บทที่ 13 ลมปราณของฉีโป๋
by นักมายากลอัจฉริยะ
09:25,Sep 02,2021
ต้องปกป้องตัวเองให้ได้ก่อน ถึงจะเป็นหมอช่วยคนอื่นได้
ไม่อย่างนั้น หากตัวเองยังปกป้องไม่ได้ แล้วจะมีหน้าไปช่วยชีวิตคนอื่นได้ยังไง?
เรื่องนี้ แม้แต่ผู้ที่มีอำนาจยิ่งใหญ่อย่างเหนียนชิงอวิ๋นก็หนีไม่พ้น
เห็นคนจะตายแต่ก็ไม่ช่วย เป็นหมอก็ไม่ควรมีความคิดเช่นนี้
แต่บางที ตัวเองก็สามารถปรับเปลี่ยนความคิดได้...
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ สายตาของเขาเหลือบมองหยูชิงทั้งตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ
เขาพูดขึ้นว่า "รุ่นพี่หยูเป็นไอดอลของผมมาตลอด ความรู้และฝีมือทางการแพทย์ของเธอเหนือชั้นกว่าผมมาก แล้วเธอก็อ่านหนังสือมากมายหลายแขนง ในการศึกษาทางด้านโรคทางระบบประสาท ผมเชื่อว่าเธอเก่งที่สุดครับ"
ผู้อำนวยการฮวางได้แต่ถอนหายใจ ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ
ทว่าในตอนนี้หยูชิงกลับเปิดปากพูดขึ้น
เธอพูดอย่างงุนงงขึ้นว่า "รุ่นน้อง ชีวิตของนายก็ปกติดีนี่ ตอนเรียน คะแนนในเอกก็ไม่ได้แย่ ทำไมนายถึงยังเป็นแค่หมอฝึกหัดอยู่อีกล่ะ? หรือว่า มาตรฐานการประเมินของโรงพยาบาลแห่งแรกของเมืองตงไห่ของเราจะเข้มงวดมากเกินไป?"
ตอนที่หยูชิงพูด เธอก็เหลือบไปที่ผู้อำนวยการฮวางอย่างมีความนัยแอบแฝง
ผู้อำนวยการฮวางรู้ดีว่าคำพูดของหยูชิงแฝงอะไรบางอย่างไว้ เขาจึงเบนสายตามองที่หัวหน้าอู๋ตัวร้าย
เมื่อได้ยินสิ่งที่หยูชิงพูด คนที่แสดงท่าทีตื่นตระหนกที่สุดคือหัวหน้าอู๋
เมื่อเขารู้สึกว่าทุกคนกำลังจ้องมองมาที่เขา ใบหน้าของเขาก็ซีดเซียวลงทันที จากนั้นเขาก็ก้มศีรษะลงจนแทบจะมุดดินหนี
หลังจากที่หยูชิงกลับมาจากเรียนต่อต่างประเทศ แต่เดิมระบบการแพทย์ทั้งหมดของเมืองตงไห่ก็แข็งแกร่งมาก
ประกอบกับเขาที่รู้ภูมิหลังของครอบครัวที่แสนเลวร้ายที่เป็นเบื้องหลังหญิงสาวผู้เย่อหยิ่งคนนี้ เป็นไปไม่ได้ที่เป็นความโชคดีหรือความบังเอิญไปได้เลย
หลัวหยวนเหลือบมองหัวหน้าอู๋ที่นั่งอยู่ไม่สุขเหมือนหนูติดจั่น แล้วพูดเย้ยหยัน: "ผมเรียนไม่เก่ง ทำให้มหาลัยต้องเสียชื่อ แล้วก็ทำให้รุ่นพี่หยูต้องผิดหวังด้วย"
เห็นได้ชัดว่าหัวหน้าอู๋คิดไม่ถึงว่าหลัวหยวนจะตอบแบบนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้น แล้วมองเขาด้วยความประหลาดใจ
ไม่มีคนโง่ในที่แห่งนี้ จะมีก็แต่พวกหัวกะทิที่ฉลาดเป็นกรด พวกเขาจึงมองเรื่องที่ปิดบังออกได้เพียงพริบตาเดียว
ต้องรู้ไว้ว่า หยูชิงขึ้นชื่อว่าเป็นคนหยิ่งยโส ถ้าชายหนุ่มที่ชื่อหลัวหยวนคนนี้ไม่เก่งจริง แล้วทำไมเธอถึงพูดขึ้นมาเช่นนี้ในโอกาสนี้ล่ะ?
ดูท่า ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนไม่ธรรมดาจริง ๆ
ขณะนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นทำลายบรรยากาศที่น่าอึดอัดในห้องประชุม
ผู้อำนวยการฮวางกดเปิดลำโพง
น้ำเสียงที่ดังออกมาจากปลายสายโทรศัพท์เจือด้วยความกังวล : "ผู้อำนวยการ ผู้ป่วยมาถึงแล้ว สถานการณ์ตอนนี้ค่อนข้างแย่เลยล่ะครับ"
"เอาล่ะ ส่งผู้ป่วยที่แผนกไอซียูก่อนเถอะ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้"
หลังจากวางสาย ผู้อำนวยการฮวางก็ยืนขึ้นทันที พูดขอตัวกับทุกคน จากนั้นเขาก็กระซิบออกคำสั่งกับผู้ช่วยสองสามประโยค แล้วเตรียมออกจากห้องไปก่อน
เนื่องจากทุกคนไม่สามารถคิดแผนการรักษาที่เห็นผลได้ ดังนั้นเขาก็ไม่ได้รั้งให้พวกผู้เชี่ยวชาญอยู่ต่อไป เพราะยังไงเวลาของทุกคนต่างมีค่าทั้งสิ้น
หยูชิงพูดขึ้นว่า: "คุณลุงฮวาง ฉันว่างพอดี ให้ฉันจะไปดูกับคุณไหมคะ?"
"คุณเหรอ?"
