไม่สนใจเจียงเชี่ยน
ไม่ใช่อะไรหรอก เพราะว่าในมหาวิทยาลัยชื่อเสียงของเจียงเชี่ยนไม่ค่อยดีเท่าไหร่
เปลี่ยนแฟนมาหกคนภายในหนึ่งเทอม หลัวหยวนไม่อยากจะเชื่อ
สำหรับเจียงเชี่ยนแล้ว หลัวหยวนรักษาระยะห่างมาโดยตลอด
เขาไม่ต้องการมีความสัมพันธ์กับเธอไปในด้านนั้น
นักเรียนครอบครัวยากจนที่มาจากหมู่บ้านห่างไกลอย่างเขา มาคบกับผู้หญิงที่ชอบแต่งตัวใช้ชีวิตสนุกๆอย่างเธอคงไม่รอด!
"หลัวหยวน เป็นไงบ้าง ช่วงนี้สบายดีมั้ย?" เจียงเชี่ยนถามยิ้มๆ
หลัวหยวนขมวดคิ้ว
สถานการณ์ปัจจุบันของเขาค่อนข้างพูดยาก
และเขาเองก็ไม่รู้ว่าเจียงเชี่ยนโทรมา ตกลงมีธุระอะไรกันแน่
เขาพูดแบบสบายๆว่า " ก็เหมือนเดิม ยังวุ่นวายเหมือนเดิม!"
"ตั้งแต่พวกเราเรียนจบมา นานมากแล้วที่ไม่ได้สังสรรค์กัน เป็นไง พอมีเวลาว่างบ้างมั้ย ออกมากินข้าวด้วยกัน? สถานที่อยู่ห่างจากที่นายอยู่ไม่ไกล อยู่ที่โรงแรมตงไห่นี่เอง"
หลัวหยวนยิ้มเจื่อน รีบพูดปฏิเสธออกไปว่า " อย่าเลย ไม้โอกาสหน้า............"
แต่เขายังไม่ทันพูดจบ เจียงเี่ยนก็พูดขัดขึ้นมา
"นายเข้าใจผิดแล้วมั้ง ฉันหมายความว่า วันนี้เป็นครั้งแรกที่พวกเราจะเลี้ยงรุ่นกัน เพื่อนๆมากันค่อนข้างครบเลย นายเองก็มาสนุกกันเถอะ!"
ไม่ยอมให้หลัวหยวนได้ปฏิเสธ ดูเหมือนเจียงเชี่ยนจะเจอกับใครซักคน เธอเลยบอกว่าจะส่งที่อยู่ของโรงแรมให้ทางข้อความ แล้วเธอก็วางสายไป
การเลี้ยงรุ่นของเพื่อนๆสำหรับหลัวหยวนแล้ว จะไปหรือไม่ไปก็ได้
แต่ในเมื่อเจียงเชี่ยนพูดมาซะขนาดนี้แล้ว หลัวหยวนจะไม่ไปก็ไม่ได้
ซึ่งรู้ดีว่าการไปงานเลี้ยงรุ่นจะมีตัวละครอยู่สองแบบ คือคนที่ใช้ชีวิตประสบความสำเร็จค่อยชี้นำโน่นนี่ และคนที่ตลกๆสนุกสนาน
พูดไปพูดมา เขาเองก็ไม่ได้เจอเพื่อนๆมานานมากแล้ว
ไปดูหน่อยก็ดี
อย่างน้อยก็มีซักคนสองคนที่สามารถพูดคุยกันได้
บางทีเขาอาจจะต้องบอกลาเมืองที่คุ้นเคยและอาจจะไม่คุ้นเคยเมืองนี้ไปก็ได้
เขาเปลี่ยนเสื้อผ้าเรียบร้อย หลังจากที่สวมเสื้อกันหนาวแล้ว เขาก็หยิบกระเป๋าเงินขึ้นมาและหยิบเงินเดือนจำนวนสองเดือนใส่ในกระเป๋า หลังจากนั้นก็ออกจากห้อง
เนื่องด้วยเป็นช่วงเวลาคับขัน บวกกับมีหิมะตกติดกันหลายวัน ทำให้การจราจรติดขัด หลัวหยวนก็เลยไม่ได้มีความคิดที่จะนั่งแท็กซี่
เพราะยังไงสถานที่นัดเจอกันก็อยู่ที่โรงแรมตงไห่ ซึ่งระยะท่างห่างจากที่เขาอยู่เป็นเวลาประมาณสิบกว่านาที เขาก็เลยเลือกที่จะเดินเท้าไป ถือเป็นการผ่อนคลายอารมณ์
ท้องฟ้าอึมครึมที่มีหิมะลอยไปมา กระทบเข้ากับใบหน้าทำให้รู้สึกเจ็บเล็กน้อย
ตอนที่เขามาถึงโรงแรมที่นัดหมาย เป็นเวลาหกโมงสี่สิบนาทีแล้ว
หลัวหยวนดูตามข้อความที่เจียงเชี่ยนส่งมาทำให้เขาหาห้องจัดเลี้ยงเจออย่างรวดเร็ว เขายืนอยู่หน้าประตูสูดลมหายใจเข้าเบาๆ หลังจากนั้นก็ค่อยๆเคาะประตูและเดินเข้าไป
สิ่งที่เหนือความคาดหมายของหลัวหยวนก็คือ เพื่อนๆที่มาในครั้งนี้ไม่น้อยเลย มาแทบจะทุกคน
บรรยากาศภายในห้องคึกคักมาก ทุกคนมีความกระตือรือร้น ทั้งดื่มทั้งกินกันอย่างสนุกสนาน
ในตอนนั้นไม่มีใครสังเกตเห็นว่าหลัวหยวนเดินเข้ามาในห้องแล้ว
"หลัวหยวน ทำไมนายเพิ่งจะมา มาๆๆๆ มาสาย ต้องโดนทำโทษสามแก้ว"
จนกระทั่งเขาหาที่นั่งได้ ก็มีเสียงที่คุ้นหูดังขึ้น
เขาก็เลยหันไปตามทิศทางของเสียง หลัวหยวนชะงักไป
นี่คือเจียงเชี่ยน? !