ผู้อำนวยการฮวางถามขึ้นอย่างประหลาดใจ
เดิมทีก็คิดว่าในเมื่อทุกคนไม่มีวิธีรักษาที่เหมาะสม ก็ไม่จำเป็นที่ต้องอยู่กับตัวเองอีกต่อไป คาดไม่ถึงว่าหยูชิงจะเสนอตัวขึ้นมาเช่นนี้
"คุณลุงฮวางไม่ไว้ใจฉันเหรอคะ?" หยูชิงยิ้ม "ฉันไม่ได้แค่เรียนแพทย์ด้านจิตวิทยาคลินิกที่ฮาร์วาร์ดเท่านั้น แต่ยังได้ปริญญาเอกสาขาเภสัชกรรมด้วยนะคะ! ช่วงสองสามปีมานี้ ฉันไม่ได้อยู่เฉย ๆ นะคะ ถึงตอนนี้จะยังไม่มีวิธีรักษาที่ดีจริง ๆ แต่มันก็ไม่ได้เกี่ยวกับที่จะไปลองดูนี่คะ "
"ลงมือผ่าตัดมากกว่า 170 ครั้ง อัตราความสำเร็จอยู่ที่ 97%!" ผู้อำนวยการฮวางยิ้ม "ผมกลัวว่าคุณจะยุ่งเกินไป นี่จะไม่เป็นการรบกวนเวลาคุณใช่ไหม? คุณรู้ไหม ความหวังของอนาคตของแพทย์แผนจีนกว่าครึ่งประเทศอยู่ที่ตัวคุณแล้ว! ถ้าคุณมีเวลาจริง ๆ นั่นมันก็ดีมากเลย ตอนนี้ เราก็ทำได้แค่ทำตามโชคชะตาเท่านั้น "
หลัวหยวนได้ยินคำพูดนี้แล้ว ก็พูดอะไรไม่ออก
แน่นอนว่า สิ่งที่พูดกันบนอินเทอร์เน็ตนั้นไม่ผิดเพี้ยนไปเลย ที่บอกว่าดอกเตอร์สาวเป็นสิ่งที่มีชีวิตเพศที่สามนอกจากเพศชายและเพศหญิงแล้วน่ะ
ล่าสุดหลายคนเริ่มโจมตีว่าฮาร์วาร์ดไม่ดีอย่างนู้นไม่ดีอย่างนี้ แต่ถ้าดูจากรายงานทางสถิติแล้ว จะพบว่า ชื่อเสียงด้านวิชาการของฮาร์วาร์ดสูงถึงหนึ่งร้อย อีกทั้งการประเมินของนายจ้างก็ได้หนึ่งร้อยเช่นกัน และด้วยคะแนนรวม 93.7 นั้น ทำให้ฮาร์วาร์ดครองอันดับหนึ่งของโลก ส่วนเคมบริดจ์ที่เป็นอันดับสองมีเพียงคะแนนรวมน้อยกว่า 80 ด้วยซ้ำ
ดูจากสถิติเพียงอย่างเดียว ความยิ่งใหญ่ของฮาร์วาร์ดก็สามารถเอาชนะที่อื่น ๆ ได้อย่างขาดรอย
ซึ่งดูแค่ผลงานของหยูชิง ก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนแล้ว
ขณะที่หลัวหยวนนิ่งอึ้งเมื่อได้ยินผลงานของหยูชิง ยัยตัวร้ายก็เดินเข้ามาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว
"รุ่นน้อง นายมาเป็นผู้ช่วยให้ฉันเถอะ ฉันรู้จักนายดีกว่าทุกคนที่นี่ แถมคนอื่นน่ะ ฉันไม่กล้าสั่งให้ทำนู่นนี่ด้วย" หยูชิงพูดด้วยรอยยิ้มหวาน ๆ
ตอนนี้ ขนาดหลัวหยวนก็ยังรู้สึกประหลาดใจ
จริง ๆ แล้วหยูชิงก็มีแผนอยู่ในใจอยู่แล้ว
ทางด้านของหัวหน้าอู๋ที่เดิมทีคิดจะเป็นฝ่ายขอเป็นผู้ช่วยก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาเก็บคำพูดกลืนลงท้องไป
หยูชิงมองแนวโน้มการพัฒนาตรงหน้า ตราบใดที่ไม่เกิดเหตุผิดพลาดขึ้น เธอจะต้องกลายเป็นหัวกะทิอันดับต้น ๆ ของกลุ่มคนระดับโลกในอนาคตอย่างแน่นอน
หากเป็นผู้ช่วยให้เธอ อนาคตก็ใช้ก็ประวัติการทำงานนี้ได้อีกด้วย
น้ำขึ้นเรือย่อมลอยสูงตาม
ในอนาคต รอตอนหยูชิงประสบความสำเร็จชื่อเสียง ตอนนั้นก็ต้องได้ผลพลอยได้มากมายไปด้วยอย่างแน่นอน
ที่จริงแล้ว แม้ว่าในตอนนี้ หยูชิงจะประสบความสำเร็จไม่มากนัก แต่ในหมู่วัยรุ่นเธอก็จัดว่าเป็นดาวรุ่งพุ่งแรง
น่าเสียดาย ที่เขาไม่ได้รับเกียรตินี้ด้วย เขาทำได้แค่มองหลัวหยวนด้วยความอิจฉา กำหมัดตัวเองแน่นโดยไม่รู้ตัว เล็บเกือบจะจิกลงไปในเนื้อจนมิด
ถูกหยูชิงเลือกให้เป็นผู้ช่วย เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่อยู่ในใจของหลัวหยวนเลยก็ว่าได้ แน่นอนว่าเขาไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ
เขาตอบรับทันที ไม่ความลังเลใด ๆ อีกทั้งตบหน้าอกตัวเองเป็นการรับประกัน : "รุ่นพี่ต้องการใดอะไร ก็บอกผมได้เลยนะครับ รุ่นน้องคนนี้จะทำให้ดีที่สุด"
"หา? ผู้ชายขี้อายของพวกเรา กลายเป็นคนพูดจาไร้สาระไปตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย! เอ้า รีบไปกันเถอะ!"
ทั้งคู่เดินออกจากห้องทำงานด้วยกัน หลังจากเข้าไปในลิฟต์แล้ว หยูชิงก็ไม่สนใจผู้อำนวยการฮวางที่รอฟังเรื่องราวรัก ๆ ใคร่ ๆ ของทั้งคู่ ทันใดนั้นเองเธอก็ถามขึ้นว่า "หลัวหยวน ฉันคิดไม่ถึงว่า หลายปีขนาดนี้ เรายังจะกลับมาเจอกันจนได้"
หลัวหยวนพยักหน้า และพูดอย่างปลง ๆ ว่า : "ก็แค่ตอนที่เจอกันอีกรอบ รุ่นพี่ก็กลายเป็นเป็นนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ดังในวงการนี้แล้ว"
"นักวิทยาศาสตร์การแพทย์…" หยูชิงหัวเราะเบา ๆ "นายชมฉันเกินไปแล้ว ฉันแค่โชคดี แล้วก็ประสบความสำเร็จนิดหน่อยเอง มันยังห่างไกล กับคำว่านักวิทยาศาสตร์การแพทย์อย่างที่นายพูดนะ"
หลัวหยวนได้แต่ยิ้มรับ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
สำหรับเขาแล้ว คนอัจฉริยะแบบหยูชิง ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องกลายเป็นนักวิทยาศาสตร์การแพทย์อย่างแน่นอน
หากตัดเรื่องอื่นออกไป ตอนนี้ที่เธออยู่ในตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงก็เป็นเครื่องพิสูจน์ที่อธิบายทุกอย่างออกมาได้แล้ว
หยูชิงพูดต่อ: "ถ้าเป็นคนอื่นกล้ามาเติมนักวิทยศาสตร์การแพทย์ข้างหน้าชื่อละก็ ฉันคงจะไม่ยกโทษให้เขาแน่ ๆ แต่ในฐานะที่นายเคยจีบฉันคนนี้มาก่อน ฉันอนุญาตให้นายเรียกอย่างนี้ก็แล้วกัน!"
เมื่อเห็นท่าทางหยอกล้อของหยูชิงแล้ว ทางด้านผู้อำนวยการฮวางก็แกล้งทำตัวเป็นมนุษย์ล่องหนหายไปจากวงสนทนา หลัวหยวนยิ้มอย่างขมขื่น และไม่กล้าพูดเรื่องไร้สาระอะไรออกมาอีก
ทั้งสามคนสวมเสื้อกาวน์สีขาว มุ่งตรงเข้าห้องไอซียู และเริ่มลงมือตรวจทันที
ในขณะนี้ ผู้ป่วยอยู่ในอาการโคม่าขั้นรุนแรง ตัวตรวจวัดทั้งหมดอยู่ในระดับต่ำมาก ไม่มีสัญญาณของการฟื้นคืนสติ
หยูชิงมองเพียงชั่วครู่ ก็ถามหลัวหยวนขึ้นว่า : "อาหารเป็นพิษเฉียบพลัน มีอาการแพ้ยาสูบ นายคิดว่าควรทำยังไง?"
หลัวหยวนอยากจะบอกว่าทำให้เขาอาเจียนก็พอแล้ว แต่ปากกลับไปพูดอีกอย่างหนึ่ง
"ล้างกระเพาะครับ!"
"คิก ๆ คิดไม่ถึงว่าไม่เจอกันปีกว่า นายกลายเป็นคนไม่ซื่อสัตย์แบบนี้ไปแล้ว เราก็ไม่ใช่คนนอกกันสักหน่อย นายไม่มีอะไรต้องปิดบัง ฉันได้ยินคุณลุงฮวางบอกว่า นายมีฝีมือเรื่องนวดแผนจีน แถมยังเก่งเรื่องฝังเข็มด้วย พอดีว่า ช่วงนี้ฉันกำลังเขียนวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับแพทย์แผนจีนโบราณอยู่ กลับจีนมาครั้งนี้ หลัก ๆ ก็เพื่อมาเยี่ยมอาจารย์ทู่น่ะ"
ดวงตาของหลัวหยวนเบิกกว้างขึ้น เขาละล่ำละลักถามขึ้นว่า "นั่นคือรุ่นพี่ทู่ที่เพิ่งได้รับรางวัลโนเบลหรือเปล่าครับ?"
"นอกจากเธอแล้วจะมีใครอีกล่ะ!" หยูชิงยิ้ม "อ้อ นายไม่ได้เรียนแพทย์แผนปัจจุบันหรือไง ทำไมจู่ ๆ นายถึงก็เปลี่ยนมาเรียนแผนจีนล่ะ อย่างนี้ก็ไม่ได้สืบทอดครอบครัวต่อน่ะสิ! ถ้าอย่างนั้น นายก็หลอกฉันด้วยนี่! ตอนนั้น ฉันพูดอวดรู้ต่อหน้านายบ่อย ๆ นายก็มองว่าเป็นเรื่องตลกใช่ไหมเนี่ย!?"
หลัวหยวนยิ้มอย่างขมขื่น พูดเรื่องไร้สาระขึ้น: "ที่จริงแล้วผมเรียนกับนักบวชลัทธิเต๋า เขาขอให้ผมเก็บเป็นความลับก่อนเรียนจบ เพราะงั้น..."
"จริงเหรอ!? สุดยอดไปเลย" หยูชิงจ้องหลัวหยวนด้วยสายตาวาววับ
"จริงสิครับ เรื่องจริงแน่นอน!" หลัวหยวนสบตากับเธอนิ่ง ๆ
"เอาล่ะ ฉันเชื่อนายแล้ว ตอนนี้ เริ่มลงมือกันเถอะ! ฉันรู้ ไม่ว่าจะฝังเข็มหรือนวดแผนจีน นายก็กระตุ้นให้เขาอาเจียนได้ มีฝีมืออะไรก็งัดออกมาให้หมด อย่าคิดจะหลอกพี่สาวคนนี้เชียว!"