เดิมทีตอนเรียนมหาวิทยาลัยเจียงเชี่ยนแต่งหน้าเว่อวังอลังการมากอยู่แล้ว แต่เมื่อเทียบกับตอนปัจจุบัน มันไมเหมือนกันเลย
เนื่องจากเสียงทักมายของเจียงเชี่ยน ทำให้สายตาของทุกคนต่างตกมาอยู่ที่หลัวหยวน
หลัวหยวนกำมือแน่นด้วยความเขินอาย " ต้องขอโทษทุกคนด้วย เดี๋ยวจะดื่มสามแก้ว ถือเป็นการทำโทษ!"
เมื่อทุกคนเห็นหลัวหยวนพูดอย่างนั้น ต่างก็ต้องตกใจ
เพราะต่างก็รู้ว่า หลัวหยวนในสายตาของเพื่อนๆทุกคน เขาเป็นคนที่เรียนแต่หนังสือเรียนจนสมองเสียไปแล้ว ไม่ค่อยคบค้าสมาคมกับใคร การที่เขาออกตัวดื่มเหล้าเป็นการทำโทษตัวเอง จึงดูไม่เหมือนนิสัยของเขา
ดูเหมือนหลัวหยวนจะรู้ว่าทุกคนกำลังคิดอะไรอยู่ เขาก็เลยไม่พูดอะไรมาก หยิบเหล้าขึ้นมา และดื่มติดต่อกันสามแก้ว
หลังจากดื่มเหล้าติดต่อกันสามแก้วเสร็จแล้ว เขารู้สึกร้อนท้อง
แต่ผ่านไปไม่นาน กลิ่นของเหล้าก็ปะปนกับความเย็นของลมหายใจ ทำให้กลิ่นหายไป
ถึงแม้หลัวหยวนจะสัมผัสได้ถึงความแปลก แต่เขาก็ไม่มีสีหน้าท่าทางอะไร
ได้ยินเสียงเพื่อนคนหนึ่งปรบมือและถามขึ้นมาว่า " หลัวหยวน ดูจากท่าทางของนายแล้ว ช่วงนี้ชีวิตน่าจะดีไม่เลวเลยนะ! ฝึกดื่มมาแล้ว ดื่มติดกันตั้งสามแก้ว ไม่มีสีหน้าอาการอะไรเลย ดีมาก!"
"แน่นอนอยู่แล้ว" ไม่ทันรอให้หลัวหยวนได้อ้าปากพูด ก็มีคนแย่งพูดไปแล้ว " หลังจากที่หลัวหยวนเรียนจบ ศาสตราจารย์โอวหยางก็เสนอชื่อของเขาให้ไปฝึกงานที่โรงพยาบาลประชาชนเมืองตงไห่ เป็นไงบ้าง หลัวหยวน ดูท่าทางนายคงได้รับเข้าทำงานเต็มตัวแล้ว คงได้เงินเดือนประมาณนี้เลยสินะ?"
คนที่พูดก็คือหวังเหล่ย เพื่อนที่อยู่หอห้องติดกัน เขาชูนิ้วสองนิ้วขึ้นมา ความหมายก็เพื่อถามว่าหลัวหยวนได้เงินเดือนเดือนละสองหมืนหยวนเลยใช่มั้ย
ถึงแม้หลัวหยวนจะเตรียมใจไว้ก่อนแล้ว แต่เขาเองก็ยังตั้งตัวไม่ทัน
เขาก็เลยไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรดี
เขาไม่สามารถพูดได้ว่าตัวเองยังไม่ผ่านการฝึกงานเลย แต่ละเดือนได้เงินเดือนแค่สามพันหยวน และก่อนหน้านี้เมื่อสองชั่วโมงที่แล้วเขาเพิ่งถูกผู้อำนวยการไล่ออก!
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.webreadapp.com All rights reserved