ขณะที่หยูชิงพูด เธอก็จงใจยกกำปั้นขึ้นเป็นการข่มขู่
ในเมื่อเทพธิดาพูดอย่างนี้แล้ว หลัวหยวนก็ไม่กล้าที่จะปิดปังอะไรอีก
พูดตามตรง ต่อหน้าหยูชิงแล้ว หลัวหยวนไม่คิดว่าลมปราณของฉีโป๋ที่เขาได้เรียนรู้เพียงครึ่งเดียวของเขาจะน่าทึ่งอะไร
ตอนนี้เขาไม่ได้ซ่อนทักษะนี้อีกต่อไป นิ้วโป้งซ้ายค่อย ๆ กดลงเบา ๆ ที่จุดเหลียนเฉวียนบริเวณลำคอ แล้วกางฝ่ามือขวาออก กดเบา ๆ ที่จุดเสินเชวี่ยของผู้ป่วย
ฮึ่ม!
เมื่อจิตเริ่มเคลื่อนไหว เจินชี่ในจุดฉีไห่เสินกงก็พลุ่งพล่าน พลันทะลุผ่านจุดตันเถียน ผ่านช่องทางเส้นลมปราณพิเศษทั้งแปด และรวมตัวกันอย่างรวดเร็วบนฝ่ามือ
แรงนั้นทั้งเบาทั้งหนัก ดันให้ลมปราณไปที่จุดกวานหยวน จากนั้นใช้ฝีมือและเจินชี่เพื่อเพิ่มแรงหนักเบาให้เกิดขึ้นขณะเดียวกัน แล้วดันไปยังจุดสุ่ยเฟิน
ประกอบกับการกระตุ้นจุดเหลียนเฉวียนด้วยมือซ้ายอย่างต่อเนื่อง การกระตุ้นหมุนเวียนไปมา ก็ทำให้ผู้ป่วยที่หมดสติในตอนแรกเริ่มมีอาการพะอืดพะอมภายในเวลาไม่ถึงครึ่งนาที
"เตรียมอ่างเร็วเข้า คนไข้จะอ้วกแล้ว!"
แม้ว่าในใจหยูชิงจะรู้สึกประหลาดใจ แต่เธอก็มีท่าทางที่สงบเยือกเย็น
เมื่อเห็นว่าคนไข้มีอาการคลื่นไส้ถี่ขึ้น หลัวหยวนจึงออกแรงพลิกตัวผู้ป่วยเบา ๆ
มือซ้ายจับที่จุดสุ่ยเฟิน เอียงร่างกายส่วนบนลง กดมือขวาลงบนหลังของผู้ป่วย แล้วดันไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง
วับ!
หน้าอกของผู้ป่วยสั่นอย่างรุนแรง จากนั้นเขาก็อาเจียนออกมาไม่หยุด
"ล้างกระเพราะให้เขาหน่อย หลังจากที่ฟื้นแล้ว อย่าให้กินของมั่วซั่ว ทางที่ดีควรกินอาหารเบา ๆ เช่น พวกข้าวต้มลูกเดือย ผู้ป่วยจะมีอาการแปลก ๆ อาจจะเป็นอารมณ์ฉุนเฉียว ดังนั้นต้องดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด อย่าให้เกิดเหตุผิดพลาดเด็ดขาด"
เมื่อทำสำเร็จแล้ว หลัวหยวนก็ถอนหายใจออกมา และพูดกับพยาบาลที่อยู่ด้านข้างโดยไม่รู้ตัว
แน่นอน ว่าพยาบาลรู้ว่าหยูชิงเป็นใครมาจากไหน
และแน่นอนอีกว่า เธอรู้สถานะของหลัวหยวน ทำให้เธอไม่กล้าจะตอบรับ
ดังนั้น จึงอดไม่ได้ที่จะมองไปที่หยูชิง
หยูชิงเห็นแบบนี้ ก็หันไปส่งยิ้มให้กับพยาบาล: "ปกติแล้วผู้ป่วยที่แพ้ยาสูบจะมีโรคหลอดลมอักเสบตามมาด้วย ส่วนเรื่องใบสั่งยาในโรงพยาบาลในประเทศฉันไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไรค่ะ"
จริง ๆ แล้วหลัวหยวนก็พอรู้เรื่องนี้อยู่ แต่ตอนนี้สมองของเขาเต็มไปด้วยความคิดเกี่ยวกับแพทย์แผนจีนอยู่ ยาที่เรียกว่าพิษสามส่วน ใช้ไม่ได้ และเขาก็ไม่อยากใช้ยานี้กับผู้ป่วยด้วย
มิหนำซ้ำ ยาพวกนี้ต่างก็เป็นยาตะวันตก มีผลข้างเคียงมากกว่ายาจีนมาก สำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคชอบกินของแปลกแล้ว ก็ยิ่งอันตรายมากเป็นพิเศษ
แต่ว่า ในเมื่อหยูชิงพูดแบบนี้แล้ว เขายังต้องเห็นแก่หน้าคนอื่นด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็ได้ตัดสินใจ ยืมมือของหยูชิงรักษาผู้ป่วยโรคชอบกินของแปลกที่อยู่ตรงหน้านี้แล้วด้วย
ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็คงต้องยอมประนีประนอมไปก่อน
ไม่อย่างนั้น หากตัวเองยังปกป้องไม่ได้ แล้วจะมีหน้าไปช่วยชีวิตคนอื่นได้ยังไง?
เรื่องนี้ แม้แต่ผู้ที่มีอำนาจยิ่งใหญ่อย่างเหนียนชิงอวิ๋นก็หนีไม่พ้น
เห็นคนจะตายแต่ก็ไม่ช่วย เป็นหมอก็ไม่ควรมีความคิดเช่นนี้
แต่บางที ตัวเองก็สามารถปรับเปลี่ยนความคิดได้...
เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ สายตาของเขาเหลือบมองหยูชิงทั้งตั้งใจและไม่ได้ตั้งใจ
เขาพูดขึ้นว่า "รุ่นพี่หยูเป็นไอดอลของผมมาตลอด ความรู้และฝีมือทางการแพทย์ของเธอเหนือชั้นกว่าผมมาก แล้วเธอก็อ่านหนังสือมากมายหลายแขนง ในการศึกษาทางด้านโรคทางระบบประสาท ผมเชื่อว่าเธอเก่งที่สุดครับ"
ผู้อำนวยการฮวางได้แต่ถอนหายใจ ไม่ได้พูดอะไรออกมาสักคำ
ทว่าในตอนนี้หยูชิงกลับเปิดปากพูดขึ้น
เธอพูดอย่างงุนงงขึ้นว่า "รุ่นน้อง ชีวิตของนายก็ปกติดีนี่ ตอนเรียน คะแนนในเอกก็ไม่ได้แย่ ทำไมนายถึงยังเป็นแค่หมอฝึกหัดอยู่อีกล่ะ? หรือว่า มาตรฐานการประเมินของโรงพยาบาลแห่งแรกของเมืองตงไห่ของเราจะเข้มงวดมากเกินไป?"
ตอนที่หยูชิงพูด เธอก็เหลือบไปที่ผู้อำนวยการฮวางอย่างมีความนัยแอบแฝง
ผู้อำนวยการฮวางรู้ดีว่าคำพูดของหยูชิงแฝงอะไรบางอย่างไว้ เขาจึงเบนสายตามองที่หัวหน้าอู๋ตัวร้าย
เมื่อได้ยินสิ่งที่หยูชิงพูด คนที่แสดงท่าทีตื่นตระหนกที่สุดคือหัวหน้าอู๋
เมื่อเขารู้สึกว่าทุกคนกำลังจ้องมองมาที่เขา ใบหน้าของเขาก็ซีดเซียวลงทันที จากนั้นเขาก็ก้มศีรษะลงจนแทบจะมุดดินหนี
หลังจากที่หยูชิงกลับมาจากเรียนต่อต่างประเทศ แต่เดิมระบบการแพทย์ทั้งหมดของเมืองตงไห่ก็แข็งแกร่งมาก
ประกอบกับเขาที่รู้ภูมิหลังของครอบครัวที่แสนเลวร้ายที่เป็นเบื้องหลังหญิงสาวผู้เย่อหยิ่งคนนี้ เป็นไปไม่ได้ที่เป็นความโชคดีหรือความบังเอิญไปได้เลย
หลัวหยวนเหลือบมองหัวหน้าอู๋ที่นั่งอยู่ไม่สุขเหมือนหนูติดจั่น แล้วพูดเย้ยหยัน: "ผมเรียนไม่เก่ง ทำให้มหาลัยต้องเสียชื่อ แล้วก็ทำให้รุ่นพี่หยูต้องผิดหวังด้วย"
เห็นได้ชัดว่าหัวหน้าอู๋คิดไม่ถึงว่าหลัวหยวนจะตอบแบบนี้ เขาอดไม่ได้ที่จะเงยหน้าขึ้น แล้วมองเขาด้วยความประหลาดใจ
ไม่มีคนโง่ในที่แห่งนี้ จะมีก็แต่พวกหัวกะทิที่ฉลาดเป็นกรด พวกเขาจึงมองเรื่องที่ปิดบังออกได้เพียงพริบตาเดียว
ต้องรู้ไว้ว่า หยูชิงขึ้นชื่อว่าเป็นคนหยิ่งยโส ถ้าชายหนุ่มที่ชื่อหลัวหยวนคนนี้ไม่เก่งจริง แล้วทำไมเธอถึงพูดขึ้นมาเช่นนี้ในโอกาสนี้ล่ะ?
ดูท่า ความสัมพันธ์ของทั้งสองคนไม่ธรรมดาจริง ๆ
ขณะนั้นเอง เสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นทำลายบรรยากาศที่น่าอึดอัดในห้องประชุม
ผู้อำนวยการฮวางกดเปิดลำโพง
น้ำเสียงที่ดังออกมาจากปลายสายโทรศัพท์เจือด้วยความกังวล : "ผู้อำนวยการ ผู้ป่วยมาถึงแล้ว สถานการณ์ตอนนี้ค่อนข้างแย่เลยล่ะครับ"
"เอาล่ะ ส่งผู้ป่วยที่แผนกไอซียูก่อนเถอะ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี้"
หลังจากวางสาย ผู้อำนวยการฮวางก็ยืนขึ้นทันที พูดขอตัวกับทุกคน จากนั้นเขาก็กระซิบออกคำสั่งกับผู้ช่วยสองสามประโยค แล้วเตรียมออกจากห้องไปก่อน
เนื่องจากทุกคนไม่สามารถคิดแผนการรักษาที่เห็นผลได้ ดังนั้นเขาก็ไม่ได้รั้งให้พวกผู้เชี่ยวชาญอยู่ต่อไป เพราะยังไงเวลาของทุกคนต่างมีค่าทั้งสิ้น
หยูชิงพูดขึ้นว่า: "คุณลุงฮวาง ฉันว่างพอดี ให้ฉันจะไปดูกับคุณไหมคะ?"
"คุณเหรอ?"
ผู้อำนวยการฮวางถามขึ้นอย่างประหลาดใจ
เดิมทีก็คิดว่าในเมื่อทุกคนไม่มีวิธีรักษาที่เหมาะสม ก็ไม่จำเป็นที่ต้องอยู่กับตัวเองอีกต่อไป คาดไม่ถึงว่าหยูชิงจะเสนอตัวขึ้นมาเช่นนี้
"คุณลุงฮวางไม่ไว้ใจฉันเหรอคะ?" หยูชิงยิ้ม "ฉันไม่ได้แค่เรียนแพทย์ด้านจิตวิทยาคลินิกที่ฮาร์วาร์ดเท่านั้น แต่ยังได้ปริญญาเอกสาขาเภสัชกรรมด้วยนะคะ! ช่วงสองสามปีมานี้ ฉันไม่ได้อยู่เฉย ๆ นะคะ ถึงตอนนี้จะยังไม่มีวิธีรักษาที่ดีจริง ๆ แต่มันก็ไม่ได้เกี่ยวกับที่จะไปลองดูนี่คะ "
"ลงมือผ่าตัดมากกว่า 170 ครั้ง อัตราความสำเร็จอยู่ที่ 97%!" ผู้อำนวยการฮวางยิ้ม "ผมกลัวว่าคุณจะยุ่งเกินไป นี่จะไม่เป็นการรบกวนเวลาคุณใช่ไหม? คุณรู้ไหม ความหวังของอนาคตของแพทย์แผนจีนกว่าครึ่งประเทศอยู่ที่ตัวคุณแล้ว! ถ้าคุณมีเวลาจริง ๆ นั่นมันก็ดีมากเลย ตอนนี้ เราก็ทำได้แค่ทำตามโชคชะตาเท่านั้น "
หลัวหยวนได้ยินคำพูดนี้แล้ว ก็พูดอะไรไม่ออก
แน่นอนว่า สิ่งที่พูดกันบนอินเทอร์เน็ตนั้นไม่ผิดเพี้ยนไปเลย ที่บอกว่าดอกเตอร์สาวเป็นสิ่งที่มีชีวิตเพศที่สามนอกจากเพศชายและเพศหญิงแล้วน่ะ
ล่าสุดหลายคนเริ่มโจมตีว่าฮาร์วาร์ดไม่ดีอย่างนู้นไม่ดีอย่างนี้ แต่ถ้าดูจากรายงานทางสถิติแล้ว จะพบว่า ชื่อเสียงด้านวิชาการของฮาร์วาร์ดสูงถึงหนึ่งร้อย อีกทั้งการประเมินของนายจ้างก็ได้หนึ่งร้อยเช่นกัน และด้วยคะแนนรวม 93.7 นั้น ทำให้ฮาร์วาร์ดครองอันดับหนึ่งของโลก ส่วนเคมบริดจ์ที่เป็นอันดับสองมีเพียงคะแนนรวมน้อยกว่า 80 ด้วยซ้ำ
ดูจากสถิติเพียงอย่างเดียว ความยิ่งใหญ่ของฮาร์วาร์ดก็สามารถเอาชนะที่อื่น ๆ ได้อย่างขาดรอย
ซึ่งดูแค่ผลงานของหยูชิง ก็สามารถเห็นได้อย่างชัดเจนแล้ว
ขณะที่หลัวหยวนนิ่งอึ้งเมื่อได้ยินผลงานของหยูชิง ยัยตัวร้ายก็เดินเข้ามาอยู่ตรงหน้าเขาแล้ว
"รุ่นน้อง นายมาเป็นผู้ช่วยให้ฉันเถอะ ฉันรู้จักนายดีกว่าทุกคนที่นี่ แถมคนอื่นน่ะ ฉันไม่กล้าสั่งให้ทำนู่นนี่ด้วย" หยูชิงพูดด้วยรอยยิ้มหวาน ๆ
ตอนนี้ ขนาดหลัวหยวนก็ยังรู้สึกประหลาดใจ
จริง ๆ แล้วหยูชิงก็มีแผนอยู่ในใจอยู่แล้ว
ทางด้านของหัวหน้าอู๋ที่เดิมทีคิดจะเป็นฝ่ายขอเป็นผู้ช่วยก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาเก็บคำพูดกลืนลงท้องไป
หยูชิงมองแนวโน้มการพัฒนาตรงหน้า ตราบใดที่ไม่เกิดเหตุผิดพลาดขึ้น เธอจะต้องกลายเป็นหัวกะทิอันดับต้น ๆ ของกลุ่มคนระดับโลกในอนาคตอย่างแน่นอน
หากเป็นผู้ช่วยให้เธอ อนาคตก็ใช้ก็ประวัติการทำงานนี้ได้อีกด้วย
น้ำขึ้นเรือย่อมลอยสูงตาม
ในอนาคต รอตอนหยูชิงประสบความสำเร็จชื่อเสียง ตอนนั้นก็ต้องได้ผลพลอยได้มากมายไปด้วยอย่างแน่นอน
ที่จริงแล้ว แม้ว่าในตอนนี้ หยูชิงจะประสบความสำเร็จไม่มากนัก แต่ในหมู่วัยรุ่นเธอก็จัดว่าเป็นดาวรุ่งพุ่งแรง
น่าเสียดาย ที่เขาไม่ได้รับเกียรตินี้ด้วย เขาทำได้แค่มองหลัวหยวนด้วยความอิจฉา กำหมัดตัวเองแน่นโดยไม่รู้ตัว เล็บเกือบจะจิกลงไปในเนื้อจนมิด
ถูกหยูชิงเลือกให้เป็นผู้ช่วย เรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่อยู่ในใจของหลัวหยวนเลยก็ว่าได้ แน่นอนว่าเขาไม่มีเหตุผลที่จะปฏิเสธ
เขาตอบรับทันที ไม่ความลังเลใด ๆ อีกทั้งตบหน้าอกตัวเองเป็นการรับประกัน : "รุ่นพี่ต้องการใดอะไร ก็บอกผมได้เลยนะครับ รุ่นน้องคนนี้จะทำให้ดีที่สุด"
"หา? ผู้ชายขี้อายของพวกเรา กลายเป็นคนพูดจาไร้สาระไปตั้งแต่เมื่อไรเนี่ย! เอ้า รีบไปกันเถอะ!"
ทั้งคู่เดินออกจากห้องทำงานด้วยกัน หลังจากเข้าไปในลิฟต์แล้ว หยูชิงก็ไม่สนใจผู้อำนวยการฮวางที่รอฟังเรื่องราวรัก ๆ ใคร่ ๆ ของทั้งคู่ ทันใดนั้นเองเธอก็ถามขึ้นว่า "หลัวหยวน ฉันคิดไม่ถึงว่า หลายปีขนาดนี้ เรายังจะกลับมาเจอกันจนได้"
หลัวหยวนพยักหน้า และพูดอย่างปลง ๆ ว่า : "ก็แค่ตอนที่เจอกันอีกรอบ รุ่นพี่ก็กลายเป็นเป็นนักวิทยาศาสตร์การแพทย์ที่ดังในวงการนี้แล้ว"
"นักวิทยาศาสตร์การแพทย์…" หยูชิงหัวเราะเบา ๆ "นายชมฉันเกินไปแล้ว ฉันแค่โชคดี แล้วก็ประสบความสำเร็จนิดหน่อยเอง มันยังห่างไกล กับคำว่านักวิทยาศาสตร์การแพทย์อย่างที่นายพูดนะ"
หลัวหยวนได้แต่ยิ้มรับ แต่ไม่ได้พูดอะไรออกมา
สำหรับเขาแล้ว คนอัจฉริยะแบบหยูชิง ไม่ช้าก็เร็วก็ต้องกลายเป็นนักวิทยาศาสตร์การแพทย์อย่างแน่นอน
หากตัดเรื่องอื่นออกไป ตอนนี้ที่เธออยู่ในตำแหน่งผู้บริหารระดับสูงก็เป็นเครื่องพิสูจน์ที่อธิบายทุกอย่างออกมาได้แล้ว
หยูชิงพูดต่อ: "ถ้าเป็นคนอื่นกล้ามาเติมนักวิทยศาสตร์การแพทย์ข้างหน้าชื่อละก็ ฉันคงจะไม่ยกโทษให้เขาแน่ ๆ แต่ในฐานะที่นายเคยจีบฉันคนนี้มาก่อน ฉันอนุญาตให้นายเรียกอย่างนี้ก็แล้วกัน!"
เมื่อเห็นท่าทางหยอกล้อของหยูชิงแล้ว ทางด้านผู้อำนวยการฮวางก็แกล้งทำตัวเป็นมนุษย์ล่องหนหายไปจากวงสนทนา หลัวหยวนยิ้มอย่างขมขื่น และไม่กล้าพูดเรื่องไร้สาระอะไรออกมาอีก
ทั้งสามคนสวมเสื้อกาวน์สีขาว มุ่งตรงเข้าห้องไอซียู และเริ่มลงมือตรวจทันที
ในขณะนี้ ผู้ป่วยอยู่ในอาการโคม่าขั้นรุนแรง ตัวตรวจวัดทั้งหมดอยู่ในระดับต่ำมาก ไม่มีสัญญาณของการฟื้นคืนสติ
หยูชิงมองเพียงชั่วครู่ ก็ถามหลัวหยวนขึ้นว่า : "อาหารเป็นพิษเฉียบพลัน มีอาการแพ้ยาสูบ นายคิดว่าควรทำยังไง?"
หลัวหยวนอยากจะบอกว่าทำให้เขาอาเจียนก็พอแล้ว แต่ปากกลับไปพูดอีกอย่างหนึ่ง
"ล้างกระเพาะครับ!"
"คิก ๆ คิดไม่ถึงว่าไม่เจอกันปีกว่า นายกลายเป็นคนไม่ซื่อสัตย์แบบนี้ไปแล้ว เราก็ไม่ใช่คนนอกกันสักหน่อย นายไม่มีอะไรต้องปิดบัง ฉันได้ยินคุณลุงฮวางบอกว่า นายมีฝีมือเรื่องนวดแผนจีน แถมยังเก่งเรื่องฝังเข็มด้วย พอดีว่า ช่วงนี้ฉันกำลังเขียนวิทยานิพนธ์เกี่ยวกับแพทย์แผนจีนโบราณอยู่ กลับจีนมาครั้งนี้ หลัก ๆ ก็เพื่อมาเยี่ยมอาจารย์ทู่น่ะ"
ดวงตาของหลัวหยวนเบิกกว้างขึ้น เขาละล่ำละลักถามขึ้นว่า "นั่นคือรุ่นพี่ทู่ที่เพิ่งได้รับรางวัลโนเบลหรือเปล่าครับ?"
"นอกจากเธอแล้วจะมีใครอีกล่ะ!" หยูชิงยิ้ม "อ้อ นายไม่ได้เรียนแพทย์แผนปัจจุบันหรือไง ทำไมจู่ ๆ นายถึงก็เปลี่ยนมาเรียนแผนจีนล่ะ อย่างนี้ก็ไม่ได้สืบทอดครอบครัวต่อน่ะสิ! ถ้าอย่างนั้น นายก็หลอกฉันด้วยนี่! ตอนนั้น ฉันพูดอวดรู้ต่อหน้านายบ่อย ๆ นายก็มองว่าเป็นเรื่องตลกใช่ไหมเนี่ย!?"
หลัวหยวนยิ้มอย่างขมขื่น พูดเรื่องไร้สาระขึ้น: "ที่จริงแล้วผมเรียนกับนักบวชลัทธิเต๋า เขาขอให้ผมเก็บเป็นความลับก่อนเรียนจบ เพราะงั้น..."
"จริงเหรอ!? สุดยอดไปเลย" หยูชิงจ้องหลัวหยวนด้วยสายตาวาววับ
"จริงสิครับ เรื่องจริงแน่นอน!" หลัวหยวนสบตากับเธอนิ่ง ๆ
"เอาล่ะ ฉันเชื่อนายแล้ว ตอนนี้ เริ่มลงมือกันเถอะ! ฉันรู้ ไม่ว่าจะฝังเข็มหรือนวดแผนจีน นายก็กระตุ้นให้เขาอาเจียนได้ มีฝีมืออะไรก็งัดออกมาให้หมด อย่าคิดจะหลอกพี่สาวคนนี้เชียว!"
ขณะที่หยูชิงพูด เธอก็จงใจยกกำปั้นขึ้นเป็นการข่มขู่
ในเมื่อเทพธิดาพูดอย่างนี้แล้ว หลัวหยวนก็ไม่กล้าที่จะปิดปังอะไรอีก
พูดตามตรง ต่อหน้าหยูชิงแล้ว หลัวหยวนไม่คิดว่าลมปราณของฉีโป๋ที่เขาได้เรียนรู้เพียงครึ่งเดียวของเขาจะน่าทึ่งอะไร
ตอนนี้เขาไม่ได้ซ่อนทักษะนี้อีกต่อไป นิ้วโป้งซ้ายค่อย ๆ กดลงเบา ๆ ที่จุดเหลียนเฉวียนบริเวณลำคอ แล้วกางฝ่ามือขวาออก กดเบา ๆ ที่จุดเสินเชวี่ยของผู้ป่วย
ฮึ่ม!
เมื่อจิตเริ่มเคลื่อนไหว เจินชี่ในจุดฉีไห่เสินกงก็พลุ่งพล่าน พลันทะลุผ่านจุดตันเถียน ผ่านช่องทางเส้นลมปราณพิเศษทั้งแปด และรวมตัวกันอย่างรวดเร็วบนฝ่ามือ
แรงนั้นทั้งเบาทั้งหนัก ดันให้ลมปราณไปที่จุดกวานหยวน จากนั้นใช้ฝีมือและเจินชี่เพื่อเพิ่มแรงหนักเบาให้เกิดขึ้นขณะเดียวกัน แล้วดันไปยังจุดสุ่ยเฟิน
ประกอบกับการกระตุ้นจุดเหลียนเฉวียนด้วยมือซ้ายอย่างต่อเนื่อง การกระตุ้นหมุนเวียนไปมา ก็ทำให้ผู้ป่วยที่หมดสติในตอนแรกเริ่มมีอาการพะอืดพะอมภายในเวลาไม่ถึงครึ่งนาที
"เตรียมอ่างเร็วเข้า คนไข้จะอ้วกแล้ว!"
แม้ว่าในใจหยูชิงจะรู้สึกประหลาดใจ แต่เธอก็มีท่าทางที่สงบเยือกเย็น
เมื่อเห็นว่าคนไข้มีอาการคลื่นไส้ถี่ขึ้น หลัวหยวนจึงออกแรงพลิกตัวผู้ป่วยเบา ๆ
มือซ้ายจับที่จุดสุ่ยเฟิน เอียงร่างกายส่วนบนลง กดมือขวาลงบนหลังของผู้ป่วย แล้วดันไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่อง
วับ!
หน้าอกของผู้ป่วยสั่นอย่างรุนแรง จากนั้นเขาก็อาเจียนออกมาไม่หยุด
"ล้างกระเพราะให้เขาหน่อย หลังจากที่ฟื้นแล้ว อย่าให้กินของมั่วซั่ว ทางที่ดีควรกินอาหารเบา ๆ เช่น พวกข้าวต้มลูกเดือย ผู้ป่วยจะมีอาการแปลก ๆ อาจจะเป็นอารมณ์ฉุนเฉียว ดังนั้นต้องดูแลผู้ป่วยอย่างใกล้ชิด อย่าให้เกิดเหตุผิดพลาดเด็ดขาด"
เมื่อทำสำเร็จแล้ว หลัวหยวนก็ถอนหายใจออกมา และพูดกับพยาบาลที่อยู่ด้านข้างโดยไม่รู้ตัว
แน่นอน ว่าพยาบาลรู้ว่าหยูชิงเป็นใครมาจากไหน
และแน่นอนอีกว่า เธอรู้สถานะของหลัวหยวน ทำให้เธอไม่กล้าจะตอบรับ
ดังนั้น จึงอดไม่ได้ที่จะมองไปที่หยูชิง
หยูชิงเห็นแบบนี้ ก็หันไปส่งยิ้มให้กับพยาบาล: "ปกติแล้วผู้ป่วยที่แพ้ยาสูบจะมีโรคหลอดลมอักเสบตามมาด้วย ส่วนเรื่องใบสั่งยาในโรงพยาบาลในประเทศฉันไม่ค่อยเข้าใจสักเท่าไรค่ะ"
จริง ๆ แล้วหลัวหยวนก็พอรู้เรื่องนี้อยู่ แต่ตอนนี้สมองของเขาเต็มไปด้วยความคิดเกี่ยวกับแพทย์แผนจีนอยู่ ยาที่เรียกว่าพิษสามส่วน ใช้ไม่ได้ และเขาก็ไม่อยากใช้ยานี้กับผู้ป่วยด้วย
มิหนำซ้ำ ยาพวกนี้ต่างก็เป็นยาตะวันตก มีผลข้างเคียงมากกว่ายาจีนมาก สำหรับผู้ป่วยที่เป็นโรคชอบกินของแปลกแล้ว ก็ยิ่งอันตรายมากเป็นพิเศษ
แต่ว่า ในเมื่อหยูชิงพูดแบบนี้แล้ว เขายังต้องเห็นแก่หน้าคนอื่นด้วย
ยิ่งไปกว่านั้น เขาก็ได้ตัดสินใจ ยืมมือของหยูชิงรักษาผู้ป่วยโรคชอบกินของแปลกที่อยู่ตรงหน้านี้แล้วด้วย
ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็คงต้องยอมประนีประนอมไปก่อน
HELLOTOOL SDN BHD © 2020 www.webreadapp.com All rights reserved